เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๖๕

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 10 เมษายน 2022.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,528
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,536
    ค่าพลัง:
    +26,373
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๖๕


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,528
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,536
    ค่าพลัง:
    +26,373
    วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๑๐ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๕ กิจกรรมสำคัญวันนี้ ก็เริ่มจากการนำพาสามเณรภาคฤดูร้อนออกบิณฑบาต หลังจากที่กลับมา ฉันเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็มีการมาซักซ้อมการท่องคำอาราธนาศีล อาราธนาธรรม อาราธนาพระปริตร และปฏิญาณตนเป็นพุทธมามกะ

    ที่ต้องบังคับให้สามเณรภาคฤดูร้อนของทุกปี ต้องสามารถท่องคำทั้งหลายเหล่านี้เอาไว้ เนื่องจากว่าเมื่อสึกหาลาเพศไปแล้ว ถ้ามีความจำเป็น ก็จะสามารถทำหน้าที่ศาสนพิธีกรได้ ไม่ใช่ว่าแม้กระทั่งพระภิกษุของเรา เมื่อสึกหาลาเพศไปแล้ว ผู้ใหญ่บอกว่า "ไอ้ทิด..บวชเรียนมาแล้ว ช่วยอาราธนาศีลที" ก็ตอบว่า "ไม่ได้ครับ" ถ้าลักษณะอย่างนี้ต้องถือว่าเสียหายมาก เนื่องจากว่าบวชไปแล้ว ไม่ได้อะไรติดตัวมาเลย

    สามเณรภาคฤดูร้อนของวัดท่าขนุนทุกปี โดยเฉพาะผู้ที่บวชเป็นประจำ จะทราบว่าถ้าสามารถท่องคำอาราธนาศีล อาราธนาธรรม อาราธนาพระปริตร และปฏิญาณตนเป็นพุทธมามกะได้ ก็จะได้รับทุนการศึกษาจากหลวงพ่อวัดท่าขนุนจำนวน ๒,๐๐๐ บาท ถ้าหากว่าใครท่องไม่ได้กี่อย่าง ก็โดนตัดไปอย่างละ ๕๐๐ บาท เป็นต้น

    ปรากฏว่าปีนี้มีสามเณรหลายรูปที่สารภาพว่า "ท่องได้ไม่คล่องครับ" "ท่องได้ไม่หมดครับ" แต่เมื่อให้แยกออกมาว่าต่างหาก กลับกลายเป็นว่าท่องได้ แม้ว่าบางคำจะต้องมีการนำให้ก่อนก็ตาม ซึ่งในลักษณะนี้แสดงว่าสามเณรอาจจะตื่นเต้น หรือโดนพระพี่เลี้ยงบังคับ ในลักษณะขู่ว่าจะลงโทษ สภาพจิตก็เลยวุ่นวาย ทำให้จดจำผิดพลาด หรือว่าจำไม่ได้ไปเลย เมื่อได้รับการประคับประคอง ก็สามารถที่จะผ่านไปได้ด้วยดี

    ก่อนที่จะสึกหาลาเพศ มีการให้เปิดใจ ก็มีเรื่องขำ ๆ หลายเรื่องด้วยกัน อย่างเช่นบางท่านบอกว่า "ปกติอยู่บ้านก็เล่นแต่โทรศัพท์ทั้งวัน มาอยู่วัดท่าขนุน ๑๐ วัน โทรศัพท์หน้าตาเป็นอย่างไร ชักจะจำไม่ได้แล้ว" เนื่องจากว่าทางวัดไม่อนุญาตให้สามเณรภาคฤดูร้อนมีโทรศัพท์ติดตัว เพราะว่าถ้ามีโทรศัพท์ติดตัว ทางบ้านก็จะโทรมาหา ทำให้สามเณรจิตใจไม่สงบ ฟุ้งซ่านวุ่นวาย

    ขณะเดียวกันก็ไม่เป็นอันทำกิจกรรมต่าง ๆ เพราะว่ามัวแต่คิดจะเล่นโทรศัพท์อยู่ เป็นต้น ตรงจุดนี้เมื่อสามเณรได้คุณสมบัติเหล่านี้ไปแล้ว เมื่อกลับไปถึงบ้าน ก็ขอให้บุคคลที่เป็นพ่อแม่ ญาติพี่น้องผู้ใหญ่ ช่วยกันรักษาคุณสมบัติทั้งหลายนี้เอาไว้

