เรื่องเด่น เพ่งพินิจ "..ความตาย.."(มรณานุสสติ)

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย นโมพุทธายะ๕, 26 พฤษภาคม 2015.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,381
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,121
    ค่าพลัง:
    +70,468
    0JYauvDQbiKLCKDDGcjQXpzpgY9NZY2afrAtjkg0iGFI&_nc_ohc=TfbIK2KHy-YAX9YOBmZ&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,381
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,121
    ค่าพลัง:
    +70,468
    LMiyokggm0ButHJ9sh-Y5JvWox_XWa4MpH5iv2fhb6FJ&_nc_ohc=w2Hi-OSuHUYAX_zKRJ8&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,381
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,121
    ค่าพลัง:
    +70,468
    จิตที่ดิ้นเป็นสังขารปรุงแต่ง



    1f469.png โยม : กราบขอโอกาสค่ะ เวลาไม่สบายเนี่ย กลางคืนเวลามันนอน มันจะรู้ตัว ทีนี้มันจะเห็นจิตมันดิ้นน่ะค่ะ

    2600.png หลวงตา : เออ นี่ ๆ นี่ ๆ ตรงนี้สำคัญเลย เวลาไม่สบายนะ แล้วนอนหลับเนี่ย เห็นจิตมันดิ้น

    จิตมันดิ้นยังไง แล้วมันทำไมจึงดิ้น?
    เอ้า… ไหนอธิบายซิ

    1f469.png โยม : มันอยากจะให้มันหาย

    2600.png หลวงตา : อยากให้มันหาย อยากจะให้ออกจากความเจ็บป่วย?

    1f469.png โยม : ค่ะ

    2600.png หลวงตา : ตรงนี้อันตรายมากเลย !!!

    1f469.png โยม : แล้วเสร็จแล้ว มันก็จะมีสติรู้ขึ้นมา อย่างงี้ไปเรื่อย ๆ ค่ะ คือ เหมือนไม่ได้นอนทั้งคืนค่ะ

    2600.png หลวงตา : นี่โอกาสทองมากเลยนะ โอกาสทองมากเลย ที่เห็นจิตมันดิ้นตอนที่จะตายเนี่ย ตอนที่มันเจ็บไข้ได้ป่วย

    เพราะว่าไอ้จิตที่มันดิ้นเนี่ย คือ ไอ้ตัวที่จะออกจากร่าง ถ้าเราไปเป็นมันน่ะ หลงไปเอาไอ้จิตที่ดิ้นเป็นตัวเรา หรือ เอาตัวเราไปเป็นจิตที่ดิ้น เราอยากจะดิ้นออก
    เราเนี่ย!…" เรา" เป็นคนดิ้นเลย
    เราน่ะเป็นคนดิ้น อยากจะออกจากความเจ็บป่วย

    พอถึงจะตายเนี่ย ไฟธาตุจะแตก มันจะดิ้นออกจากร่างเราเลยกระเด็นออกไปเลย
    พอมันเจ็บป่วยทุกข์ทรมานแล้ว มันหาลมหายใจไม่เจอ เฮือก! เฮือก! เฮือก ...! มันดิ้นเลย

    ไอ้ตัวเราเนี่ย ดิ้นกระเด็นหลุด ปึ๊ง!ออกไปเลย แล้วยมทูตลากเอาไปเลยต่อหน้าต่อตา

    มันจะต้องไม่มีตัวเราออกไป!
    จะไม่มีตัวเราออกไปได้ "กรณีเดียว"
    คือ เห็นไอ้ตัวดิ้น "… ไม่ใช่ตัวเรา ..."
    มันเป็นตัวสังขาร ตัวปรุงแต่ง

    นี่คือโอกาสทองเลย
    ถ้าไม่เจ็บไม่ป่วยไม่เห็นตัวนี้ง่าย ๆ หรอก
    พอเจ็บป่วยปุ๊บ! มันมีตัวที่ดิ้นรนกระเสือกกระสนอยากให้หาย อยากจะออก จะพ้นสภาวะที่เป็นอยู่

    ไอ้ตัวที่ดิ้นอยากจะออกจากภาวะที่เป็นอยู่เนี่ย คือ ตัวที่จะออกจากร่างเลยตัวเนี้ย

    เนี่ยคือ “อวิชชา”
    เนี่ย “ปัจจยาสังขารา สังขาระปัจจยา วิญญานัง”

    ไอ้ตัวเนี้ย ที่มันจะออกจากร่าง เป็น “ตัวตน” เป็น “กายโปร่งแสง” ไอ้ตัวดิ้นเนี่ย ที่มันจะออกจากร่าง

    ถ้าเห็นว่าไอ้ตัวดิ้น เป็นตัวสังขารตัวปรุงแต่ง
    ไม่ยึดถือนี่เป็นเรา เป็นตัวเรา พอตายแล้วดับ ปุ๊บ! ไอ้ตัวที่ดิ้นเนี่ย … ดับเลย!… ไม่มีตัวเราออกจากร่าง

    กลายเป็นเหลือแต่ “ความรู้” ว่าไอ้ตัวดิ้นก็ไม่ใช่ตัวเรา เหลือแต่ความรู้ว่า ไม่มีตัวเราเลย …

    โอกาสทองนะ เจ็บป่วยเนี่ยโอกาสทอง ตอนไม่ป่วยมันก็ประมาทนะเพลินคิดไปวัน ๆ ตอนเจ็บป่วยมาก ๆ จะเป็นจะตายนี่โอกาสทอง

