เรื่องเด่น หลักของพระโพธิสัตว์ ( หลวงปู่ตื้อ ฯ )

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย นโมพุทธายะ๕, 12 พฤศจิกายน 2020.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,372
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,120
    ค่าพลัง:
    +70,467
    ?temp_hash=6958495bbe3b57260e6581c022535e88.png

    " หลักของพระโพธิสัตว์ "


    หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม วัดป่าอรัญญวิเวก ต.บ้านข่า อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม พระธรรมเทศนา กัณฑ์ที่ ๔
    ขอถวายหลักของพระโพธิสัตว์ ได้แก่ โคตมโคตร วางศาสนธรรมไว้แล้ว พระองค์ก็นิพพานไป
    พระโพธิสัตว์ เมื่อเกิดเป็น พระเวสสันดร
    พระเจ้าพ่อสัญชัย พระแม่ผุสดี เกิดจังหวัดเมืองมหาชัยก้องแก้ว ส่วนไทย ขวดแก้วเวลานี้ตกอยู่ เมืองศรีพันดอน เมืองนครจำปาศักดิ์
    ภรรยาพระเวสสันดรชื่อ นางมัทรี เสวยสุขได้ลูก ๒ คน ชาลี กัณหา พราหมณ์มาขอช้างเผือก ให้แก่พราหมณ์ ชาวเมืองขับไล่ ก็ได้พา นางมัทรี ท้าวชาลี นางกัณหา ไปบวชเป็นฤาษีทั้งผัวทั้งเมีย อยู่ใน ป่าไม้หิมพานต์นานได้ ๗ เดือน
    ตาพราหมณ์อายุ ๘๙ ปี ได้เมียสาว หาลูกไม่ได้ จึงเข้าไปขอกับ พระเวสสันดร พระเวสสันดรก็ได้ทานลูกชายลูกหญิงให้แก่พราหมณ์
    พราหมณ์เอาไปแล้ว พระยาอินทราธิราช ขออธิษฐานเพศเป็น พราหมณ์แก่ มาขอนางมัทรี ท่านก็ให้ทานไปแก่พราหมณ์
    พราหมณ์หยิบไม้เท้า นางก็หยิบไม้เท้าส่งให้ แล้วตามพราหมณ์ไป จนสุดสายตา พระอินทร์ก็นิมิตกายให้นางได้เห็น และให้พรแก้ว ๑๐ ประการ ว่าแล้วก็เสด็จขึ้นไปชั้นฟ้าชั้นดาวดึงส์
    จักกล่าวถึงพราหมณ์เฒ่า พาชาลี กัณหาไป เทวดาบังหนทาง จึงหลง เข้าไปหา พระเจ้าปู่ พระเจ้าย่า จึงได้ไถ่ตัวไว้ แล้วจึงถามหลานชาย เจ้าชาลี จึงเล่าอาหารของกินในป่า กินเผือกกินมัน มันอ้อนอ่อนสุก ผลหมาก ไม้ต่างๆ
    พระเจ้าปู่ พระเจ้าย่า ก็ได้สั่งไปอาราธนากลับมาแทนสมบัติ พระโพธิสัตว์ ได้กลับมาถึงปราสาทเรือนหลวง ก็คิดขึ้นในใจ เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย เขาก็เข้าไปถวายข้าวของเงินทอง เงินราด เงินบาท เงินอัฐ เงินไพ เงินรถ เงินสตางค์
    ด้วยอานุภาพพระโพธิสัตว์ พระอินทราราช ได้หว่านแก้วมณีโชติ แก้วเพชร แก้วพลอยตกลงในวันนั้นเพียงเอวคนเฒ่า เพียงเข่าคนยืน แก้วปะปากแก้วฟ้า หยาดลงมาใส่โต้งใส่นา ตกใส่สวน ตกในที่ของใครก็เป็นของคนนั้น นอกกว่านั้นเป็นของพระโพธิสัตว์
    ประเทศภาคอิสานของเราไม่มีหิน มีแต่ดินทราย แก้วนั้นตกลงไปใน เมืองนาคใต้น้ำมหาสมุทร
    ภาคทิศตะวันตกนครลำปาง พระเวสสันดรเจ้าเป็นเค้าโพธิสัตว์ อำเภอเถิน อำเภอเมืองลี้ อำเภออุ่มกอย เขาเอาเป็นสินค้า เรียกว่า แก้วโป่งข่าม อยู่ในแก้วรูปนกก็มี รูปปลาก็มี รูปเทวดาก็มี แก้วอินสวน เม็ดเท่าหมากขามป้อม อย่างมนก็มี อย่างแปก็มี เราดูในแก้ว ต้นไม้ ต้นหญ้าเอารากขึ้นบนฟ้า ใบหย่อนลงมา ยังมีอยู่ แก้วอย่างที่สองคล้ายตาตั๊กแตน ถ้าตาเขามีพยาธิ เอาน้ำเข้าใส่แก้ว เอากิน เอาอาบ เอากินกายก็สบายขึ้น
    แต่อายุของพระองค์ยืนได้ ๕๐๐ ปี ได้ให้ความลำบาก จึงอธิษฐานใหม่ ถ้าเป็นพระพุทธเจ้าให้มีอายุได้ ๘๐ ปี
