เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๖๔

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๖๔

​

 

วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๑๔ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔ เป็นวันขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีฉลู ปกติแล้ววันพระ กิจกรรมงานต่าง ๆ ของทางคณะสงฆ์จะงด เพื่อที่ทางแต่ละวัดจะได้ดำเนินการเกี่ยวกับพิธีสงฆ์ในการทำบุญวันพระ แต่วันนี้กระผม/อาตมภาพจะต้องไปเข้าระบบ Zoom เพื่อที่จะเข้าอบรม ซึ่งเขากำหนดให้เข้าตั้งแต่ ๑๘ นาฬิกา ๔๕ นาที ก็แปลว่าตอนนี้เลยเวลามาเล็กน้อยแล้ว ดังนั้น...พอบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนเสร็จ ก็จะต้องรีบวิ่งไปเข้าระบบ Zoom กับเขาต่อ

ในช่วงระยะนี้สิ่งหนึ่งที่ญาติโยมรอคอยอยู่ และขณะเดียวกันทางด้านคณะสงฆ์ของเราก็รออยู่ ก็คือว่าจะได้รับอนุญาตให้จัดงานกฐินหรือไม่ ? ปรากฏว่าทางด้านสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาตินำเอามติมหาเถรสมาคมมาแจ้งให้ทราบ โดยกำหนดให้ดำเนินการดังนี้ (...ขออ่าน...)

๑. ผู้เข้าร่วมพิธีกฐินต้องไม่เกิน ๒๕ คน ต้องสวมหน้ากากอนามัย และเว้นระยะห่าง ๑.๕ เมตรถึง ๒ เมตร
๒. งดการฉลองกฐิน และงดการตั้งขบวนอัญเชิญองค์กฐิน ตรงที่เอามาอ่านนี้ ไม่ใช่ของมหาเถรสมาคมโดยตรง แต่ว่าเป็นมติของคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิ และความเห็นร่วมของคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่ออำเภอทองผาภูมิ
๓. งดจัดโรงทาน
๔. ผู้ที่เดินทางมาจากนอกพื้นที่ ต้องมีหลักฐานการฉีดวัคซีนมาครบ ๒ เข็ม
๕. คณะของผู้ที่เป็นประธานองค์กฐินที่เข้าร่วมงาน ต้องทำการตรวจ ATK ก่อนเข้าพิธี ถ้าหากว่ามีผลตรวจยืนยันไม่เกิน ๗๒ ชั่วโมงว่าไม่ติดเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ก็สามารถเข้าร่วมถวายกฐินได้ นี่หมายถึงว่าใน ๒๕ คนที่ได้รับอนุญาตนั้น
๖. ให้ปฏิบัติตามมาตรการ D - M - H - T - T - A ของทาง ศบค. อย่างเคร่งครัด

สรุปก็คือ ญาติโยมไม่ว่าจะเป็นในประเทศหรือต่างประเทศก็ตาม ถ้าจะร่วมบุญกฐินกับทางวัดท่าขนุน ก็ให้ใช้วิธีโอนเงินมา เพราะว่าตัวตนไม่สามารถที่จะไปเองได้แล้ว

 

เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะว่า พื้นที่ทองผาภูมิในตอนนี้เชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ระบาดมาก อันดับแรก ท่านที่ผ่านด่านตรวจผสมผสาน ระหว่างตำรวจ ทหาร พลเรือน และ อปพร. ที่สามแยกทองผาภูมิ จะเห็นว่าไม่เห็นตำรวจเหลือเลยแม้แต่นายเดียว เพราะว่าตอนนี้ตำรวจติดเชื้อ ไม่ได้แค่แพร่ระบาดในสถานีเท่านั้น แต่ว่าแพร่ไปถึงครอบครัวของตัวเองด้วย..!

ท่านที่ติดตามงานของวัดท่าขนุนผ่านทางเฟซบุ๊ก ก็จะเห็นว่ามีการนำเอาข้าวสาร อาหารแห้ง น้ำดื่ม ไปมอบให้ที่ศูนย์อพยพชาวพม่า เนื่องจากว่าโดนสั่งปิดศูนย์ เพราะว่าติดเชื้อกันร้อยกว่าสองร้อยคน แล้วยังเข้ามาทำงานในตลาดทองผาภูมิตามปกติ