    เห็นเลย เห็นไอ้ตัวดิ้นเลย ดิ้นอยากจะออกจากเวทนา ดิ้นออกจากอะไร ดิ้นออกจากสภาวะอะไรเนี่ย ดิ้นขลุกขลัก ๆ ขลุกขลัก ๆ ไอ้ตัวเนี้ย... หลุดเลย!บางที ใครมาชวนปุ๊บ ไปกับเค้าเลย เพราะว่ามันอยากจะออกจากไอ้ตัวนี้แหละ เต็มทีแล้ว
    มีใครมากวักมือเรียก ตามชั้นมาหน่อย ออกไปปุ๊บ! ตายเลย

    แล้วตายแล้ว แถมมีตัวตนออกไป เค้าพาไปเลย เค้าหลอกพาไปเลย

    บางทีก็เห็นป่าไม้ เห็นดอกไม้สวยงาม ทุ่งโล่ง
    โอ้โห..มันอยากจะดิ้นออกอีกแล้ว พอเห็นอย่างงี้ปุ๊บ ออกเลย ออกไปเลย... ตายเลยนะ!
    ตายแล้วก็ไปเลยน่ะ ไปเลยไปสู่ภพชาติ ตายเลย
    มีตัวเราลอยละล่องออกไปเลย เป็นผีลอยออกไปเลย

    งั้นมันต้องไม่มี ต้องรู้เท่าทัน ไอ้ตัวที่จะออกไปไหนน่ะ พอรู้เท่าทัน ปุ๊บ! มันเหลือแต่ "รู้ "แต่ไม่เป็นไอ้ตัวดิ้น

    มาเป็น "รู้" เหลือแต่รู้
    เหลือแต่รู้ว่า ไอ้เนี่ยไอ้ที่ดิ้นน่ะ ไม่ใช่เรา
    แล้ว "รู้" นี่ก็ไม่ใช่เรา

    มันเป็น “ธาตุรู้” ที่บริสุทธิ์มันเป็น “ความรู้” ที่ไม่มีใครยึด มันเป็นความรู้ที่ไม่กระดุกกระดิก
    ไม่ดิ้นรนไม่กระเสือกกระสน ไม่มีความสุขความทุกข์ในนั้น

    มันเป็นความรู้ที่ไม่ปรากฏตัวอะไรเลย ไม่ปรากฏทั้งหมด เป็นแต่ความรู้ที่ว่างเปล่า

    เห็นไอ้ตัวดิ้นนะ...ไอ้เนี่ย ไอ้ตัวดิ้น ๆ ดิ้นเนี่ย
    สำคัญมากเลยตัวเนี้ย

    มันจะกระเด็นออกไปนะ พอมันจะออกนะ มันจะเหมือนว่าไอ้ตัว "อมีบ้า" มันจะคอดปุ๊บ แล้วก็หลุดปึ๊ง ออกไปเลย

    ขันธ์ห้าก็เหมือนไอ้ตัว "อมีบ้า"ตุ่มหนึ่ง เหมือนตัวอมีบ้า ที่มันคอดกลางน่ะ

    แล้วก็พอมันจะออกจากร่าง จะมีตัวตนออกจากร่างปุ๊บ!
    พอมัน... ดิ้น … ดิ้น … ดิ้น มันเจ็บปวดทุกข์ทรมานไม่ไหวจริง ๆ

    ไอ้ขันธ์ห้ามันก็เหมือนกับไอ้ตุ่มหนึ่งของอมีบ้า
    แล้วก็อีกตุ่มหนึ่งมันสร้างอีกตุ่มหนึ่ง คือ ตัวเราเนี่ย
    มันสร้างคอดปุ๊บ! ออกเลย กระเด็นหลุดออกไปเลย ออกไปจากขันธ์ห้าเลย อีกตัวหนึ่งเนี่ย

    เอ้ย! อย่าออกไป ออกไปไหนเนี่ย ออกไปทำไม?
    พอออกไปปุ๊บก็ตายเลย

    ถ้ามันรู้ทันนะ ออกไปทำไม? ปุ๊บ! มันก็ไม่ตาย มันคืนกลับมาได้ พอหลงปุ๊บ ! ตายเลย

    กลับมาเพื่ออะไร?
    ต้องให้เห็นว่า ไอ้ตัวเนี้ย… ไม่ใช่ตัวเรา
    อย่าไปยึดถือเป็นตัวเรา

    ตัวที่ดิ้นออกไปเนี่ยไม่ใช่ตัวเรา เป็น “สังขาร” เป็นความปรุงแต่ง มันหลอกลวงเป็นมายา อย่าไปยึดถือมัน "ใจ" ก็เลยว่างเปล่า

    พอตายแล้วไอ้ตัวที่ดิ้นรนเนี่ยดับหมด

    เหลือแต่ใจที่ว่างเปล่า

    ~~~~~~~~~~~~~~~

    หลวงตาณรงค์ศักดิ์ ขีณาลโย
    โอวาทธรรมจากไฟล์เสียง
    190215B-5 ตัดหางปล่อยวัดผู้ยึดถือ
    15 กุมภาพันธ์ 2562

    1f3a7.png ฟังจากยูทูป :
    https://www.youtube.com/watch?v=yQKjwT4fRTc

    ที่มา : http://www.luangtanarongsak.org/.../4071-10-oct07-ot-q1-33
     
  4. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,381
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,121
    ค่าพลัง:
    +70,468
    qpJeldNVRdvcNHmSm8HZ3bNLnRXoorkGqK6EFkPFFkrG&_nc_ohc=9izM8nKGUKUAX9bAHVR&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,381
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,121
    ค่าพลัง:
    +70,468
    ถาม : ความรู้สึกว่าชีวิตนี้ต้องตาย ที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านสอนว่าให้ทำความรู้สึกแบบนี้อยู่เสมอเพื่อการละสังโยชน์ ๓ ข้อแรกนั้น เป็นความรู้สึกแบบเดียวกันกับตอนอยู่ในสนามรบ อยู่ในป่าช้า หรือตอนป่วยหนักหรือเปล่าครับ ?
    ตอบ : ขึ้นอยู่กับว่าตอนนั้นคุณปล่อยวางได้แค่ไหน ? ถ้าในสนามรบส่วนใหญ่จะอยู่ในลักษณะไปตายเอาดาบหน้า ไม่ได้เป็นการปล่อยวางเพราะเห็นความตายอย่างลึกซึ้งจริง ๆ

