ทำบุญแล้วนึกถึงบุญบ่อยๆ จะเป็นการลำเลิกบุญหรือทวงบุญหรือไม่

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย tamsak, 21 เมษายน 2008.

แท็ก:
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,172
    ถาม : ทำบุญ ทำแล้วให้เราคิดถึงบุญบ่อย ๆ อย่างนี้ แล้วก็มันไม่ใช่ว่าเป็นการเหมือนลำเลิกบุญคุณเหมือนทวงบุญทวงคุณ ?
    ตอบ : ไม่ใช่ เราเรียกว่า จาคานุสสติ ระลึกถึงการสละออก จิตใจก็ประกอบด้วยทานบารมี คือ พร้อมที่จะให้อยู่เสมอ เป็นการคิดในด้านดี เป็นการตีวงให้ความคิดของเราไม่ไป รัก โลภ โกรธ หลง เพราะว่าการสละออกเป็นการตัดตัวโลภ

    ในเมื่อเราคิดถึงความดีอยู่เสมอ เกาะความดี ความดีนี่ใครสอนมา.... หลวงปู่หลวงพ่อสอนมา หลวงปู่หลวงพ่อรับคำสอนมาจากใคร... รับคำสอนจากพระพุทธเจ้ามา หลวงปู่หลวงพ่อเป็นพระสงฆ์ คำสอนเป็นพระธรรม พระพุทธเจ้าเป็นพระพุทธ ครบพระรัตนตรัยเลย ใจเราเกาะพระรัตนตรัยอยู่ตลอดเวลา ในเมื่อใจเราเกาะพระรัตนตรัยตลอดเวลาก็คือเกาะความดี ใจที่เกาะความดีในขณะนั้นถึงตายตอนนั้นมันก็ไปดี ไม่ได้ลำเลิกบุญคุณใครหรอก หากแต่ว่ากำลังย้อนทวนความดีของตัวเองเพื่อให้คงหนักแน่นอยู่ในใจขอเงเรา

    ถาม : แล้วถ้าจิตตกทำยังไงครับ ?
    ตอบ : ปล่อยมันตกไป อาการเดียวกัน รู้ตัวเมื่อไหร่ก็ตั้งต้นนับหนึ่งใหม่ ไม่ต้องไปคร่ำครวญกับมันเสียเวลา โอ้ย... ไม่น่าเลย ทำมาตั้งนานเนพังอีกแล้ว (หัวเราะ) ไม่เห็นมีพระโยชน์อะไรเลย ทันทีที่เรารู้นี่เราเลิกเลยเดี๋ยวนั้นเลย เขาต้องการให้เราคิดอย่างนั้น ให้เราอยู่อย่างนั้น เราจะได้ไม่ก้าวหน้า จำไว้ว่าขณะที่เราแย่ที่สุดนั้นก็คือเวลาที่เราใกล้ความดีที่สุด

    อันนี้กล้ายืนยันจากประสบการณ์ที่ทำมารวมเวลา ๒๕ ปี กว่าขึ้นปีที่ ๒๖ แล้ว เวลาที่เราคิดมันเหมือนกับเรากำลังจะก้าวเข้าประตูแล้ว เขาพยายามดึงเราให้ออกจากประตูนั้นด้วยการสร้างอารมณ์ต่าง ๆ ที่มัน รัก โลภ โกรธ หลง ขึ้นมา เพื่อให้เรามาหลงยึดตัวนี้แทน โดยที่ไม่มุ่งหน้าไปจุดเดิม เพราะฉะนั้นแย่มากที่สุดเมื่อไหร่จงดีเถิด ใกล้ประตูมากที่สุดแล้ว ลุกขึ้นแล้วเดินเดี๋ยวนั้นเลย มันอาจจะก้าวข้ามไปเลย

    ถาม : .........(ฟังไม่ชัด)..........
    ตอบ : ถ้ายังไม่เป็นพระอรหันต์เมื่อไหร่มันก็ยังสัมมาทิฏฐิไม่เต็มที่หรอก

    ถาม : มีสักหน่อยก็ยังดีขอสัก ๕๐ %
    ตอบ : โอ้โห... เอาเยอะจัง (หัวเราะ) ในมรรคแปดจะขึ้นต้นด้วยสัมมาทิฏฐิเลย เพราะสัมมาทิฏฐินี่ตัวปัญญา เป็นตัวปัญญามีปัญญาขึ้นก็จะเริ่มทำในสิ่งที่ดี ๆ ทั้งหมดสัมมาอีก ๗ ตัวจะตามมาเอง เพราะฉะนั้นในขณะจิตใดที่เรายังไม่ก้าวถึงความเป็นพระอริยเจ้าตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไปตัวสัมมาทิฏฐิสมบูรณ์ได้ยากมันบกพร่องบ้าง...

    บอกแล้วว่าถ้ารู้ตัวเริ่มต้นใหม่ จำไว้ว่าเราใช้ศีลเป็นกรอบของเรา ถ้าหากว่าเราจำเป็นต้องไปกับโลก ไปแค่กรอบของศีลห้า ถ้าไม่พ้นจากกรอบของศีลเรายังอยู่ในสัมมาทิฏฐิ ถึงมันจะเป็นอุปาทาน คือการยึดมั่นถือมั่น แต่มันก็เป็นการยึดในสิ่งที่ถูก เพราะว่าทุกคนจำเป็นต้องมีสิ่งที่ยึดก่อนเหมือนกับเด็ก ๆ หัดเดินต้องมีสิ่งยึดเกาะก่อน

    ถ้าไม่มีสิ่งที่ยึดเกาะจะเอาอะไรไปปล่อยวางล่ะ เพราะฉะนั้นแรก ๆ ให้ยึดศีลเป็นหลัก ยึดพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นหลัก ถ้ายังอยู่ในกรอบของศีลนี้โอกาสจะหลุดจากสัมมาทิฏฐินี่ไม่มีเลย แต่ตัวธรรมะอื่น ๆ อาจจะบกพร่อง เช่นว่า เป็นสีลัพพัตตุปาทาน คือ ยึดมั่นในการปฎิบัติของตัวเอง คิดว่าศีลพรตของเราดีกว่าของคนอื่นเขา นั่นค่อยไปแกะมันทีหลัง แต่ว่าอย่าให้หลุดจากกรอบนี้แล้วกัน สัมมาทิฏฐิอยู่กับเราแน่ ๆ ไม่ใช่ ๕๐ % หรอก อาจจะ ๑๐๐ % เลย ไม่มีอะไรยากสักนิดหนึ่งอ่านตำราก็เยอะฟังก็เยอะ จับจุดไม่ค่อยจะถูก (หัวเราะ)



    คัดลอกบางส่วนจาก
    สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เดือนพฤษภาคม ๒๕๔๔

    ณ บ้านอนุสาวรีย์ ฯ



    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 28 กันยายน 2013
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...