ร่วมทำบุญบูชา พ่อครูฟ้าฟื้นชุดบ่วงตัณหาผงบริสุทธิ์วิชาพระเจ้าลิ้นทอง(เก็บแต้มล่านาง) พ่ออาจารย์พล

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย คุรุปาละ, 12 ตุลาคม 2014.

  1. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,143
    ค่าพลัง:
    +16,536
    แจ้งการส่ง ems

    พี่ธวัช ED 0793 5652 0 TH

    พี่นฐมน ED 0793 5653 3 TH

    พี่พรหมพล ED 0793 5654 7 TH

    พี่วัฒนา ED 0793 5655 5 TH
     
  2. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,143
    ค่าพลัง:
    +16,536
    แจ้งการส่ง ems

    พี่นฐมน ED 0793 8156 9 TH
     
  3. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,143
    ค่าพลัง:
    +16,536
    อานิสงส์แห่งการรักษาศีล

    โอวาทธรรมในครูบาเจ้าศรีวิชัย สิริวิชโย

    พระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้ไว้ว่า ศาสนาจะตั้งอยู่ได้ก็เพราะพระมหากษัตริย์เป็นพุทธศาสนูปถัมภ์ ท่านจึงได้ฝากศาสนาไว้กับพระมหากษัตริย์ ถ้าพระมหากษัตริย์และเจ้าเมืองพร้อมด้วยเสนาอำมาตย์ราษฎรทั้งหลายพากันรักษาศีล ๕ และทำบุญใส่บาตร ฟังธรรมที่วัดทุกวันศีลเป็นลำดับไปแล้ว ก็จักได้อานิสงส์คือความสุขในปัจจุบันทันตาดังจักกล่าวต่อไป
    ๑. เมื่อนอนหลับก็เป็นสุข
    ๒. เมื่อตื่นก็เป็นสุข
    ๓. เมื่อฝันก็ฝันดีไม่ร้าย
    ๔. มีชื่อเสียงเล่าลือไปทั่วทิศานุทิศว่าเป็นผู้มีเมตตาจิต ใจเป็นศีลใจบุญ
    ๕. เป็นที่รักแก่คนและเทวดาทั้งหลาย
    ๖. แม้นจักบ่ายหน้าไปสู่ทิศใด เทวดาตามรักษา บันดาลให้มีผู้อุปถัมภ์มิให้ลำบาก
    ๗. แม้นเข้าในที่ประชุมชนหมู่ใด ก็เป็นผู้มีความกล้าหาญองอาจในการเจรจา
    ๘. ไม่มีศัตรูคิดอาฆาตทำร้ายได้
    ๙. ไม่มีความสะดุ้งตกใจกลัวต่อภัยอันตรายสิ่งใด
    ๑๐. เป็นผู้ปราศจากทุกข์ ไม่มีคดีถ้อยคำเกิดขึ้นเลย
    ๑๑. เป็นผู้มีสติสัมปชัญญะ มีหน้าตาเบิกบาน ยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่ทุกเมื่อ
    ๑๒. ไม่มีความเศร้าโศกเสียใจและมีอายุยืน
    ๑๓. มีปีติเอิบอิ่มอยู่ในใจว่า ได้ทำความดีไว้เป็นที่พึ่งแก่ตัวแล้ว
    ๑๔. เป็นผู้ที่ทำใจให้บริสุทธิ์ คือเป็นเทวดา หับ (ปิด) ประตูอบายไว้แล้ว
    ๑๕. ยามเมื่อจะตาย ก็มีสติดี ไม่มีความสะดุ้งตกใจเลย อันนี้เป็นอานิสงส์เฉพาะตัวอานิสงส์ ส่วนประเทศบ้านเมืองได้รับต่อไปอีกด้วยดังนี้
    ๑๖. ประชาชนพลเมืองทั้งหลายก็ได้เป็นสามัคคีกลมเกลียว เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
    ๑๗. พวกอันธพาลสันดานหยาบ เห็นหมู่ประชาชนทั้งหลายเป็นผู้ใจศีลใจบุญ ไม่มีใครคนค้าสมาคมด้วย คิดละอายขวยเขินขึ้นในใจ ไม่อาจจะเป็นพาลต่อไป ก็จักกลับใจเป็นพลเมืองดี มีศีลธรรมต่อไป
    ๑๘. ความก้าวร้าวเบียดเบียนกันก็ไม่มี
    ๑๙. โจรผู้ร้ายก็สงบ
    ๒๐. ฝนตกชอบตามฤดูกาล
    ๒๑. พืชข้าวกล้าก็งอกงามบริบูรณ์
    ๒๒. ปราศจากภัยพิบัติ คือ น้ำไม่ท่วม ไฟก็ไม่ไหม้ โรคห่าทั้งหลายก็ไม่มี
    ๒๓. พลเมืองทั้งหลายก็มีความสุขสบาย
    ๒๔. เมื่อประเทศบ้านเมืองอยู่เย็นเป็นสุขแล้ว นานาชาติก็ไม่มาราวีรบกวนได้
    ๒๕. พระมหากษัตริย์และเจ้านาย ผู้ปกครองประเทศบ้านเมืองก็มีความสุขสบาย.....

