เรื่องเด่น หลวงพ่อจวน วัดหนองสุ่ม พระอภิญญาผู้ไปท่องดาวดึงส์ด้วยกายเนื้อ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย นโมพุทธายะ๕, 28 พฤศจิกายน 2021.

  1. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,372
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,120
    ค่าพลัง:
    +70,467
    หลวงพ่อจวน วัดหนองสุ่ม องค์นี้ แม้แต่พระอภิญญาอย่าง หลวงพ่อฤาษีลิงดำ แห่งวัดท่าซุง ยังยกย่องและยอมรับว่าหลวงพ่อจวนท่านนี้เก่งจริงๆๆพลังจิตกล้าแกร่งเหลือเกิน

    หลวงพ่อจวน เป็นพระองค์หนึ่ง ที่หลวงพ่อฤาษีฯ ให้ลูกศิษย์ไปกราบ และทำบุญด้วย เนื่องจากหลวงพ่อ ไปเจอหลวงพ่อจวนที่พระจุฬามณี โดยหลวงพ่อจวนไปทั้งกายเนื้อ

    มีอยู่เที่ยวหนึ่งหลวงพ่อท่านบอกว่า " เฮ้ย ! พวกแกลองสืบดูซิ มีหลวงตาองค์หนึ่งขาว ๆ ท้วม ๆ ล่ะนะ ชื่อ จวน อยู่สิงห์บุรี ลองดูสิว่ามีพระชื่อนี้อยู่สิงห์บุรีวัดไหน ช่วยบอกให้ด้วยหาไม่ยากหรอก ท่านดังด้วย หลวงพ่อจวน วัดหนองสุ่ม"

    ถาม : หลวงพ่อหาทำไมครับ

    ท่านบอกว่า : "วันก่อนขึ้นไปพระจุฬามณีเห็นหลวงตาจวนเดินตุ๊บ ๆ ตั๊บ ๆ อยู่ เขาเก่งว่ะ เขาไปทั้งตัวเลย ไม่ได้ใช้มโนมยิทธิถอดจิตไปนะนั่น เล่นไปทั้งตัวเลยล่ะ"

    ถาม : ยังอยู่ไหมครับ ?

    ตอบ : เรียบร้อยไปแล้ว ถ้าอยู่ไม่กล้าเล่ากลัวท่านเหยียบเอา (หัวเราะ) วัดหนองสุ่ม ขาว ๆ ยิ้มทั้งวันน่ะ น่ารักมาก....

    "สมัยที่หลวงพ่อจวนยังอยู่ จะไม่ให้ทำหนังสือวัตถุมงคล ท่านบอกว่า ของ ๆ ฉันถ้าจะดังเดี๋ยวดังเอง"
    หลวงพ่อจวนได้ละสังขารอย่างสงบ เมื่อวันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๓๖ สิริอายุได้ ๗๙ ปี พรรษา ๕๕


    หมายเหตุ: "พระจุฬามณี"
    หมายถึง เจดีย์พระจุฬามณี"บนสรวงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
    สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ มีปราสาทเนรมิต กับมี พระเจดีย์จุฬามณี อันเป็นที่ประดิษฐานพระเมาลีของพระพุทธเจ้าเมื่อครั้งเสด็จออกมหาภิเนกษกรมณ์ และเมื่อพระพุทธองค์นิพพานแล้วก็ได้เป็นที่ประดิษฐานพระเขี้ยวแก้วองค์ขวาด้วย

    SxWWMChm1Sj4fz9Xobaxhtg&_nc_ohc=puxhH9SrpKcAX_XBmNJ&tn=ntkX8_79axLjp9Cm&_nc_ht=scontent.fbkk22-8.jpg


    ขอบคุณที่มาของการถ่ายทอดเรื่องราว https://web.facebook.com/groups/1785818328322976/user/100006144549485
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,372
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,120
    ค่าพลัง:
    +70,467
    นี่เป็นอีกหนึ่งของความเป็นอจินไตย ของอภิญญา ย่อมมีผู้สงสัยว่า
    เทวโลกและกายเนื้อของมนุษย์มีความละเอียด ความหยาบ แตกต่างกัน
    มีคลื่นความถี่ที่ต่างกัน ธาตุสี่ของกายมนุษย์จะไปปรากฏยังภพเทวะที่มีคลื่นความละเอียดต่างกันมากได้อย่างไร
     
  3. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,372
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,120
    ค่าพลัง:
    +70,467


     
  4. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,372
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,120
    ค่าพลัง:
    +70,467
    พระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๓ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๕
    ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ -พุทธวังสะ-จริยาปิฎก
    [​IMG]
    พุทธวงศ์

