เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๕

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 15 สิงหาคม 2022.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,663
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,551
    ค่าพลัง:
    +26,390
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๕


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,663
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,551
    ค่าพลัง:
    +26,390
    วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๑๕ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ ตั้งแต่ช่วงเช้ากระผม/อาตมภาพก็ได้ทำการบวงสรวงบูชาพระรัตนตรัย และปลุกเสกวัตถุมงคลให้กับพระครูวิโรจน์กาญจนเขต, ดร. เจ้าอาวาสวัดอุทยาน

    คราวนี้ในการปลุกเสกนั้น ท่านขอให้ช่วยจารแผ่นชนวนเพื่อที่จะหล่อพระพุทธรูปด้วย ทำให้กระผม/อาตมภาพนึกขึ้นมาได้ว่า สมัยที่อยู่กับพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ ที่วัดท่าซุงนั้น เรื่องพวกนี้แทบจะไม่มีใครเอาเลย จะมีเป็นหลักอยู่ก็คือหลวงพี่ไพบูลย์ คุณวิปุโล ซึ่งเป็นพระระดับครูบาอาจารย์ของกระผม/อาตมภาพเอง อีกท่านหนึ่งก็คือหลวงพี่สามารถ ฐานิสฺสโร หรือว่าภายหลังสึกหาลาเพศออกไป กลายเป็นนายสามารถ สุขสาธุไปแล้ว

    กระผม/อาตมภาพเองเพียรพยายามในการเขียนอักขระเลขยันต์ต่าง ๆ แล้วนำไปให้หลวงพี่ไพบูลย์ท่านช่วยตรวจดู ว่ามีอะไรผิดเพี้ยนผิดพลาดบ้าง จะได้แก้ไขให้ถูกต้อง ดังนั้น..ในระยะแรกของการเขียนอักขระเลขยันต์เป็นภาษาขอมนั้น ถ้ามีอะไรผิดพลาด กระผม/อาตมภาพขอยกให้เป็นผลงานของหลวงพี่ไพบูลย์ จั่นแจ่ม หรือว่าหลวงพี่ไพบูลย์ คุณวิปุโล ซึ่งท่านได้เมตตาช่วยตรวจช่วยทานแล้ว ตัวเราที่เป็นนักเรียนย่อมไม่รู้ว่าผิดหรือถูก ก็ต้องเชื่อตามครูบาอาจารย์อย่างเดียว

    ภายหลังเมื่อได้ร่วมงานในการสร้างพระวิสุทธิเทพ (พิมพ์หนา) กับทางด้านหลวงพี่สามารถ ฐานิสฺสโร เจ้าคุณหลวงตาพระราชภาวนาพัชรญาณ วิ. หรือว่าหลวงตาวัชรชัย ตลอดจนกระทั่งหลวงพี่สมปอง (พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ สมปอง สุธมฺมสนฺตจิตฺโต) และพระน้องอีกหลายรูป ก็ได้ศึกษาเรื่องของเลขยันต์และการทำผงวิเศษต่าง ๆ เพิ่มเติมขึ้นมาอีกหลายอย่าง

    จนกระทั่งภายหลังได้ไปเฝ้าไข้หลวงปู่มหาอำพัน หรือท่านเจ้าคุณพระภาวนาปัญญาวิสุทธิ์ (อำพัน อาภรโณ บุญ-หลง) แห่งวัดเทพศิรินทราวาส ก็โดนท่านบังคับให้เรียนอักขระขอมหลักสูตรเร่งรัด โดยที่ท่านเพียรพยายามถ่ายทอดวิชาการหลายอย่างให้ เพราะเกรงว่าท่านจะมรณภาพเสียก่อนที่กระผม/อาตมภาพจะเรียนสำเร็จ

