เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๖๔

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 21 กันยายน 2021.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,673
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,552
    ค่าพลัง:
    +26,394
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๖๔


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,673
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,552
    ค่าพลัง:
    +26,394
    วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๒๑ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๔ เป็นวันพระใหญ่กลางเดือน ๑๐ อีกหนึ่งเดือนก็ออกพรรษาแล้ว

    สำหรับระยะนี้ไม่ว่าจะโดยส่วนตัว หรือว่าเป็นการถามในขณะที่เข้ารับการอบรมสัมมนาก็ตาม จะมีแต่เรื่องของ ๒ พส.ที่ทำการไลฟ์สดเผยแผ่ธรรมะประการหนึ่ง อีกประการหนึ่งคือมีการรีวิวสินค้า มีผู้ถามว่า ใช่กิจของสงฆ์หรือไม่ ? ขณะเดียวกันก็ผิดพระวินัยหรือไม่ ?

    คราวนี้เรามาดูในจุดของการไลฟ์สดที่ท่านบอกว่าเป็นการแสดงธรรมก่อน ตรงจุดนี้ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายที่เป็นพระ ก็เอาธรรมเทสนาปฏิสังยุตต์ในเสขิยวัตรมาประกอบได้เลย เพราะพระพุทธเจ้าบอกเอาไว้ชัดเจนแล้วว่า การแสดงธรรมเราต้องทำอย่างไรบ้าง อะไรที่นอกลู่นอกทางไปจากธรรมเทสนาปฏิสังยุตต์นี้ ก็แปลว่าผิดพระธรรมวินัย

    คราวนี้ในส่วนที่บอกว่าเป็นการเทศน์ตลกคะนอง ไม่มีสมณสารูป เรื่องนี้มีมาแต่โบร่ำโบราณมาจนถึงปัจจุบัน นักเทศน์รุ่นเก่า ๆ ที่มีชื่อเสียงต้องเทศน์ตลกได้ แล้วทำไมไม่มีคนตำหนิ ? ก็เพราะว่าท่านทั้งหลายเหล่านั้นเทศน์อยู่ในวงแคบ บุคคลที่ติดตามฟังเป็นคนแค่กลุ่มเล็ก ๆ อย่างมากที่สุดก็สี่ห้าร้อยคน ไม่ได้ออกสื่อโซเชียลที่สามารถแพร่กระจายไปทั่วโลกได้

    ในเมื่อเป็นเช่นนั้น สิ่งที่ท่านทำเพื่อความรื่นเริงก็ไม่ได้เป็นที่ตำหนิ เพราะว่าบุคคลที่ติดตามไปฟังก็ชอบอยู่แล้ว ส่วนคนที่ไม่ชอบ ไม่ได้ติดตามไป ไม่ได้เห็น ไม่ได้ยิน ก็ไม่มีปัญหา ดังนั้น...เราจะเห็นว่า ถ้าหากว่ากล่าวกันถึงส่วนนี้ มีการทำกันตั้งแต่โบราณ เพียงแต่ไม่มีการเผยแพร่ก็เลยไม่โดนตำหนิ
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,673
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,552
    ค่าพลัง:
    +26,394
    ประการต่อไปก็คือ การรีวิวขายสินค้าเป็นกิจของสงฆ์หรือไม่ ? ถ้าถามแบบนี้ ต้องบอกว่าถามผิดประเด็น ควรจะถามว่าผิดพระธรรมวินัยหรือไม่ ?

    ในพระธรรมวินัย พระพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ชัดเจน ถ้าหากว่าพระสงฆ์ สามเณร หรือญาติโยมที่เรียนนักธรรมชั้นโท ในส่วนของของวินัยมุข มีระบุไว้ชัดในอุปปถกิริยาว่า สิ่งที่พระเณรห้ามทำ ประกอบไปด้วยอนาจาร คือการละเล่นต่าง ๆ สนุกสนานเกินขอบเขต ซึ่งบาลีแปลว่าเล่นแบบเด็ก ๆ

    ประการที่สองคือ ปาปสมาจาร แปลว่ามีความประพฤติเลวทราม โดยเน้นในลักษณะการประจบคฤหัสถ์เพื่อประทุษร้ายตระกูล คำว่า กุลทูสก ในที่นี้ หมายถึงทำลายตระกูลของพระพุทธเจ้า ก็คือทำลายความเป็นพระเป็นเณร ถ้าหากว่าเรามองตรงจุดนี้จะเห็นว่า การรีวิวขายสินค้านั้นถือว่าเป็นการประจบคฤหัสถ์หรือเปล่า ? เป็นการทำลายตระกูลของพระพุทธเจ้าหรือเปล่า ?