    รัตนะจงกรมกัณฑ์
    ว่าด้วยพระพุทธองค์ทรงเนรมิตที่จงกรมแก้ว


    [๑] ก็ท้าวสหัมบดีพรหมผู้เป็นใหญ่ในโลกได้ประนมอัญชลีทูล
    อาราธนาพระผู้มีพระภาคว่า สัตว์ทั้งหลายผู้มีกิเลสธุลี
    ในนัยน์ตาน้อย มีอยู่ในโลกนี้ ขอพระองค์ได้ทรงโปรด
    อนุเคราะห์แสดงธรรมแก่หมู่สัตว์นี้เถิด (พระผู้มี-
    พระภาคผู้เป็นใหญ่กว่าโลกอุดมกว่านรชน อันหมู่พรหม
    ผู้ประนมอัญชลีทูลอาราธนาว่า สัตว์ทั้งหลายผู้มีกิเลสธุลี
    ในนัยน์ตาน้อยมีอยู่ในโลกนี้ ขอพระองค์ได้ทรงโปรด
    อนุเคราะห์แสดงธรรมแก่หมู่สัตว์นี้ ขอพระสุคตเจ้าทรง
    โปรดแสดงธรรม ขอทรงแสดงอมตบท ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นนายก
    ขอจงทรงโปรดอนุเคราะห์แสดงธรรมแก่สัตว์โลก) พระตถาคผู้ไม่มี
    บุคคลเปรียบเสมอ ทรงถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ ผู้คงที่ ผู้ทรง
    ความรุ่งเรือง ทรงไว้ซึ่งพระกายครั้งสุดท้าย ทรงเกิดความกรุณา
    ในสัตว์ทั้งปวง
    พระผู้มีพระภาคผู้ศาสดา ได้ทรงสดับดังนั้นแล้ว ได้
    ตรัสว่า สัตว์เหล่าใดเงี่ยโสตลงฟัง ปล่อยศรัทธาเราจะ
    เปิดประตูอมตนิพพานแก่สัตว์เหล่านั้น ดูกรพรหม เรา
    สำคัญไปว่าจะลำบากเปล่า จึงไม่กล่าวธรรมมีคุณอัน
    ละเอียดประณีตในหมู่มนุษย์.
    (สมัยนั้น พระผู้มีพระภาคผู้ประเสริฐกว่ามุนีจะทรงอนุเคราะห์
    เวไนยสัตว์ เสด็จจากไม้อัชปาลนิโครธ เสด็จถึงพระนครพาราณสี
    โดยเสด็จดำเนินไปตามลำดับ ก็ในกาลนั้น พระผู้มีพระภาคประทับ
    บนบัลลังก์อันประเสริฐนั้น และทรงประกาศธรรมจักร คือ ทุกข์
    เหตุให้เกิดทุกข์ ความดับทุกข์ มรรคอันสูงสุดแก่ปัญจวัคคีย์ พระ-
    ผู้มีพระภาคทรงประกาศธรรมจักรนั้นแล้ว ฤาษีปัญจวัคคีย์เหล่านั้น
    คือ โกณฑัญญะ วัปปะ ภัททิยะ มหานามะ และอัสสชิ พร้อม
    ด้วยหมู่เทวดาและพรหม ๑๘ โกฏิ ได้ธรรมาภิสมัยในสันติบาต
    ครั้งแรก ในกาลนั้น พระองค์ทรงแนะนำปัญจวัคคีย์แม้ทั้งหมด
    พร้อมด้วยหมู่พรหมและเทวดา ๑๘ โกฏิ ให้วิเศษตามลำดับ ด้วย
    พระธรรมเทศนาอย่างอื่น ทรงยังหมู่พรหมและเทวดาให้ได้โสดา
    ปัตติผลในสันติบาตนั้น แล้วเสด็จไปยังกรุงราชคฤห์ โดยเสด็จ
    ดำเนินไปตามลำดับ พระองค์ผู้ประเสริฐกว่ามุนี ประทับอยู่ ณ
    พระเวฬุวันมหาวิหาร ก็พระเจ้าพิมพิสารได้ทรงสดับดังนั้น ได้เสด็จ
    ไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค มีบริวารเป็นอันมากประมาณ ๑๑ นหุต
    พระเจ้าพิมพิสารทรงบูชาพระผู้มีพระภาค ด้วยประทีป ของหอม
    ธูปและดอกไม้เป็นต้น ในสมาคมนั้น พระผู้มีพระภาคทรงแสดง
    กามาทีนวกถา ในเวลาจบเทศนา ครั้งนั้น ธรรมาภิสมัยได้มีแก่สัตว์
    ๘๔,๐๐๐ มีพระราชาเป็นประมุขพระพุทธบิดาได้ทรงสดับข่าวนั้น
    ทรงส่งทูตไป ๙ นายทูตเหล่านั้นพร้อมด้วยบริวาร ๙,๐๐๐ ทูลขอ
    บรรพชากะพระมุนี ทูตเหล่านั้นและบริวาร ๙,๐๐๐ ได้บรรลุอรหัต
    ครั้งสุดท้ายกาฬุทายีอำมาตย์กับบริวาร ๑,๐๐๐ ถือเพศภิกษุแล้ว
    กราบทูลเชิญพระผู้มีพระภาค พระศากยมุนีผู้ประเสริฐ ทรงรับ
    นิมนต์แล้ว เสด็จดำเนินไปตามทางใหญ่ เสด็จไปพร้อมด้วยภิกษุ
    สองหมื่น พระองค์เสด็จถึงกรุงกบิลพัสดุ์โดยการเสด็จดำเนินไป
    ตามลำดับ ได้ทรงกระทำปาฏิหาริย์ที่ใกล้ฝั่งแม่น้ำโรหิณี ประทับนั่ง
    ณ ท่ามกลางบัลลังก์นั้น ทรงแสดงมหาเวสสันตรชาดกธรรมเทศนา
    แก่พระพุทธบิดา ธรรมาภิสมัยได้มีแก่สัตว์ ๘๔,๐๐๐).
    พระผู้มีพระภาคทรงพระดำริว่า
    พรหมเหล่านี้ พร้อมด้วยเทวดาและมนุษย์ไม่รู้ว่า พระ-
    พุทธเจ้าผู้สูงสุดกว่านรชนนี้เป็นเช่นไร ทรงมีกำลังฤทธิ์
    และกำลังปัญญาเช่นไร ทรงมีกำลังพุทธเจ้าอันเป็น
    ประโยชน์แก่โลกเช่นไร พรหมเหล่านี้พร้อมด้วยเทวดา
    และมนุษย์ไม่รู้ว่า พระพุทธเจ้าผู้สูงสุดกว่านรชนนี้เป็น
    เช่นนี้ทรงมีกำลังฤทธิ์และกำลังปัญญาเช่นนี้ทรงมีกำลัง
    พระพุทธเจ้าอันเป็นประโยชน์แก่โลกเช่นนี้.
    เอาละ เราจักแสดงกำลังพระพุทธเจ้าอันยอดเยี่ยม เราจักนิรมิต
    ที่จงกรมอันประดับด้วยรัตนะในนภากาศ.
    ภุมมเทวดา เทวดาชั้นมหาราชิกา ชั้นดาวดึงส์ ชั้นยามา
    ชั้นดุสิต ชั้นนิมมานรดี ชั้นปรนิมมิตสวัตดี และ
    เทวดาที่นับเนื่องในหมู่พรหม ต่างก็ยินดี ได้พากัน
    ส่งเสียงอื้ออึง แผ่นดินพร้อมด้วยเทวโลกสว่างไสว
    ที่อันมีในระหว่างโลกอันหนาแน่นไม่มีอะไรปิด และ
    ความมืดทึบได้หายไป ในกาลนั้น พรหมพร้อมทั้งเทวดา
    คนธรรพ์มนุษย์และรากษส ได้เห็นปาฏิหาริย์อันอัศจรรย์
    แล้ว กล่าวว่ารัศมีอันสว่างจ้า ได้เกิดขึ้นแล้วในโลกนี้
    และในโลกอื่น ทั้งเบื้องล่างเบื้องบน และเบื้องขวาง
    ส่วนกว้าง พระศาสดาผู้อุดมกว่าสัตว์ไม่มีใครประเสริฐ
    ยิ่งไปกว่า เป็นนายกชั้นพิเศษ อันเทวดาและมนุษย์บูชา
    ทรงมีอานุภาพมาก มีลักษณะบุญนับด้วยร้อย ทรงแสดง
    ปาฏิหาริย์อันน่าอัศจรรย์ ฯ
    (ในสมาคมนั้น พระศาสดาผู้พิชิตมารเสด็จเหาะขึ้นในนภาดลแล้ว
    ทรงนิรมิตขุนเขาสิเนรุให้เป็นที่จงกรมอันน่ารื่นรมย์ ทวยเทพใน
    หมื่นโลกธาตุ มาประชุมกันในสำนักพระพิชิตมารถวายนมัสการ
    พระตถาคตแล้ว กระทำพุทธบูชา)