    แต่กระผม/อาตมภาพก็เกรงเช่นกันว่า ถ้าท่านถ่ายทอดหมดแล้วก็จะไปเลย จึงพยายาม "กั๊ก" บางวิชาเอาไว้ ยังไม่ขอศึกษา อย่างเช่นวิชาการสับกระดานรักษาโรค เป็นต้น แต่ปรากฏว่าสังขารร่างกายของหลวงปู่มหาอำพันท่านไม่อำนวย ในที่สุดแม้ว่าท่านยังถ่ายทอดวิชาให้ไม่ครบถ้วน ก็มรณภาพอยู่ดี..!
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,663
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,551
    ค่าพลัง:
    +26,390
    คราวนี้บรรดาพระพี่พระน้องต่าง ๆ นั้น ส่วนใหญ่แล้วท่านเอาแต่ภาวนา หรือเอาแต่ทำงานในหน้าที่รับผิดชอบของตน ไม่ได้สนใจในเรื่องของคาถาอาคม อักขระเลขยันต์ต่าง ๆ ทั้ง ๆ ที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ ผู้เป็นครูบาอาจารย์นั้น ท่านศึกษาเอาไว้ชนิดท่วมหัว แต่ว่าบุคคลที่รับได้มากจริง ๆ ก็มีหลวงพี่ไพบูลย์ กับกระผม/อาตมภาพนี้เท่านั้น เมื่อพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านมรณภาพ ได้มีผู้มีขอยืมตำราที่กระผม/อาตมภาพจดจารความรู้บางอย่างเอาไว้ แล้วสมุดบันทึกเล่มนั้นก็หายไปกับสายลม..! ไม่ได้คืนมาจนทุกวันนี้

    เมื่อต้องมาจารแผ่นชนวนก็ดี จารสิ่งต่าง ๆ ก็ตาม ก็ล้วนแล้วแต่เป็นความรู้ที่ครูบาอาจารย์เมตตาสั่งสอนมา จากท่านโน้นบ้าง ท่านนี้บ้าง นับเป็นสิบ ๆ อาจารย์ด้วยกัน ไม่ได้ปักมั่นอยู่กับครูบาอาจารย์รูปใดรูปหนึ่ง โดยถือเอาตามที่ครูบาอาจารย์ท่านสอนว่า "ศิษย์มีครูเหมือนกับงูมีพิษ ถ้าเป็นศิษย์สารพัดครู ก็จะเป็นงูสารพัดพิษ" ในเมื่อเป็นเช่นนั้น กระผม/อาตมภาพจึงพยายามศึกษาวิชาการต่าง ๆ ให้มากที่สุดตามที่โอกาสจะอำนวยให้

    จนกระทั่งในปัจจุบันนี้ มั่นใจว่าถ้าในสายหลวงพ่อวัดท่าซุงด้วยกันแล้ว ในเรื่องของเวทมนตร์คาถา อักขระเลขยันต์ กระผม/อาตมภาพมีแต่มากกว่าคนอื่นเขา ไม่มีน้อยกว่า บางอย่างเช่นฤกษ์พรหมประสิทธิ์ แต่ละท่านก็ยินดีและพอใจตามที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเมตตาบอกให้ แต่ท่านบอกมาไม่ครบ กระผม/อาตมภาพก็ไปค้นคว้า กว่าที่จะได้มาครบก็กินเวลานานมาก แถมในระยะแรกยังโดนต่อต้านอีกต่างหากว่าไม่ใช่สิ่งที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงสอนไว้

    ภายหลังเมื่อเห็นกระผม/อาตมภาพนำไปใช้แล้วได้ผลดีจริง ๆ ถึงได้ค่อย ๆ ยอมรับ แล้วภายหลังก็ใช้วิธีลัด ก็คือพอทางวัดท่าขนุนออกฤกษ์พรหมประสิทธิ์ก็มีการ "ก็อปปี้" เอาไปใช้ต่อเลย โดยไม่ต้องเสียเวลาหาเอง เป็นต้น

    เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ก่อนหน้านั้นอาจจะจริงอย่างที่บรรดาศิษย์พี่ศิษย์น้องเขากล่าวไว้ ก็คือพอเป็นแล้วเหนื่อย แต่ว่าในเมื่อเราศึกษาเรียนรู้มาแล้ว บางอย่างก็สามาถใช้งานจริง คือแก้ไขอุปสรรคต่าง ๆ ในหน้าที่การงาน ในชีวิตประจำวันของเราเองได้
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,663
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,551
    ค่าพลัง:
    +26,390
    บางสิ่งบางอย่างก็ช่วยทำให้งานคณะสงฆ์ง่ายขึ้น อย่างเช่นว่าต้องการจะจัดหาทุนสร้างวิทยาลัยสงฆ์สักแห่งหนึ่ง ก็ออกวัตถุมงคลมา ๑ ชุด เป็นต้น ถ้าเป็นสมัยก่อนก็คงต้องดิ้นรนไปเที่ยวไล่ถามหาญาติโยมว่าท่านใดจะเต็มใจเป็นเจ้าภาพบ้าง แต่ว่ามาระยะหลังนี้ ไม่ต้องเสียเวลาไปถามใคร เพราะว่าสามารถที่จะออกวัตถุมงคล ระบุวัตถุประสงค์ไปเลยว่าเราจะทำอะไร