    การปฏิบัติรักษาศีล ๕ อันเป็นบันไดขั้นต่ำเบื้องต้นของพระพุทธศาสนา มีอานิสงส์ให้ได้รับความสุขในปัจจุบันประจักษ์แจ้งแก่ตาดังนี้..
    ครั้นตายแล้วก็ได้ขึ้นไปเกิดบนสวรรค์ ครั้นจุติจากสวรรค์ก็ได้ลงมาเกิดเป็นมนุษย์มีรูปอันงาม มีปัญญาเฉลียวฉลาด มีทรัพย์สมบัติมาก มีอายุยืน มีเมียมีลูกมีหลาน ก็ว่านอนสอนง่าย ไม่มีศัตรูเบียดเบียนได้และเป็นปัจจัยให้มีความสุขไปตราบถึงพระนิพพาน

    ผู้ที่รักษาศีล ๘ ได้ ก็ได้รับความสุขในปัจจุบันมากกว่าศีลข้อ ๕ ขึ้นไปอีก คือ ไปนอนอยู่ที่วัด เป็นกายวิเวก จิตวิเวก สงบอารมณ์ ปราศจากความพยาบาท จองเวร ถีนมิทธะ ปราศจากความง่วงเหงาหาวนอน อุทธัจจะ ปราศจากความฟุ้งซ่านรำคาญใจ ไม่มีสิ่งใดมารบกวน วิจิกิจฉา ปราศจากความสงสัยในพระธรรมคำสั่งสอนแล้ว คือ ไปอบรมทำใจให้บริสุทธิ์แยบคายเสมอดั่งพรหม ครั้นว่าตายก็ได้ขึ้นไปเกิดบนชั้นพรหมมีความสุขและอายุยืนยิ่งกว่าชั้นสวรรค์ ครั้นจุติก็ได้มาเกิดเป็นมนุษย์ในตระกูลสูง มีรูปโฉมอันเงางาม มีปัญญาเฉลียวฉลาด อายุยืน มียศ มีบริวาร มีอำนาจมาก

    มนุษย์ผู้ใดถือศีล ๕ ได้มั่นเที่ยงแล้ว ผู้นั้นได้เป็นอุบาสกอุบาสิกาในพุทธศาสนาเป็นผู้มีปัญญา เกิดมามิเสียชาติ เป็นผู้ฉลาดนำความสุขมาใส่ตัว ประเสริฐกว่าทรัพย์สมบัติทั้งหลายที่มีอยู่ในโลกนี้ทั้งมวล แก้วมณีโชติของพระยาจักพรรดิ์ผู้เป็นใหญ่กว่ามนุษย์ทั้งปวงและเครื่องของขัตติยนารีทั้งหลายมีแก้วแหวนเงิน(ทอง)คำเป็นต้นเป็นของบำรุงตัณหากามคุณ เหมือนดั่งน้ำผึ้งแช่ยาพิษสำหรับนำความทุกข์มาใส่ตัวโดยไม่มีประโยชน์สิ่งใดเลย น้ำแม่คงคา ยมมุนา อจิรวดี มหิ มหาสรภู ซึ่งเป็นแม่น้ำใหญ่ทั้ง ๕ แม่น้ำแม้นจักเอามาอาบให้หมดสิ้นทั้ง ๕ แม่นี้ก็ไม่อาจจะล้างบาป คือความเดือดร้อนภายในให้หายได้ และฝนลูกเห็บแม้นจะตกมาร้อยห่าให้เย็นและหนาวสักปานใดก็ดีก็ไม่อาจจะเย็นเข้าไปถึงภายในให้หายความทุกขเวทนาได้.....

    ศีล ๕ เป็นอริยทรัพย์ เป็นต้นของความบริสุทธิ์เป็นน้ำทิพย์สำหรับล้างบาปคือความเดือดร้อนภายในให้หายได้ เป็นบันไดแก้วสำหรับก่ายขึ้นไปอยู่สวรรค์สมดั่งพระบาลีว่า...
    “ สีเลนะ สุคติงยันติ ” ....ศีลให้เป็นที่จำเริญไปด้วยความสุข...
    “ สีเลนะ โภคะสัมปทา ” ....ศีลให้เป็นที่จำเริญไปด้วยโภคทรัพย์ทั้งมวล
    “ สีเลนะ นิพพุติงยันติ ” ...ศีลทำประโยชน์ให้มีความสุขไปตราบถึงนิพพาน อันเป็นความสุขอย่างยิ่งได้แท้จริง
    “ ตัสสมา สีลัง วิโสทะเย ” ....เหตุนั้นศีลเป็นของดีวิเศษยิ่งนัก หาอันใดจักเปรียบไม่ได้


    สมดั่งพุทธภาษิตว่า
    “ อัพพยา ปัชชัง สุขัง โลเก ” ....ความไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน เป็นความสุขในโลก

    พระธรรมคำสั่งสอนคือ ศีล ๕ เป็นธงไชยเฉลิมโลก ถ้ามนุษย์ทั้งหลายพากันถือศีล ๕ ได้ทั้งโลก มนุษย์และสัตว์ทั้งหลายซึ่งมีในโลกก็มีความสุขธรรมก็มีความจำเริญโลกกับธรรมถ้อยทีถ้อยอาศัยซึ่งกันและกัน......
    ดังนี้แล้วแผ่นดินโลกก็จักได้กลายเป็นแผ่นดินเมืองสวรรค์(แผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง) น้ำตาของมนุษย์อันเป็นทะเลนองท่วมโลกมาแล้วแต่ก่อนก็จักเหือดแห้งหายไป สมดั่งภาษิตว่า ให้รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ประเทศบ้านเมืองจะมีความสุข ความจำเริญ อันความรักชาติศาสนาและพระมหากษัตริย์ ก็คือผู้ที่มั่นอยู่ในศีล ๕ นี้แล ถ้าผู้ไม่มีศีล ๕ กับตนแล้วก็แปลว่าเป็นผู้ล้มชาติขุดขุมฝังตัวไว้ในชาตินี้เสียแล้วจะไปติโทษผู้ใด

