เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๖๕

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๖๕

​

 

วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๑๙ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ กระผม/อาตมภาพได้วิ่งไปที่วัดกาญจนบุรีเก่าตั้งแต่เช้ามืด เพื่อพิจารณาผ้าไตรบังสุกุล เนื่องในงานทำบุญวันคล้ายวันเกิดพระเดชพระคุณพระราชรัตนวิมล (พยุง ฐิตสีโล ป.ธ.๔) อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งท่านได้มรณภาพไปแล้วก่อนวันเกิด แต่ว่าคณะลูกศิษย์ก็ยังคงจัดวันเกิดให้ไปตามปกติ

เมื่อพิจารณาผ้าไตรบังสุกุลเรียบร้อยแล้ว ก็ได้กราบลากายสังขารของพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชรัตนวิมล แล้ววิ่งตรงไปยังวัดมะลังกา หมู่ที่ ๘ ตำบลหนองปลิง อำเภอเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อเข้าร่วมงานอบรมพระนวกะของคณะสงฆ์อำเภอเลาขวัญ ซึ่งมีพระครูสิริกาญจโนภาส (สมบุญ ป.ธ.๕) เป็นเจ้าคณะอำเภอ

ในงานวันนี้ กระผม/อาตมภาพได้บรรยายถวายความรู้แก่พระนวกะ โดยที่ย้ำเตือนแก่ทุกท่านว่า พระใหม่ของเรา อันดับแรกเลยต้องมีสมณสัญญา คือความรู้สึกว่าเราเป็นพระอยู่เสมอ จะได้ไม่เผลอไม่พลาดไปทำความผิด โดยมีคำพิจารณาว่า "บัดนี้เรามีเพศต่างจากคฤหัสถ์แล้ว อาการกริยาใด ๆ ของสมณะ เราต้องทำอาการกริยานั้น ๆ"

ถ้าหากว่าเป็นพระใหม่ที่เพิ่งจะบวชเป็นครั้งแรกแล้วอยู่เข้าพรรษาในปีนี้ การทำผิดทำพลาด ถ้าไม่ใช่อาบัติหนักก็ยังพอให้อภัย เพราะว่าความเป็นปุถุชนยังมีอยู่มาก แม้แต่ตัวกระผม/อาตมภาพเอง กว่าที่จะมีความเป็นพระเข้ามาจับอยู่ใน กาย วาจา ใจ ทำอะไรก็พอที่จะระลึกได้ว่าตอนนี้เราเป็นพระภิกษุอยู่ ก็ต้องเข้าไปถึงพรรษาที่ ๓ แล้ว

ข้อที่ ๒ ก็คือ พระใหม่ทุกรูปต้องมีสมณสารูป ก็คือ กาย วาจา ใจ ของตนนั้นต้องเป็นไปตามเสขิยวัตร คือแบบอย่างที่ต้องประพฤติปฏิบัติทั้ง ๗๕ ข้อ ซึ่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบัญญัติเสขิยวัตรขึ้นมา จากกริยาอาการต่าง ๆ ที่บรรดาเจ้าชายในราชตระกูลศากยะได้ประพฤติปฏิบัติ จนกระทั่งเป็นแบบอย่างแก่ผู้อื่น ทำให้เห็นถึงความเรียบร้อยสง่างามต่าง ๆ ที่บรรดาเจ้าชายจักพึงมี แล้วองค์สมเด็จพระชินสีห์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าก็นำมาประยุกต์ จนกระทั่งกลายเป็นเสขิยวัตรทั้ง ๗๕ ข้อ

ถ้าเราประพฤติปฏิบัติได้ เราก็จะมีเปลือกนอกที่สวยงาม ญาติโยมเห็นแล้วก็เกิดศรัทธาเลื่อมใส แต่ว่าถ้าเรายังมีแค่สมณสารูป ความดีก็ยังมีน้อยเกินไป

ดังนั้น...พระใหม่จึงต้องมีข้อที่ ๓ คือสมณธรรม เราต้องปฏิบัติ กาย วาจา ใจ ของเราให้อยู่ในไตรสิกขา คือ ศีล สมาธิและปัญญา เพื่อที่เราท่านทั้งหลายจะได้ดีทั้งนอกและดีทั้งใน ถ้าหากว่าสามารถดำรงสมณเพศต่อไป ท่านก็จะได้เป็นกำลังใหญ่ในพระพุทธศาสนา ถ้าหากว่าท่านสึกหาลาเพศออกไป การประพฤติปฏิบัติที่ดีทั้งนอกดีทั้งในเหล่านี้ ก็จะทำให้ท่านสามารถดำเนินชีวิตได้ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม

 

เมื่อเสร็จจากการบรรยายถวายความรู้แก่พระนวกะแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ได้ขอลาเพื่อวิ่งมายังวัดป่าเลไลยก์วรวิหาร ตำบลรั้วใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อเข้าร่วมงานทอดผ้าป่าสร้างอาคารเรียนรวม ของวิทยาลัยสงฆ์สุพรรณบุรีศรีสุวรรณภูมิ

กระผม/อาตมภาพได้รับปากกับท่านพระครูวิบูลเจติยานุรักษ์ (ประไพ ปุญฺญกาโม ป.ธ.๓) เจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรี ผู้อำนวยการวิทยาลัยสงฆ์สุพรรณบุรีศรีสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นทั้งเพื่อนกัน เป็นทั้งพระสังฆาธิการในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค ๑๔ ด้วยกัน และเป็นทั้งครูบาอาจารย์และผู้บริหารวิทยาลัยสงฆ์เช่นกัน ว่าจะนำเงินมาถวายท่านในงานนี้ ๑ ล้านบาท ซึ่งได้บอกบุญไปแล้วในเว็บไซต์วัดท่าขนุน และญาติโยมทั้งหลายก็ได้ช่วยกันทำบุญมา

เมื่อได้มอบปัจจัยให้เรียบร้อยแล้ว ทางด้าน DDTV ซึ่งเป็นช่องโทรทัศน์เกี่ยวกับเรื่องของธรรมะและพระพุทธศาสนาก็ได้มาสัมภาษณ์ว่า เหตุได้จึงได้ศรัทธาเป็นเจ้าภาพถวายปัจจัยทีละมาก ๆ ไม่ว่าจะที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งกระผม/อาตมภาพได้เป็นเจ้าภาพสร้างห้องประชุมของคณะสังคมศาสตร์เป็นเงินจำนวน ๑ ล้าน ๕ แสนบาท สร้างห้องปฏิบัติธรรมของคณะสังคมศาสตร์เป็นเงินจำนวน ๑ ล้าน ๒ แสนบาท ถวายเงินเพื่อจ้างบุคลากรประจำสถาบันวิปัสสนาธุระทุกเดือน เป็นต้น

ทางด้านวิทยาลัยสงฆ์พุทธปัญญาศรีทวารวดี กระผม/อาตมภาพก็ได้สร้างห้องประชุมอเนกประสงค์ให้แก่ทางวิทยาลัยสงฆ์ สร้างหลังคาคลุมระหว่างอาคารหอพัก เพื่อที่นิสิตจะได้ไม่ต้องตากแดด เปียกฝน เป็นต้น ตลอดจนกระทั่งวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีศรีไพบูลย์ ที่กระผม/อาตมภาพได้เป็นประธานโครงการจัดหาทุนเพื่อสร้างวิทยาลัยสงฆ์ จึงได้ตอบเขาไปว่า

"ในเรื่องของการศึกษาทางคณะสงฆ์นั้นเป็นเรื่องที่สำคัญยิ่ง พระภิกษุสามเณรของเรานั้น มีส่วนหนึ่งซึ่งบวชเข้ามาเพื่อที่จะได้มีโอกาสทางการศึกษา ถ้าหากว่าเราไม่ช่วยสนับสนุน เขาก็จะขาดโอกาสอันนี้ เมื่อเราสนับสนุนไปแล้ว เขามีโอกาสได้รับการศึกษาในระดับที่สูงขึ้นไป ถ้าหากว่าอยู่เป็นพระภิกษุสามเณร ก็จะได้ช่วยเผยแผ่พระพุทธศานาอย่างมีประสิทธิภาพ ถ้าหากว่าสึกหาลาเพศออกไปก็จะได้มีปริญญาบัตร เป็นเครื่องยืนยันความรู้ความสามารถ นำไปสมัครงาน สามารถที่จะสร้างความเจริญให้กับท้องถิ่น หรือว่าประเทศชาติได้เป็นอย่างมาก นี่เป็นประการหนึ่ง"

 

"อีกประการหนึ่งก็คือ พระพุทธศาสนาของเรา ไม่ใช่เรื่องของตัวคนเดียว แต่ว่าเป็นเรื่องของคณะสงฆ์ไทยทั้งหมด ผู้ใดที่สามารถยืนหยัดได้มั่นคงเข้มแข็งแล้ว ก็ควรที่จะช่วยประคับประคองผู้อื่นไปด้วย