    คราวนี้ในการบวงสรวงพุทธาภิเษกครั้งนี้ ก็มีส่วนหนึ่งที่อยากจะกล่าวถึงคือว่า ครูบาอาจารย์ที่ท่านมาสงเคราะห์ตามลำดับนั้น ยังมีอดีตเจ้าอาวาส คือหลวงปู่เพิ่ม เรือทองเศรษฐีมาด้วย ซึ่งหลวงปู่เพิ่ม อดีตเจ้าอาวาสวัดอุทยานนั้น ท่านเป็นครูบาอาจารย์รุ่นราวคราวเดียวกับหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค

    หลวงปู่เพิ่มท่านพายเรือออกบิณฑบาตเป็นประจำ บุคคลใดอยากจะมีโชคดี ก็ขออนุญาตปิดทองที่หัวเรือของหลวงปู่ แล้วอธิษฐานขอโชคขอลาภ ขอให้ค้าขายดี ปรากฏว่าทุกคนประสบความสำเร็จอย่างที่ต้องการ ในเมื่อเป็นเช่นนั้น จึงมีผู้นิยมปิดทองมากขึ้น ๆ จนกระทั่งหลวงปู่เพิ่มท่านได้ฉายาโดยอัตโนมัติว่า "เรือทองเศรษฐี" ขอยืนยันว่าฉายาของหลวงปู่เพิ่ม วัดอุทยาน คือ เรือทองเศรษฐี

    ส่วนที่พรรคพวกเพื่อนฝูงของกระผม/อาตมภาพ คือท่านเจ้าคุณทินน์ (พระโสภณพัฒนคุณ) เจ้าอาวาสวัดพุน้อย เจ้าคณะอำเภอหนองม่วง จังหวัดลพบุรีนั้น ท่านไปได้ตอตะเคียนสำคัญมา ซึ่งนางไม้ประจำตอตะเคียนหรือท่อนตะเคียนนั้น ต้องการที่จะสร้างบารมี เพื่อความสุขในภพภูมิของตอนให้มั่นคงยิ่งขึ้น จึงบอกให้เจ้าคุณทินน์ท่านนำเอาชิ้นส่วนของตอตะเคียน หรือท่อนตะเคียนมาทำเป็นเรือเล็ก ๆ แล้วท่านก็มาเสกให้ ผู้ใดบูชาไปก็ทำมาหากินคล่องตัว จนท่านได้รับฉายาว่า "เศรษฐีเรือทอง"

    ดังนั้น..ในเรื่องของ "เรือทองเศรษฐี" และ "เศรษฐีเรือทอง" จึงเป็นเรื่องของพระเกจิอาจารย์ ๒ ยุคสมัย เรือทองเศรษฐีคือของหลวงปู่เพิ่ม วัดอุทยาน ซึ่งท่านจะมีคาถาประจำตัวว่า "นะสีเล สีเลนะ นะสำเร็จ" ถ้าใครนำไปภาวนา ก็จะทำมาหากินคล่องตัวได้อย่างใจนึก
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,663
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,551
    ค่าพลัง:
    +26,390
    ส่วนของท่านเจ้าคุณทินน์นั้นคือเศรษฐีเรือทอง ในแต่ละปีจะต้องไปไหว้ครู เพื่อนำเอาเรือลำเล็ก ๆ ที่บูชาไว้นั้นไปเพิ่มพลัง ในลักษณะที่เรียกว่า "อัพเกรดกันใหม่" ถ้าหากว่าเด็กสมัยใหม่ได้ยินก็คงจะหัวเราะ แต่ความจริงแล้ว เป็นแค่อุบายที่จะนำคนเข้าวัดของท่านเจ้าคุณทินน์เท่านั้นเอง