อีกส่วนหนึ่งก็คือหมู่บ้านปิล็อกคี่ ซึ่งแม้ว่าจะต้องนั่งเรือไปเป็นชั่วโมง แต่ตอนนี้มีผู้ติดเชื้อที่ผ่านการตรวจยืนยันแล้ว ๑๑๗ คน..! และที่แน่ ๆ แหล่งเที่ยวของเราก็คือบ้านปิล็อก ดูท่าว่าจะไม่รอดเหมือนกัน เพราะว่าทางโรงพยาบาลและ อสม. เพิ่งจะขึ้นไป "สวอบ" มา จะต้องดูผลว่าติดเชื้อเท่าไร แปลว่าการแพร่ระบาดในเขตพื้นที่อำเภอทองผาภูมินั้นหนักมาก ท่านใดปรารถนาจะได้เชื้อไวรัสโควิด ๑๙ สายพันธุ์ทองผาภูมิ กรุณาเดินทางไปวัดได้เลย เรายินดีต้อนรับ...! ติดเชื้อไปให้ดิ้นรนเอาชีวิตรอดกันเองก็แล้วกัน

เพราะฉะนั้นขอสรุปว่า...ท่านที่จะทำบุญตักบาตรเทโว ทำบุญออกกรรมฐาน หรือว่าทำบุญกฐินก็ตาม ให้ใช้วิธีโอนผ่านคิวอาร์โค้ด หรือว่าจะร่วมบุญในเว็บไซต์วัดท่าขนุน ซึ่งจะมีแนวทางในการร่วมบุญให้หลายอย่างด้วยกัน

 

ต้องบอกว่าการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ นั้น ทำให้กิจการงานคณะสงฆ์เหมือนกับหยุดชะงัก แต่ว่าเป็นการหยุดชะงักแค่ในด้านกองบุญการกุศลต่าง ๆ ที่เปิดโอกาสให้ญาติโยมมาร่วมงานเท่านั้น ในงานคณะสงฆ์ด้านอื่นนั้น รู้สึกว่าจะหนักกว่าปกติหลายเท่า เนื่องจากว่ามีการประชุมอบรมผ่านระบบ Zoom Online Meeting หรือว่าระบบ Google Meet แล้วก็ยังมีอีกหลาย ๆ ระบบ ทำให้งานเข้ามาหาได้ถึงยันที่นอน โดยไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงได้..!

ส่วนวันพรุ่งนี้ จะมีการสอบนักธรรมชั้นตรี ๔ วันต่อเนื่อง ก็คือวันที่ ๑๕-๑๖-๑๗-๑๘ จะเห็นได้ว่าวันที่ ๑๙-๒๐-๒๑ กระผม/อาตมภาพกำหนดว่าจะเข้ากรรมฐานล่วงหน้ามาเป็นปีแล้ว แล้ววันซึ่งทางกองธรรมสนามหลวงกำหนดเวลาสอบมาก็ฉิวเฉียดมาก ถ้าตรงกัน..อาตมภาพก็จะทิ้งงานสอบ..! แต่ปรากฏว่าเป็นเรื่องของธรรมะจัดสรรทุกปี ทุกอย่างจะต้องลงตัว จึงทำให้การบริหารจัดการต่าง ๆ ง่ายขึ้น

สรุปว่าการตักบาตรเทโวก็ดี ทำบุญออกกรรมฐานก็ดี หรือว่าทำบุญกฐินวัดท่าขนุนก็ตาม ญาติโยมทั้งหลายที่ต้องการมีส่วนร่วม ก็ขอให้เป็นการร่วมทางออนไลน์ คืออาจจะมีการถ่ายทอดสด หรือว่าไม่มีก็ตาม ถ้าหากว่าไม่มีก็ใช้วิธี "ร่วมทิพย์" ที่สมัยนี้เขานิยมกันมาก ก็คิดเสียว่าปีก่อน ๆ นั้น ทางวัดท่าขนุนทำอะไรในช่วงเวลาไหน เราก็ระลึกตามไป จัดเป็นอนุสติอย่างหนึ่ง

 

ส่วนอีกเรื่องหนึ่งก็คือว่า ช่วงระยะนี้เจ้าหน้าที่ของทางวัดวุ่นวายมาก เพราะว่ามีผู้ที่ไม่ดูตาม้าตาเรือ ไม่อ่านกฎเกณฑ์กติกาอะไรของทางวัดท่าขนุนเลย ได้ทำการจองวัตถุมงคลเข้ามาด้วยความเข้าใจผิดว่า กูเกิลฟอร์มที่ทิ้งเอาไว้ให้นั้น ก็คือการสมัครเป็นสมาชิกวัดท่าขนุน ซึ่งความจริงแล้วกูเกิลฟอร์มนั้น เขามีเอาไว้ให้แจ้งว่า ท่านทั้งหลายจองวัตถุมงคลไปแล้วโอนเงินจ่ายเมื่อไร ก็เลยทำให้มีการต่อว่าต่อขานว่า "ทำไมเว็บไซต์วัดท่าขนุนถึงได้เข้าเป็นสมาชิกยากเย็นขนาดนี้ ?" ตรงนี้ต้องขอบอกว่า ถ้าใครเห็นว่าเป็นของยากนั้น เกิดจาก ๒ สาเหตุด้วยกัน