    นี้แหละนักธรรมทั้งหลาย ตายจากพระเวสสันดรแล้ว เกิดชาติที่สอง ที่จังหวัดเชียงใหม่ อำเภอจอมทอง เป็นพระภูริทัต จำศีลชั้นกาย ศีลชั้นวาจา ศีลชั้นใจ
    ตายจากภูริทัตแล้ว ไปเกิดที่เมืองลังกา ชื่อ รัสสีพรหมนา บวชไม่เอาเมีย เรียก เนกขัมมะ
    ตายจากชาตินั้นแล้วเป็นเจ้าพระยามโหสถ เจ้ากรุงเทวทหะ มีเมีย นางอมร เป็นคู่อยู่ด้วยกัน มีลูกสาว ๒ ลูกชาย ๒
    ตายจากชาตินั้นแล้ว ไปเกิดที่เมืองมิถิลา เจ้าเมืองพม่า ใส่ชื่อ เมืองแมนไทยใหญ่ ไทยเงี้ยว เมียของเพื่อนนางนกยูงทอง นางแก้วมณี มีลูกชาย ๒ ลูกหญิง ๒
    ตายจากชาตินั้นแล้ว (บำเพ็ญ) ขันติบารมี ภาษาเฮาเรียก เตมีย์ใบ้ เกิดที่เมืองตุมวัง ฟ้ารอนหาดโหน่ยติงเง้ชายง่วน เดี๋ยวนี้ใส่ชื่อว่า อินโดจีน
    ตายจากชาตินั้นแล้ว (เกิดที่) จังหวัดอุตรดิตถ์ เรียกว่า อ้ายเงาะสุวรรณสาม
    ตายจากชาตินั้นแล้วได้ไปเกิดที่เมืองกุ่มกามอังวะ อังกฤษมาตีได้ใส่ชื่อ เมืองมันตะเล ชื่อของพระโพธิสัตว์ จันทะกุมาร
    (ตอนต่อจากนี้ หลวงปู่ตื้อ ได้กล่าวพระนามพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ และเชื้อพระวงศ์ชั้นสูงบางพระองค์ ทำนองว่าสืบเชื้อสาย มาจากพระโพธิสัตว์ หรือพงศาวดารเกี่ยวกับเชื้อพระวงศ์ ในตอนนี้ เพื่อป้องกันความสับสน จึงของดการนำเสนอพระธรรมเทศนาในตอนนี้ ต้องกราบขออนุญาต และกราบขอขมาหลวงปู่ ไว้ ณ ที่นี้ด้วย - ปฐม นิคมานนท์)
    สมเด็จพระพันปีเป็นน้องสาว นี้แหละพูดใกล้ๆ
    ส่วนตายจากจันทะกุมารแล้ว ไปเกิดเมืองสังกะสี ใส่ชื่อว่า เจ้าธัมมิกะบันฑิต นี้แหละ เมตตาบารมี เมืองสังกะสีหายกลายเป็นเมืองหงษ์สาวดี
    ตายจากชาตินั้นไปอยู่เป็นมหาพรหม ชั้นที่ ๑ พรหมปาริสัชชา ลงมาเกิด เมืองกบิลพัสดุ์ พรหมองค์ที่ ๒ นางพรหมปะโรหิตา ลงมาเกิดแคว้นกบิลพัสดุ์ ต่อกับกรุงเทวทหะกษัตริย์คู่อยู่ด้วย
    มหาพรหมาเทวาเข้าท้องยายวันพุธ พ่อก็พุธ แม่ก็พุธ ลูกก็พุธ
    พระเจ้าสุทโธทนะ ทำการกุศลอะไร(ก็ตาม ได้อธิษฐานว่า) ขอให้ข้าพเจ้า ได้เป็นพ่อของพระพุทธเจ้า คุณยายก็เหมือนกัน ข้าวปั้นหนึ่งดอกไม้ดอกหนึ่ง ขอให้เป็นแม่พระพุทธเจ้าสมปรารถนา
    เมื่อพระโพธิสัตว์เข้าสู่ท้อง ยายก็ฝันอุ้มช้างเผือก ขี่ช้างเผือก ลูกยาย เป็นผู้ชาย วิญญาณใจส่องเห็นลูกได้ ๑๐ เดือนเต็มบริบูรณ์ ไปเที่ยวดอกไม้ เดือน ๖ วันพุธ ปวดอุทร มหาอำมาตย์เอาผ้าขาวมาปูไม่ทัน ผินหน้าไป ทิศบูรพา ตะวันออก บ่ายโมง อุตตมะฤกษ์ คลอดลูกออกมา ยืนคลอด ไม่มีเลือดเหมือนนางไก่แก้ว ไข่ออกมาแล้วไม่มีเลือดไม่มียาง เสด็จ ๗ ก้าวตีน
    สมเด็จสมณเจ้ากรมพระยาฯ สันนิษฐานว่า พระศาสดาเสด็จประกาศ ศาสนา ๗ พระนคร
    นี้ไม่ใช่คำสอนพระอรหันต์ นักปราชญ์พวกนี้ ปาดหนังวัว (หลวงปู่ตื้อ ใช้คำว่า ปาด เทียบเสียงของคำว่า ปราชญ์) ปาดหนังควาย ปาดหนังหมู ปาดหนังเป็ด ปาดหนังไก่ ปาดหนังนกใส่ ปาดหนังนกกระทา เขียดตะปาด งอยขอนลิ้นยาว ตาขาวขี้ปด พูดตามตัณหาความชอบใจ
    ในคัมภีร์มหาปัจจรึก อังคุตระนิกาย พระอรหันต์ทั้งหลายได้บัญญัติ ไว้แล้ว ทานบารมี เป็นโลกิยะฌานของพระองค์ พากันเหาะได้เสด็จได้
    ทานะบารมี ทานชาลีลูกชายคนเดียว ได้อำมาตย์ชั้นใกล้แปดหมื่นสี่พัน ทานะอุปปะบารมี ทานลูกสาวนางกัณหาคนเดียว ออกบวชได้ นางภิกษุณี สาวกแปดแสนสี่หมื่น ทานะปรมัตถบารมี ทานพระนางมัทรี เมื่อมาเป็น พระจักรพรรดิ์ได้นางสนมหกหมื่นสี่พันนาง มีพระนางยโสธราพิมพา เป็นคู่