    ตอนอยู่ในป่าช้าก็มักจะเห็นความตายของคนอื่น ไม่ได้เห็นความตายของตนเอง

    ตอนป่วยหนัก ถ้าสามารถที่จะเห็นว่าความตายมาถึงเราอย่างแน่นอนและชัดเจน รีบเอาใจเกาะความดีไว้ จะมีประโยชน์มากที่สุด

    ถาม : การนึกถึงความดีของพระพุทธเจ้า คือ การที่เรานึกถึงการที่ท่านนำเอาธรรมะที่ท่านได้ตรัสรู้แล้วมาสอนแก่ชาวโลก อย่างนี้ใช่ไหมครับ ?
    ตอบ : การนึกถึงความดีของพระพุทธเจ้า หลวงพ่อวัดท่าซุงบอกว่า มีพระพุทธเจ้าสององค์นั่งถามตอบกันว่าพระพุทธเจ้ามีความดีขนาดไหน ? สิ้นเวลาเป็นกัปก็ยังตอบไม่หมด เพราะฉะนั้น...คุณจะนึกถึงความดีของพระพุทธเจ้าแบบไหนก็อยู่ในนั้นแหละ ไม่หนีไปไหนหรอก

    ถาม : ต้องทำอย่างไรถึงจะนึกถึงความดีของพระพุทธเจ้าได้ทั้งวันโดยที่ไม่เบื่อครับ ?
    ตอบ : ทรงสมาธิอย่างน้อยให้เป็นปฐมฌานละเอียด ไม่อย่างนั้นแล้วกำลังไม่เพียงพอ จะโดนกิเลสลากไปเสียก่อน

    ถาม : การนึกถึงความดีของพระพุทธเจ้าอย่างเดียว ถือเป็นการละสังโยชน์ข้อที่ ๒ หรือเปล่าครับ ?
    ตอบ : ถ้าเห็นแต่ความดีโดยส่วนเดียว โดยไม่ได้มองกลับว่าตัวเราเองก็ต้องตาย ท้ายสุดก็ต้องไปอยู่กับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบนพระนิพพาน ก็ยังไม่ถือว่าเป็นการละสังโยชน์ ถึงสามารถที่จะนึกได้ในลักษณะนั้น ถ้าสภาพจิตยังไม่ตัดละจริง ๆ ก็ยังไม่ใช่การละสังโยชน์

    การละสังโยชน์เป็นการใช้กำลังสมาธิและปัญญาเข้าห้ำหั่นกิเลสที่อยู่ในใจของเรา แปลว่าเราต้องปราศจากความลังเลสงสัยในคุณพระรัตนตรัย ชนิดที่มอบกายถวายชีวิตได้ทุกเวลาจึงจะสามารถตัดสังโยชน์ได้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนมกราคม ๒๕๖๑
    ที่มา : วัดท่าขนุน
     
  6. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,381
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,121
    ค่าพลัง:
    +70,468
    DwbpxsJRtOcCNsC_oEROMTQq5SVbSTivIkB4S-sx2x5V&_nc_ohc=sVkMBppkmkcAX_t6HSI&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg


    -ตอนไปตรวจคนไข้เราเป็นหมอ!
    -เดินไปหน้าโรงพยาบาลถูกรถชนเราเป็นคนไข้!
    -ไปสอนหนังสือเราเป็นครู!
    -ถ้าครูเดินมาพอดีเราก็เป็นลูกศิษย์!
    -กลับไปบ้านไปเจอภรรยาเราเป็นสามี!
    -ไปเจอลูกเราเป็นพ่อ!
    -ไปเจอพ่อเรากลายเป็นลูก!
    -ไปเจอยายเรากลายเป็นหลานไปเลย!
    -ไปเจอหลานเรากลายเป็นตาเสียแล้ว !
    โดยสรุปคือเราเป็นโดยสมมุติขณะที่ทำหน้าที่ขณะหนึ่งๆเท่านั้น!
    แล้วมนุษย์ก็ไปหลงตัวเองว่า เราเป็นนั่นเป็นนี่แล้วยึดติดกันเอง ทะเลาะกันเอง เบียดบังกันเอง ฆ่ากันเอง!
    ถ้าเราถอดสมมุติออก ถอดความเป็นตัวเป็นตนออก ชีวิตก็จะเบาสบาย...
    อีกนัยหนึ่ง มีความหมายของการเกิดมามีชีวิตหนึ่ง!
    "ชีวิตคนเราคือนักท่องเที่ยว"
    อยากเที่ยวให้สนุก อย่าแบกของหนัก
    อย่าเอาเป็นเอาตายกับสิ่งที่เจอ!
    บางครั้งได้ห้องพักดี ก็หาความสุขจากมัน!
    บางครั้งได้ห้องพักไม่ดี ก็ให้เข้าใจว่า พรุ่งนี้ก็ไปแล้ว
    กับผู้คนที่ผ่านเข้ามา ทำดีต่อกันไว้มากๆ!
    เพราะมันจะเป็นความทรงจำที่ดีในวันจากลา!
    มองฟ้าบ้าง เอาเท้าไปแช่ลำธารบ้าง!
    อย่ามัวแต่ให้ความสำคัญ
    กับความไม่สะดวกเล็กๆ น้อยๆ ระหว่างเดินทาง!
    ถนนทุกสายมีดอกไม้บาน จงมองให้เห็น!
    อย่าฟังแต่เสียงฟ้าร้อง อย่ามองแต่ก้อนขี้หมา!
    ถ่ายรูปเล่นได้ แต่เก็บไว้ในความทรงจำดีกว่า!
    ซื้อของติดไม้ติดมือได้แต่อย่าซื้อให้มาก จนกลายเป็น ไอ้บ้าเฝ้าสมบัติ!
    ชีวิตคนเรา คือ นักท่องเที่ยว
    ทุกที่คือทางผ่าน!
    ต้นไม้สวยงามก็จริง แต่เราเอาไปไม่ได้!
    พบพานจนผูกพัน ถึงวันก็ต้องจากลา!
    ยามเช้าชมตะวันขึ้นริมทะเล
    ยามเย็นชมตะวันตกที่ยอดเขา!
    ทุกสิ่งคือเรื่องชั่วคราวเท่านั้น!
    และเราเป็นแค่นักท่องเที่ยว
    มาแล้วก็จากไป!
    แต่ต้องใส่ใจกันและกัน ในขณะที่ยังมีลมหายใจอยู่!
    อนุโมทนาบุญ
    กับแอดมินผู้เขียนบทความ
    ♡•♤♤♤♤♤♤
    Cr.เพจ : กระดานบอกบุญหล่อพระ
     