    นอกจากหลวงปู่เพิ่ม เศรษฐีเรือทองซึ่งมาอนุเคราะห์สงเคราะห์ในงานแล้ว หลวงปู่ศรี หรือพระครูนนทมงคลวิศิษฐ์ (ศรี โอภาโส) อดีตเจ้าอาวาสรูปก่อนก็โผล่มาแวบหนึ่ง ท่านบอกว่า "หลวงปู่เพิ่มอยู่แล้ว ผมไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่" กราบกรานทักทายกันเสร็จท่านก็ไปเลย ซึ่งกระผม/อาตมภาพถือว่า ถ้ามาในลักษณะนี้แล้ว ก็นับเป็นอดีตเจ้าอาวาสที่อู้งานชัด ๆ แต่ถ้าหากว่าไป "แซว" กันก็ได้แต่หัวเราะเฮฮากันเท่านั้น เพราะว่าโดยมารยาทแล้ว ถ้าหากว่าครูบาอาจารย์ที่เหนือกว่ามาถึง เราก็จำเป็นที่จะต้องหลบ

    อย่างเช่น ถ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จมา พระอรหันต์ที่อยู่ในพิธีกรรมต่าง ๆ ก็จะมอบสถานที่ถวายให้แก่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วท่านทั้งหลายก็ถอยออกจากพิธีกรรมไป หรือว่าพระอรหันต์องค์ใดองค์หนึ่งมาถึงในพิธีกรรม บรรดาพรหมเทวดาต่าง ๆ ก็มอบสถานที่ให้ แล้วตนก็ถอยออกไป เหล่านี้เป็นต้น ต้องเรียกว่าเป็นมารยาทในการประพฤติปฏิบัติของอีกโลกหนึ่ง ซึ่งไม่ได้ใกล้เคียงกับโลกของเรา

    เนื่องเพราะว่าบางทีเราก็จะเห็นว่าบางท่านที่มานั้นไม่ใช่พระอรหันต์ แต่ว่าพระอรหันต์กลับออกจากพิธีกรรม มอบให้ท่านนั้นทำหน้าที่แทน ปรากฏว่าท่านที่มานั้น เป็นพระโพธิสัตว์ใหญ่ บารมีมาก ใกล้จะสำเร็จเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ซึ่งพระอรหันต์ทั้งหลายเคารพในความเป็นอนาคตพระพุทธเจ้าของท่าน ก็ต้องมอบเวรประเคนสถานที่ ถวายภาระให้แก่ท่านไปดำเนินการแทน เป็นต้น เรื่องพวกนี้โดยปกติแล้วก็ไม่มีใครมาพูด มาบอก มากล่าวกัน

    อีกส่วนหนึ่งก็คือ ตอนที่กระผม/อาตมภาพทำการบวงสรวงบูชาพระรัตนตรัย ก็จะมีการขึ้นบทที่เรียกว่า "ชุมนุมเทวดา" ปรากฏว่าหลายท่านที่ได้ทิพจักขุญาณก็เล็งดูว่าเทวดาองค์ไหนที่มาบ้าง ? แต่เนื่องจากว่าตั้งกำลังใจต่ำเกินไป จึงทำให้เห็นไม่ชัดเจน แล้วขาดความมั่นใจ เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าแค่ท้าวจาตุมหาราชทั้ง ๔ ท่านก็เป็นพระอริยเจ้ากันหมดแล้ว สิ่งที่ท่านเคารพที่สุดก็คือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและคุณพระรัตนตรัย

    ดังนั้น...ถ้าหากว่าต้องการที่จะดูท่านให้ชัดเจน ก็ควรที่จะยกองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าขึ้นมาก่อน แล้วค่อยกำหนดจิตดูลงมาตามลำดับ ถ้าอย่างนั้น ก็จะได้เห็นชัดตามที่ท่านต้องการ


    วิธีการทั้งหลายเหล่านี้ ต้องบอกว่าผู้ที่ประสบด้วยตนเองและมีประสบการณ์ถึงจะบอกจะกล่าวกันได้ ท่านที่ยังไม่มีประสบการณ์ ถ้าไม่ได้ฟังบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนวันนี้ ก็อาจจะต้อง "งมโข่ง" ของตนเองต่อไป

    ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันจันทร์ที่ ๑๕ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...