เรื่องเด่น เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๖๔

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 6 กรกฎาคม 2021.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,569
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,543
    ค่าพลัง:
    +26,380
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๖๔


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,569
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,543
    ค่าพลัง:
    +26,380
    วันนี้เป็นวันอังคารที่ ๖ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔ พระภิกษุสามเณรวัดท่าขนุนของเรา ส่วนใหญ่ก็ได้รับวัคซีนต้านไวรัสโควิด ๑๙ เข็มที่สองไปแล้ว แต่อยากจะเรียนถวายทุกท่านว่า ต่อให้ได้รับวัคซีนสักกี่เข็มก็ตาม เราก็ประมาทไม่ได้ เพราะว่าวัคซีนไม่ได้ป้องกันไม่ให้เราติดเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ เพียงแต่ว่าถ้าเราติดเชื้อ วัคซีนจะช่วยให้เราตายยากขึ้นเท่านั้น..!

    เชื้อไวรัสตัวนี้ เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็อยู่กับเราไปชั่วฟ้าดินสลาย แบบเดียวกับเชื้อเอดส์ ซาร์ส เมอร์ส หรือแม้กระทั่งอีโบล่า เพียงแต่ว่าในขณะที่พวกเราทุกคนระวังเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ การปฏิบัติตัวของเราทำให้ไวรัสซาร์ส เมอร์ส หรืออีโบล่าติดยากขึ้น จึงเหมือนกับปลอดภัยชั่วคราว แต่ว่าโรคเอดส์นั้นไม่เหมือนกัน โรคเอดส์ที่ยังเต็มบ้านเต็มเมืองของเราอยู่ พลาดเมื่อไรก็ติดเชื้อเมื่อนั้น เพราะว่ามีวิธีการป้องกันคนละอย่างกัน

    การที่เรารับวัคซีนเข้าไป ทำให้กระแสเลือดของเรามีภูมิคุ้มกันสูงขึ้น ถ้าเชื้อโรคต่าง ๆ เข้าสู่กระแสเลือด ร่างกายก็จะต่อต้านได้ดีขึ้น แต่เชื้อไวรัสโควิด ๑๙ เข้าปอด ไม่ได้เข้ากระแสเลือด คราวนี้เห็นชัดหรือยังว่าการที่เราฉีดวัคซีนไป ไม่ใช่ป้องกันไม่ให้เราติดเชื้่อ แต่ช่วยให้เราติดเชื้อแล้วตายยากขึ้น เพราะว่าภูมิคุ้มกันของร่างกายแข็งแรงขึ้น

    ดังนั้น..หมอทุกคนถึงได้บอกว่า การฉีดวัคซีนมีประโยชน์กว่าไม่ฉีด แต่ไม่มีหมอคนไหนบอกว่า ฉีดวัคซีนแล้วจะป้องกันเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ได้ เพราะว่าไม่มีทางป้องกันได้อยู่แล้ว

    ในเมื่อเป็นเช่นนั้น พวกเราก็ต้องใช้หลักธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็คือ ไม่ประมาทต่อทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวของเรา ทำเหมือนกับคนรอบข้างติดเชื้อกันหมดแล้ว เราจะได้รู้ระมัดระวัง..ไม่เผลอจนกระทั่งตนเองติดเชื้อเข้าไปบ้าง เพราะว่าคนส่วนหนึ่งที่ร่างกายแข็งแรง รับเชื้อเข้าไปแล้วไม่แสดงอาการ แต่กลายเป็นตัวแพร่เชื้อที่ดีที่สุด เพราะไม่คิดว่าตนเองเป็นผู้ป่วย
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,569
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,543
    ค่าพลัง:
    +26,380
    ในขณะเดียวกัน ในความเป็นผู้ปฏิบัติธรรมของเรา ถ้าหากว่ารู้จักใช้หลักวิปัสสนาญาณ ๙ เข้ามาพินิจพิจารณา ก็จะเห็นว่าเป็นธรรมดา ทุกอย่างเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ก็คือ