  7. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,381
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,121
    ค่าพลัง:
    +70,468
    n-0YxnXRxrVHbibZ0vyqy7Tp7q8P2UstdAAkGcNrQUIT&_nc_ohc=yXpXOvUKE-0AX9Q0GvJ&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,381
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,121
    ค่าพลัง:
    +70,468
    -EeBXQuuchYIzundCOGHWdDGYlBsSnUe9YAE39Bx8-aT&_nc_ohc=Qdezn1vdxisAX8EN_xY&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,381
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,121
    ค่าพลัง:
    +70,468
    ?temp_hash=dd3e18810e404f4f6e0029f03c3f36ef.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,381
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,121
    ค่าพลัง:
    +70,468
     
  11. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,381
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,121
    ค่าพลัง:
    +70,468
    dg_BdMB64LarRpsZtwo5v_Nqy6WG0RZeS-TcykJDegMq&_nc_ohc=jNisBKJxD-oAX8AddPS&_nc_ht=scontent.fcnx4-1.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  12. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,381
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,121
    ค่าพลัง:
    +70,468
    kJUFIKrhHndIR6qtMXzSZP4zLCVXqMWsxmeSMFEf62u2&_nc_ohc=EiiX9j8eVaUAX9sxVso&_nc_ht=scontent.fbkk2-8.jpg


    กรรมรักษา

    พระอาจารย์กล่าวว่า "พระเจ้าปเสนทิโกศลเป็นตัวอย่างของบุคคลที่ว่า ถึงอายุขัยแล้วแต่ไม่ตาย ก็คือไม่ได้สวรรคตตามที่พระกาฬบอกไว้ #เพราะว่าตลอด#วันพระองค์สร้างสาธารณประโยชน์ส่งท้าย ทำแบบทิ้งทวน กลายเป็นสร้างบุญใหญ่ไม่รู้ตัว #ก็เลยทำให้บุญตัวนี้มาต่ออายุได้

    การที่คนหรือสัตว์จะตาย ท่านบอกว่า มีอายุขย ก็คือ #อายุหมดลง อาหารขย #อาหารหมดลง ปุญญขย #บุญหมดลง และกัมมขย #กรรมหมดลง

    บุญหมดก็ตาย กรรมหมดก็ตาย #แบบเดียวกับพระที่เป็นลูกศิษย์พระสารีบุตร ตั้งแต่เกิดมาจนกระทั่งได้บวชกับพระสารีบุตรอายุ ๒๐ เศษ #ไม่เคยได้กินข้าวอิ่ม #สามารถกินเศษข้าวได้ครั้งละ ๗ เม็ดเท่านั้น หลังจากนั้นอาหารตรงหน้าก็จะหายหมด #ก็ต้องไปเที่ยวควานหา บ้านไหนล้างถ้วยล้างจาน กวาดเศษอาหารทิ้งไว้ #ไปเก็บเม็ดข้าวเขากิน กินแค่นั้นไม่น่ามีชีวิตรอดอยู่ได้ #แต่กรณีนี้กรรมรักษาจึงทำให้อยู่ได้ "
    "#จนกระทั่งวันสุดท้ายของชีวิต พระสารีบุตรบิณฑบาตมาเลี้ยงเอง เพราะพาท่านบิณฑบาตแล้วท่านไม่เคยได้ข้าว เดินข้างหลังเขาก็ใส่ข้างหน้าหมดเสียก่อน เดินข้างหน้าเขาดันไปใส่จากข้างหลังมา พอให้อยู่ตรงกลางเขาก็ใส่แต่หัวกับท้าย #สุดท้ายพระสารีบุตรก็เลยต้องบิณฑบาตแทนท่าน

    พอวางบาตรให้ท่านก็มองไม่เห็นว่ามีอาหารอะไร #พระสารีบุตรต้องใช้มือข้างหนึ่งจับบาตรเอาไว้ #ท่านถึงมองเห็นว่ามีอาหาร #ได้ฉันอิ่มครั้งเดียวในชีวิต ร่างกายสบาย พิจารณาเห็นโทษว่าตลอด ๒๐ ปีที่ผ่านมาทุกข์เข็ญปานนี้ ขึ้นชื่อว่าการเกิดมาทุกข์เช่นนี้จะไม่มีสำหรับเราอีก สภาพจิตปลดออกจากการใคร่มีในร่างกายและการเกิด #ก็เป็นพระอรหันต์และนิพพานตอนนั้น หมดกรรมก็ตายเหมือนกัน หมดก็บุญตาย หมดอาหารก็ตาย หมดอายุก็ตาย"

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    (พระอาจารย์เล็ก สุธัมมปัญโญ)
    เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนธันวาคม ๒๕๕๙
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  13. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,381
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,121
    ค่าพลัง:
    +70,468
    ?temp_hash=d3203d48e5172b8a68d599ee61d24129.jpg



    ความตายก็แค่เปลี่ยนรูปเปลี่ยนขันธ์


    ความไม่รู้ ภาษาบาลีเรียกว่าอวิชา จริง ๆ แล้วน่าจะใช้คำว่าไม่เข้าใจ ซึ่งทำให้คนเรายึดทุกเรื่อง เมื่อครู่มีโยมโทรมาบอกว่าแม่ตายแล้ว แม่ทำความดีมาตั้งเยอะตั้งแยะ ทำไมต่ออายุไม่ได้ ขณะที่คนอื่นชั่วตั้งมากมาย ทำไมยังอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ ?