    สีละบารมี เป็นฌานที่สอง เมื่อเป็น ภูริทัต รักษาศีลชั้นใจ
    เนกขัมมะบารมี เป็นฌานที่สาม พระพรหมนาถ ฌานเกิดจากใจ
    ฌานที่สี่ ปัญญาบารมี เมื่อเป็นเจ้ามโหสถ พระยา ๗ หัวเมืองจะมารบ ใช้ปัญญา พุทธิปัญญา ธรรมปัญญา สังฆปัญญา เป็นพี่น้องกันหมด ไม่มีเวรต่อกัน
    วิริยะบารมี เจ้าชนก ความเพียรรักษาศีล
    ขันติบารมี ความอดทนไม่มีท้อใจ
    สัจจะบารมี เป็นฌานที่เจ็ด
    จึงพาขันธ์เหาะได้บินได้ นางมเหสีทั้งหลายเห็นได้ด้วยตา ยกมือ ขึ้นไหว้ แสดงเสียง ธมฺมสฺสวนกาโล อยมฺพทนฺตา ลูกยายเหาะได้ น่ากราบ น่าไหว้ เป็นภาษาอิสาน สะออนเน้อ
    เสียงดังไปถึงพระเจ้าสุทโธทนะ รู้แล้วเอารถมารับแม่ลูกไว้ได้ ๗ วัน คุณยายก็ตายอย่ากลัวอย่าสะดุ้งหวั่นไหว ทำหัวใจอย่าง แก้วมณีโชติ
    ตัวรูป ตัวเวทนา ตัวสัญญา ตัวสังขาร ตัววิญญาณ พ่อของเรา ไปไหน พ่อก็ตายแม่ก็ตาย อันตีโต ห้ามความตายไม่ได้
    ส่วนใจพระแม่เจ้าศรีมหามายา ไปอยู่สวรรค์ชั้น ๖ ละลูกเป็นกำพร้า พระแม่น้าโคตมี เลี้ยงหลานไว้
    นางศรีมหามายา ตายแล้ว เอาน้องเป็นเมีย ให้นาม พระศรีธาตุ โคตมโคตร (พระสิทธัตถะ โคตมโคตร) ถ้าให้นามโคตมีมันตรงกับชื่อ น้องสาว
    พระฤาษี ๓ พระองค์ จากอารามมาเฝ้าพระเจ้าสุทโธทนะ อุ้มลูก ไปไหว้ฤาษีทั้งสามองค์ ใส่ชื่อว่า สิทธัตถราชกุมาร (ทางอิสานเรียกว่า ศรีธาตุราชกุมาร) หรือพระเจ้าจักรพรรดิ์ กล่าวคำทำนาย
    อิทมฺปิ พุทฺเธรตนํ อิทมฺปิ ธมฺเมรตนํ อิทมฺปิ สงฺเฆรตนํ มหาปุริ สลกฺขณานุภาเวน อสีตยานุพยญฺชนานุภาเวน นวโลกุตฺตร ธมฺมานุภาเวน สมยวิมุตฺโต โหติ
    แปลเป็นภาษาไทย ถวายพระบรมบพิธราชสมภารเจ้า ลูกพ่อเจ้า ออกบวชเป็นพระฤาษีเจริญพระกรรมฐานได้เป็นพระอรหันต์ อิทมฺปิ พุทฺเธรตนํ ใหญ่กว่าโลก พระอาทิตย์มีดวงเดียวไม่มีสอง ชายคนนี้แหละ จะได้เป็นพระพุทธเจ้า
    ชายพวกนั้นเป็นชายไหลแล้งไหลไปไหลมา อาโปธาตุ แปลว่า น้ำ ฝนตกในป่าหิมพานต์ที่ใกล้ที่ไกล น้ำนั้นจะไหลลงมาถึงน้ำมหาสมุทร พัดเอาทรายทั้งหลาย เหมือนน้ำใจชายเกิดใกล้เกิดไกลมาบวชเป็นศิษย์ ของท่าน
    ได้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว อิทมฺปิ ธมฺเมรตนํ อสีติสาวกใกล้ ๘๐ พระองค์ รับพุทธมหาสาวกหลายล้านหลายแสนคน ถวายพระพร มหาปุริสลกฺขณานุภาเวน ฝ่าตีนเป็นกงจักร ฝ่ามือเป็นดอกบัว
    อสีตยานุพยญฺชนานุภาเวน เมื่อเป็นพระพุทธเจ้าแล้วจะเขียนอักษรศาสตร์ เกิดจากหัวใจของพระองค์ อักษรเก่าที่พระองค์เรียนนั้น เป็นอักษรมาจาก พระเจ้าจักรพรรดิ์ ถึงแปดหมื่นสี่พันกษัตริย์ เมื่อพระองค์เกิดมา ก็เรียนอักษร ประจำชาติเหมือนทุกวันนี้
    และคนโบราณเรียนหนังสือธรรม หรือ หนังสือลาว เวลานี้ เรียนหนังสือไทย หนังสืออังกฤษ ได้เป็นเจ้านายให้เจริญทั่วถึงกัน ๒ อักษร
    ที่พระพุทธเจ้าเทศน์เรียกว่า หนังสือขอม พระพุทธโฆษาจารย์ อยู่ที่ เมืองอินทะปัตถะ หรือกรุงกัมพูชา ฝรั่งเศสได้มาเปลี่ยนชื่อ เป็น กรุงพนมเปญ
    เจ้าเมืองเก้าแก้วมณีวัลอักษร แปลให้เป็นภาษาเงี้ยว เป็นภาษาเขมร ภาษาพม่า
    นี่แหละนักธรรมเจ้าทั้งหลาย แปลอักษรศาสตร์ ไก่แก้วขัน แล้วม่วนใจ