    อุทยัพพยานุปัสสนาญาณ ทุกอย่างมีเกิดมีดับ จะช้าแค่ไหนก็ดับ
    ภังคานุปัสสนาญาณ ทุกสิ่งทุกอย่าง ในที่สุดก็สลายไปหมด ไม่มีอะไรเหลือ
    ภยตูปัฏฐานญาณ เห็นว่าทุกอย่างเป็นโทษเป็นภัย
    อาทีนวานุปัสสนาญาณ เห็นว่าทุกอย่างเป็นสิ่งที่น่ากลัว พึงจะไปเสียให้พ้น เป็นต้น

    จนกระทั่งท้ายสุดก็คือ สังขารุเปกขาญาณ กำลังใจ ตลอดจนกระทั่ง สติ สมาธิ ปัญญา สมบูรณ์แล้ว ปล่อยวางจากการปรุงแต่งทั้งปวง เห็นการเกิดแก่เจ็บตายเป็นสิ่งปกติ ไม่มีอะไรให้ต้องกลัวอีกเพราะว่าเป็นธรรมดาของโลก ถ้าอย่างนั้นเราก็จะอยู่ในโลกนี้อย่างมีความสุข เพราะเป็นผู้ที่เห็นความจริงและไม่ประมาท ดำรงชีวิตอยู่ด้วยลมหายใจเดียว ก็คือรู้ตัวอยู่เสมอว่าเราต้องตาย หายใจเข้า...ถ้าไม่หายใจออกก็ตายแล้ว หายใจออก...ถ้าไม่หายใจเข้าก็ตายอีกเช่นกัน


    ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ก็ไม่มีสิ่งหนึ่งประการใดที่เราต้องห่วงใย ไม่มีสิ่งหนึ่งประการใดที่เราต้องหวาดกลัว เราก็จะมีชีวิตอยู่แค่ปัจจุบัน คือตอนนี้ เดี๋ยวนี้เท่านั้น อดีตไม่ไปคิดถึง อนาคตไม่ไปฟุ้งซ่านถึง ทำหน้าที่ในปัจจุบันของเราให้ดีที่สุด ขัดเกลากาย วาจา ใจ ของเราให้ดีที่สุด แม้แต่บุคคลที่ขัดเกลากาย วาจา ใจ จนถึงที่สุดแล้ว ก็ยังคงรักษาวัตรปฏิบัติเอาไว้ด้วยความไม่ประมาท เพื่อเป็นแบบอย่างแก่ผู้อื่น


    ดังนั้น...ในเรื่องของการปฏิบัติธรรม ในเรื่องของการขัดเกลาตนเอง เป็นสิ่งที่พวกเราต้องทำจนวาระสุดท้ายของชีวิต พระภิกษุสงฆ์ สามเณร ตลอดจนกระทั่งญาติโยมที่เป็นนักปฏิบัติธรรม ถ้ากำลังใจเข้มแข็งขึ้น ก็อาจจะเพิ่มจากศีล ๕ ไปรักษาศีล ๘ ซึ่งศีล ๘ นั้นเป็นศีลพรหมจรรย์ เป็นศีลของพระอนาคามี อานิสงส์สูงกว่าศีล ๕ มาก และเอื้อประโยชน์ต่อการปฏิบัติธรรมเป็นอย่างมาก
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,569
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,543
    ค่าพลัง:
    +26,380
    อีกส่วนหนึ่งก็คือ สามารถนำเอาหลักปฏิบัติในธุดงควัตรมาใช้กับตนเองได้ ธุดงควัตรทั้ง ๑๓ ข้อ ไม่ใช่ต้องทำหมดทุกข้อ แต่ว่าข้อใดสะดวก เราก็ทำข้อนั้น