สาเหตุแรกก็คือ ศรัทธายังไม่แน่นแฟ้นพอ เพราะว่าบางท่านสมัครเป็นสมาชิกเว็บไซต์วัดท่าขนุนแล้วประมาณ ๗ - ๘ เดือน กว่าที่จะได้รับการยืนยันตัวตนจากทางเว็บไซต์ เขายังรอได้ ถ้าท่านศรัทธาไม่พอ รอไม่ได้ ก็เป็นความผิดพลาดของท่านเอง

ประการที่สอง กำลังใจของท่านต่ำเกินไป ขาดความอดทน อดกลั้น ซึ่งยุคสมัยนี้คนเป็นกันมาก ขอให้ทุกท่านเข้าใจว่า ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์วัดท่าขนุนก็ดี หรือว่าเฟซบุ๊กวัดท่าขนุนก็ตาม มีผู้ดำเนินการบริหารจัดการแค่ ๑ คนเท่านั้น แล้วก็มีงานประจำล้นมืออยู่ทุกวัน

ดังนั้น...ในส่วนนี้ที่ผู้บริหารเขาตั้งใจสละเวลามา เพื่อช่วยเหลืองานของทางวัดท่าขนุน จนได้รับคำชมเชยจากสมาชิกทั่วโลกว่า เว็บไซต์วัดท่าขนุนเป็นเว็บที่ "แอคทีฟ" มาก เนื่องจากว่ามีข้อมูลใหม่ ๆ ลงอยู่ทุกวัน นั่นคือการบริหารงานของบุคคลที่น้อยมาก แต่สามารถสร้างผลงานที่ยิ่งใหญ่มาก ควรค่าแก่ความภูมิใจ

แล้วอีกอย่างหนึ่ง ความยากที่เกิดขึ้นก็คือ เนื่องจากอาตมภาพทน "ภาษาอุบาทว์" ของเด็กในปัจจุบันนี้ไม่ได้ ก็เลยกำหนดเอาไว้ตั้งแต่ต้นว่า การสมัครสมาชิกเว็บวัดท่าขนุนนั้น User Name หรือว่าชื่อผู้ใช้ของท่าน ต้องเป็นภาษาไทยที่แปลได้ตามพจนานุกรมเท่านั้น แต่ยอมผ่อนผันให้ก็คือภาษาบาลีและสันสกฤต นอกนั้นแล้วไม่มีการผ่อนผัน

 

ทุกท่านถ้าสังเกตจะเห็นว่า ทุกกึ่งเดือนจะมีการลบชื่อสมาชิกที่สมัครเข้ามาแบบไม่ดูตาม้าตาเรือ พอได้ยินว่าให้ชื่อสมาชิกเป็นภาษาไทย ก็สมัครมาว่า "ลิลลี่" "เจมส์ครับ" แล้วมึงจะผ่านไหม ? ส่วนรายที่มีปัญหานี้ นอกจากเข้าใจผิดแล้ว การสมัครเป็นสมาชิกยังใช้ชื่อภาษาอังกฤษ ก็คือเขียนเป็นภาษาอังกฤษมาเลย ทำให้โดนตีตกไป แล้วก็ไปเข้าใจว่าตนเองสมัครสมาชิกแล้ว

การสมัครสมาชิกท่านยังไม่สามารถทำอะไรได้ จนกว่าที่จะส่งเอกสารให้กับทางด้านเว็บไซต์ แล้วทางเว็บไซต์ลงข้อมูลจนสำเร็จเรียบร้อย มีคำตอบกลับไปว่ายืนยันตัวตนของท่านแล้ว ท่านถึงจะมีสิทธิ์ที่จะทำอะไรเกี่ยวกับเว็บไซต์ท่าขนุนได้ เพราะฉะนั้น...สิ่งที่ยากก็เหมือนกับเพชร ต้องขุด ต้องร่อน ต้องใช้ความเพียรพยายามอย่างสูง เป็นการวัดกำลังใจของท่านจริง ๆ ว่ามีความศรัทธาและความอดทนพอหรือไม่ ?