    ความจริงถ้าหากเราเข้าใจว่าความตายคืออะไร เข้าใจเรื่องของสามัญลักษณะ คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ก็คงไม่ต้องมานั่งเสียใจอย่างนี้

    สมัยที่พ่อของอาตมาเสียชีวิต ปี ๒๕๑๘ อาตมาดูแลท่านมาตลอด ทั้งกลางวันและกลางคืน พอท่านตายคนอื่นเขาร้องไห้กัน อาตมาที่เป็นคนดูแล อยู่ใกล้ชิดที่สุด กลับดีใจเป็นบ้าเลยที่ท่านตาย เพราะว่าถ้าท่านอยู่ต่อก็ทรมานมาก ท่านป่วยเป็นอัมพฤกษ์ ทุก ๓ - ๕ นาที กล้ามเนื้อจะหดตัวจนท่านเกร็งทรมานมาก ต้องนวดให้ท่านคลาย อาตมาแทบจะไม่ได้นอนเลย เดี๋ยวก็เรียก..เดี๋ยวก็เรียก ยิ่งกลางคืนยิ่งเป็นมาก ถ้าเป็นสมัยนี้น่าจะสบายเพราะมีออกซิเจน โรคนี้ที่เป็นคาดว่าออกซิเจนไปเลี้ยงไม่พอร่างกาย

    พอปีที่แล้วแม่เสีย ก็อย่างที่พวกเราเห็น ส่วนสมัยหลวงปู่มหาอำพันมรณภาพ พวกบรรดาลูกศิษย์มองพวกอาตมาตาเขียวปั๊ด เพราะไปนั่งคุยคิกคักกันอยู่ในงาน ตอนพ่อตายอาตมาก็ไม่ได้มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องของการปล่อยวางอะไรมากมาย เพียงแต่ว่าท่านพ้นจากการทรมานแล้วก็เลยดีใจ ครั้งหลวงปู่มหาอำพันมรณภาพ กำลังใจยังไม่เหมือนปัจจุบันนี้ แต่รู้ว่าท่านไปดีแน่ ๆ พอมาถึงตอนแม่ตาย กำลังใจวางได้แล้ว เข้าใจชัดว่าความตายเป็นอย่างไร แต่โยมที่โทรมาเขาไม่เข้าใจ ไปยึดตัวกูยังไม่พอ ยังแม่กูอีก ก็เลยไปกันใหญ่ แล้วโทรมาร้องไห้กับอาตมานี่ ส่วนใหญ่จะโดนไปหนัก ๆ ถ้าไม่หูตาสว่างก็คงจะไปโดดน้ำตายเลย..!

    ในอรรถกถาท่านเปรียบไว้ว่า ธรรมะของพระพุทธเจ้าเหมือนตามประทีปในที่มืด ก็คือติดไฟในที่มืด เมื่อความสว่างปรากฏขึ้น ความมืดก็หมด เมื่อความสว่างปรากฏขึ้น ความเป็นจริงก็จะแสดงออกให้เห็นชัด