    ก. ไก่แดง ผู้นอนตะแคงอยู่บนต้นไม้ ก.ไก่แดง อ้ายจารย์แพงเขาชอบ ก.ไก่ดำ อ้ายคำเขาชอบ ก.ไก่เหลือง อ้ายทิดเมืองเขาชอบ
    ข. ไข่ไก่ ผู้ใหญ่เขาชอบกิน ข.ไข่ขาว นางสาวไทยเขาชอบ ฃ.ขวดเหล้า คนเฒ่าๆกินแล้วเมา ค.ควาย ทำงานการแรงแท้ ฆ. ระฆัง ตีดังมื้อเช้า ง. งูเห่า กินเต่า กินปลา ง. งูสา กินกบกินเขียด ซ. โซ่ มัดตะโก้ติดอยู่ในขา ช. ช้าง ได้เมียสาวแม้ฮ้างปานได้ช้างสามตัว สามหม้ายได้ควายสามตัว จึงควรค่า สาวแม้ฮ้างเอา ช. ช้างแต่ดอง ฮ้างดอกป่านสาวน้อยก็บ่ปาน ฮ้างดอกแก้วแนวเจ้าหากผู้ดีสาวจีสาวจ้อย คำห้าร้อยมาจ้างก็บ่เอา ผู้หญิง ผู้ชายกลายเป็นบ้า พระอินทร์อยู่ฟ้ามาเป็นลูกยาย อรหันต์ทั้งหลายเกิดจากยาย ทั้งนั้น
    ทุกวันนี้ถามกันด้วย ธรรมศึกษา บ้างว่าคุณพ่อมาก บ้างว่าคุณแม่มาก (พระคุณของพ่อ กับพระคุณของแม่ อย่างไหนมากกว่ากัน) จังหวัดเชียงใหม่ ให้ข้าหลวงตัดสิน เอากฎหมายเป็นธรรมใช้ไม่ได้ ซุม (หมู่) ข้าหลวง ซุมมหา ก็ว่าคุณพ่อชนะ
    แต่เขานิมนต์อาตมา ได้เอา วัดสว่างอารมณ์ เจ้าสมภารชื่อ พระครูสัง ศรัทธาในจังหวัดนั้นมาสิบสองเดือนเพ็ง ฟังธรรมมหาชาติ โยมผู้ชายของท่าน ชื่อ นายทิดนุ้ย น้อง คือ นายทิดนัย นายทิดเปลี่ยน นายทิดดำผู้ใหญ่บ้าน
    นายทิดอิน จึงถามขึ้น พระสงฆ์ ๒๐ กว่า แต่เป็นพระผู้ใหญ่ พระผู้เฒ่า คุณยายก็หลาย คุณยายเจ้าวัดนั้นชื่อ คุณยายนำ ได้นำหมู่เข้ามา
    อาตมาจึงได้อธิบายขึ้น คุณแม่มากกว่าคุณพ่อเถียงกันนอกรีตใช้ไม่ได้ จึงหยิบเอาหลักธรรมมาพูด
    จกฺขุนฺทริยํ ตาขวาคุณพ่อ ตาซ้ายคุณแม่ หูขวาคุณพ่อ หูซ้ายคุณแม่ ฮูดัง (รูจมูก) ขวาคุณพ่อ ฮูดังซ้ายคุณแม่ ขาขวาคุณพ่อ ขาซ้ายคุณแม่
    คุณแม่มีธรรมสอง หนึ่งอันตัง ไส้ใหญ่ สำหรับใส่อาหาร สองอันตัง ไส้ลูก ไส้ ๔ ก็มีลูก ๔ ไส้ ๕ ก็มีลูก ๕ คน ไส้ ๑๐ ก็มีลูก ๑๐ คน ไส้ ๒๐ ก็มีลูก ๒๐ คน
    นี่แหละนักธรรมเจ้าทั้งหลาย น้ำนมต้นขวาเป็นของพ่อ น้ำนม ต้นซ้ายเป็นของแม่ ไส้พ่อมีแต่ไส้อาหารอย่างเดียว ไส้ลูกไม่มี ถ้าใครว่า คุณพ่อมากกว่าคุณแม่ก็เข้าไปไส้พ่อ พอขี้จะซะใส่หัว ออกจากตูดตกใส่ดิน เป็นขี้กะเดือนหรือขี้กะตู่ เพราะมันตู่ว่าคุณพ่อมากฯ
    นวโลกุตฺตรธมฺมานุภาเวน ลูกพ่อออกเจ้าจะเทศน์ (พ่อออก-แม่ออก เป็นเรียกโยมอุปัฏฐาก เทียบ พ่อยก-แม่ยก เรียกในลิเก เป็นต้น) ธรรมเก้า ประการ เกิดจากวิญญาณพระโพธิสัตว์ถวายพระพร
    สวยวิมุตฺโต อาตมาภาพทั้งสามเกิดก่อนสมัย อสฺส น้ำตาตก ลูกพ่อออก เจ้าจะเทศน์นิทานประทานไว้แล้วจึงนิพพานไป ใจเข้านิพพาน ธรรมของพระองค์ทรงไว้ ๕ พันปี ถวายพระพร
    อาสววิมุตฺโต เมื่อลูกพระองค์เกิดแล้ว พระองค์จะได้บวชใจเป็น พระอรหันต์ในพระราชวัง จะเข้าพระนิพพานก่อนลูก ถวายพระพร
    พระองค์ก็เป็นทารกอยู่ ไม่รู้จักอะไร แปลเป็นภาษาแขกเรียกว่า อานาปา อย่างปลายยายเอาปลาข้าวป้อน ให้น้ำนมกิน กินนมแล้วก็หลับ หลับแล้วก็ตื่น อยากน้ำก็แว้ๆ ก็แม่ๆ นั่นแหละ แม่รู้แล้วอุ้มกินนมก็หลับไป
    เมื่อใหญ่ขึ้นไปเรียนวิชากฏหมาย วิชานักรบ เวลานั้นยิงธนูทีเดียว ลูกธนูออก ๕๐๐ ลูก