    ปุถุชนทั้งหลายอย่าได้สงสัยว่าพระพุทธเจ้านิพพานไปแล้วจะบำเพ็ญอย่างใด ก็ไม่ได้ถึงมรรคผลและนิพพานนั้น
    ความจริงพระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้ธรรมแล้วจึงได้เป็นพระพุทธเจ้า เมื่อท่านถึงนิพพานไปแล้วผู้ที่ปฏิบัติถูกต้องตามพระธรรมคำสั่งสอนก็ได้เป็นอรหันต์ได้ถึงนิพพานเหมือนกัน ถ้าผู้ใดเล็งเห็นว่าพระธรรมคำสั่งสอนเป็นความจริงบริสุทธิ์ ผู้นั้นย่อมเล็งเห็นพระพุทธเจ้าได้ทุกเมื่อ แม้นว่าท่านยังทรมานอยู่ก็ดี ผู้ใดมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องธรรมก็ไม่อาจจะพ้นจากทุกข์ได้ ข้อปฏิบัติที่จะให้พ้นทุกข์ได้ก็คือรักษาศีลบริสุทธิ์เสียก่อนความตั้งมั่นก็จะมีขึ้น

    เพราะฉะนั้นปุถุชนทั้งหลายผู้แสวงหาความสุขใส่ตัวจงพากันรักษาศีลให้บริสุทธิ์เถิด เมื่อศีลบริสุทธิ์แล้วสมาธิความตั้งมั่นก็จักเกิดมีมาแล้ว ให้ปลูกปัญญาๆก็หากจักเกิดมีขึ้น ให้หมั่นระลึกถึงตนอยู่บ่อยๆว่ามิใช่ตัวตนเป็นธาตุทั้ง ๔ ขันธ์ ๕ ทั้งอาการ ๓๒ โสโครก เป็นตัวทุกข์ตัวแก่ตัวเจ็บตัวตายมิใช่ตัวอันจักตามไปในโลกหน้า ให้เห็นแจ้งด้วยปัญญาของตนเองแน่นอนลงไปแล้ว จึงเป็นสมุจเฉทปหาน กิเลสหมดแล้วจักเป็นวิมุติหลุดพ้นจากความทุกข์ได้เป็นอรหันต์จริง

    “ อเสวนา จ พาลานํ ” สภาวะอันได้รู้จักพาลภายใน คือ โลภ โกรธ หลง ซึ่งเป็นต้นแห่งความทุกข์แล้ว ไม่ได้ซ่อมเสพคบหากับมันก็ดี
    “ บัณฑิตา นัญจะ เสวนา ” สภาวะอันไปเสพไปคบหากับบัณฑิตนักปราชญ์ คือให้ฟังธรรม คำสั่งสอนแห่งพระพุทธเจ้า จนได้รู้จักพาลภายในอันเป็นต้นเหตุแห่งบาปก็ดี
    “ ปูชา จ ปูชนิยานํ ” กิริยาอันได้ไหว้และบูชายังพระพุทธเจ้าก็ดี
    “ เอตํติวิทะ กัมมํ ” อันว่ากรรม ๓ ประการนี้
    “ มังคละ ” ก็ป็นมงคล “อุตตะมํ
    อันอุดมดี
    ความดังกล่าวมานี้....พระพุทธเจ้าไปบำเพ็ญสร้างบารมีมาได้ ๔ อสงไขยหลายแสนมหากัปป์ จึงได้ตรัสรู้ธรรมวิเศษ รู้ต้นเหตุที่เกิดทุกข์ รู้เหตุที่บรรเทาทุกข์ รู้เหตุที่ดับทุกข์ รู้ทางปฏิบัติที่สู่ที่ดับทุกข์แล้ว ได้นำมาเทศนาให้มนุษย์ทั้งหลายได้รู้ถี่เห็นแจ้งดังนี้ มิใช่ของที่จะพบได้ด้วยง่ายๆเมื่อใดผู้ที่ไม่มีบุญไม่เคยได้บำเพ็ญมาแต่ชาติก่อนแล้วก็บ่ห่อนว่าจะพบได้เลย เมื่อได้เกิดมาพบคำสั่งสอนอันเป็นความจริงบริสุทธิ์ที่จะนำตนให้พ้นทุกข์ได้ดังนี้ก็เป็นมหาลาภอันประเสริฐแล้ว


    เพราะว่าทรัพย์สมบัติทั้งหลายอันเป็นทรัพย์ภายนอกที่จะเอาไปไม่ได้นั้น ยังพากันเร่งขวนขวายหาทั้งกลางวันกลางคืนนี้ ได้มาพบพระธรรมคำสั่งสอนที่แนะนำให้ผู้ปฏิบัติตามได้พ้นจากทุกข์ ในบัดนี้ไปตราบถึงนิพพานเป็นอริยทรัพย์สำหรับติดตามไปทุกชาติ ประเสริฐกว่าทรัพย์สมบัติอันมีในโลกนี้หมื่นเท่าแสนเท่าดังนี้ ก็เป็นโอกาสอันดีวิเศษสำหรับในชั่วชีวิตนี้ซึ่งจะหาโอกาสดีอย่างนี้ไม่มีอีกแล้ว เมื่อเวลายังอยู่สบายนี้ไม่ควรจะถือว่ายังเป็นเด็กหนุ่มน้อยถ้าแก่มาแล้วจึงค่อยทำบุญนั้นเป็นผู้มีความประมาทคิดผิด เพราะตามีหน้าดูหน้าไม่เห็นพญามัจจุราชไม่มีความกรุณาใครไม่ว่าหนุ่มแก่ แม้อยู่ในห้อ มันก็เอา หนุ่มมันก็เอา แก่มันก็เอา ไม่ประมาทลาสาเพราะตนรู้สึกว่าจะต้องตาย หนีความตายไม่พ้นแล้วมีปัญหาว่าจะป้องกันอย่างไร ไม่ให้มีความเศร้าโศกเสียใจเมื่อความตายจะมาถึง ควรจะพากันรักษาศีลทำบุญให้ทานเป็นที่พึ่งแก่ตนไว้เสียเมื่อก่อนเฒ่า เพื่อไม่ให้เสียทีที่ได้เกิดมาพบพระพุทธศาสนาที่ดีแล้ว ไม่ให้มีความแคล้วคลาดกินแหนงใจเมื่อภายหลังนั้นเกิด กล่าวด้วยอานิสงส์ศีลสำเร็จแต่เท่านี้แล ฯ....