    ในกาลนั้น พระศาสดาผู้มีพระจักษุอุดมกว่านรชน เป็น
    นายกของโลกอันท้าวสหัมบดี ผู้ประเสริฐกว่าเทวดา
    ทูลอาราธนาแล้ว ทรงพิจารณาเห็นประโยชน์ดีแล้ว จึง
    ทรงนิรมิตที่จงกรมเรียบร้อยสวยงามประดับด้วยรัตนะ
    ทั่วไป พระผู้มีพระภาคผู้เป็นนายกของโลก ทรงมีความ
    ชำนาญในปาฏิหาริย์ ๓ อย่าง คือ อิทธิปาฏิหาริย์
    อาเทศนาปาฏิหาริย์ และอนุศาสนีปาฏิหาริย์ ทรงนิรมิต
    ที่จงกรมเรียบร้อยสวยงามประดับด้วยรัตนะทั่วไป
    ทรงแสดงขุนเขาสิเนรุอันสูงสุดในหมื่นโลกธาตุ เป็นเสาเรียงตาม
    ลำดับ ในที่จงกรมอันสำเร็จด้วยรัตนะ พระพิชิตมารทรงนิรมิต
    ที่จงกรมเกินกว่าพันที่ ล้วนแต่สำเร็จด้วยทองคำไว้รอบข้างรัตนะ
    จงกรม ทรงนิรมิตแผ่นกระดานทองคำติดอยู่ตามขื่อและเต้า ทรง-
    นิรมิตไพรทีล้วนแต่ทองคำไว้ที่ข้างทั้งสอง รัตนะจงกรมที่ทรงนิรมิต
    เกลื่อนไปด้วยแก้วมณีแก้วมุกดาและทรายสว่างไสวไปทั่วทิศเหมือน
    พระอาทิตย์อุทัย ฉะนั้น พระชินสัมพุทธเจ้าผู้เป็นนักปราชญ์ มี
    ลักษณะอันประเสริฐ ๓๒ ประการ ทรงเปล่งพระรัศมีรุ่งเรือง เสด็จ
    จงกรมอยู่บนรัตนะจงกรมนั้น ทวยเทพทั้งปวงที่มาประชุมกันต่างก็
    โปรยปรายดอกมณฑารพ ดอกปทุม ดอกปาริชาตทิพย์ลงในที่
    จงกรม หมู่เทพในหมื่นจักรวาลได้เห็นเช่นนั้นจึงมาประชุมกัน
    ต่างก็ยินดีร่าเริง เบิกบานใจหมอบลงถวายนมัสการ ทวยเทพชั้น
    ดาวดึงส์ ชั้นยามา ชั้นดุสิต ชั้นนิมมานรดี และชั้นปรนิมมิตวสวัตดี
    ได้เห็นพระศาสดาผู้เป็นนายกของโลก ต่างก็มีจิตเบิกบานโสมนัส.
    พวกนาค ครุฑ หรือแม้กินนร พร้อมด้วยเทวดาคนธรรพ์
    มนุษย์และรากษส ต่างก็ได้เห็นพระศาสดาผู้ทรงเกื้อกูล
    อนุเคราะห์โลก เหมือนดวงจันทร์ที่ขึ้นไปในนภากาศ
    ฉะนั้น.
    อาภัสสรพรหม สุภกิณหพรหม เวหัปผลพรหมและอกนิฏฐพรหม
    ต่างก็นุ่งผ้าขาวล้วนๆ ยืนประนมอัญชลี.
    ต่างก็โปรยดอกมณฑารพ ๕ สี อันเจือด้วยกระแจะจันทน์
    และพากันโบกผ้าอยู่ในอัมพรในกาลนั้นต่างก็เปล่งเสียง
    ว่า โอ พระพิชิตมารทรงเกื้อกูลอนุเคราะห์โลก.
    พระองค์ผู้อุดมกว่าสัตว์ เป็นศาสดา เป็นยอด เป็นธง เป็นหลักไชย
    เป็นที่พึ่งอาศัย และเป็นประทีปของสัตว์ทั้งหลาย ทวยเทพผู้มี
    ฤทธิ์มากในหมื่นโลกธาตุ ต่างก็ยินดีร่าเริง เบิกบานใจ พากัน
    แวดล้อมถวายนมัสการ เทพบุตรและเทพกัญญา ต่างก็เลื่อมใสมีใจ
    ยินดีพากันบูชาพระนราสภด้วยดอกไม้ ๕ สี หมู่เทพเจ้าได้เห็น
    พระศาสดา ต่างก็เลื่อมใสมีใจยินดีพากันบูชาพระนราสภด้วยดอก
    ไม้ ๕ สี เปล่งเสียงว่า ความอัศจรรย์ โอ ขนพองสยองเกล้าไม่
    เคยมีในโลก ความอัศจรรย์ขนพองสยองเกล้าเช่นนี้ ไม่เคยเป็น
    เทพเจ้าเหล่านี้ อยู่ในภพของตนๆ ได้เห็นความอัศจรรย์ในนภากาศ
    แล้ว พากันร่าเริงเป็นอันมาก เทพเจ้าที่อยู่ในนภากาศ พื้นดิน
    ป่าหญ้าและที่ประจำดวงดาว ต่างก็ยินดีร่าเริงเบิกบานใจ พากัน
    ประนมอัญชลีนมัสการ แม้พวกนาคที่มีอายุยืน มีบุญ มีฤทธิ์มาก
    ได้เห็นอัศจรรย์ในนภากาศแล้วต่างก็ยินดีมีจิตเบิกบาน ถวายนมัส-
    การบูชาพระศาสดาผู้อุดมกว่านรชน บรรเลงสังคีต ตีกลองกันอยู่
    ในอากาศกลางหาวได้เห็นอัศจรรย์ในนภากาศแล้ว ต่างก็ประโคม-
    สังข์ บัณเฑาะว์และมโหรทึกอยู่ในอากาศเปล่งเสียงว่า วันนี้ ความ
    อัศจรรย์ไม่เคยมี ขนพองสยองเกล้าเกิดขึ้นแก่เรา เราได้ความสำเร็จ
    ประโยชน์ยั่งยืน ขณะปรากฏแก่เราแล้วเพราะได้ฟังว่าพุทโธ นาค