    ในราชการไทยของพระเจ้าแผ่นดินที่ ๖ เรียกว่า ปืนหวี หรืออาวุธ ทำเป็นปืนหวี ๒ กระบอก เอาซุกใส่กันไกลกันคืบ ๓ นิ้ว ฝังไว้ในป่ายาว ตั้งหลักหรือสองหลัก สายชักมี ๒ สาย ขุดหลุมอยู่เพียงคอ ข้าศึกเดินมาใกล้ ประมาณ ๔ หลัก ก็ยังไม่ยิง เข้ามา ๓ กึ่ง ชักสายพร้อมกัน ออกตั้ง ๔ พันลูก ถ้าเดินเข้ามา ทหารสูงถูกขา ทหารต่ำถูกใต้หัวใจ อันนี้เป็น วิชาไทยของเราแต่ไม่ได้เอาใช้
    แต่จะกล่าวถึงวิชาพระศรีธาตุ (พระสิทธัตถะ) ให้รู้วิชาปัจจุบัน อาจารย์หมู่หนึ่ง ฮิตเล่อร์ แล้ว เกอริง มุสโซลินี เยอรมัน อาจารย์ที่ ๒ โรสเวล แม็คอาเธอร์ อเมริกัน อาจารย์ที่ ๓ นายมาแตง เปแตง เป็นแม่แรงของฝรั่งเศส อาจารย์ที่ ๔ โซเวียต สตาลิน รัสเซีย อาจารย์ที่ ๕ เซอร์วินสตัน เชอร์ชิล อังกฤษ อาจารย์ที่ ๖ นายพลโตโจ ญี่ปุ่น
    กลับบ้านพระเจ้าพ่อก็ให้เป็นพระเจ้าแผ่นดิน ๑๓ ปี ได้ลูกคนหนึ่ง เป็นผู้ชาย โบราณกล่าวไว้ว่า ใกล้ไฟฮ้อน ใกล้ไม้ค้อนเจ็บแข้งเจ็บขา ไฟกับมื้อบ่อเป่าก็ลุก ไก่เห็นข้าวสาร ไก่บ่กินข้าวสารไก่ง่าว บ่าวเห็น สาวบ่เว้าก็โง่
    จะกล่าวอานิสงส์เมื่อเป็นพระเวสสันดร ได้อำมาตย์แปดหมื่นสี่พัน ทานชาลีลูกชายคนเดียว ทานลูกสาว นางกัณหาออกบวชได้นางภิกษุณี สามแสนสี่หมื่น ทานนางมัทรีคนเดียว ได้นางสนมหกหมื่นแปดพันนาง มีนางยโสธราพิมพาเป็นคู่ โลกิยาธมฺมา ได้ชื่อว่า โลกิยธรรม
    จึงออกจากวังหลวง ไปดูวังใหญ่ จึงเห็นนางสนมหกหมื่นสี่พันนาง ได้พากันหลับนอน บางคนก็นอนดิ้น บางคนก็นอนร้าย บางคนร่างกาย นอนหงายก็มี นอนตะแคงก็มี
    พระศรีธาตุ กล่าวพระธรรมว.. (ตัวหนังสือหายไป)....ณานุสฺติ นอนหลับ แล้วเหมือนผีตาย น้ำลายเต็มปากน้ำหมากเต็มคอ ขันธ์ ๕ นี้หนอ นั่ง ก็งาม เดินก็งาม พูดก็ม่วน เมื่อนอนหลับแล้ว คล้ายผีตาย น้ำลายไหลออก เกะกะตะติ๊งโหน่ง ขี้ตาเท่าเกล็ดเต่า เหม็นขี้แร่ (รักแร้) ปานน้ำเน่าผีตาย น้ำไหลออก เกาขี้กลาก ปากเบี้ยว เขี้ยวขาว
    ...ขี่ม้าแก้วไปถึงแม่น้ำเนรัญชรา ตัดเกศาด้วยดาบศรีขรรค์ชัย ฉันทะ (ฉันนะ) เธอจงเอาม้าเราไป ม้าฉันไม่เอาแล้ว เราขาดกันแล้ว ไม่ขี่อีกต่อไปแล้ว เธอจงไปอยู่ในวังเถิด ม้าก็เลยตาย
    ฉันทะ (ฉันนะ) เอาเชือกม้าไปไว้ในปราสาทของเราเถิด ปราสาททองคำ ๓ หลัง กว้างได้ ๓๐ วา สูง ๙ วา เราไม่เป็นบ้ากับคำ (ทองคำ) แล้ว ขี้ดินแดง เอาไปไม่ได้ สาง (ฉาง) เงิน ๕๐ สาง สางหนึ่ง ๕๐ วา สูง ๙ วา ขี้หินขาว ฉันไม่เอาเป็นบ้ากับมันแล้ว นางสนมหกหมื่นสี่พันนาง เราไม่รักเราไม่ชัง ทำจิตเป็นกลาง วางจิตเป็นอุเบกขา...
    พระองค์ข่มเหงขันธ์ ๕ สี่สิบเก้าวัน ไม่กินข้าวกินน้ำ ความตายยัง ไม่เกิด จึงถอนความคิดเที่ยวหาอาหาร พระปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ ยกโทษ พระศรีธาตุละความเพียรแล้ว
    เตือนสักเท่าไรก็เถียงอยู่ เพราะเป็นโลกิยธรรม นี้อาตมาภาพได้จาก หลักธรรมในราชโตสูตร สวดกันมาทุกวัดทุกวาไม่มีที่สุด จะย่อเข้ามา ในตัวเองของเรานี้แหละ อคฺคิโต วา อุทฺธกโต วา ปิ สาจโต วา กุมฺภณฺโต วา กุมฺภณฺตี วา ยกฺโขโณ วา
    ปู่ยักษ์ ย่ายักษ์ หลานยักษ์ จึงแปลเป็นภาษาไทยว่า อคฺคิโต วา รูปก็ไฟ เวทนาก็ไฟ สัญญาก็ไฟ สังขารก็ไฟ วิญญาณก็ไฟ ตาก็ไฟ หูก็ไฟ รูจมูกก็ไฟ ปากก็ไฟ ใจของเราเกิดมาจากธาตุไฟ คุณตา คุณยายหนอ
    อุทกโต รูปก็น้ำ เวทนาก็น้ำ สัญญาก็น้ำ สังขารก็น้ำ วิญญาณก็น้ำ ตาก็น้ำ หูก็น้ำ กายของเรานั้นเกิดจากธาตุน้ำ