    edu-photo-197576089587.jpg
     
  4. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,143
    ค่าพลัง:
    +16,536
    อรุณสวัสดิ์ครับ

    ก็มีถามมาหลายท่านว่าพ่ออาจารย์ท่านจะกลับมาวันไหนเมื่อไหร่ จะเปิดให้จองเครื่องมงคลชุดต่อไปช่วงไหน อันนี้ก็ติดตามกันนะครับเดี๋ยวผมจะแจ้งทางนี้อีกที
     
  5. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,143
    ค่าพลัง:
    +16,536
    อรุณสวัสดิ์ครับ

    เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็เริ่มจัดส่งของได้ปกติแล้ว ช่วงอาทิตย์หน้าก็จะมีเปิดจองเครื่องมงคลรายการพิเศษ ใครที่รอๆหรือถามว่าพ่ออาจารย์ท่านหายไปเสกอะไรหรือเปล่า ติดตามกันดีๆนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มิถุนายน 2020
  6. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,143
    ค่าพลัง:
    +16,536
    อรุณสวัสดิ์ครับ

    วันนี้เดี๋ยวทยอยส่งของให้นะครับ
     
  7. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,143
    ค่าพลัง:
    +16,536
    แจ้งการส่ง ems

    พี่คณพศ ED 1338 0405 1 TH

    พี่วัฒนา ED 1338 0406 5 TH

    พี่ทวีพงษ์ ED 1338 0407 9 TH
     
  8. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,143
    ค่าพลัง:
    +16,536
    ใครรอเครื่องรางสายโหดชุดสุริยะคราสที่ผ่านมา ติดตามกันดีๆนะครับ
     
  9. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,143
    ค่าพลัง:
    +16,536
    วันนี้รอบเย็นติดตามกันดีๆ ห้ามพลาดนะครับ รายการนี้บอกได้คำเดียวว่าเอาไว้รักษาเนื้อรักษาตัว ใช้ดูด..โดยเฉพาะ
     
  10. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,143
    ค่าพลัง:
    +16,536
    แจ้ง ...รายการที่จะลงรอบเย็นนี้พ่ออาจารย์ท่านให้เลื่อนไปจองพรุ่งนี้เช้านะครับ..รายการนี้เป็นเครื่องมงคลที่ถือได้ว่าจัดสร้างครั้งแรกเลยนับว่างดงามแปลกตาและมีครบรสในเรื่องรายละเอียดปลีกย่อย(ใบ้ว่ามีหลายวิชารวมหนึ่งแม้แต่เป็นพยนต์อยู่ในตัวเอง...) ทั้งพ่ออาจารย์ท่านต้องทำวิชาจารกำกับให้ทุกชิ้น ท่านว่าเก็บไว้จารก่อน
     
  11. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,143
    ค่าพลัง:
    +16,536
    ร่วมทำบุญบูชา องค์ฉัตรแก้วสุรกานต์นพสูรย์สุริยคราส"ดับปรปักษ์"(ดูดทุกข์โศกโรคภัย)

    องค์ฉัตรแก้วสุรกานต์นั้นเป็นเครื่องมงคลพิเศษในสายวิชาของพ่ออาจารย์ท่านด้วยท่านหล่อเป็นรูปฉัตรบังดวงตะวัน เรียกว่ายกฉัตรดับอาถรรพ์ฟ้าดิน..เพื่อให้ผู้บูชาทำอะไรสะดวกดั่งใจก็ได้(ท่านว่ายกฉัตรบังฟ้าจะทำการใหญ่ปิดฟ้าก็ง่ายดาย) ด้วยองค์ฉัตรแก้วสุรกานต์นั้นแทนร่มฉัตรของพระศาสนาเป็นยอดฉัตรอันสมเด็จองค์ปฐมท่านได้สถาปนาไว้และสั่งให้พ่ออาจารย์ท่านทำขึ้นเสียครั้งหนึ่ง...และต้องทำให้ได้เมื่อตั้งฉัตรปิดอาถรรพ์องค์นี้ชีวิตเราจะมีแต่ขึ้นมีแต่ได้อยู่ตลอด(ทำอะไรเราก็เห็นก็ได้อยู่ฝ่ายเดียว) ด้วยเป็นฉัตรยอดชัยที่องค์ปฐมท่านประทานไว้ให้เป็นมงคลคู่ชีวิตเมื่อสถิตย์อยู่กับเราจะใช้แก้กันศัตรูได้สารพัด..ถึงขั้นดับปรปักษ์(คิดร้ายผู้ที่อยู่ภายใต้ร่มฉัตรย่อมชะตาขาดเช่นนั้น) ทั้งองค์ฉัตรนั้นยังได้ใส่ทรัพย์สินมีค่ามากมายมหาศาลไว้ภายใน *** ด้วยไม่มีใครหักทำลายฉัตรแก้วนี้ได้เพราะเป็นฉัตรของเสด็จพระใหญ่พ่ออาจารย์ท่านว่าไม่ใช่ฉัตรที่ใครก็จะมาหักได้ ด้วยเป็นฉัตรขององค์ปฐมที่ให้ร่มเงาพระศาสนาชีวิตใครมืด..ชีวิตใครดับด้วยว่าต้องอาถรรพ์แรงแค่ไหนเมื่อยกฉัตรนี้ครอบชีวิตแล้วอาถรรพ์นั้นก็ต้องพ่ายยับไป