ทุกวันนี้ถ้าเราว่าเราเอาแต่ตัวรอดคนเดียว เมื่อมองกลับมา อาจจะไม่มีใครเหลืออยู่รอบข้างเลย แต่ถ้าหากว่าเราประคับประคอง ช่วยเหลือผู้อื่นด้วย เมื่อถึงเวลามองไปทางด้านไหน ก็จะเกิดความอบอุ่นใจในความรักใคร่สามัคคี มีแต่บุคคลคอยสนับสนุน คอยติดตาม คอยช่วยเหลือ

อีกประการหนึ่งก็คือว่าในฐานะของเจ้าคณะปกครอง เราควรที่จะสนับสนุนการศึกษา เพราะว่าเป็นภาระหน้าที่เฉพาะตน เนื่องจากว่าภาระของพระสังฆาธิการฝ่ายปกครองนั้น ทางด้านมหาเถรสมาคมได้กำหนดเอาไว้ ๖ ประการด้วยกัน คือ
๑) ด้านการปกครอง
๒) ด้านการศาสนศึกษา
๓) ด้านการเผยแผ่
๔) ด้านการสาธารณูปการ
๕) ด้านการศึกษาสงเคราะห์
๖) ด้านการสาธารณสงเคราะห์

ด้านการศาสนศึกษานั้น ถ้าเราไม่สนับสนุน การที่จะเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้เป็นไปด้วยดีก็ย่อมจะเป็นไปไม่ได้ ในขณะเดียวกัน ถ้าหากว่าในด้านของการศึกษาสงเคราะห์ ก็เท่ากับว่าเราได้ทำหน้าที่ของพระสังฆาธิการ ตามมติของมหาเถรสมาคมโดยครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว

ดังนั้น...ไม่ว่าจะกล่าวในด้านใดด้านหนึ่ง ตลอดจนกระทั่งความสัมพันธ์ส่วนตัวก็ตาม การสนับสนุนวิทยาลัยสงฆ์สุพรรณบุรีศรีสุวรรรภูมิ ก็เป็นเรื่องที่ควรจะต้องกระทำทั้งสิ้น"

 

"โดยเฉพาะญาติโยมทั้งหลายจะได้กระทำในส่วนของวิหารทานและธรรมทาน ที่เป็นบุญใหญ่ยิ่งในพระพุทธศาสนา เมื่อตัวเราเป็นเนื้อนาบุญที่ญาติโยมให้ความเชื่อถือศรัทธา สามารถที่จะเป็นสะพานบุญส่งผ่านมายังวิทยาลัยสงฆ์สุพรรณบุรีศรีสุวรรรภูมิ ก็เป็นเรื่องที่เราควรที่จะกระทำอย่างเต็มที่"

เมื่อได้รับทราบเหตุผลทั้งหลายเหล่านี้ไป ก็คาดว่าญาติโยมทั้งหลาย ตลอดจนกระทั่งเพื่อนพระสังฆาธิการก็ดี พระภิกษุสามเณรทั้งหลายที่ฟังอยู่ก็ตาม คงจะได้เข้าใจว่าเหตุใดกระผม/อาตมภาพจึงไม่ค่อยจะได้ใช้เงินเพื่อบำรุงบำเรอความสุขของตนเอง หากแต่ใช้ไปในส่วนของกองบุญการกุศล

เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าในวันที่บวชนั้น กระผม/อาตมภาพโดนพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง บังคับให้ปฏิญาณตนต่อหน้าพระว่า "ข้าพเจ้าจะรับเงินและทอง หรือสิ่งของใช้แทนเงินทองที่ผู้มีจิตศรัทธาถวาย แต่จะไม่เก็บเอาไว้ใช้เป็นการส่วนตัว หากแต่จะผลักเข้าร่วมในกองบุญการกุศล เพื่อเพิ่มอานิสงส์ให้แก่ผู้ถวาย"

ดังนั้น...ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องส่วนตัว ในเรื่องส่วนรวม หรือว่าในเรื่องของหน้าที่การงานตามที่ได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชา สิ่งที่ตนเองได้กระทำในครั้งนี้ ก็ถือว่าช่วยกันสร้างเนื้อนาบุญให้เกิดแก่ญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลาย เพื่อที่ท่านทั้งหลายจะได้นำเสบียงบุญในครั้งนี้ เดินทางข้ามวัฏสงสารโดยที่ไม่ยากลำบากนัก เพราะเท่ากับว่าเป็นบุคคลที่มีความพร้อมอยู่ทุกประการ เมื่อเป็นเช่นนั้น ท่านทั้งหลายก็จะมีแต่ความสุขความเจริญ ตามบุญกุศลที่ท่านทั้งหลายได้ประกอบขึ้นมา

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันศุกร์ที่ ๑๙ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)