กระแส"พญานาค"กับข้อเท็จจริงบางอย่าง(มีคลิป) คนที่ไม่เชื่อควรดูด้วยดุลพินิจ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย 9@Phonlee, 1 กุมภาพันธ์ 2018.

  1. Buddhisatava

    Buddhisatava สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2019
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +82
    ..
    ..
    ..
    เราก็เคยฝันทำนองนี้เหมือนกันค่ะ
    ครูบาอาจารย์ในฝันท่านมาบอกเราให้ละความอยากค่ะ
    ถ้าอยากทำสำเร็จฌาณ4 คาดว่าท่านคงเห็นได้ว่าช่วงนั้นเราจดจ่อกับเรื่องฌาน4 มาก ท่านเลยมาเตือนว่าความอยากก็คือกิเลสตัวหนึ่งค่ะ

    อนุโมทนาสาธุนะคะ
     
  2. volvo16738

    volvo16738 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +234
    เมื่อกี้ฝันออกแนวโดนเตือน โดนพระเตือน 55555

    เริ่มเล่าให้ฟังละกัน...

    ผมฝันเกี่ยวกับงานบุญ จัดงานเลี้ยงในที่ๆหนึ่ง อาจจะเป็นสถานปฏิบัติธรรมหรือวัดนี่แหละ...

    ภาพแรก: ฝันว่านั่งกินข้าวกันเป็นกลุ่มใหญ่ มีคนกินร่วมกันในโต๊ะหลายคน คนอื่นกำลังกิน ผมนั่งคิดอะไรบางอย่างอยู่ เขาเรียกผมหลายครั้ง แต่เหมือนผมกำลังม่ีสมาธิกับสิ่งอื่นไม่สนใจคนรอบข้าง จนสุดท้าย อาหารหมด พอผมเลิกคิด เจออาหารเหลืออยู่นิดเดียว ไม่ถึงจาน กับอีกแค่ 1 คนที่นั่งข้างๆ

    ภาพที่สอง: หลังจากกินข้าวเสร็จ ผมได้ไปนั่งคุยกับคนๆนั้นอยู่ 2 คน สักพักผมเจอแผ่นกระดาษเล็กๆวางไว้ ผมหยิบขึ้นมาเปิด เกิดความรู้สึกเหมือนตกภวังค์ มีเสียงเพลงเกี่ยวกับบทสวดมนต์เกิดขึ้น และมีความรู้สึกเหมือนใครบางคนเอามือมาถ่ายเท หรือให้พลังอะไรสักอย่างจากด้านหลังบริเวณหัว/ท้ายทอย ทำให้เกิดความรู้สึกเย็น/สบาย เป็นความรู้สึกเหมือนการให้พร หลังจากนั้นพอเสร็จก็กลับสู่สถานการณ์ปกติ และคนข้างๆผมก็ลองเปิดกระดาษแผ่นนั้นบ้าง ก็เป็นเหมือนกัน หลังจากนั้นสักพัก ก็มีพระท่านนึงปรากฏตัวออกมายืนข้างๆพวกผม 2 คน และเริ่มพูดอะไรบางอย่าง ซึ่งที่ท่านพูดเหมือนจะตรงกับที่พวกผมทำอยู่ทุกวันเลย โดยท่านเตือนผมว่า "อย่าติดเรื่องฤทธิ์ หรืออภิญญามากเกินไป ถึงแม้ตอนนี้จะทำได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ก็ช่างเถอะ (และมีคำพูดอีก 3-4 ประโยคซึ่งผมจำไม่ได้) มันอาจจะทำร้ายตนเองและคนอื่น... ฉันนี่เคยมีเทวดามาบอกหลายครั้งเหมือนกันนะ" หลังจากนั้นก็พูดกับคนข้างๆ ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับผม และไม่เกี่ยวกับอภิญญา แต่เตือนเกี่ยวกับพฤติกรรมของเขา คนข้างๆผมอึ้้งทำไมท่านพูดตรงจัง และท่านบอกผมอีกรอบว่า "และในวันที่ 5..." หลังจากนั้นท่านก็หายไป ผมเองตื่นจากฝัน - เหมือนไม่ยอมบอก = =' ผมดูนาฬิกาเป็นเวลาประมาณ ตี 5 กว่าๆ