    คุณตาคุณยาย พ่อก็ผี แม่ก็ผี ถ้าพ่อบวช แม่บวช ก็ไม่เกิดหนวด เกิดเครา เกิดพืชเกิดพันธ์ พระอรหันต์เกิดจากผีตาผียาย กลุ่มที่ ๑ เกิดจากหัวจอบหัวเสียม กลุ่มที่ ๒ เกิดจากหางใบพเนียง กลุ่มที่ ๓ เกิดจากคราด กลุ่มที่ ๔ เกิดจากกล้า กลุ่มที่ ๕ เกิดจากเคียว ยักษ์โขโน คอยาว ๙๐ ปี จึงตาย ไก่หลายพัน ปลาหลายร้อยล้าน
    จึงบิณฑบาต ปัญจวัคคีย์หนีไป พระองค์ออกเดินไปทางทิศเหนือ ตามแม่น้ำเนรัญชรา
    พูดเป็นภาษาไทย ไม้โพ ภาษาเชียงใหม่ ไม้ฉีวี ภาษาเขมร ไม้ไทร ภาษาไทยพม่า ไม้อย่อง ภาษาแขก ไม้ลุมพี แขกพวกหนึ่ง ไม้ป้าแป้ง
    พระองค์เข้ามาอยู่ในท้องยาย ไม้ก็เกิดในวันเดียวกัน (ต้นโพธิ์ตรัสรู้ เจ้าชายสิทธัตถะ ม้ากัณฐกะ พระอานนท์ เกิดวันเดียวกัน เรียกว่าเป็น สหชาติ) เมื่อพระองค์ถึง มีความสูง ประมาณ ๑๐ วา หน้าไม้ ๓๒ วา ชาวมนุษย์ไปบูชาต้นไม้ ผู้ถือผีก็เอา ข้าวดำข้าวแดง พวกถือผีใหญ่ก็เอาไก่ เอาเป็ด ชิ้นวัว ชิ้นควาย ชิ้นแพะ ชิ้นแกะ ได้บูชาแล้วดีจิตใจดี จึงใส่ชื่อศาสนาพราหมณ์มาถึงทุกวันนี้
    นี่แหละนักธรรมเจ้าทั้งหลาย เค้าอย่างไรปลายก็อย่างนั้นสืบต่อกันมา
    ส่วนพระนางสุชาดา เกิดในสมัยคุณยายนั้น เป็นลูกธนัญชัยเศรษฐี อายุ ๑๖ ปี งามอย่างเทวดาอยู่บนฟ้า จึงทำข้าวมธุปายาสสำเร็จแล้ว นางแก้วตั้งหัวไปถวาย
    เหมือนในประเทศพม่าเอาแบกใส่หัวไป นางสาวไทยใหญ่อุ้มไป ถวายข้าวสาร คล้ายดอกบัวมีฝาปิดทางบน ทางใต้ใส่อาหาร แต่ นางสุชาดาใส่บนหัว ภาคอิสานของเรา ก่องข้าวไว้ทางข้างหน้า อาหารไว้ทางข้างหลัง ข้าวใส่บาตรไว้ในนั้น
    นางสุชาดาไปถึงแล้วคุกเข่า ยกอาหารจากศรีษะยกมือขึ้นไหว้ มานโวโหติ เจ้ามานพหรือเจ้าอ้ายเป็นพระอินทร์ พระพรหม เป็นอะไร หนอเจ้าข้า
    พระศรีธาตุ อาตมาเป็นมนุษย์ เป็นลูกพระเจ้าสุทโธทนะ ออกบวช ปรารถนาอยากเป็นพระพุทธเจ้า
    วันนี้บิณฑบาตรเอาอาหารกับนางสุชาดาแล้ว จึงเข้าถวายข้าว ๔๙ ก้อน ทำตองกล้วยเป็นโล่ง (เปิด) คล้ายๆ กาบดอกบัวโบราณ เฮาว่า หมากเบ็ง
    พระโพธิสัตว์ ปันพรให้กับนางสุชาดา จตฺตาโร ธมฺมาวฒฺทนฺติ อายุ วณฺโณ สุขํ พลํ
    นางสุชาดาได้รับพรแล้ว เกิดปีติทางใจ หาอะไรเปรียบเทียบไม่ได้
    นางสาวพรหมจารี อายุ ๑๔-๑๕ ปี บิดามารดาไม่สมบูรณ์ มีคุณยายแก่ คนหนึ่งเป็นหมัน สร้างแต่สายทองคำ นางพรหมจารีพวกนั้น ได้สายสร้อย ทองคำแล้ว กายก็ได้รับปีติ วาจาก็ได้รับปีติ ใจก็ได้รับปีติ
    ความปรารถนาของนางสุชาดา เกิดจากหัวใจ ออกปากบ่ได้ พรทั้ง ๔ นี้ ให้คุณยายได้ลูกสาว ๒ คน ได้สามีผู้มีศีลธรรม เกิดนางสุชาดา กลับไปบ้าน ๗ วัน ก็ได้สามีลูกสาวคู่ลูกชายคู่เกิดคู่พระโพธิสัตว์ฉันข้าว
    คำอินเดีย อาหารปจฺจโย มคคฺปจฺจโย แปลเป็นภาษาไทย อาหาร ทั้งหลายเป็นสวรรค์ของมนุษย์ ปลาทู ปูเค็ม ข้าว ขนม ต้มไก่ ปลาค้าว ใหญ่เท่าควาย ปลาชวยใหญ่เท่าช้าง ดูกช้างหมูมันเคี้ยวบ่ทัน ทั้งฮ้อง ทั้งให้กินเต็มอิ่มเต็มใจ รูปขันธ์ก็เดินไปด้วยข้าวสุก สัญญาขันธ์ ก็เต็ม ไปด้วยข้าวสุก สังขารขันธ์เต็มไปด้วยข้าวสุก
    จึงว่า สุคโตอินทรีย ตาก็เป็นพุทธอินทรีย์ หูก็เป็นอินทรีย์ ดัง(จมูก) ก็เป็นพุทธอินทรีย์ ปากก็เป็นพุทธอินทรีย์ กายก็เป็นพุทธอินทรีย์ ใจก็ เป็นพุทธอินทรีย์ จึงใส่ชื่อว่า พระพุทธเจ้า เป็นเจ้าของมนุษย์ เป็นเจ้าพระอินทร์ เป็นเจ้าพระพรหม เป็นเจ้านิพพาน ไม่มีศาสนาอื่นมาสอน แก้ทุกข์แก้ยาก แก้ร้อนแก้หนาว มีนิพพานเป็นที่อยู่ของจิตอย่างดาวอย่างเดือน ไม่ตายซักที ไม่เกิดซักที