    การอยู่ใกล้โทรศัพท์เป็นระยะเวลานาน ๆ ไม่ใช่ของดี เพราะว่าโทรศัพท์ส่งคลื่นไฟฟ้าออกมาอยู่เสมอ คลื่นไฟฟ้าของโทรศัพท์นั้น รบกวนระบบการทำงานของร่างกายมนุษย์เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะระบบไฟฟ้าสถิตในการสั่งงานให้สมองบังคับร่างกายทำงานอย่างโน้นอย่างนี้ ก็จะมีข้อผิดพลาดขึ้น
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,528
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,536
    ค่าพลัง:
    +26,373
    ขณะเดียวกัน การเต้นของหัวใจซึ่งใช้ระบบไฟฟ้าสถิตของร่างกาย บังคับให้กล้ามเนื้อทำงานอัตโนมัติ ก็โดนรบกวนเช่นกัน ดังนั้น...เมื่อกระผม/อาตมภาพเห็นบางท่านใส่โทรศัพท์มือถือไว้ในกระเป๋าเสื้อด้านบน ก็ยังรู้สึกว่าเขาทั้งหลายเหล่านี้ไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังหาความเดือดร้อนใส่ตัวอยู่..!

    ในสมัยที่ยังใช้โทรศัพท์อยู่ โดยเฉพาะเวลา ๖ โมงเย็นไปแล้ว กระผม/อาตมภาพจะปิดโทรศัพท์ไปเลย ใครจะมีเรื่องสำคัญอย่างไรก็ตาม ให้โทรมาในวันรุ่งขึ้น ช่วงเวลานั้นจะเป็นเวลาทำวัตรเย็น ตลอดจนกระทั่งเป็นเวลาในการเจริญพระกรรมฐาน จึงไม่รับการรบกวนจากภายนอกด้วยประการทั้งปวง

    จนกระทั่งมาภายหลัง เลิกรับโทรศัพท์ด้วยตนเอง ก็ทำให้สะดวกขึ้นในการที่ไม่ต้องอยู่ใกล้โทรศัพท์ เพราะว่าคลื่นโทรศัพท์นั้น ถ้าหากว่าเป็นบุคคลที่สภาพจิตว่องไวพอ ก็จะส่งผลกระทบได้เช่นกัน ก็คือทำให้ภาครับของสภาพจิตของเรา บางทีก็รับเนื้อหาบางอย่างไม่ได้ เพราะว่าโดนคลื่นโทรศัพท์ตัดไป เป็นต้น

    หลังจากที่ทำการสึกหาลาเพศให้แก่สามเณรภาคฤดูร้อนส่วนหนึ่ง เหลืออีกส่วนหนึ่งที่อาสาสมัครอยู่ต่อด้วยตนเอง เพราะบอกว่าอยู่ที่วัดแล้ว อาหารการกินอุดมสมบูรณ์อย่างหนึ่ง ไม่มีพ่อแม่คอยบ่นคอยว่าอย่างหนึ่ง ก็เลยทำให้อยู่วัดแล้วมีความสุข แม้ว่าต้องทำกิจกรรมต่าง ๆ ตามระบบระเบียบของวัด ก็เริ่มมีความเคยชิน ทำได้โดยไม่หนักใจแล้ว จึงอาสาสมัครอยู่ต่อเอง

    หลังจากนั้นกระผม/อาตมภาพก็ไปมอบรางวัลให้กับคณะครูและนักเรียนโรงเรียนอนุบาลทองผาภูมิ ซึ่งได้ส่งเข้าประกวดการสวดมนต์หมู่ทำนองสรภัญญะ ซึ่งครั้งที่แล้วนั้นชนะเลิศในระดับจังหวัด ทั้งทีมหญิงและทีมชาย ครั้งนี้ไปชนะเลิศในระดับภาคทั้งทีมหญิงและทีมชายเช่นกัน
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,528
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,536
    ค่าพลัง:
    +26,373
    ตรงจุดนี้กระผม/อาตมภาพให้การสนับสนุนด้วยการมอบรางวัลให้ ทุกครั้งที่ผู้เข้าแข่งขันติดรางวัลในระดับใดระดับหนึ่ง ตั้งแต่รางวัลที่ ๓ ที่ ๒ หรือว่ารางวัลชนะเลิศก็ตาม มีของขวัญของฝากมากน้อยตามความสามารถของแต่ละท่านที่ได้รับรางวัลมา มอบให้เขาทั้งหลายเหล่านั้นเป็นกำลังใจ เพื่อที่จะได้ปฏิบัติหน้าที่ของตนต่ออย่างเต็มความสามารถ ในการที่จะไปแข่งขันในระดับประเทศกันต่อไป