    เล่าให้ฟังเล่นๆ อิอิ
     
  3. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,887
    ค่าพลัง:
    +4,720

    "มีวาสนาแต่ดวงไม่ดี"
    ช่วงที่ตื่นขึ้นมาตัวเองก็สงสัยประโยคนี้เหมือนกัน
    "มีวาสนา" แต่ทำไมถึง "ดวงไม่ดี"

    ฟังผิวเผินแล้วเหมือนมันขัดแย้งกันอยู่
    (คือเข้าใจยาก)

    (เล่านอกประเด็นต่อ.....จากความฝัน)
    ...หลังจากที่เข้ากูเกิลค้นหาวัดสะพานสูง
    เพื่อตามล่าความจริงจากความฝัน
    จนพบข้อมูลจากประวัติทำเนียบของวัดสะพานสูง
    (ตามรายละเอียดข้างบนที่ส่งให้ดู)
    ผมอ่านทบทวนถึง2-3ครั้ง
    เพราะสนใจเป็นพิเศษ

    ช่วงหนึ่งมาสะดุดตรง พ.ศ.

    **สร้างอาคารโรงเรียนอนุวัตรศึกษาคารขึ้น เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๐
    **อาคารโรงเรียนหลังนี้ถูกรื้อไปเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๗
    **ท่านได้มรณภาพเมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๗

    ผมจึงเล็งเป้าหมายไปที่เลข 60 ,07 ,67
    เพื่อเก็บไว้เป็นเลขเด็ดในงวดนี้
    ด้วยเจ้าอธิการคุ่ย บอกในฝันเป็นนัยยะว่า
    "โยมเป็นคนมีวาสนาแต่ดวงไม่ดี"

    วันหวยออก...ตั้งแต่เช้าตรู่
    รู้สึกจิตมันวุ่นๆอะไรๆไม่รู้...
    สาระพัดอย่างประดังเข้ามา
    ไหนต้นไม้ใบหญ้าว่าจะจัดการให้เข้าที่เข้าทาง
    ช่วงหนึ่งเจ๊เดินมาถามว่างวดนี้ไม่ไปซื้อหวยเหรอ
    ผมบอกยังๆๆๆ...ไม่รู้จะซื้อเลขอะไร?
    "เลขมีนะ...แต่จำไม่ได้ ไว้คิดดูก่อน
    เดี๋ยวจะไปตลาดซื้อของ"

    ช่วงที่เลือกซื้อผลไม้
    พ่อค้าล๊อตขี่จักรยานมาถาม
    ผมบอกไม่รู้จะซื้อเลขอะไร...รีบด้วย
    (ถ้าจำได้97-67ซื้อแน่ๆ...07เต็งจ๋า5555)

    เที่ยงๆคุยกะเจ๊ประมาณว่า...
    "งวดนี้ไม่ได้ซื้อหวยเลย เลขมีแต่จำไม่ได้"
    "ดีแล้วหล่ะ...ไม่ต้องเสียเงิน"


    จากหวยออกจนถึงเช้าวันนี้
    พออ่านที่คุณPongsak_npr สงสัยถามมา
    ผมเลยเลื่อนขึ้นไปอ่านซ้ำเรื่องความฝันที่ลงไว้

    จึงได้คำตอบคลายข้อสงสัยที่ถามประมาณว่า...
    "มีวาสนาแต่ดวงไม่ดี"

    ท่านเจ้าอธิการคุ่ยกล่าวไว้ในความฝัน
    "โยมเป็นคนมีวาสนาแต่ดวงไม่ดี"
    **ตรงกันแป๊บเลยนะครับท่าน**


    (แก้ไข)-เพิ่มเติม
    สลากกินแบ่งรัฐบาล
    งวดวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564

    รางวัลที่ 1
    912307
    เลขท้าย 2 ตัว
    97

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กุมภาพันธ์ 2021
  4. Pongsak_npr

    Pongsak_npr สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2021
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +8
    ผมไม่ค่อยฝันเป็นเรื่องเป็นราวหรอกครับ
    ส่วนใหญ่ฝันแต่เรื่องไร้สาระมากกว่า มั่วไปหมด555
     