    คนที่อยู่ในที่มืดนาน ๆ มักจะกลัว กลัวเพราะไม่รู้ว่าในความมืดนั้นมีอะไรบ้าง พอไฟสว่างขึ้นเห็นว่าไม่มีอะไร ความกลัวก็หมดไป ลักษณะเดียวกัน ถ้าหากธรรมะเข้ามาถึง ปัญญารู้แจ้งเห็นจริง อวิชาถดถอยห่างออกไป เรารู้เห็นตามสภาพความเป็นจริงแล้ว ก็ไม่เห็นมีอะไรที่น่ากลัว ความตายจริง ๆ ก็แค่การเปลี่ยนรูปเปลี่ยนขันธ์เท่านั้นเอง เพียงแต่ว่าจะเปลี่ยนไปในลักษณะไหน ก็แล้วแต่บุญกรรมที่ตัวเองสร้างมา
    .........................................
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    ผู้ก่อตั้งสำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษี
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  14. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,381
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,121
    ค่าพลัง:
    +70,468
    ByDGOUPUQ7usvKDHQIgg9Z-4n3rRzJ8hZEzkQbNP1Bt&_nc_ohc=HuTTqW-Fu0sAX9IcHbw&_nc_ht=scontent.fbkk22-6.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  15. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,381
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,121
    ค่าพลัง:
    +70,468
    DSxvQWa_HdTX6r57cS7YLKD&_nc_ohc=sNySb8zHI24AX8uwEhG&tn=32SMgKculfo9F24p&_nc_ht=scontent.fbkk22-1.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,381
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,121
    ค่าพลัง:
    +70,468
    พระอาจารย์กล่าวว่า "สำหรับบ้านเติมบุญ เราสูญเสียคุณชยาคมน์ ธรรมปรีชา กรรมการบริหารบ้านตัวหลักไปแล้ว แต่อาตมาก็ทึ่ง ทึ่งตรงที่ว่าท่านอาจารย์มหาสันติกับคุณชยาคมน์ตายคนละทิศคนละทาง แต่ไปดีทั้งคู่ แล้วก็ขยันมาจริง ๆ คุณชยาคมน์ได้ตรงที่กำลังใจเป็นบุญอยู่ตลอดเวลา คิดถึงแต่เรื่องบุญ กลายเป็นอนุสติในฝ่ายกุศลไป เกาะบุญได้ก็เลยไปดี
    ส่วนท่านอาจารย์มหาสันตินั้น ช่วงสุดท้ายหวุดหวิดไป หวุดหวิดตรงที่ว่าอาสันนกรรมมาแทรก พอแทรกเข้ามา ทางด้านน้องชายตัดสินใจโทรหาอาตมา อาตมากำลังเดินขึ้นยอดเขาพระพุทธบาทถึงช่วงที่ ๒๓ เพื่อขึ้นไปวางผางประทีป รู้ไหมว่าบันไดมีกี่ช่วง ? ช่วงที่ ๒๓ นี่เกือบจะถึงยอดเขาแล้วนะ ก็รับโทรศัพท์ เจ้าฝ็องน้องชายท่านบอกว่า “อาจารย์ครับ ผมรู้ว่าวันวิสาขบูชาอาจารย์ยุ่งมากเลยแต่ว่าหลวงพี่มหาสันติกำลังจะไปแล้ว ทำอย่างไรดีครับ ?” ถามว่า “มีพระอยู่ใกล้ ๆ ไหม ? “มี” “เอ็งรีบนิมนต์ท่านมาให้สวดมนต์ด่วนเลย”
    อาจารย์เชิดพงษ์บอกว่า พอได้ยินเสียงสวดมนต์ปุ๊บ จากการที่ท่านกระวนกระวายด้วยความเจ็บปวด กลายเป็นสงบลงทันทีเลย สงบลงทันทีแล้วก็นิ่งยาวไปเลย...จนกระทั่งหมดลม เพราะฉะนั้นต้องบอกว่าบุญเก่าท่านทำไว้ดี ท่านอาจารย์มหาสันติท่านจบเปรียญธรรม ๙ ประโยคก็จริง แต่ท่านเน้นการปฏิบัติ ข้ามไปฝั่งพม่าปฏิบัติธรรมเป็นเดือน ๆ บางพรรษาก็จำพรรษาที่นั่นเลย แต่ยังมาฝากตัวเป็นลูกศิษย์ของอาตมาด้วย ตอนหลังก็มาเป็นพระอุปัชฌาย์รุ่นเดียวกัน เป็นทั้งเพื่อน เป็นทั้งลูกศิษย์ ความที่ท่านเคยชินในการปฏิบัติ พอได้ยินเสียงพระสวดมนต์ กำลังใจก็เกาะความดีได้...จบเลย"
    "อาตมาไปถึงเห็นนั่งเก้าอี้อยู่ เหลืองอร่ามเป็นทองคำเลย บอกได้เลยว่าแบบนี้เป็นพรหมแน่ ๆ แสดงว่าสมาธิจิตทรงตัวตอนมรณภาพ แล้วมรณภาพในวันวิสาขบูชา ประมาณบ่าย ๓ โมง เข้าใจเลือกวันไปด้วย
    ที่แน่ ๆ ท่านเขียนพินัยกรรมระบุไว้ว่า “มอบให้พระครูวิลาศกาญจนธรรม เจ้าอาวาสวัดท่าขนุน เป็นผู้จัดงานศพของข้าพเจ้า ไม่มีความประสงค์ที่จะขอไฟพระราชทาน” ดีมาก..ในเมื่อยกให้ตูจัด ก็เลยขอเสียเลย เขาเรียกว่าอะไรนะ ? ตามใจผู้จัด ขัดใจผู้ตาย..ใช่ไหม ?
    เป็นเปรียญธรรม ๙ ประโยคเท่ากับว่าสมณศักดิ์สูงระดับว่าที่เจ้าคุณ เขาให้สิทธิ์ขอไฟพระราชทานได้ตั้งแต่พระครูปลัดชั้นธรรมขึ้นไป มาระยะหลังมีเพิ่มเติมว่า ถ้าเป็นพระครูปลัดชั้นราชขึ้นไปก็ให้แล้ว นี่ว่าที่เจ้าคุณ จะไม่ขอได้อย่างไร ?"
    "สรุปว่างานศพคุณชยาคมน์เผาวันที่ ๑๙ ท่านอาจารย์มหาสันติมรณภาพวันที่ ๑๘ อาตมาเองตามประทีปแล้ว ก็แบกผางประทีปลงมาอีก ๑ กระสอบ เพราะว่าจำนวนเกิน เจ้าจ๊อดก็พยายามที่จะโซซัดโซเซแบกตามลงมาอีกกระสอบหนึ่ง ตามสบายนะจ๊อด ไม่รู้ป่านนี้หายระบมหรือยัง ?
    ถ้าคนไม่ชินนี่ ขึ้นเขาระดับบันไดเป็นพันขั้น ก็จะตายอยู่แล้ว แล้วนี่ยังแบกผางประทีปกลับลงมาอีกกระสอบ เพราะว่าตอนแบกขึ้นไปเกิน พอถึงเวลาพระท่านก็ถามกันว่า "ใครแข็งแรงพอ..เอาลงไปกระสอบหนึ่ง ?" ถามไปถามมาไม่มีใครขยับ เจ้าอาวาสต้องเอาไปเองกระสอบหนึ่ง พอลงมาก็มานำทำวัตรเย็น นำเวียนเทียน เสร็จสรรพเรียบร้อย ๒ ทุ่มครึ่งก็วิ่งลงมาวัดท่ามะขาม มาที่งานศพเขา ไปถึงสี่ทุ่มกว่า อาจจะเป็นเพราะว่าไปกลางคืนนั่นแหละ ถึงได้เห็นผีชัดหน่อย"
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนมิถุนายน ๒๕๖๒
    ที่มา : www.watthakhanun.com
    #พระครูวิลาศกาญจนธรรม #หลวงพ่อเล็ก
    #ชุมชนคุณธรรม #วัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมวัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงขับเคลื่อนด้วยพลังบวร
    #พระพุทธศาสนา #watthakhanun
    axL3RK_UkCN9HF6cmlJDPWe&_nc_ohc=8xU2E3yt29UAX-3CXvA&tn=32SMgKculfo9F24p&_nc_ht=scontent.fbkk22-4.jpg
     