    เหล่านั้นเกิดปีติในขณะนั้น ต่างก็ยืนประนมอัญชลีเปล่งเสียงว่า
    พุทโธ พุทโธ หมู่สัตว์ต่างๆ ในท้องฟ้าต่างก็ประนมอัญชลีเปล่ง
    เสียงหึ่งๆ เสียงสาธุการและเสียงโห่กึกก้อง
    นาคทั้งหลายต่างก็เปล่งเสียงประสานขับร้องประโคมปรบ
    มือ ฟ้อนรำและต่างก็โปรยปรายดอกมณฑารพ ๕ สี
    อันเจือด้วยกระแจะจันทน์ ลงมาบูชาเปล่งเสียงประกาศว่า
    ข้าแต่พระมหาวีรเจ้า ลายจักรที่พระบาทยุคลของพระองค์ฉันใด
    ธงไชย ธงปฏากวิเชียรก็ลอยเด่นอยู่ ฉันนั้นไม่มีใครเสมอด้วย
    พระรูป ศีล สมาธิ และปัญญาของพระองค์ในการประกาศธรรมจักร
    ไม่มีใครเสมอด้วยวิมุตติ กำลังกายของนาค ๑๐ นาค เป็นพระ
    กำลังกายปกติของพระองค์ในการประกาศธรรมจักรไม่มีใครเสมอ
    ด้วยกำลังพระฤทธิ์ของพระองค์ ท่านทั้งหลายจงนมัสการพระมหามุนี
    ผู้ประกอบด้วยคุณสมบัติทุกอย่าง ทรงประกอบด้วยองคคุณทั้งปวง
    มีพระกรุณา เป็นนาถะของโลก พระองค์ย่อมควรแก่การอภิวาท
    การชมเชย การไหว้ การสรรเสริญ การนมัสการ และการบูชา
    ทุกอย่าง ข้าแต่พระมหาวีรเจ้า พระองค์เป็นผู้ประเสริฐที่สุดกว่า
    บุคคลผู้ไหว้ และผู้ควรไหว้ในโลกไม่มีใครเสมอกับพระองค์ พระ-
    สารีบุตรผู้มีปัญญามาก เป็นผู้ฉลาดในสมาธิและฌาน สถิต ณ เขา
    คิชฌกูฏ ได้เห็นพระองค์ผู้เป็นนายกของโลก มองดูพระนราสภงาม
    เหมือนพระยารังมีดอกบานสะพรั่ง เหมือนพระจันทร์ในท้องฟ้า
    และเหมือนพระอาทิตย์ในเวลาเที่ยง เห็นพระองค์ผู้นายกของโลก
    ผู้แวดล้อมด้วยรัศมีด้านละวา งามดังต้นไม้ประจำทวีปอันรุ่งเรือง
    เหมือนพระอาทิตย์อุทัยส่องแสงอ่อนๆ พระสารีบุตรได้นิมนต์พระ-
    ภิกษุขีณาสพ ๕๐๐ รูป ผู้ทำกิจเสร็จแล้ว ผู้คงที่ ผู้ปราศจากมลทิน
    ให้มาประชุมกันในขณะนั้น กล่าวว่า พระพิชิตมารทรงแสดง
    ปาฏิหาริย์อันจะยังโลกให้เลื่อมใส แม้เราทั้งหลาย ก็จักไปถวาย
    บังคมพระองค์ในที่นั้น มาเถิด เราทั้งปวงจักไป จักทูลถามพระองค์
    เราจักไปเฝ้าพระองค์ผู้เป็นนายกของโลก ให้พระองค์บรรเทาความ
    สงสัยให้ พระภิกษุผู้มีปัญญาสำรวมอินทรีย์เหล่านั้น รับว่าสาธุแล้ว
    ต่างก็ถือบาตรและจีวร พากันรีบร้อนเข้าไปเฝ้าพระสารีบุตรผู้มี
    ปัญญามาก พร้อมด้วยพระขีณาสพผู้ปราศจากมลทิน ผู้ฝึกตนด้วย
    การฝึกอันอุตมพากันไปเฝ้าด้วยฤทธิ์ พระสารีบุตรผู้เป็นเจ้าคณะใหญ่
    แวดล้อมด้วยภิกษุเหล่านั้นเข้าไปเฝ้าด้วยฤทธิ์ เปรียบเหมือนเทวดา
    ลอยมาในอากาศ ฉะนั้น พระภิกษุเหล่านั้นผู้มีวัตรอันงาม มีความ
    เคารพยำเกรง ไม่ไอ ไม่จาม พากันเข้าไปเฝ้าพระสัมพุทธเจ้า
    ครั้นเข้าเฝ้าแล้ว ได้เห็นพระสยัมภูวีรเจ้าผู้เป็นนายกของโลก ลอย
    เด่นอยู่ในนภากาศ เหมือนพระจันทร์ในท้องฟ้า ได้เห็นพระพุทธเจ้า
    ผู้เป็นนายกของโลกดังต้นไม้ประจำทวีปอันรุ่งเรืองเหมือนสายฟ้าใน
    อากาศ ดุจพระอาทิตย์ในเวลาเที่ยง พระภิกษุทั้ง ๕๐๐ องค์ ได้เห็น
    พระพุทธเจ้าผู้เป็นนายกของโลก ดังห้วงน้ำอันใสแจ๋ว ดังดอก
    บัวบาน ต่างก็ยินดีร่าเริงบันเทิงใจ ประนมอัญชลีหมอบลงถวาย
    นมัสการแทบพระบาทพระศาสดา พระสารีบุตรผู้มีปัญญามาก เสมอ
    เหมือนโลกพิภพ ฉลาดในสมาธิและฌาน ถวายบังคมพระศาสดา
    ผู้เป็นนายกของโลกพระโมคคัลลานะผู้มีฤทธิ์มาก ไม่มีใครเสมอ
    ด้วยกำลังฤทธิ์เปรียบด้วยดอกนิลุบล เหมือนอกาลเมฆกระหึ่ม
    ฉะนั้นแม้พระมหากัสสปเถระ ผู้เปรียบด้วยทองคำสีรุ่งเรืองพระ-
    ศาสดาทรงชมเชยสรรญเสริญตั้งไว้ว่าเป็นยอดในธุดงคคุณพระอนุรุทธ