  5. aegmanmu

    aegmanmu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    5,223
    ค่าพลัง:
    +10,118
    ผมก็เห็นเลขนะ แต่ไม่ได้สนใจ นี้ไงมีวาสนาแต่มีกรรม คงไม่ต่างจากท่าน 9 เพราะดวงไม่ดีกับมีกรรมน่าจะอันเดียวกัน เจ้ากรรมคงปัดออกหมด
     
  6. aegmanmu

    aegmanmu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    5,223
    ค่าพลัง:
    +10,118
    S__96592067.jpg
     
  7. rachotp

    rachotp เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2020
    โพสต์:
    1,216
    กระทู้เรื่องเด่น:
    252
    ค่าพลัง:
    +23,810
    ผมเห็นด้วยกับคำสอนขอพระเดชพระคุณหลวงพ่อสุธรรม สุธัมโมที่คุณ @aegmanmu โพสต์ไว้ครับ… … สาธุครับ

    ผมขออนุญาตฝากโพสต์
    #1 นี้ให้พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ กัลยาณมิตรทุกๆท่านในกระทู้นี้ไว้พิจารณาเพิ่มเติมเพื่อแผ่บารมีของครูบาอาจารย์เป็นสังฆบูชา และเทิดทูนเกียรติคุณของครูบาอาจารย์ครับ… หากท่านใดสะดวกและมีเวลาว่าง ผมอยากให้ลองคลิ๊กเข้าไปอ่านพิจารณาในโพสต์ #1 นี้ดูครับ … น่าสนใจมากครับ… เป็นประเด็นที่เกี่ยวเนื่องกับเรื่อง “บุญ” และ “วาสนา” ครับ… ผมคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์แก่ทุกๆท่านอยู่บ้างพอสมควร ไม่มากก็น้อยครับ (^__^)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กุมภาพันธ์ 2021
  8. aegmanmu

    aegmanmu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    5,223
    ค่าพลัง:
    +10,118
    สาธุครับ
     
  9. D.(Username)

    D.(Username) ธรรมมะ จะกาโล มะโหติธรรม ผู้เจริญทำยํย้อมมีทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2020
    โพสต์:
    37
    ค่าพลัง:
    +27
    ดำน้ำดูกันดีกว่า ป๊ะะะ
     
  10. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,887
    ค่าพลัง:
    +4,720
    ประเด็นที่1
    ประเด็นที่ 2
    ประเด็นที่ 3

    มาถึงวันนี้ผมพอได้ข้อสรุปสั้นๆ
    ระหว่างคำว่า "วาสนา" กับคำว่า "ดวง"
    (เอาแบบสั้นๆและพอเข้าใจนะคับ)


    "วาสนา" คือภาพกว้างๆของชีวิตหนึ่งที่สุขสบายทั้งกายใจ
    อาทิเช่น คนที่เกิดมาบนกองเงินกองทอง(ครอบครัวเศรษฐี)
    หรือคนที่สร้างเนื้อสร้างตัวจนร่ำรวยเงินทองภายหลัง
    แล้วดำเนินชีวิตอย่างสุขสบาย เช่นเจ้าสัวบางท่าน
    หรือคนที่มีฐานะปานกลาง แต่ตลอดชีวิตไม่ต้องทำงานหนัก
    .......อย่างนี้เป็นต้น

    "ดวง(โชค)" คือจุดเล็กๆหรือภาพแคบๆที่เกิดขึ้นบางครั้งในชีวิต
    อาทิเช่น ถูกรางวัลที่1หรือเลขท้าย ,ออมสิน ,และอื่นๆ
    สอบเข้ารร.โดยวิธีจับสลาก ,เกณฑ์ทหารใบดำใบแดง
    .......อย่างนี้เป็นต้น

    แต่ทั้งนี้ทั้งนั่น "วาสนา" และ "ดวง"
    ล้วนมาจากบุญ-กรรมที่ทำไว้ในอดีตชาติและปัจจุบัน

     
  11. aegmanmu

    aegmanmu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    5,223
    ค่าพลัง:
    +10,118
    สาธุท่าน 9
     