  17. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,381
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,121
    ค่าพลัง:
    +70,468
    "...ร่างกายของคนและสัตว์มันเป็นอนิจจัง มีสภาพไม่เที่ยง เวลาอยู่ก็เป็นทุกข์ แต่ในที่สุดก็เป็นอนัตตาคือตาย ใครบังคับบัญชาไม่ได้ เวลาเผาศพอย่าตั้งหน้าตั้งตาเผาเขา เวลาเราไปเผาศพก็เผากิเลสในใจของเราเสียด้วย กิเลสส่วนใดที่มันสิงอยู่ที่เรา คิดว่าเราจะไม่แก่ไม่เจ็บไม่ตายน่ะ เผามันเสียให้หมดไป เราคิดว่าวันนี้เราเผาเขาไม่ช้าเขาก็เผาเรา คนเกิดมาแล้วตายอย่างนี้เราจะเกิดมันทำไม ต่อไปข้างหน้าเราไม่เกิดดีกว่า เราไปพระนิพพานนั่นละดีที่สุด เรื่องอัตภาพร่างกายสิ่งที่มีชีวิตหรือไม่มีชีวิต ไม่มีอะไรเป็นความหมาย ไม่มีอะไรเป็นที่พึ่ง ตายแล้วหาสาระหาแก่นสารไม่ได้ หาประโยชน์ไม่ได้ ให้ทุกคนเตรียมพร้อมที่จะตายได้ ให้ขยันหมั่นเพียร ชำระจิตใจให้สะอาด มีพระนิพพานเป็นอารมณ์ จงวางภาระว่า เราของเรา เสียให้สิ้นด้วยไม่มีอะไรเลยเป็นของเรา แม้แต่ร่างกายก็มีเจ้าของคือ มรณภัยมันมาทวงคืน ให้คิดว่าเราไม่มีอะไรเป็นของเรา เราไม่ต้องการมนุษย์โลก เทวโลก พรหมโลก เรามีนิพพานเป็นที่ไป..."
    "...พระพุทธเจ้าท่านทรงตรัสไว้ว่า สัตว์ก็ดี คนก็ดี หรือสิ่งที่ไม่มีชีวิตก็ดี มีความเกิดขึ้นในเบื้องต้น แล้วมีความเปลี่ยนแปลงไปในระหว่างกลาง ที่สุดมันก็แตกทำลายหมด ถ้าเป็นสัตว์เป็นบุคคลก็ตายในที่สุด ถ้าเป็นของวัตถุธาตุ ก็แตกทำลายในที่สุด ไอ้บ้านเรือนโรงภูเขา ลำเนาป่า อะไรมันก็เหมือนกัน ภูเขามันเป็นหินแข็งแต่ว่านานๆ เข้าก็เป็นหินผุกลายเป็นดินไป ที่นี้ไอ้คนหรือสัตว์ก็เหมือนกัน มันเกิดขึ้นมาในตอนต้น มันตัวเล็กๆ แล้วมันก็เปลี่ยนแปลง มันเปลี่ยนสภาพเข้ามาทุกทีๆ ถึงความเป็นคน เป็นบุคคลใหญ่ เป็นหนุ่ม เป็นสาว แล้วก็แก่ ในระหว่างนั้นสภาพของร่างกายก็ไม่ปกติ โรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียน นี่เป็นอาการเปลี่ยนแปลง จัดเป็นอนิจจัง ทีนี้ตัวอนิจจังไม่เที่ยง มีความทุกข์ก็บังเกิดขึ้น ไอ้ความทุกข์มันเกิดขึ้นก็เพราะตัวอนิจจังนี่แหละ ไม่มีใครต้องการให้มันเป็น "นิจจัง" คือมันเที่ยงแน่นอน มีสภาพปกติ แต่อนิจจังมันขับรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ให้เคลื่อนไปจากความปกติ ให้มีความเปลี่ยนแปลง แปรสภาพเสื่อมโทรมลงไปเป็นธรรมดา แล้วในเมื่อความเสื่อมโทรมมันปรากฏ ความทุกข์ใจของเจ้าของร่างกายก็ปรากฏ คือโรคภัยไข้เจ็บมันก็เกิดขึ้น ความทุกข์ใจของเจ้าของร่างกายก็ปรากฏ นี่มันเป็นตัวทุกข์ อนิจจังมันทำให้ทุกข์ ไม่มีใครจะห้ามความตาย ไม่มีใครจะห้ามความเสื่อมความสูญ ความสลายตัวได้ คนทุกคนเกิดมาแล้วเป็นอย่างนั้น สัตว์ทุกตัวเกิดมาแล้วเป็นอย่างนั้น สภาพของวัตถุต่างๆ เป็นอย่างนั้น ตรงตามความเป็นจริงทุกอย่าง ซึ่งมนุษย์ทุกคนที่เกิดมาในโลกยากนักที่จะคิดอย่างนี้ที่จะเห็นตามความเป็นจริงอย่างนี้
    นี่พระพุทธเจ้าทรงสอนกฏของธรรมดา ซึ่งคนทั้งหลายที่เกิดมาแล้วด้วยอำนาจของกิเลสแลตัณหาเข้าไปปิดบังใจไม่ยอมรับนับถือกฏธรรมดา เช่น กระดูกนี่เป็นของปฏิกูลน่าเกลียด ร่างกายเราเมื่อสภาพการหมดไปแล้ว ก็คงมีโครงกระดูกนี่เป็นเรือนร่าง เป็นแก่นของร่างกาย คนและสัตว์ที่เกิดมาแล้ว ไม่มีสภาพจะคงที่ได้ ถ้ามีร่างกายบริบูรณ์สมบูรณ์ เมื่อสิ้นลมปราณแล้ว ร่างกายก็จะผุพังน้ำเหลืองจะไหล ธาตุดินไปส่วนหนึ่ง ธาตุน้ำไปส่วนหนึ่ง ธาตุไฟไปส่วนหนึ่ง ธาตุลมไปส่วนหนึ่ง ผลที่สุดเนื้อหนังก็จะละลายไป เหลือแต่ธาตุกระดูก กระดูกก็จะเป็นโครงอย่างนี้ หาความสวยไม่ได้หาความงามไม่ได้