    หลังจากนั้นแล้วก็วิ่งมาฉันเพลกลางทาง เพื่อไปให้ทันงานถวายน้ำสรงศพพระเดชพระคุณพระราชรัตนวิมล อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี อดีตเจ้าอาวาสวัดกาญจนบุรีเก่า ซึ่งมรณภาพลงด้วยอายุ ๘๖ ปี พรรษา ๖๖ เป็นพระเถระที่กระผม/อาตมภาพมีความคุ้นเคยและให้ความเคารพนับถือเป็นอย่างสูงรูปหนึ่ง โดยปกติแล้วก็จะเข้าไปถวายสักการะ เยี่ยมเยือนท่านเป็นปกติทุกเดือน แต่ว่าเดือนนี้ วันก่อนที่ท่านมรณภาพวันหนึ่ง เดินทางไปถึงแล้วไม่ได้พบ เนื่องจากว่าท่านเข้าโรงพยาบาลไปเสียก่อน แล้วรุ่งขึ้นก็มรณภาพเลย

    เมื่อได้เห็นสังขารของท่านแล้ว ยังรู้สึกว่าเหมือนกับบุคคลที่หลับไป คือใบหน้าของท่านนวลใสมาก ไม่ซีด ไม่ดำ เหมือนกับผู้ที่เสียชีวิตท่านอื่น ๆ ที่เคยพบเคยเห็นมา ดูอย่างไรก็เหมือนกับท่านแค่หลับไปเฉย ๆ เท่านั้น
    เมื่อพระเดชพระคุณพระเทพปริยัติโสภณ เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี นำคณะสงฆ์ ตลอดจนกระทั่งพระภิกษุสามเณรของวัดกาญจนบุรีเก่าเข้าถวายน้ำสรงศพแล้ว ญาติโยมที่เดินทางมาถึง ก็ทยอยกันเข้าถวายน้ำสรงศพบ้าง

    ส่วนในทางคณะสงฆ์ของเรา เจ้าคณะจังหวัด รองเจ้าคณะจังหวัด และเจ้าคณะอำเภอต่าง ๆ ก็จะนำพระภิกษุสามเณร ตลอดจนกระทั่งพระสังฆาธิการในเขตปกครองของตน ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาเป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรมถวายเป็นกุศลให้ จนกว่าจะครบทุกอำเภอ แล้วถึงจะเปิดโอกาสให้ญาติโยมทั้งหลายจองเป็นเจ้าภาพต่อไป

    แบบธรรมเนียมตรงนี้ พระเดชพระคุณพระธรรมคุณาภรณ์ (ไพบูลย์ กตปุญฺโญ ป.ธ.๘) อดีตเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี อดีตเจ้าอาวาสวัดไชยชุมพลชนะสงคราม (พระอารามหลวง) ท่านได้ทำเป็นแนวทาง ทำเป็นแบบอย่างไว้ ก็คือว่าให้พระภิกษุสามเณรของเราอนุเคราะห์สงเคราะห์ในงานศพกันเองก่อน อย่าไปรบกวนญาติโยม เพราะว่าบางท่านฐานะก็ไม่ดี แต่ด้วยความที่พระเถระซึ่งตนเองเคารพนับถือมรณภาพลง บางคนถึงขนาดไปกู้หนี้ยืมสินมา เพื่อเป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรมถวายพระเถระที่ตนเคารพนับถือ
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,528
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,536
    ค่าพลัง:
    +26,373
    พระเดชพระคุณหลวงพ่อไพบูลย์ท่านจึงได้สร้างแบบอย่างขึ้นมาว่า ให้พระสังฆาธิการทั้งหลายผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเป็นเจ้าภาพกันจนครบถ้วนไปก่อน ในระหว่างนั้นถ้ามีคณะญาติโยมขอมาเป็นเจ้าภาพร่วมก็ให้รับขึ้นมา ยกเว้นว่าบางท่านที่มีฐานะดี ตั้งใจจะเป็นเจ้าภาพเองต่างหาก ก็ให้เริ่มเป็นเจ้าภาพถัดจากคณะสงฆ์ที่เป็นเจ้าภาพกันจนครบถ้วนแล้ว