  12. maxmi

    maxmi แม็กคับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2017
    โพสต์:
    479
    ค่าพลัง:
    +1,205
    วันนี้มีเรื่องมาเล่าให้ฟังมาทำงานอยู่จังหวัดนครพนมได้ 4 เดือนแล้วนะ ปกติก็ไปไหว้ศาลหลักเมืองนครพนม 3 ครั้งแล้วมั้ง ไปกราบทีไรก็ขนลุกตลอดเลยนะ พอไปครั้งที่ 4 ก่อนจะกลับคนที่ดูแลศาลหลักเมือง ถามว่ามาบ่อยหรือเปล่า บอกว่ามีผ้าพันหลักเมือง "เพื่นบอกให้ว่าให้เอาให้เจ้า" ป้าแกก็เอามาให้เป็นผ้าแพร 7 สี แกบอกว่ายากมากที่จะมีคนได้ นานๆทีจะมีคนได้ ก็เลยได้มาบูชา หลังจากนั้นก็ถูกหวยมาเรื่อยๆจะเข้า 8 หมื่นแล้วมั้ง รู้สึกว่าที่นี่ถิ่นเก่าเราเลยหล่ะมาอยู่แล้วสบายจัยกว่าที่เดิมเยอะ
     
  13. ง่าวต๋าย

    ง่าวต๋าย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มีนาคม 2020
    โพสต์:
    95
    ค่าพลัง:
    +150
     
  14. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,887
    ค่าพลัง:
    +4,720

    น้องmaxmi คับ
    ผมเป็นคนหนึ่งที่รักนครพนม
    บรรยากาศริมน้ำโขงช่วงเช้าตรู่และช่วงยามเย็นเริ่ดมาก
    อ.ธาตุพนมเมืองเล็กๆน่าอยู่อาศัย
    มีองค์พระธาตุพนมสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองอยู่ใกล้ๆ

    นับว่าน้องMax โชคดีตั้งแต่ก้าวแรกที่ได้ไปทำงานที่นั่น
    ...ยิ่งโชคดีขึ้นหลังกราบไหว้ศาลหลักเมือง
    ...นครพนมคงเป็นถิ่นเดิมที่น้องเคยอยู่ในอดีตชาติ
    ครั้งนี้จึงได้ไปปักหลักทำงานอยู่นครพนม

    ไม่ทราบว่าได้ไปกราบไหว้องค์พระธาตุพนม...บ้างไหม
    เพราะอยู่ใกล้ๆแค่ 54-55 กม.

    รำลึกถึงองค์พระธาตุพนมแต่ยังหาจังหวะไปไม่ได้สักที
    ยังโชคดีที่ได้อัญเชิญองค์พระธาตุพนมจำลองมากราบไหว้บูชาที่บ้าน นับเป็นสิริมงคลยิ่งนัก

    "ขอให้น้องmaxmi มีโชคตลอดไป"
    เป็นไปดั่งสมญานาม "งวดนี้ต้องถูก"


     
  15. Higtmax

    Higtmax เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    2,344
    ค่าพลัง:
    +4,820
    ไปดีลบุญกับวัดทางภาคนึง ที่เป็นสนามรบเก่าของ ไทย-พม่า คร้งที่2 รู้สึกว่า จะมีนักผิวดำ กรามใหญ่ สะพายดาบไขว้ด้านหลัง มาตามดูตลอดเลย
     
  16. rachotp

    rachotp เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2020
    โพสต์:
    1,216
    กระทู้เรื่องเด่น:
    252
    ค่าพลัง:
    +23,810
    สาธุครับ คุณ @9@Phonlee (^__^) สิ่งที่คุณ @9@Phonlee โพสต์กล่าวถึงคือสัมมาทิฏฐิครับ… สิ่งใดก็ตามที่เกิดขึ้นกับชีวิตเรา สิ่งนั้นเป็นสิ่งที่เหมาะสมและสมควรเกิดขึ้นแล้ว… บุญรักษาครับ (^__^)
     
  17. maxmi

    maxmi แม็กคับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2017
    โพสต์:
    479
    ค่าพลัง:
    +1,205
    ไป 2-3 ครั้งนะครับ ผมทำงานอยู่อำเภอเมืองเลยไม่ค่อยได้ไปทางนั้น
     
  18. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,887
    ค่าพลัง:
    +4,720

    **น่าสนใจ**
    อยากฟังเนื้อหาแบบเต็มๆ
     
  19. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,887
    ค่าพลัง:
    +4,720

    หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา สัมมาทิฏฐิ

    สัมมาทิฏฐิ 10 ประการ


    สัมมาทิฏฐิ หมายถึง มีความเห็นชอบ เห็นถูกต้องตามทำนองคลองธรรม

    mongkol01-21.jpg
    สัมมาทิฏฐิ


    สัมมาทิฏฐิ 10 ประการ ได้แก่
    1. ทานที่ให้แล้วมีผลจริง
    2. ยัญที่ทำแล้วมีผลจริง
    3. การเซ่นสรวงหรือการบูชามีผลจริง
    4. วิบากแห่งกรรมดีกรรมชั่วมีผลจริง
    5. โลกนี้มีจริง
    6. โลกหน้ามีจริง
    7. มารดามีคุณจริง
    8. บิดามีคุณจริง
    9. สัตว์ที่ผุดเกิดขึ้นมีจริง
    10. พระอรหันต์ผู้ สามารถรู้แจ้งโลกนี้โลกหน้ามีอยู่จริง



    banner-sammatitti.jpg
    สัมมาทิฏฐิ 10 ประการ

    สัมมาทิฏฐิ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน อังคุตตรนิกาย ทสกนิบาต ว่า

    "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สมบัติแห่งการงานทางใจ 3 อย่าง ที่มีความตั้งใจเป็นกุศล ย่อมมีสุขเป็นกำไร มีสุขเป็นวิบาก คือ เป็นผู้ไม่โลภอยากได้ของผู้อื่นประการ 1 เป็นผู้ไม่มีจิตคิดปองร้ายต่อคนอื่นประการ 1 เป็นผู้มีความเห็นชอบ มีความเห็นไม่วิปริตว่า ทานที่ให้แล้วมีผล การเซ่นสรวงมีผล การบูชามีผล ผลวิบากแห่งกรรมที่บุคคลทำดีทำชั่วมีอยู่ โลกนี้มีอยู่ โลกหน้ามีอยู่ มารดามีอยู่ บิดามีอยู่ สัตว์ทั้งหลาย ผู้เป็นโอปปาติกะมีอยู่ สมณพราหมณ์ผู้ดำเนินไปโดยชอบ ผู้ปฏิบัติชอบ ผู้ทำโลกนี้และโลกหน้าให้แจ้งชัดด้วยปัญญา อันยิ่งด้วยตนเอง แล้วสอนผู้อื่นให้รู้ตาม มีอยู่ในโลกประการ 1 ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สมบัติแห่งการงานทางใจ 3 อย่าง อันมีความตั้งใจเป็นกุศล ย่อมมีสุขเป็นกำไร มีสุขเป็นวิบาก อย่างนี้แล"

    *การที่เราจะได้มนุษย์สมบัติ ทิพยสมบัติ และนิพพานสมบัติ เบื้องต้นจะต้องมีสัมมาทิฏฐิ 10 ประการ สัมมาทิฏฐิ หมายถึง มีความเห็นชอบ เห็นถูกต้องตามทำนองคลองธรรม เห็นว่าทานที่ให้แล้วมีผลจริง ยิ่งให้ทานกับทักขิไณยบุคคลย่อมเกิดผลอันไพบูลย์ และการให้ยังสามารถกำจัดความตระหนี่ ความเห็นแก่ตัวออกจากใจได้ ขณะเดียวกันก็เป็นการเพิ่มพูนความปรารถนาดีต่อกัน ระหว่างผู้ให้กับผู้รับ ซึ่งจุดหมายที่แท้จริง เพื่อมุ่งให้เราเป็นคนไม่ตระหนี่ ไม่เห็นแก่ตัวนั่นเอง

    ยัญที่ทำแล้วมีผลจริง คำว่ายัญมีความหมายหลายอย่าง ในที่นี้หมายถึงการทำสังคมสงเคราะห์ เมื่อเราสงเคราะห์คนที่ด้อยโอกาส ทำให้เขากลายเป็นผู้ได้โอกาส ตัวเราก็ปลื้มปีติที่ได้ช่วยเหลือเพื่อนร่วมโลก และยิ่งได้อนุเคราะห์พระภิกษุสามเณรผู้ประพฤติธรรม เราจะยิ่งปลื้มปีติ เพราะได้ให้อายุพระพุทธศาสนา ให้ท่านมีโอกาสทำหน้าที่ของท่านอย่างแท้จริง คืองานสอนศีลธรรม แก่ชาวโลก นับเป็นสิ่งที่สมควรทำอย่างยิ่ง เพราะหากโลกนี้ขาดสมณะแท้ ผู้คอยปลูกฝังชาวโลกให้มีสัมมาทิฏฐิแล้ว โลกจะต้องวุ่นวายมากกว่านี้อย่างแน่นอน