    เถระผู้เป็นเจ้าคณะใหญ่ เลิศกว่าบรรดาภิกษุผู้มีจักษุทิพย์เป็นพระ-
    ญาติผู้ประเสริฐของพระผู้มีพระภาคสถิตอยู่ไม่ไกล พระอุบาลีเถระ
    ผู้ฉลาดในอาบัติ อานาบัติ สเตกิจฉา พระศาสดาทรงสรรเสริญตั้งไว้
    ว่าเป็นผู้เลิศในฝ่ายวินัย พระเถระผู้เป็นบุตรของนางมันตานี ปรากฏ
    ว่าชื่อปุณณะ ผู้แทงตลอดอรรถธรรมอันสุขุมละเอียดประเสริฐกว่า
    ภิกษุผู้เป็นธรรมกถึก พระมุนีมหาวีรเจ้าผู้ทรงฉลาดในอุปมา ผู้ตัด
    ความสงสัย ทรงทราบวาระจิตของท่านเหล่านั้นแล้วจึงตรัสพระคุณ
    ของพระองค์ว่า ชนเหล่าใดไม่รู้สัตตนิกาย โอกาสและจักรวาล
    อันไม่มีที่สิ้นสุด ในสี่อสงไขยโกฏิได้ ชนเหล่านั้นก็ไม่สามารถจะ
    รู้ พระพุทธญาณ อันไม่มีเปรียบได้การแผลงฤทธิ์ของเรานี้ จะ
    อัศจรรย์อะไรในโลกเล่า ความอัศจรรย์อันไม่เคยมี น่าขนพองสยอง
    เกล้าอย่างอื่นมีอีกมากในกาลใด เราอยู่ในชั้นดุสิต ในกาลนั้น เรา
    ชื่อว่าสันดุสิตเทวดาในหมื่นจักรวาฬมาประนมอัญชลีเชิญเราว่า ข้าแต่
    ท่านผู้มีเพียรใหญ่ เวลานี้เป็นกาลสมควรที่ท่านจะเกิดในครรภ์พระ-
    มารดา ของเชิญตรัสรู้อมตบทช่วยรื้อขนสัตว์พร้อมด้วยเทวดาให้
    ข้ามเถิด ขณะเมื่อเราจุติจากสวรรค์ชั้นดุสิตลงสู่ครรภ์นั้นแผ่นดินใน
    หมื่นโลกธาตุย่อมหวั่นไหว ขณะเมื่อเรามีความรู้สึกตัวประสูติ
    จากครรภ์พระมารดานั้น ทวยเทพในหมื่นโลกธาตุเปล่งเสียงสาธุการ
    หวั่นไหว ในการลงสู่ครรภ์ประสูติและออกบวชไม่มีใครเสมอด้วย
    เรา เราเป็นผู้ประเสริฐสุดในกาลตรัสรู้และในการประกาศธรรมจักร
    โอ ความอัศจรรย์มีในโลกเพราะพระพุทธเจ้ามีคุณมาก หมื่นโลก
    ธาตุหวั่นไหว ๖ ครั้งมีรัศมีสว่างจ้า น่าอัศจรรย์ขนพองสยองเกล้า
    ก็สมัยนั้น พระผู้มีพระภาคผู้พิชิตมาร เชษฐบุรุษของโลก ประเสริฐ
    กว่านรชน ทรงจงกรมด้วยฤทธิ์ แสดงให้โลกพร้อมทั้งเทวโลกเห็น
    พระศาสดาผู้เป็นนายกของโลก เสด็จจงกรมอยู่ ณ ที่จงกรมนั่นเอง
    ตรัสตอบ ไม่เสด็จกลับในระหว่างเหมือนดังเสด็จจงกรมอยู่ในที่จง
    กรม ๕ ศอก พระสารีบุตรผู้มีปัญญามากในสมาธิและฌาน ถึงความ
    บริบูรณ์ด้วยปัญญาได้ทูลถามพระศาสดาผู้เป็นนายกของโลกว่า ข้า-
    แต่พระมหาวีรเจ้าผู้อุดมกว่านรชน อภินิหารของพระองค์เช่นไร
    พระองค์ทรงปรารถนาพระโพธิญาณอันอุดมในกาลไร ทาน ศีล เนก-
    ขัมมะ ปัญญา วิริยะ ขันติ สัจจะ อธิษฐานะ เมตตาและอุเบกขา
    เป็นเช่นไร ข้าแต่พระมหาวีรเจ้า ผู้เป็นนายกของโลก บารมี ๑๐
    เป็นอย่างไร อุปบารมี ๑๐ และปรมัตถบารมี ๑๐ บริบูรณ์อย่างไร
    (เพราะทรงอธิษฐานกรรมอะไร จึงเป็นอธิบดีเช่นไร เป็นบารมีได้
    เช่นไร นักปราชญ์เช่นไรมีในโลก เมตตา กรุณา มุทิตา และ
    อุเบกขาเป็นเช่นไร พระองค์ทรงบำเพ็ญพุทธการกธรรมให้บริบูรณ์
    เช่นไร) พระศาสดาผู้มีพระสุรเสียงไพเราะดังนกการะเวกอันพระ-
    สารีบุตรทูลถามแล้ว ทรงพยากรณ์ให้เย็นใจ และทรงยังโลกพร้อม
    ทั้งเทวโลกให้ยินดี.
    พระศาสดาทรงประกาศประโยชน์แก่โลก ที่พระพุทธเจ้า
    ในอดีตทรงแสดงไว้ ทรงชมเชย อันพระพุทธเจ้าทรงนำ
    สืบๆ กันมา ด้วยพระพุทธญาณที่ไปตามปุพเพนิวาส-
    ญาณ ในโลกพร้อมทั้งเทวโลก
    ว่าท่านทั้งหลายจงทำจิตให้เกิดปีติและปราโมทย์ให้บรรเทาลูกศร คือ
    ความโศก ให้ได้สมบัติทั้งปวงแล้ว จงฟังเราท่านทั้งหลายจงดำเนิน
    ไปตามมรรคอันเป็นเครื่องย่ำยีมีความเมาบรรเทาความโศก เปลื้อง
    ตนจากสงสาร เป็นที่สิ้นทุกข์ทั้งปวงโดยความเคารพเถิด.
    จบรัตนะจงกรมกัณฑ์
     