    อย่างเช่นว่า ถ้าหากว่าเป็นพระภิกษุสามเณร เราก็บิณฑบาตเป็นวัตร รับบิณฑบาตตามลำดับบ้านเป็นวัตร ฉันมื้อเดียวเป็นวัตร ใช้ผ้า ๓ ผืนเป็นวัตร เหล่านี้เป็นต้น ญาติโยมเองก็สามารถที่จะเลียนแบบได้ แต่ว่าอาจจะเข้มงวดไปบ้าง อย่างเช่นว่า กินอาหารมื้อเดียว หรือว่าอยู่ในสถานที่ตามแต่เขาจะจัดให้เหมือนพระของเรา ไม่เรียกร้องความสุขความสะดวกสบายทั้งปวง ก็จะช่วยขัดเกลาตนเองให้เคยชินกับความยากลำบาก ให้กำลังใจของตนเข้มแข็งขึ้น สามารถต่อสู้กับกิเลสได้ดีขึ้น

    การปฏิบัติธรรมนั้น เราต้องหวังความก้าวหน้าอยู่เสมอ อะไรที่ช่วยให้ก้าวหน้าได้ ไม่ว่าจะเป็นหลักธรรมหัวข้อไหน ให้รีบฉวยเอามาประพฤติปฏิบัติโดยเร็ว เพื่อที่จะเสริมสร้าง กาย วาจา ใจ ของเราให้ดีขึ้นไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งดีถึงที่สุด ก็จะหลุดพ้นเข้าสู่พระนิพพาน ซึ่งพระนิพพานที่กล่าวถึงในพระไตรปิฎกก็ไม่ได้อยู่ที่ไหน อยู่กับตัวเรานี่เอง เพราะว่าถ้าหากว่ากำลังใจของเราปล่อยวางจากภาระทั้งปวง ไม่ยึดมั่นถือมั่นในสิ่งหนึ่งประการใด อารมณ์พระนิพพานก็จะเต็มอยู่ในใจของเราเอง


    อย่างที่ภาษาบาลีกล่าวว่า
    ญาณัง โหติ ขีณา ชาติ วุสิตัง เครื่องรู้เกิดขึ้น ทำให้ทราบว่าชาติ คือการเกิด สิ้นสุดลงแล้ว
    พรัหมะจะริยัง กะตัง กะระณียัง นาปะรัง อิตถัตตายาติ ปะชานาตีติ จบพรหมจรรย์ คือ กิจที่ต้องทำเพื่อความบริสุทธิ์ไม่มีอีกแล้ว
    อารมณ์ใจเหล่านี้แม้เกิดขึ้นกับเรา ก็อย่าประมาทว่าใช่แล้ว เราเคยปฏิบัติขัดเกลา กาย วาจา ใจ
    มา

    อย่างไร จึงทำให้เกิดอารมณ์เช่นนี้ขึ้น ให้ตั้งหน้าตั้งตาทำ และรักษาอารมณ์เหล่านี้ไว้กับเรา ให้อยู่ตลอดไปตราบใดที่ยังทรงชีวิตอยู่ เพื่อความไม่ประมาท และเพื่อเป็นแบบอย่างแก่บุคคลอื่น


    ดังนั้น...ตามที่ได้กล่าวมาในวันนี้ อยากจะสรุปลงตรงที่ว่า เชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ไม่ได้ไปไหน รอบุคคลผู้ประมาทเปิดทางให้เมื่อไร ก็จะทำให้บุคคลนั้นเดือดร้อนทันที ส่วนพวกเราทั้งหลาย เมื่อเข้าใจแล้ว ก็ยังต้องรักษาวัตรปฏิบัติในการป้องกันโรค มีการคัดกรอง เว้นระยะ สวมหน้ากากอนามัย ถ้าไปข้างนอกมา ก็ล้างมือบ่อย ๆ ซักเสื้อผ้าบ่อย ๆ และถ้าเป็นไปได้ ก็คือเก็บตัวระยะยาว ๆ สัก ๒ อาทิตย์ เพื่อที่ให้มั่นใจว่าเราปลอดเชื้อจริง ๆ จะได้ไม่ไปเป็นทุกข์เป็นโทษแก่คนอื่นเขา

    ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา ตลอดจนกระทั่งเจริญพรให้แก่ญาติโยมทั้งหลายได้ทราบแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันอังคารที่ ๖ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...