    การเซ่นสรวงหรือการบูชามีผลจริง การบูชา คือ การนำสิ่งของที่สมควรไปสักการะ หรือมอบให้ผู้ที่ควรบูชา ซึ่งเป็นบุคคลที่ได้ทำคุณงามความดีทั้งแก่ตนและผู้อื่น จุดมุ่งหมายของการบูชา เพื่อแสดงความกตัญญูกตเวทีผู้มีพระคุณต่อเรา เป็นการยอมรับนับถือ ประกาศเกียรติคุณของท่านเหล่านั้นให้โลกรู้ และยึดไว้เป็นแบบอย่าง เป็นการส่งเสริมให้เกิดกำลังใจในการทำความดียิ่งๆ ขึ้นไป และการบูชาบุคคลผู้ควรบูชา ถือเป็นมงคลอันสูงสุดอย่างหนึ่งในชีวิตอีกด้วย

    วิบากแห่งกรรมดีกรรมชั่วมีผลจริง กรรม แปลว่า การกระทำโดยเจตนา คือการกระทำทางกาย วาจา และใจ ไม่ว่าดีหรือชั่ว ที่เกิดจากความตั้งใจของผู้กระทำ ถือว่าเป็นกรรมทั้งสิ้น มนุษย์ทุกคนล้วนปรารถนาความสุข การที่เราตั้งใจศึกษาวิชาการต่างๆ นั้น เพื่อเป็นเครื่องมือสร้างความมั่นคงและความสุขให้กับชีวิต แต่หากไม่รู้เรื่องกฎแห่งกรรม ก็อาจจะนำความรู้ที่ศึกษามาใช้ในทางที่ผิด หากเข้าใจเรื่องกฎแห่งกรรมดีแล้ว เราจะได้เลือกทำแต่ความดี ละเว้นจากความชั่วและบาปอกุศลทุกชนิด

    โลกนี้มีจริง โลกตามหลักพระพุทธศาสนามีความหมาย กว้างมาก คือ ครอบคลุมไปถึง 3 เรื่อง ตั้งแต่สัตวโลก หมายถึง จิตใจของหมู่สัตว์ทั้งหลาย ขันธโลกหรือสังขารโลก หมายถึง สังขารร่างกาย ขันธ์ 5 ของคนและสัตว์ทุกชนิดที่ประกอบด้วยกายและใจ และโอกาสโลก หมายถึง สถานที่สัตวโลกได้อยู่อาศัย และที่ทำมาหากิน รวมถึงบรรยากาศรอบตัวด้วย

    เนื่องจากโลกมีความสำคัญต่อเรา เพราะทำให้เราได้อาศัยสร้างบารมี และโลกใบนี้ก็เป็นโลกแห่งการแสวงบุญ ไม่ใช่โลกแห่งการเสวยบุญ ดังนั้นเราจะต้องเร่งรีบสั่งสมบุญกุศลให้มากๆ ไม่ประมาทหลงไปทำบาปอกุศลอีกต่อไป ต้องใช้เวลาที่มีอยู่อย่างจำกัดนี้ทำความดีให้เต็มที่

    สัมมาทิฏฐิประการต่อไป คือ โลกหน้ามีจริง หมายถึง เชื่อว่าชีวิตหลังความตายมีจริง ไม่ได้ขาดสูญ หากจะสูญ ก็สูญเฉพาะสังขารร่างกายนี้เท่านั้น แต่ถ้ายังไม่หมดกิเลส เราจะได้รูปกายใหม่ที่มีใจดวงเดิมเข้าไปครอง จะไปเป็นอะไรนั้น ย่อมขึ้นอยู่กับบุญและบาปที่ได้ทำไว้ในภพชาตินี้ เพราะกรรมจะเป็นเครื่อง แบ่งแยกสัตว์ให้แตกต่างกัน เมื่อเข้าใจเช่นนี้ จะได้เตรียมตัวตายให้ถูกหลักพุทธวิธี เป็นการเตรียมตัวเดินทางไปสู่โลกหน้าอย่างปลอดภัยและมีชัยชนะ