    ตั้งแต่วันแรกที่บวช พระอุปัชฌาย์หรืออาจารย์คู่สวดที่ได้รับมอบหมายจากพระอุปัชฌาย์จะบอกอนุศาสน์ คือคำสอนโดยย่อ ๘ อย่าง แบ่งออกเป็นนิสสัย คือปัจจัยเครื่องอาศัยของบรรพชิต ๔ อย่าง ได้แก่ การเที่ยวบิณฑบาต นุ่งห่มผ้าบังสุกุล อยู่โคนไม้ ฉันยาดองด้วยน้ำมูตรเน่า

    ปัจจุบันการอยู่โคนไม้ ก็คืออยู่ในสถานที่ที่จัดให้ จะเป็นกุฏิเป็นศาลาอะไรก็ตาม ส่วนการฉันยาดองด้วยน้ำมูตรน้ำ ซึ่งเป็นการรักษาโรคในอดีต ปัจจุบันนี้คือฉันยารักษาโรคตามอาการ

    และอกรณียกิจ ก็คือสิ่งที่พระเราห้ามทำอย่างเด็ดขาด ๔ ข้อ ได้แก่ การเสพเมถุนก็คือการมีเมีย พูดง่าย ๆ ท่านระบุว่าอวัยวะสัมผัสกันแค่ช่วงเมล็ดงา ถือว่าขาดจากความเป็นพระ
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,673
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,552
    ค่าพลัง:
    +26,394
    ลักขโมยสิ่งของ สิ่งที่เจ้าของไม่ได้ให้ รวมแล้วได้ราคา ๕ มาสก ซึ่งบ้านเราตีราคาว่าบาทเดียว ขาดจากความเป็นพระ

    ฆ่าสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์เล็กสัตว์น้อย หรือกระทั่งหนักหนาขนาดฆ่าคน ขาดจากความเป็นพระ ท่านบอกว่า สะมะโณ โหติ ปะรัง วิเหฐะยันโต การเบียดเบียนผู้อื่นอยู่ไม่ถือว่าเป็นสมณะ ผู้อื่นในที่นี้คือทั้งคนและสัตว์

    และข้อสุดท้าย พูดอวดอุตริมนุสสธรรมที่ไม่มีในตน ก็คือไม่มีฌาน ไม่มีสมาบัติ ไม่มีวิโมกข์ ไม่มีวิมุติ ไม่มีมรรค ไม่มีผล แต่บอกว่าตนเองมี ขาดจากความเป็นพระ

    คราวนี้มาว่าถึงในเรื่องนิสสัย ปัจจัยเครื่องอาศัยของบรรพชิต ๔ อย่าง ท่านบอกเลยว่าเที่ยวบิณฑบาต ก็คือให้ทำมาหากินด้วยสภาพของขอทาน ออกไปขอให้ญาติโยมเขาสงเคราะห์ เป็นการขอแบบดุษฎี ก็คือนิ่ง ๆ แม้กระทั่งเอ่ยปากก็ถือว่าผิด พูดง่าย ๆ คือยืนนิ่ง ถ้าหากว่าญาติโยมเขาเห็นใจ เขาสงเคราะห์ด้วยการใส่บาตรก็รับไว้ ถ้าเขาไม่เห็นใจ ยืนแล้วเขาไม่สนใจ เราก็ไปต่อ

    ตรงจุดนี้ ถ้าหากว่าเป็นสายวัดป่า อย่างสมัยก่อนหลวงปู่ทองรัตน์ กนฺตสีโล ต้องการจะทรมานโยมให้รู้จักทำบุญ เพราะว่าเดินผ่านบ้านทุกวันก็ไม่ยอมทำบุญใส่บาตรกับใคร ท่านก็ไปยืนรอหน้าประตูบ้าน ตะโกนบอกโยม "พระมาแล้ว มาใส่บาตร" โยมบอกว่ายังไม่ได้นึ่งข้าว หลวงปู่ทองรัตน์บอก "ไม่เป็นไร รอได้" เจอพระตื๊อแบบนี้เข้า โยมก็ต้องไปนึ่งข้าว เมื่อถึงเวลาจกข้าวเหนียวใส่บาตร หลวงปู่ท่านก็ให้ศีลให้พร สอนสั่งว่าการทำทานนั้นมีอานิสงส์อย่างไร