    ตรงจุดนี้ถือว่าเป็นแบบอย่างที่ดีที่งาม โดยเฉพาะถ้ากล่าวถึงมังคลสูตร ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ ก็คือ ปูชา จะ ปูชะนียานัง เอตัมมังคะละมุตตะมัง ฯ การบูชาบุคคลที่สมควรแก่การบูชา นับว่าเป็นอุดมมงคลอย่างยิ่ง บรรดาพระเถระแต่ละรูปที่มรณภาพลงไปนั้น ส่วนใหญ่ก็เป็นเจ้าคณะพระสังฆาธิการ ทำคุณประโยชน์แก่คณะสงฆ์เป็นอย่างมาก


    โดยเฉพาะพระเดชพระคุณพระราชรัตนวิมล (พยุง ฐิตสีโล ป.ธ.๔) นั้น ตั้งแต่กระผม/อาตมภาพรู้จักท่านมา ท่านเป็นพระครูศรีกาญจนาภรณ์ เจ้าคณะอำเภอเมืองกาญจนบุรี หลังจากนั้นก็ได้เลื่อนสมณศักดิ์ขึ้นเป็นพระวิสุทธิรังษี แล้วก็เลื่อนตำแหน่งสังฆาธิการขึ้นเป็นรองเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี จนกระทั่งได้เป็นเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี

    หลังจากที่อายุครบ ๘๐ ปีแล้ว ท่านยังมีสุขภาพแข็งแรงอยู่ ทางมหาเถรสมาคมจึงได้แต่งตั้งให้ท่านดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี จนกระทั่งถึงแก่มรณภาพลงด้วยอายุ ๘๖ ปี พรรษา ๖๖ นับว่าท่านได้สร้างคุณประโยชน์ให้แก่คณะสงฆ์จังหวัดกาญจนบุรีและคณะสงฆ์ไทยจนกระทั่งวาระสุดท้าย

    แบบอย่างประการหนึ่งที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านทำเป็นแบบอย่างให้แก่พระสังฆาธิการ และพระภิกษุสามเณรลูกหลานได้เห็นอย่างชัดเจน ก็คือ ไม่ว่าท่านจะไปงานใครก็ตาม จะอยู่จนกระทั่งงานนั้นจบสิ้นลง หมดงานแล้วอย่างแท้จริง ถึงได้เดินทางกลับ ปีแล้วปีเล่าก็ทำตนเป็นแบบอย่างอย่างนี้ ทำเอากระผม/อาตมภาพซึ่งบางทีก็มีงานหลายแห่ง รับงานแล้วก็ต้องพยายามไปให้ครบถ้วน ต้องออกจากงานกลางคัน รู้สึกละอายใจเป็นอย่างยิ่ง


    เนื่องเพราะว่าพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่าน อายุกาลพรรษาก็มากกว่า ตำแหน่งหน้าที่ก็สูงกว่า แต่ว่าท่านรับงานโดยที่ให้เกียรติเจ้าภาพเป็นอย่างยิ่ง ก็คืออยู่จนจบงาน แล้วถึงได้เดินทางกลับทุกครั้ง ทำให้กระผม/อาตมภาพเห็นปฏิปทาตรงนี้แล้ว ได้พยายามที่จะเลียนแบบและทำตาม แม้ว่าจะไม่สามารถทำตามได้ครบถ้วนสมบูรณ์ ก็ต้องถือว่าท่านเป็นครูบาอาจารย์รูปหนึ่ง ที่กระผม/อาตมภาพได้ศึกษาแบบอย่างและได้ดำเนินตามรอยปฏิปทาของท่านมา

    สำหรับวันนี้ ก็ขอเล่าถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมที่ฟังอยู่ ทั้งในประเทศ และต่างประเทศแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันอาทิตย์ที่ ๑๐ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๕
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...