  5. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,372
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,120
    ค่าพลัง:
    +70,467
    พระนันทะอยากสึก

    เมื่อพระศาสดาประทับอยู่ในพระเชตวันอย่างนี้นั่นแล, ท่านพระนันทะกระสันขึ้นแล้ว จึงบอกเนื้อความนั้นแก่ภิกษุทั้งหลายว่า “ผู้มีอายุ ข้าพเจ้าไม่ยินดีประพฤติพรหมจรรย์, ไม่สามารถที่จะสืบต่อพรหมจรรย์ไปได้, ข้าพเจ้าจักกล่าวคืนสิกขาแล้วสึก๑-”
    ____________________________
    ๑- หีนายาวตฺติสฺสามิ จักเวียนมาเพื่อความเป็นคนเลว.

    พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสดับความเป็นไปนั้นแล้ว รับสั่งให้หาท่านพระนันทะมาเฝ้าแล้ว ตรัสคำนี้ว่า “จริงหรือนันทะ? ได้ยินว่า เธอบอกกล่าวแก่ภิกษุหลายรูปอย่างนี้ว่า ‘ผู้มีอายุ ข้าพเจ้าไม่ยินดีประพฤติพรหมจรรย์ ไม่สามารถจะสืบต่อพรหมจรรย์ไปได้, ข้าพเจ้าจักกล่าวคืนสิกขาแล้วสึก’ หรือ?”
    น. จริงอย่างนั้น พระเจ้าข้า.
    ภ. นันทะ ก็เธอไม่ยินดีประพฤติพรหมจรรย์. ไม่สามารถจะสืบต่อพรหมจรรย์ไปได้, จะกล่าวคืนสิกขาสึกไปเพื่อเหตุอะไร?
    น. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เมื่อข้าพระองค์ออกจากเรือน นางชนบทกัลยาณีผู้ศากิยะมีผมอันเกล้าได้กึ่งหนึ่ง ได้ร้องสั่งคำนี้กะข้าพระองค์ว่า ‘ข้าแต่พระลูกเจ้า ขอพระลูกเจ้าพึงด่วนเสด็จมา’, ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์นั้นแล หวนระลึกถึงคำนั้นอยู่ จึงไม่ยินดีประพฤติพรหมจรรย์ ไม่สามารถจะสืบต่อพรหมจรรย์ไปได้, จักกล่าวคืนสิกขาสึกไป.”