    เสร็จสรรพเรียบร้อย เมื่อกลับถึงวัด ท่านหยิบข้าวก้อนนั้นแยกออกมาต่างหาก บอกว่าเป็นของที่ได้มาไม่บริสุทธิ์ เพราะไปเรียกร้องเอาจากญาติโยม ฉันไม่ได้ ถ้าฉันเมื่อไร โดนปรับอาบัติทุกคำ คำว่าอาบัติ สำหรับญาติโยมทั่วไปที่ไม่เข้าใจก็คือศีลขาด ก็แปลว่า เที่ยวบิณฑบาตเพื่อเลี้ยงชีพตนเอง ไม่ใช่รีวิวสินค้า ท่านทั้งหลายก็ต้องแยกแยะให้ออก
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,673
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,552
    ค่าพลัง:
    +26,394
    เพราะฉะนั้น...ท่านที่ถามมา ถ้าหากว่าถามเพราะอยากรู้ ไม่เป็นไร แต่ถ้าถามเพื่อที่จะเสี้ยมให้พระทะเลาะกันนั้น ไม่สมควร โดยเฉพาะถ้าถามอาตมานี่ ไม่ได้แน่นอน เพราะว่ามีอะไรก็ว่ากันตรงไปตรงมาตามพระธรรมวินัย ถูกก็คือถูก ผิดก็คือผิด ถูกอย่างไร ผิดอย่างไร ก็ชี้แจงให้ทราบแล้ว

    ในปัจจุบันนี้ อาตมภาพเคยพูดไปแล้วว่า มีคนเป็นจำนวนมากที่พยายามทำสิ่งที่ผิดให้ถูก ถ้าหากว่าปล่อยนาน ๆ ไป สิ่งทั้งหลายเหล่านี้กลายเป็นถูกต้อง ก็จะกลายเป็นเครื่องกัดกร่อนทำลายพระพุทธศาสนาลงไปเอง แต่ก็ต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่น่าเห็นใจ เพราะว่าคนสมัยนี้ อาตมภาพอยากใช้คำว่า "กลวงเปล่า" เสียมาก คือไร้สาระแก่นสารโดยสิ้นเชิง

    ถ้าฟังเทศน์ฟังธรรมก็เอาสนุกสนานเฮฮา แล้วยังไปตำหนิพระว่าสนุกเกินงามอีก ดังนั้น...เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ เมื่อชี้แจงไปแล้ว ก็อยู่ที่แต่ละคนว่าจะมีสามัญสำนึกในการวินิจฉัยอย่างไร

    ส่วนอีกเรื่องหนึ่งที่จะแจ้งให้ญาติโยมทราบก็คือ ความจริงสมเด็จองค์ปฐมยิ้มรับทรัพย์เนื้อเขียวเหล็กไหล ปลุกเสกมาเรียบร้อยแล้ว เพราะว่าวันที่ไปปลุกเสกวัตถุมงคลที่วัดไตรมิตร รับวัตถุมงคลรุ่นนี้แล้วบรรทุกใส่ท้ายรถไปด้วย ก็ในเมื่อรถจอดอยู่หน้าโบสถ์ ก็เลยเหมาไปด้วยกัน แต่ว่าไม่ต้องรีบ และก็ไม่มีใครรีบ เพราะว่าส่วนใหญ่ ก็คือรอกรรมฐาน ๓ วัน
     
  6. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,673
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,552
    ค่าพลัง:
    +26,394
    ตอนนี้ก็ไม่มีเหลือ แม้แต่อาตมภาพเองก็ไม่มี แล้วก็ไม่ต้องเมตตาเอามาถวาย เพราะไม่ได้อยากได้ แต่บอกให้รู้ว่าหมดจริง ๆ เพราะว่าทางผู้ดำเนินการเอาลงกระทู้ในช่วงเย็น ซึ่งอาตมภาพกำลังยุ่ง ๆ กับชีวิตอยู่ในการอบรมสัมมนาต่าง ๆ มารู้ตัวอีกทีตอนสองทุ่มกว่า เข้าไปดูเขาจองไป ๓๑ หน้าแล้ว แม้แต่ซากก็ไม่มีให้เห็น...!

    ดังนั้น...ท่านทั้งหลาย ถ้าหากว่ามีผู้ใดช้าก็ทำใจ รอวัตถุมงคลรุ่นใหม่ หรือไม่ก็บูชาเนื้อตะกั่ว ที่ถือว่ารับพลังงานได้ดีที่สุด รองจากทองคำเท่านั้น หรือเนื้อปีกเครื่องบินที่เป็นอลูมิเนียมอัลลอยด์ ถือว่าเป็นโลหะผสม โลหะหลายอย่างรับพลังงานได้แตกต่างกัน มีความหลากหลายมากขึ้น ก็แล้วแต่จะพินิจพิจารณา ส่วนท่านทั้งหลายที่ได้เนื้อทองคำไปแล้ว ก็นั่งอมยิ้มแก้มตุ่ยไป เพราะว่าส่วนนั้นเป็นของวัดสี่แยกเจริญพร ดำเนินการจับสลากตามลำดับผู้จองไปแล้ว

    วันนี้เป็นวันพระ เดี๋ยวจะมีการแสดงพระธรรมเทศนภาคค่ำด้วย ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวให้ญาติโยมได้ทราบแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันอังคารที่ ๒๑ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๔
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...