    มารดามีคุณจริง ถ้าหากเรามีความเห็นที่ถูกต้องว่า มารดามีคุณต่อเราอย่างน้อย 3 ประการ คือ ให้ชีวิตแก่บุตร ให้ต้นแบบร่างกายที่เป็นมนุษย์ ซึ่งเหมาะต่อการทำความดี และให้ต้นแบบทางจิตใจแก่บุตร โดยสรุปคือ ท่านได้เปิดโลกให้บุตร ฉะนั้นเราย่อมต้องหาโอกาสตอบแทนคุณท่านอย่างเต็มที่

    บิดามีคุณจริง โดยทั่วไปบิดามีพระคุณต่อบุตร 3 ประการ เช่นเดียวกับมารดา แต่มักมีผู้สงสัยว่า บิดาที่ไม่ได้ให้การเลี้ยงดูบุตร ไม่ได้ทำหน้าที่ของความเป็นพ่อนั้น จะยังมีคุณต่อลูกหรือไม่ หลวงพ่อขอตอบแทนพ่อทุกคนว่า ท่านมีคุณต่อเรามาก เพราะเราต้องเกิดแบบชลาพุชะ คือ เกิดในครรภ์ จำเป็นจะต้องอาศัยพ่อและแม่เป็นผู้ให้กำเนิด โดยเริ่มที่พ่อ ก่อที่แม่ แล้วกลายมาเป็นเรา จะขาดบิดาไม่ได้ ดังนั้นถ้าไม่มีพ่อ เราก็ไม่อาจเกิดมาได้ ในเมื่อท่านอนุญาตให้เป็นทางผ่านเพื่อให้เรามาเกิดเป็นมนุษย์ เพื่อสร้างบารมี เช่นนี้นับว่ามีบุญคุณอย่างเหลือล้นแล้ว

    สัตว์ที่ผุดเกิดขึ้นมีจริง คือ เกิดแบบไม่ต้องอาศัยครรภ์มารดา สัมมาทิฏฐิข้อนี้เป็นสิ่งที่วิทยาศาสตร์ยังพิสูจน์ไม่ได้ ต้องอาศัยหลักพุทธศาสตร์ คือ ศาสตร์แห่งใจหยุดนิ่งอย่างเดียวเท่านั้น ถึงจะรู้ว่าชาวสวรรค์หรือเหล่าสัตว์นรกที่ไปเกิดในอบาย เขาเกิดแบบโอปปาติกะกันอย่างไร แม้ตอนนี้เรายังพิสูจน์ไม่ได้ ขอให้รับฟังไว้ก่อนว่า สิ่งเหล่านี้มีอยู่ เป็นความจริงที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องความเชื่อใดๆ

    สัมมาทิฏฐิประการสุดท้ายคือ สมณพราหมณ์ผู้ประพฤติดี ปฏิบัติชอบ ชนิดที่ทำให้แจ้งเองด้วยความรู้ยิ่ง และประกาศโลกนี้โลกหน้ามีจริง หมายความว่าพระอรหันต์ผู้ สามารถรู้แจ้งโลกนี้โลกหน้ามีอยู่จริง ความเห็นที่ถูกต้องนี้ จะนำไปสู่ความศรัทธาเลื่อมใส และอยากทำบุญกับผู้หมดกิเลส หรืออย่างน้อยให้ได้ทำบุญกับพระสงฆ์ที่ท่านกำลังฝึกหัดขัดเกลาตนให้หลุดพ้น จากกิเลส เราย่อมจะได้บุญใหญ่ ละโลกแล้ว ย่อมจะมีสุคติโลกสวรรค์เป็นที่ไป



    แหล่งที่มา
    https://www.dmc.tv/pagesA3.html
     
  20. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,887
    ค่าพลัง:
    +4,720
    Tips & Tricks(วรรคทอง)
    หน้า 193 ลำดับที่#3854