    ### ดั่งว่าองค์ฉัตรได้บังเงาเราไว้แบกรับอาถรรพ์และวิกฤติทั้งหลายแทนเราหมดแล้วไม่มีเคราะห์ใดจะผ่านเข้ามาใกล้เราได้เลย เมื่อตั้งฉัตรภัยพิบัติใดใดในชีวิตย่อมคลี่คลาย..เมื่อยกฉัตรดุจดั่งได้ยกชีวิตไว้ยอดสุดให้เจริญด้วยเหตุทางโลกเกินกว่าจะหมายประมาณ(ดั่งฉัตรแก้วที่ยกในเวลาสำคัญของแผ่นดิน) ฉัตรนี้จะบังเหตุร้ายกลับชีวิตจากร้ายให้กลายดีพ่ออาจารย์ท่านว่าบังได้แม้กระทั่งดวงชะตาที่อับเฉาลงไปแล้ว คนที่มีศัตรูมากหนึ่ง..คนที่มีปัญหาให้แก้มากมายหนึ่ง..คนที่ต้องอาถรรพ์สารพัดรูปแบบหนึ่ง...คนที่โดนกระทำด้วยคุณไสยอวิชชาหนึ่ง...คนที่ต้องเสนียดจัญไรหนึ่ง...คนที่ชีวิตพินาศย่อยยับหนึ่ง คนเหล่านี้พ่ออาจารย์ท่านว่าเมื่อตั้งฉัตรค้ำชีวิตกำบังดวงชะตาเราแล้ว ชีวิตย่อมหาอันตรายอันใดมิได้เลย แม้นหมู่มารศัตรูยังมิอาจแผ้วพาน ความวิบัติสารพัดที่เล็งให้โทษย่อมพินาศสูญสิ้น เช่นนั้นองค์ฉัตรแก้วสุรกานต์จึงเป็นยอดฉัตรที่ไม่มีสิ่งใดเทียมทัน *** องค์ปฐมท่านกำชับว่ามอบไว้ใช้กู้ชะตาเมื่อเกิดวิบัติใหญ่ ยกฉัตรบังเงาดั่งตั้งเขาพระสุเมรุป้องกันไม่ให้ชีวิตถูกอาถรรพ์ครอบงำได้ ยกฉัตรค้ำชะตาดั่งประกาศอำนาจราชศักดิ์เป็นเดชานุภาพเข็ดขยาดจะไต่เต้าขึ้นที่สูงขึ้นยศขึ้นตำแหน่งเลื่อนขั้นชีวิตได้โดยไว ฉัตรนี้พ่ออาจารย์ท่านว่าสำคัญมากจะใช้แก้ชงกันชงได้ทั้งสิ้น หากติดตัวไว้ไม่ห่างคอนั้นท่านว่าให้จพเอาไว้อันนี้สำคัญมากที่สุด ### ถ้าชีวิตใครมีศัตรูเขาจะแพ้ทางเราทั้งหมดคิดอ่านทำสิ่งใดแก่เรามิขึ้นเลย เป็นมหาปราบ กันได้สารพัดทั้งล้างอาถรรพ์อาเพศใดๆ ใช้ล้างตัวล้างเสนียดจัญไรได้ทั้งสิ้น เมื่อยกฉัตรนี้ติดตัวในอาณาเขตรัศมีองค์ฉัตรศัตรูย่อมพ่ายแพ้พินาศไม่อาจตั้งตัวได้ทั้งหมู่มารภูติผีก็ไม่เฉียดใกล้เราเช่นกัน เรียกว่าจะผ่านอุปสรรคพ้นทุกข์ภัยเรียกหาแต่โชคดีดังนี้

    วิชายกฉัตร..ยกชีวิตนี้มีอาถรรพ์มาก คนที่ชีวิตติดบ่วงกรรมมีอุปสรรคขวางกั้นถูกกีดกันถูกรังแกข่มเหงทั้งจากเจ้านายและคนรอบข้าง หรือตัวเรารู้สึกได้เองว่าเป็นคนที่ดวงไม่ดีอยู่ตลอด จะหยิบจับทำงานอะไรก็คว้าน้ำเหลว สิ่งที่เคยรุ่งเรืองเคยมีเคยได้อันกระทำอยู่ก็ซบเซาเงียบเหงา พ่ออาจารย์ท่านว่านี่แหละต้อง...ยกชีวิต ด้วยฉัตรแก้วขององค์ปฐมนั้นเมื่อตั้งขึ้นที่ใดแก้วแหวนเงินทองสิ่งของล้ำค่าทั้งแผ่นดินย่อมประชุรวมอยู่ตรงนั้นท่านว่าจะทำอะไรคิดอ่านเอาทรัพย์อะไรในผืนดินนี้ทุกอย่างย่อมเป็นกรรมสิทธิ์แก่เราทั้งสิ้นทีเดียว คนที่ดวงเคยตกชะตาติดๆขัดๆ โชคลาภไม่มี วาสนาพุ่งไม่สุดท่านว่าเหตุทั้งหลายนี้ต้องรีบแก้ให้อาราธนาองค์ฉัตรค้ำชีวิตนี้โดยไว จะเป็นที่รักและเคารพนับถือโดยทั่วทั้งบริวารจะอุ้มชูเมตตาประสบความสำเร็จก้าวหน้าในสิ่งที่คาดหวัง