    ใครว่าเดือนตายมันเป็นบ้า ดาวตายมันเป็นผีบ้าผีบอคอยาวตาขาว ลิ้นยาวขี้ปด ใช้ไม่ได้
    ๑. นั่งภาวนา ๗ วัน ๗ คืน ไม่ลุกยืน ๗ วัน ๗ คืน ว่า ธมฺโม ลมบังคับ ไม่ได้ นั่งภาวนาตีนซ้อนตีน ตีนซ้ายอยู่ลุ่มตีนขวาอยู่บน (สมาธิเพชร) มือซ้อนมือ มือซ้ายอยู่ลุ่มมือขวาอยู่บน หลับตา ๗ วัน ๗ คืน จึงออกจากนิโรธ มืนตา (ลืมตา) พระอินทราธิราช เอาน้ำทิพย์สระอโนดาษ ชั้นตาวะติงสา มาให้ พระองค์บ้วนปากส่ายหน้าตกลงน้ำ กลายเป็นปลาเงินปลาทองทุกวันนี้
    ๒. อุทธทิ เหมือนพระอาทิตย์ พระจันทร์ อุทธ ที่แม่น้ำประจำแผ่นดิน อย่างภาคอิสานของเรานี้ แม่น้ำของ (โขง) แม่น้ำสงคราม แม่น้ำยาม แม่น้ำอูน แม่น้ำมูล อยู่จังหวัดอุบล ภาคเหนือมี แม่น้ำน่าน แม่น้ำยม ภาคกลางก็แม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำป่าสัก แม่น้ำสมุทรสุดจังหวัดสมุทรปราการ ปลาไหลตัวใหญ่ ๔ ศอกปลาย (กว่า) ปลากระเบน เห็นหลังมันได้ ๔ ศอก หางมันได้ ๔ ศอก เป็นปลาบ่าวปลาสาว ปลาแม่เฒ่าขอบหลัง ๔ วา หรือ ๘ ศอก
    ใน (แม่น้ำ) สงครามของเรา เขาเรียกว่า ปลาฝาไร ใหญ่เท่ากระด้งฝัดข้าว หางมัน ๒ ศอก
    หนึ่งตั้งพุทโธ โสดามรรค โสดาผล เป็นฌานที่ ๑ สอง ตั้งธัมโม สกิทาคามิมรรค สกิทาคามิผล ตั้งสังโฆ อรหันตมรรค อรหันตผล
    เป็นฌานที่ ๑ โสดามรรค โสดาผล เป็นฌานที่ ๒ สกิทาคามรรค สกิทาคาผล เป็นฌานที่ ๓ อนาคามิมรรค อนาคามิผล เป็นฌานที่ ๔ อรหันตมรรค อรหันตผล
    นี้แหละนักธรรม ผู้เจริญกรรมฐาน อย่าละพุทโธ อย่าละธัมโม อย่าละสังโฆ
    ถ้าละสังโฆไปเป็นสหายพระเทวทัต ไปเป็นเสี่ยว พระเจ้าอชาตศัตรู จะไปเป็นเสี่ยว พระเจ้าสุปปะพุทธะ
    ถ้าผู้หญิงขาดพุทโธ ธัมโม สังโฆ จะไปเป็นเสี่ยวอี่นางจิญจมานวิกา อี่นางเอาดองเต่าครอบท้อง แล้วว่าโคตมเล่นกับมัน โคตมะลูกแก่แล้ว ทำไมไม่แปงเฮือน (ปลูกบ้าน) ให้ลูกอยู่ บอกนางวิสาขาหาหม้อน้ำมันมาลูบ บอกอุบาสกนายเศรษฐี (อณาฑะบิณทิกะเศราษฐี) หายามารักษาลูกซิ
    พระพุทธเจ้ากล่าวว่า ภคินีน้องสาว หรือพี่สาวนี่เอยพี่เอื้อย ตถาคตบวชแล้วไม่เกี่ยวกับกาม มีแต่พระอินทร์อยู่บนฟ้า คนทำบุญ เมื่อคืน ข้าวปั้นหนึ่ง ปลาเท่านิ้วมือ พระอินทร์ก็รู้ ทำบาปใต้พื้น มหาสมุทร พระอินทร์ก็รู้
    เมื่อพระพุทธเจ้าพูดดังนั้น เสียงดังไปถึงแท่นบัลลังก์ของพระองค์ เทวบุตรอำมาตย์ ๑,๐๐๐ คน อำมาตย์ข้างขวา ๕๐๐ คน ข้างซ้าย ๕๐๐ คน มาทูลพระอินทร์ว่าไม่ใช่ลูก เอาดองเต่าเจาะเป็นรู ๔ รู ขาขวาเจาะเข้าง่ามก้น ขาซ้ายก็เหมือนกัน เทวบุตรไปไต่ในท้องที่ ดองเต่า ตอดอยู่ในนั้นเหมือนตะเข็บเดินไปเดินมา เทวบุตร ๒ องค์ แปลงเป็นหนูไปกัดฝ้าย (เชือก) ที่เหนือสะดือ เกิดรำคาญ เกิดดิกเดียม (จั๊กกะจี้) กัดดองเต่าออกแล้ว ทายกทายิกาที่ไม่พอใจหยิบเอาก้อนหิน ไม้ค้อน ไล่ออกนอกวัดเชตวัน แผ่นดินสูบเอาอี่นางไปตกอเวจี
    นี่แหละ นักพุทธเราถือพระพุทธเจ้า อย่าไปถืออันอื่น ได้ถือลัทธิ อันอื่นแล้ว รับเอาพุทโธ ธัมโม สังโฆ เถิด
    ครั้นเมื่อพระองค์ได้เป็นพระอรหันต์แล้ว จึงมองโลกธาตุที่อยู่ ที่ได้ พุทโธในแผ่นดินสวรรค์ชั้น ๖ จาตุมเป็นชั้นที่ ๑ ชั้นตาวะติงสา เป็นชั้นที่ ๒ ชั้นยามา เป็นชั้นที่ ๓ ดุสิตา เป็นชั้นที่ ๔ นิมมานรตี เป็นชั้นที่ ๕ ปรนิมมิตสวตี ชั้นที่ ๖