    พระศาสดาทรงทรมานพระนันทะ

    ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงจับท่านพระนันทะที่พระพาหาแล้ว นำไปสู่ดาวดึงสเทวโลกด้วยกำลังพระฤทธิ์, ในระหว่างทางทรงแสดงนางลิงลุ่นตัวหนึ่ง ซึ่งมีหูจมูกและหางขาด นั่งเจ่าอยู่บนปลายตอไม้ที่ไฟไหม้ ในนาที่ไฟไหม้แห่งหนึ่งแล้ว ทรงแสดงนางอัปสร ๕๐๐ ซึ่งมีเท้าดังเท้านกพิราบ๑- ผู้มาสู่ที่บำรุงของท้าวสักกเทวราชในภพดาวดึงส์.
    ____________________________
    ๑- บทว่า กกุฏปาทานิ ได้แก่ มีเท้า เช่นกับเท้านกพิราบ เพราะมีสีแดง.

    ก็แลครั้นทรงแสดงแล้ว ตรัสอย่างนี้ว่า “ นันทะ เธอสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน? ฝ่ายไหนหนอแล? มีรูปงามกว่า น่าดูกว่า และน่าเลื่อมใสกว่ากัน, นางชนบทกัลยาณีผู้ศากิยะหรือนางอัปสร ๕๐๐ ซึ่งมีเท้าเช่นกับเท้านกพิราบนี้.” พระนันทะได้สดับพระพุทธดำรัสนั้นแล้ว ทูลว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ นางลิงลุ่นมีหูจมูกและหางขาดนั้น แม้ฉันใด ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ นางชนบทกัลยาณีผู้ศากิยะ ก็เหมือนกันฉันนั้น, เพราะการเปรียบเทียบกัน นางย่อมไม่ถึงการนับบ้าง ไม่ถึงเสี้ยวหนึ่งบ้าง ไม่ถึงส่วน (หนึ่ง) บ้าง แห่งนางอัปสร ๕๐๐ นี้, ที่แท้นางอัปสร ๕๐๐ นี้แล มีรูปงามกว่า น่าดูกว่า และน่าเลื่อมใสกว่า.”
    ภ. นันทะ เธอจงยินดี, นันทะ เธอจงยินดี, เราจะเป็นผู้ประกันของเธอ เพื่ออันได้เฉพาะนางอัปสร ๕๐๐ ซึ่งมีเท้าดุจเท้านกพิราบ.
    น. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ถ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นประกันของข้าพระองค์ เพื่ออันได้เฉพาะนางอัปสร ๕๐๐ ผู้มีเท้าดุจเท้านกพิราบไซร้, ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์จักยินดีในพรหมจรรย์.
    ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพาท่านนันทะไป หายวับไปในที่นั้น ได้ปรากฏในพระเชตวันดังเดิม.
    ภิกษุทั้งหลายได้สดับแล้วแลว่า “ข่าวว่า ท่านนันทะเป็นพระภาดา๑- ของพระผู้มีพระภาคเจ้า โอรสพระน้านาง ประพฤติพรหมจรรย์เพราะเหตุแห่งนางอัปสรทั้งหลาย; นัยว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเป็นผู้ประกันของพระนันทะนั้น เพื่ออันได้เฉพาะนางอัปสร ๕๐๐ ผู้มีเท้าดุจเท้านกพิราบ.”
    ____________________________
    ๑- น้องชาย.