    ทั้งฉัตรนี้เพื่อจะใช้ปิดบังพิบัติภัยทั้งหลายดั่งกางกั้นขวางรัศมีพระสุริยันอันเผาไหม้ร้อนแรงนั้น องค์ปฐมท่านกำหนดให้เสกเมื่อเกิดสุริยคราสอาจเรียกได้ว่าพ่ออาจารย์ท่านไม่เคยทำเครื่องมงคลที่สื่อในรูปแบบอุปราคาเต็มตัวเช่นนี้มาก่อน...ท่านว่าที่อื่นเขาทำแต่ราหูอมจันทร์บ้างกลืนอาทิตย์บ้าง...แต่ครูฉัน(องค์ปฐม)ท่านให้ทำองค์ฉัตรสุรกานต์ขวางตะวันด้วยฉัตรนั้นเป็นของสูงเกินเอื้อมเกินใช้ของคนธรรรมดาเช่นนั้นเมื่อชีวิตใครได้ยกฉัตรขึ้นเทวดาประจำตัวย่อมตอบสนองนำมาซึ่งลาภสักการะแลยศศักดิ์ยิ่งใหญ่ ทั้งพิธีสุริยคาสนี้พ่ออาจารย์ท่านว่าเมื่อได้เสกเครื่องมงคลย่อมเกิดความศักดิ์สิทธิ์มากยิ่งขึ้น..ท่านว่าในพิธีของท่านต้องเข้าป่าเข้าถ้ำปิดถ้ำเสกเพื่อไม่ให้มีสิ่งใดมารบกวนจนท่านเสกเสร็จออกจากถ้ำก็เป็นเวลาเดียวกับที่หมดสุริยคราสพอดี ฉัตรขวางตะวันท่านให้ทำในพิธีสุริยคราสจะแรงที่สุดและใช้ได้เห็นผลทันตามากที่สุด(ดั่งองค์ปฐมท่านว่ามันมีเชื้อมีเหตุ) ด้วยจะอยู่เหนือกว่าเครื่องมงคลใดๆทั้งปวงทั้งยังได้มหาอำนาจมีพลานุภาพสูงเหนือกว่าเสกในวันอื่นๆ พ่ออาจารย์ท่านว่าเครื่องมงคลที่เสกในพิธีอุปราคาของท่านนี้เป็นของใช้ได้ไม่หมด(ไม่มีวันเสื่อมฤทธิ์) ยิ่งอาราธนาทางป้องกันภัย..กันแก้คุณไสย..แก้อาถรรพ์มนต์ดำ..หนุนดวงต่อชะตา...นำโชคเรียกเงินท่านว่าสารพัดดี สารพัดจะใช้เลยเธอเอ๋ย ทั้งฉัตรนี้จะมีอิทธิพลคอยปัดเป่าเหตุร้ายผันดวงที่ตกอับชีวิตที่เลวร้ายออกจากด้านมืด ทั้งยังมีอาถรรพ์ผ่อนภาระชีวิตคือผ่อนหนักให้เป็นเบา ผู้อาราธนาย่อมได้ลาภอยู่เนืองนิตย์ พ่ออาจารย์ท่านว่าเครื่องมงคลใดที่เสกในพิธีอุปราคาและยังเป็นสายวิชาจำเพาะที่ต้องเสกในวันนี้จึงจะสำเร็จเท่านั้น เครื่องมงคลนั้นท่านว่าย่อมดีกว่าของที่เสกวันเสาร์ห้าเสียอีก ด้วยคราสนั้นมีพลานุภาพสูงเพราะเป็นเวลาที่มีพลังจักรวาลแห่งดาวนพเคราะห์แผ่ออกมา เมื่อกระทำเครื่องรางดับอาถรรพ์เช่นองค์ฉัตรนั้นย่อมจะดับได้ทุกสิ่งดั่งที่ท่านให้นามไว้ว่าดับปรปักษ์...เรียกว่าแผ้วถางหนทางชีวิตให้ราบเรียบไร้กังขากังวลใดๆอีกต่อไป