    ได้ธัมโมแล้ว พรหม ๑๖ พรหมปาริสัชชา ตลอดถึง อกนิฏฐา ส่วนสังโฆ สุทธาวาส อนาคามิมรรค อนาคามิผล สิ้นชีพวายชนม์ เข้าสู่นิพพาน ไม่มีชั้น
    อาตมา อาจารย์ตื้อ ผู้อธิบายไว้นี้ หลวงพ่ออาจารย์นนท์ อยู่บ้าน นาซ่อม ตำบล นาหว้า เมื่อ ๓ วัสสา ๒ อยู่ท้องยาย ให้นามว่า พุทธะ ธัมมะ สังฆะ ๘ เดือน อัฏฐังคิกมรรค ๘ ได้จากท้องยาย จึงมาเปลี่ยน เป็นพระสูตรใส่ชื่อ พระธรรมจักร
    สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปโป สัมมาวาจา สัมมากัมมันโต สัมมาอาชีโว สัมมาวายาโม สัมมาสติ สัมมาสมาธิ เรียก อัฏฐังคิกมรรค ๘
    ๙ เดือนถ้วนทศมาส บ้างก็ ๘ เดือน บ้างก็ ๙ เดือน ส่วนพระพุทธเจ้า ของเรา ๑๐ เดือนจึงคลอด หรือออกลูกพ้นท้องแม่แล้ว เรียก พุทธัง ธัมมัง สังฆัง ตั้งแต่ปี ๑ ถึง ๑๙ ปี ให้บวชเป็นสามเณร ถึงเป็นพระอรหันต์ ก็ให้เป็นเณรอยู่นั้นแหละ
    ซาวปี เรียกพุทโธ ภาษากลางภาษาไทย เรียก ยี่สิบ ภาษาอินเดีย เรียกวีสติ ๒๐ ปี หรือ ซาวปี แปลพุทโธออกพุทธัง พุทโธอยู่ใน พุทธัง อยู่นอก พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ ตาก้ำขวาของเราเรียก พุทธัง ธมํ สรณํ คจฺฉามิ หูก้ำขวาของเราเรียกว่า พระธรรม สงฆฺ สรณํ คจฺฉามิ รูดังขวา เป็นพระสงฆ์
    ทุติยมฺปิ พุทธํ สรณํคจฺฉามิ ตาข้างซ้ายของเรา เรียกว่า พระพุทธเจ้า ทุติยมฺปิ ธมฺมํ สรณํคจฺฉามิ หูข้างซ้ายของเราเรียกว่า พระธรรม ทุติยมฺปิ สงฆํ สรณํคจฺฉามิ รูจมูกข้างซ้ายของเรา เรียกว่าพระสงฆ์
    คุณพ่อ ๓ คุณแม่ ๓ เป็น ๖ พระองค์ ตาขวาเป็นพุทธ หูขวา เป็นธรรม รูจมูกข้างขวาเป็นพระสงฆ์ ตาข้างซ้ายพระพุทธ หูซ้ายพระธรรม รูจมูกข้างซ้ายพระสงฆ์
    คุณพ่อ ๓ พระคุณแม่ ๓ พระองค์ ตติยมฺปิ พุทธํ สนณํคจฉามิ ปากของเราทุกคนเป็นพระพุทธเจ้า ตติยมฺปิ ธมฺมํ สนณํคจฺฉามิ ลิ้นใหญ่ ของเราเป็นพระธรรม ตติยมฺปิ สงฺฆํ สรณํคจฺฉามิ ลิ้นใน ภาษาไทยของเรา เรียกว่า ลิ้นไก่ ไม่ใช่ทั้งนั้น ลิ้นไก่ก็ผิด เลือดไก่ก็ผิด ลิ้นไก่อยู่ในปาก ของเรา
    นักธรรมทั้งหลาย อย่าละพระพุทธ อย่าละพระธรรม อย่าละพระสงฆ์ คุณตาคุณยายของเราจะรับศีลว่า นะโม หนหนึ่ง ไหว้พระพุทธเจ้า ด้วยกายของเรา นะโม ที่ ๒ ไหว้พระธรรมเจ้าด้วยวาจาของเรา นะโมที่ ๓ ไหว้พระสงฆ์ด้วยใจของเรา
    นะโม หนที่หนึ่งเหมือนก้อนข้าว หนที่สองเหมือนปิ้งปลาปิ้งไก่ นะโมหนที่สาม น้ำท่าน้ำดื่มน้ำร้อน ลูกศิษย์พระพุทธเจ้า ก็ให้พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ไปจนจบ ๙ ติสรณคมนํ แปลว่า ๙ คุณตาคุณยาย ออกวาจา อามภนฺเต เจ้าข้า
    ว่าศีลปาณาติปาตา อทินนา กาเม มุสา สุรา นี้จบรับศีลห้า ก็ว่า กาเม ผู้รับศีลแปด ก็ว่า อพรหฺมาจริยา ถึง นจฺจคีตวา ทิตวิสูกทสฺนา มาลาคนฺทวิเลปน ธารณ มณฺทน วิภูสนฏฐานา จนถึง อุจฺสยนมหาสยนา
    ตั้งพุทโธ ใจของเรานี้แหละ เรียกพระพุทธเจ้า ตั้งธัมโม ใจของเรา นี้เรียก พระธรรม ตั้งสังโฆ ใจของเรานี้แหละ พระสงฆ์ (จบกัณฑ์ ๔)

    หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม วัดป่าอรัญญวิเวก ต.บ้านข่า อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...