    ตอบโดย...nopphenkan
    ที่คุณ ๙ เข้าใจถือว่าถูกอยู่ครับ
    แต่ถ้าในทางปฏิบัตินั้น คำว่า กลายพันธ์
    หมายถึง เป็นไปในทางที่ถอยลง
    ทางด้านจิตใจครับ
    ซึ่งจะบอกว่า มันเรื่องปกติของจิตครับ
    ซึ่งมันมีขึ้นๆลงๆได้ตลอด
    มีการเปลี่ยนแปลงได้เสมอ
    ยกเว้นว่า จะมีกำลังมาก
    ก็มักจะอยู่สภาวะนั้นนานหน่อย

    พอเกิดเราจะถือว่า เป็นเดรัชฉานก่อน
    ในทางพุทธศาสนา คือ เราเกิดมาเป็นปีนักษักตร์เลย

    คือ กายขนานกับพื้นโลก
    ถึงได้ มีวงรอบการปฏิบัติว่า
    ปฏิบัติ ให้พ้นจากความเป็นสัตว์ ให้เป็นคน
    จากคนเป็น มนุษย์
    จากมนุษย์ เป็นปุถุชน
    จากปุถุชน เป็นอริยะชน
    จากอริยะชน ไปนิพพาน ประมาณนี้
    คือ เป็นนัยที่แฝงทางด้านนามธรรม
    ทางด้านจิตใจนั้นเอง

    กลายพันธ์ก็คือ ถอยจากอริยะชนลงไป
    ย้อนไปถึงความเป็นสัตว์เดรัชฉานนั่นเองครับ......
    ขี้นอยู่กับว่า จะถอยขึ้นลงแค่ไหน

    ส่วนกลุ่มญานวิถี คือ เกิดมา
    มีความสามารถใช้งานได้เลย
    โดยไม่ต้องฝึกอะไร พวกนี้เก่งมาก
    ทางสัมผัสภายในนะครับ
    อย่างที่เคยบอก ที่รู้จัก เห็นหมูย้อนได้ สองพันชาติ
    หรือถ้าเค้าเห็นเรา จะรู้เลยว่า เราสามารถทำอะไรได้ประมาณนี้

    ถ้าเกิดมีบ้าง ไม่เกิดบ้าง มีแล้วหายไป มาบ้างไม่มาบ้าง
    แต่ไม่ได้อยู่ในระดับใช้งานได้ ในเวลาต้องการ
    เรามักเรียกของเก่าครับ

    ส่วนการเบี่ยงเบนทางเพศนั้น ไม่ถือว่ากลายพันธ์ครับ
    เพราะไม่ได้มีนัยยะสำคัญอะไรกับทางด้าน ความสูงต่ำของจิตใจครับ
    ถ้าไม่เอาทางด้านตำราและมาดู
    ทางด้านพลังงานเราจะดูที่ต่อม
    อมิตเตอร์ลอย ดูกระแสที่ออกมาจากต่อมนี้
    ถ้าได้รับการปรับให้สมดุลย์ ตั้งแต่เกิด
    จะเป็นปกติได้ครับ ย้ำว่า ต้องทำตอนเกิดครับ

    คือ สมัยนี้ดูภายนอก บางทีดูยากครับ
    ว่าเบี่ยงเบนหรือไม่ หรือแอบหรือเปล่า
    ถ้าถ้าดูกระแสตรงนี้ มันจะบอกได้ครับ
    ไม่ว่า ทอม ดี๊ ตู๊ก แต๋ว เกย์ บอกได้หมดครับ

    ส่วนความสามารถอะไรต่างๆนาๆนั้น
    แท้จริงแล้ว มันก็เป็นไปตามเนื้อหาเดิมแท้
    ของจิตดวงนั้นๆที่ได้สะสมมานั่นเอง
    ซึ่งก็สามารถเข้าถึงได้ ไม่ว่าการฝึก
    การปล่อยวางก็ได้ทั้งนั้นครับ

    ส่วนที่เรียกคน x men นั้นมาจากอิธิพลของหนังครับ
    ถ้าบ้านเรา เรียก หนัง x men ว่า มนุษย์แปลง
    เราก็จะได้ยิน คำว่า มนุษย์แปลงแทน
    ประมาณนี้ พอเข้าใจนะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...