    พระนันทะสำเร็จอรหัตผล

    ครั้งนั้นแล พวกภิกษุผู้สหายของท่านพระนันทะ เรียกท่านพระนันทะด้วยวาทะว่า คนรับจ้างบ้าง ด้วยวาทะว่า คนอันพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงไถ่ไว้บ้าง ว่า “นัยว่า ท่านพระนันทะเป็นคนรับจ้าง, นัยว่า ท่านพระนันทะเป็นผู้อันพระศาสดาทรงไถ่ไว้, พระนันทะประพฤติพรหมจรรย์ เพราะเหตุแห่งนางอัปสร ๕๐๐, ได้ยินว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเป็นผู้ประกันของเธอ เพื่ออันได้เฉพาะนางอัปสร ๕๐๐ ผู้มีเท้าดุจเท้านกพิราบ.”
    ครั้งนั้นแล ท่านพระนันทะขวยเขิน ละอาย รังเกียจด้วยวาทะว่าคนรับจ้างบ้าง ด้วยวาทะว่าคนที่พระศาสดาทรงไถ่ไว้บ้าง ของเหล่าภิกษุสหาย เป็นผู้ๆ เดียว หลีกออกไปแล้วไม่ประมาท มีความเพียร มีตนส่งไปอยู่. ต่อกาลไม่นานเลย ได้ทำให้แจ้งซึ่งที่สุดพรหมจรรย์อันยอดเยี่ยม ซึ่งกุลบุตรทั้งหลาย (ออก) จากเรือนบวชไม่มีเรือน โดยชอบต้องการ ด้วยความรู้ยิ่งเอง สำเร็จแล้ว อยู่ในทิฏฐธรรม๑- รู้ชัดว่า “ชาติสิ้นแล้ว, พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว, กิจจำต้องทำๆ เสร็จแล้ว, กิจอื่นอีกเพื่อความเป็นอย่างนี้ไม่มี.” เป็นอันว่า ท่านพระนันทะได้เป็นพระอรหันต์องค์ใดองค์หนึ่ง ในบรรดาพระอรหันต์ทั้งหลาย.
    ____________________________
    ๑- อีกนัยหนึ่ง :- ได้ทำให้แจ้งซึ่งที่สุดพรหมจรรย์อันยอดเยี่ยม เป็นที่ต้องการแห่งกุลบุตรทั้งหลายผู้ (ออก) จากเรือนโดยชอบ บวชไม่มีเรือน ด้วยความรู้ยิ่งเอง.

    ครั้งนั้น เทวดาองค์หนึ่งยังพระเชตวันทั้งสิ้นให้สว่าง ในส่วนแห่งราตรีแล้ว เข้าไปเฝ้าพระศาสดา ถวายบังคมแล้ว กราบทูลว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ท่านพระนันทะ เป็นพระภาดาของพระผู้มีพระภาคเจ้า โอรสพระน้านาง ทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุตติ๑- ปัญญาวิมุตติ๒-, อันหาอาสวะมิได้ เพราะสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย ด้วยความรู้ยิ่งเอง สำเร็จแล้วอยู่ในทิฏฐธรรม. ญาณได้เกิดขึ้นแม้แก่พระผู้มีพระภาคเจ้า (เหมือนกัน) ว่า “นันทะทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตติ อันหาอาสวะมิได้ เพราะสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย ด้วยความรู้ยิ่งเอง สำเร็จแล้วอยู่ในทิฏฐธรรม.”
    ____________________________
    ๑- พ้นจากกิเลสด้วยอำนาจใจ. ๒- พ้นจากกิเลสด้วยอำนาจปัญญา.

    ท่านพระนันทะแม้นั้น โดยล่วงไปแห่งราตรีนั้น เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ถวายบังคมแล้ว ได้กราบทูลคำนี้ว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเป็นผู้ประกันของข้าพระองค์ เพื่ออันได้เฉพาะซึ่งนางอัปสร ๕๐๐ ซึ่งมีเท้าดุจเท้านกพิราบ ด้วยการรับรองใด, ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์เปลื้องพระผู้มีพระภาคเจ้าจากการรับรองนั่น.”
    พระผู้มีพระภาคตรัสว่า “นันทะ แม้เราก็กำหนดใจของเธอด้วยใจ (ของเรา) ทราบแล้วว่า ‘นันทะทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตติ อันหาอาสวะมิได้ เพราะสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย ด้วยความรู้ยิ่งเอง สำเร็จแล้วอยู่ในทิฏฐธรรม.’ แม้เทวดาก็บอกเนื้อความนี้แก่เราว่า ‘ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ท่านนันทะทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตติ อันหาอาสวะมิได้ เพราะสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย ด้วยความรู้ยิ่งเอง สำเร็จแล้วอยู่ในทิฏฐธรรม.’ นันทะ เมื่อใดแล จิตของเธอพ้นแล้วจากอาสวะทั้งหลาย เพราะมีความไม่ยึดมั่น, เมื่อนั้น เราก็พ้นจากการรับรองนั้น.”
    ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบเนื้อความนี้แล้ว
    ทรงเปล่งอุทานนี้ ในเวลานั้นว่า
    เปือกตมคือกามอันผู้ใดข้ามได้แล้ว, หนาม
    คือกามอันผู้ใดย่ำยีได้แล้ว ผู้นั้นบรรลุความ
    สิ้นไปแห่งโมหะ ย่อมไม่หวั่นไหวในเพราะ
    สุขและทุกข์.
     
  6. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,372
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,120
    ค่าพลัง:
    +70,467
    เจดีย์พระจุฬามณี"บนสรวงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
    สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ มีปราสาทเนรมิต กับมี พระเจดีย์จุฬามณี อันเป็นที่ประดิษฐานพระเมาลีของพระพุทธเจ้าเมื่อครั้งเสด็จออกมหาภิเนกษกรมณ์ และเมื่อพระพุทธองค์นิพพานแล้วก็ได้เป็นที่ประดิษฐานพระเขี้ยวแก้วองค์ขวาด้วย

    *********************

    ทำนองเดียวกัน เมื่อพระเมาลีของพระพุทธองค์ ก่อนตรัสรู้ และพระเขี้่ยวแก้ว หรือพระบรมสารีริกธาตุ ที่เป็นธาตุหยาบกว่า ทำไมได้รับการอัญเชิญไปประดิษฐานในภพภูมิอันเป็นมิติที่ละเอียดกว่าได้

    สิ่งเหล่านี้เกิดกว่าประสพการณ์ทางอายตนะทั้ง5 จะคิดนึกตรึกตรอง
    โดยไม่ใช้ใจที่บริสุทธิ์แม้เพียงชั่วคราวจากการฝึกอภิญญาจนเกิดอายตนะทิพย์
    เข้าไปรับทราบ
     

แชร์หน้านี้

Loading...