    ทั้งพิธีอุปราคา(สุริยคราส)หนนี้ ท่านยังลงอาถรรพ์ให้อีกหลายส่วน ท่านว่าคราสคือการจับต้องเช่นสุริยะคราสก็คือราหูจับตะวันเป็นเคล็ดในการจับการได้มาซึ่งสิ่งที่ไม่มีวันจับได้โดยการเข้าไปกลืนไปเปลี่ยนสีดวงตะวันจันทรา เป็นอาถรรพ์เติมเต็มเรื่องทางโลกทั้งหลาย(ซึ่งจะหาไม่ได้ในพระเครื่องใดๆ) ทั้งองค์ฉัตรนี้ยังอาราธนาใช้ได้ครอบจักรวาลท่านว่าจับ..คว้า..หา..เอา(คือเอามาได้ทุกอย่าง) นอกจากเด่นทางป้องกันภูติผีปีศาจแล้วผู้อาราธนาครอบครองย่อมไม่มีวันตายโหงเลย ทั้งองค์ฉัตรยังคุ้มครองให้พ้นจากอัคคีภัย,โจรภัย,ฟ้าฝ่า...เคราะห์กรรมภัยพิบัติทั้งคุ้มครองให้พ้นภัยจากอำนาจคุณไสยทั้งปวง..สิ่งเลวทรามใดฝืนเข้าใกล้จะมอดไหม้เป็นจุณดั่งต้องรัศมีเพลิงตะวัน ท่านว่าเรื่องเงินเรื่องเรียกทรัพย์นี่กลายเป็นเรื่องเล็กเลยเพราะองค์ฉัตรนั้นเปรียบดั่งจุดศูนย์กลาง ### ใช้ดูดทรัพย์ในแผ่นดินได้ทุกสิ่งเรียกทรัพย์สินเงินทองทำให้ร่ำรวยเป็นเศรษฐี องค์ฉัตรนี้ท่านว่าให้คุณหลายด้านเป็นเมตตามหานิยมทั้งชะลอวัยธาตุขันธ์ปรับธาตุต่ออายุทำให้ผู้บูชามีสุขภาพจิตสุขภาพใจแข็งแรงค้ำชูดวงชะตาไม่ให้ตกต่ำแม้ยามพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก เพื่อให้มีเวลาเสวยวาสนาชะตาที่ขึ้นสู่จุดสูงสุด ดั่งยอดฉัตรแก้วองค์ปฐมที่นพเคราะห์ทั้งเก้าต้องเข้ารักษาซึ่งเทพทั้งเก้านี้ให้ผลตรงกับชะตามนุษย์ทั้งมากฤทธิ์ยิ่งใหญ่หาใดเปรียบ การที่นพเคราะหืคุ้มครองรักษาให้ความอาทรดั่งมารดาดูแลบุตรเช่นนี้จึงให้คุณมากเป็นพิเศษ *** พ่ออาจารย์ท่านว่าองค์ฉัตรนี้สำคัญเพราะท่านทรงอาคม..คือเสริมคุณแห่งอักขระยันต์มนต์คาถาไม่ว่าจะเครื่องรางของขลังเครื่องมงคลหรือรอยสักรอยยันต์ใดในตัวของเราร่างกายของเรานี้ท่านว่าองค์ฉัตรนั้นจะเสริมตัวเราให้เข้าถึงใช้ได้เต็มร้อยทั้งยังชำระเครื่องรางทั้งหลายให้มีผลบริสุทธิ์เต็มนร้อยด้วยเช่นกันไม่มีมลทินโทษแม้แต่น้อย

    เหรียญองค์ฉัตรนี้ท่านหล่อหลอมขึ้นด้วยพระยันต์บังคับจากครูองค์ปฐมมากมาย...ท่านว่าเยอะจนไม่อาจกล่าวเพราะท่านให้ทำแบบลงถมไปเรื่อยๆเอามาผสมกับตะปูสังฆวานรยอดโบสถ์อยุธยา(ท่านห้ามไม่ให้ออกชื่อเด็ดขาดด้วยเป็นวัดสำคัญมาก)อายุหลายร้อยปี ด้วยตะปูนี้เชื่อว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ภูติผีปีศาจเกรงกลัวนัก ทั้งตะปูสังฆวานรยอดโบสถ์ยังได้ชื่อว่าอยู่บนยอดสุด ..สูงสุด อยู่เหนือทุกสิ่งในโบสถ์ไม่เป็นรองผู้ใด พ่ออาจารย์ท่านว่ามีอาถรรพ์มากนอกจากจะผ่านการเสกในโบสถ์มายาวนานซึมซับพุทธคุณนับร้อยปียังได้เคล็ดว่าเป็นยอดที่สุดไม่เป็นรองผู้ใดหรือสิ่งชั่วร้ายใดๆเลยท่านเอาชนวนนี้มาเสกลงวิชาอาถรรพ์ก่อนหล่อหลอมทำด้วยว่าจะให้ดีทางป้องกันภัยกลับดวงที่แย่ทำดวงชะตาให้ดีให้สูงอย่างถึงที่สุด..

    มหาดูด(ดูดทุกข์โศกโรคภัย)

    องค์ฉัตรนั้นมีชีวิต พ่ออาจารย์ท่านว่าเขาจะสั่นจะร้อนเมื่อกระทบกับเรื่องที่จะมาเปลี่ยนแปลงชีวิตเรา แม้เราต้องอาถรรพ์คุณผีคุณไสยมนต์ดำสิ่งชั่วร้ายที่มองไม่เห็นเมื่อมีพลังงานชั่วร้ายเพ่งเล็งเราอยู่เขาจะสั่นขึ้นมาทันที
    พ่ออาจารย์ท่านว่าหากองค์ฉัตรสั่นหรือร้อนขึ้นมายามเราสัมผัสท่านว่านั่นคือเขาเตือนว่าจะมีภัยมาเป็นแม่นมั่นต้องสวมใส่ไว้ในเวลานั้นจะถอดไม่ได้เด็ดขาดเพื่อความปลอดภัยของตนเอง พ่ออาจารย์ท่านว่าพอหายร้อนจับต้องแล้วรู้สึกเย็นนั่นเเหละคือทุกข์โทษภัยผ่านไปแล้วนี่คือเขาบังเอาไว้ให้ทั้งหมดเลย(หน้าที่เราคือใส่ห้ามถอดทำอยู่แค่นี้..แต่หากฝืนไปถอดก็ต้องรับอันตรายนั้นด้วยตัวเอง) พ่ออาจารย์ท่านว่าเมื่ออาราธนาองค์ฉัตรไปแรกๆหากเกิดอาการร้อนหรือวิงเวียนอาเจียนสิ่งใดๆออกมา ทั้งใจยังกระวนกระวายคือร้อนออกมาจากข้างในให้เรารู้ตัวไว้เถิดว่าในตัวเรามีสิ่งที่ไม่ควรจะมีไม่ว่าจะเคยไปต้องคุณไสยมนต์ดำลมเพลมพัดทั้งหลาย อาจจะมีของต่ำน้ำมันผีน้ำมันพรายเคนต้องเนื้อตัวมาก่อน พ่ออาจารย์ท่านว่าอย่าได้วิตกจนเกินไปให้ห้อยองค์ฉัตรไปเรื่อยๆเขาจะดูดสิ่งแปลกปลอมนั้นออกจากตัวเราเองเรียกว่าดูดของไม่ดีที่แฝงในร่างกายสิ่งที่แฝงมายามเราไปทักไปถามอาถรรพ์ต่างๆในรูปใดๆที่เล่นงานเราอยู่นี่คือท่านดูดออกหมดเลย ดูดจนอาถรรพ์ร้ายเหล่านั้นเสื่อมสลายไปทั้งสิ้น ดูดจนร่างกายเรากลับร้อนผ่อนเย็นหมดจากอาการวิกลเหล่านั้นองค์ฉัตรจึงจะกลับมาเป็นปกติ