    อัตตภาพร่างกายอย่างนี้ มันเกิดขึ้นในเบื้องต้น มันเป็นอนิจจังคือ เปลี่ยนแปลงมาในระหว่างกลางแล้วต่อไปก็ผุพังทำลายไปในที่สุด เป็นอนัตตาอย่างนี้ ไม่มี อิจจัง สุขขัง อัตตา หมายความว่า นิจจังมีสภาพคงที่ สุขขังไม่มีทุกข์ อัตตามีสภาพ เป็นตัวตน ยืนตลอดกาลตลอดสมัย ไม่มีการเปลี่ยนแปลง อย่างนั้นไม่มี
    สำหรับอัตตภาพที่มีขันธ์ ๕ มันต้องเป็นอนิจจัง คือเปลี่ยนแปลงไม่เที่ยงอยู่เรื่อยไป เพราะความไม่เที่ยงมันจึงเป็นทุกข์ เพราะเป็นทุกข์นี่แหละสภาวะอนัตตาจึงปรากฏคือ ความไม่ใช่ตัว ไม่ใช่ตน มันพัง มันทำลาย นี่่ร่าง กระดูกที่เราเห็นนี่ เมื่อก่อนก็มีเรือนร่างครบถ้วนบริบูรณ์อย่างเรา มีลมปราณเหมือนกัน มีชีวิตจิตใจเหมือนกัน แต่ว่านี่เนื้อหนังมังสารมันหมดไปแล้วเหลือแต่กระดูก อันเป็นส่วนแก่นแท้ภาพในร่างกาย เมื่อพิจารณาไปส่วนไหนมันก็ไม่น่ารัก ไม่น่าดู ไม่น่าชม มันน่าเกลียด
    จึงกล่าวได้ว่า ชีวิตเป็นของไม่เที่ยง แต่ความตายเป็นของเที่ยง การเกิดเป็นมนุษย์มันเต็มไปด้วยความทุกข์ หาความสุขไม่ได้ จงอย่าอาลัยในชีวิต มันจะตายเมื่อไหร่ก็ได้ช่างมัน เอาดีเข้าไว้ ดีนั่นคือธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ให้คิดว่าร่างกายมันไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เราไม่มีในร่างกาย ร่างกายไม่มีในเรา ร่างกายเป็นเพียง ธาตุ ๔ เข้ามาประชุมกัน มีธาตุน้ำ ธาตุดิน ธาาตุลม ธาตุไฟ มันก็ปั้นเป็นก้อนขึ้นมา เขาแยกเป็นอาการ ๓๒ ในไม่ช้าก็ตาย อย่าลืมความตายเป็นสำคัญ
    "...ถึงแม้เราจะมีคาถาอาคมของดีอะไรก็ตามเราก็ต้องตาย ก่อนตายควรเลือกทางเดินเอาอย่างน้อยที่สุด เราควรไปสวรรค์ชั้นกามาวจรให้ได้ ขอให้ทุกคนนะ เวลาก่อนจะหลับ ให้นึกถึงความดีที่ตอนเคยทำ ทรัพย์สินที่สละเป็นวิหารทาน ธรรมทาน สังฆทาน เลี้ยงพระ นึกถึงศีลที่ตอนเคยรับมา เทศน์ที่ตนเคยฟัง แล้วหมั่นภาวนาถึงพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ พระพุทโธ ธัมโม สังโฆ เมื่อจะเจริญกรรมฐาน ให้ตั้งอยู่ในพรหมวิหาร ๔ ให้เป็นฌาณสมาธิแน่วแน่ ให้แผ่เมตตาไปทั่วจักรวาล แล้วจึงพิจารณาตามอารมณ์วิปัสสนาหรือภาวนาตามแบบสมถะ ทุกคนตายแล้วจงไปสวรรค์ จงไปพรหมโลก จงไปนิพพาน..."
    โอวาทธรรมพระครูวิหารกิจจานุการ (หลวงพ่อปาน โสนันโทเถระ) วัดบางนมโค อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
    กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน
    s0hVKg9a0iXyBVS1Co9S2Q6O&_nc_ohc=VDrNoSxoXoYAX-bHCMK&tn=32SMgKculfo9F24p&_nc_ht=scontent.fbkk2-7.jpg
     
  18. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,381
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,121
    ค่าพลัง:
    +70,468
    wh9-w_b3r4dSVwRTk9aQjdU1U-k_Mxg7-sAQnqh3Ihjw&_nc_ohc=1cMohCq1lv4AX-4aUC_&_nc_ht=scontent.fbkk2-4.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  19. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,381
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,121
    ค่าพลัง:
    +70,468
    6Z8m89lY2gDuwBzawzYoN9qdOoku210D38SpZAPicOK&_nc_ohc=3Ot0b4n54oYAX-Q3fR0&_nc_ht=scontent.fbkk22-2.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,381
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,121
    ค่าพลัง:
    +70,468
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...