ตรงนี้เราไม่ได้ใส่ใจท่านทั้งหลายที่เสื่อมศรัทธาและถอยไป เนื่องเพราะว่ากำลังใจของท่านต่ำเอง ดังนั้น...คำขู่ประเภทที่ว่า "ไม่เป็นสมาชิกแล้ว" "ไม่ติดตามวัดท่าขนุนแล้ว" อาตมาก็ได้ยินเหมือนกับเสียงลมผ่านหูไปเฉย ๆ ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลย เพราะว่าเราไม่ต้องการสมาชิกมากอยู่แล้ว อะไรก็ตามถ้าหากว่ามีคุณภาพ ถึงแม้ว่าจะน้อย ก็สามารถที่จะทดแทนจำนวนที่มากได้

ดังนั้น...สมาชิกของเว็บไซต์วัดท่าขนุน แม้ว่าจะอยู่ในระดับหมื่นนิด ๆ แต่ความมีคุณภาพนี้ เว็บไซต์อื่นเทียบไม่ติด เพราะว่าทุกคนต้องใช้คำว่า "โดนมาแล้ว" ทั้งนั้น หลายท่านก็โดนจับแช่แข็งไป ๖ เดือน ครึ่งปี ส่วนใหญ่เลยก็โดนไป ๓ เดือน

ส่วนท่านที่โดนแบนตลอดชีวิต เนื่องจากความประพฤติของท่านเอง อย่างเช่นว่า มาจองในเว็บไซต์วัดท่าขนุน แล้วก็เอาวัตถุมงคลวัดท่าขนุนไปโพสต์จำหน่าย เมื่อจองแล้วขายไม่ออก ก็มายกเลิก หรือว่าไม่โอนเงินตามเวลาที่กำหนดไว้ ความประพฤตินี้ก็เลยทำให้ท่านที่ลืมโอนจริง ๆ เดือดร้อนไปด้วย เพราะว่าโดนแบนตลอดชีวิตจากคำสั่งของกระผม/อาตมภาพเอง แล้วทางเราก็ไม่รับอุทธรณ์ฎีกาใด ๆ ทั้งสิ้น..!

 

ส่วนท่านที่ไม่ได้เป็นสมาชิก กฎเกณฑ์กติกา เขาบอกรายละเอียดไว้ชัดเจนทุกกระทู้ว่า "ถ้าหากว่าโอนเงินไปก่อนก็แปลว่าทำบุญ" ก็แปลว่าท่านทั้งหลายที่ทำการโอนเงินมา โดยที่ตนเองยังไม่ได้เป็นสมาชิก ซึ่งโดยปกติแล้วไม่สามารถที่จะเข้าไปจองวัตถุมงคลได้ แต่ท่านกลับเข้ากูเกิลฟอร์มไป แล้วก็จองวัตถุมงคล โอนเงินมาเลย ก็ขอให้ตัดใจว่าทำบุญกับทางวัดไป เพราะว่าทุกคนโดนมาแบบนี้ทั้งหมด

บางท่านที่อยู่ต่างประเทศ โดนไปคิดเป็นเงินไทยแล้วเป็นหมื่นก็มี ขอให้ภูมิใจว่า ไม่ใช่ท่านคนเดียวเท่านั้นที่แปลกแยกจากสังคม แต่ว่าสมาชิกเว็บวัดท่าขนุนโดนมาแล้วเกือบทุกคน โดนจนกระทั่งต้องตั้งสติระมัดระวัง และอ่านกฎเกณฑ์กติกาทุกอย่าง

โดยเฉพาะเพจที่เรียกว่าเป็นเครือข่ายของวัดท่าขนุน ก็คือ "เพจกิฟท์จังพลังเวทย์" เปลี่ยนวิธีในการจองทุกครั้ง ใครไม่อ่านก็พลาดเอง ซึ่งตรงนี้กระผม/อาตมภาพชอบใจมาก เพราะว่าส่วนใหญ่แล้วพวกท่านมักจะไม่ดูตาม้าตาเรือ ไม่สนใจศึกษากฎเกณฑ์กติกา เข้าไปถึงก็ตะลุยจองเลย เพราะว่าคราวที่แล้วยังเคยจองแบบนี้ แต่เพจกิฟท์จังพลังเวทย์ไม่ใช่เช่นนั้น เพราะว่าสิ่งที่เขามีนั้นน้อยมาก อย่างมากที่สุดก็ประมาณ ๕ - ๖ ชิ้น ส่วนใหญ่แล้วก็มีก็ชิ้นเดียว ดังนั้น...ถ้าหากว่าใครจองโดยใช้ความเคยชินเดิม ๆ ไม่อ่านกฎเกณฑ์กติกา ก็แปลว่า "พลาดอย่างแรง..!"

ตรงนี้จะทำให้ท่านทั้งหลายเป็นผู้ที่มีสติ รู้ระเบียบวินัย ซึ่งเทียบเท่ากับการรักษาศีล เมื่อท่านมีสติ มีศีล สมาธิของท่านจะทรงตัวโดยอัตโนมัติ แล้วเราก็สามารถใช้ประโยชน์จากสมาธิ ในการสร้างเสริมปัญญาให้เกิด เพื่อที่จะพาตนให้หลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพานได้

จึงขอชี้แจงแสดงเหตุให้กับพระภิกษุสามเณรของเรา ตลอดจนกระทั่งญาติโยมทั้งหลาย ได้ทราบแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพฤหัสบดีที่ ๑๔ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)