    องค์ฉัตรนี้
    ท่านให้อาราธนาดูดทุกข์โศกโรคภัยได้ (ท่านว่าบอกกับท่านทุกข์แต่ละคนไม่เหมือนกัน ต้องบอกจะได้ใช้ได้ถูกที่ถูกทางเหมือนหมอจะรักษาได้ตรงโรคนั่นคือต้องบอกกล่าวกับครูรักษาองค์ฉัตรนี้) ทั้งเมื่ออาราธนาติดตัวในยามคับขันจะหาอันตรายไม่ได้เลยจะปลอดภัยมีแต่ความสุขความเจริญในด้านหน้าที่การงานธุรกิจไม่ติดขัดและไม่บังเกิดเคราะห์ ไม่ว่าจะเคราะห์ปีเคราะห์เดือนเคราะห์วันพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกเคราะห์เข็ญอุปัทวอันตรายทั้งหมดจะมลายสูญ อาราธนาให้องค์ฉัตร์ท่านกลืนแก้ทุกข์สำรับคนที่มีทุกข์...มีโศกมีความเศร้าหมองใดก็บอกให้เขากลืนโศกนั้นออกไป..โรควิกลผิดปกติที่ภัยที่หาสาเหตุไม่ได้เหล่านี้ก็อาราธนาให้องค์ฉัตรท่านกลืนกินได้...ทั้งภัยร้ายทั้งหลายอันมีต้นตอยากเกินจะแก้พ่ออาจารย์ท่านว่านั่นแหละใช้ให้เป็นบอกกล่าวกับท่าน ให้บอกกล่าวทีละเรื่องๆจะเห็นผลไวกว่าค่อยๆแก้แต่แก้ให้จบเป็นเรื่องๆไปเช่นนี้ อยาไปอธิษฐานด้วยจิตทะลึ่งร้อนรนยกมือท่วมหัวอ้าปากทีก็มีปัญหาแปดพันเก้าพร้อมๆกัน(ท่านว่าเช่นนี้แรงครูเขาจะไม่สงเคราะห์ต้องใช้ให้เป็นจึงจะมีแต่ได้กับได้และหายทุกข์หายโศกขาดสิ้น) ทั้งนี้องค์ฉัตรเป็นสัญลักษณ์ของการประกาศอำนาจและความรุ่งเรืองทั้งทับถมทรัพย์สินให้ทวีมากมาย เพื่อจะให้ร่มเงาชีวิตแก่เราให้ร่มเย็นเป็นสุขใช้กันคุณไสยได้ทุกชนิดหรือจะอธิษฐานทำน้ำมนต์ถอนของเช่นนี้ก็ได้เช่นกัน

    พ่ออาจารย์ท่านว่าเมื่อจะเสกต้องปิดถ้ำทำยามเกิดสุริยะคราส เป็นพิธีกรรมเร้นลับที่ให้รายละเอียดใดๆไม่ได้ แต่ข้อดีขององค์ฉัตรนี้ไม่เพียงมีแรงครูรักษายังพกไปได้ทุกที่ไม่มีวันเสื่อม ใช้กันแก้ถอดถอนอาถรรพ์ชีวิตได้ทั้งปวง ยังเป็นเครื่องหนุนนำดวงไม่ให้ตกต่ำแก้ปีชงได้ทุกราศีปีเกิด เมื่อเข้ารักษาแก่ใครจะสะท้อนสิ่งไม่ดีให้ออกไปไกลจากตัวเราทั้งป้องกันภัยดับปัจจามิตรให้ชนะศัตรูหมู่มารทั้งสิบทิศเลยทีเดียว ท่านว่าติดคอไว้ศัตรูทำอันตรายไม่ได้..กันทุกข์โศกโรคภัยนำมาซึ่งเกียรติยศชื่อเสียงหาตกต่ำยากจนล้มเหลวไม่ได้เลย เกิดความเป็นสิริความเป็นมงคลแก่ตัวเองแพร่ไปถึงบริวาร เกิดพลังอำนาจบารมีแฝงในตนทำให้ยิ่งใหญ่กว่าคนทั้งหลายมีอำนาจมากยิ่งขึ้น จะใส่ไปณ.สถานที่แห่งใดก็ทำให้เกิดมงคลที่นั้นเป็นมงคลแก่งานนั้นๆแก่กิจที่เราทำอยู่ดึงดูดทรัพย์สินแก้วแหวนเงินทองในที่นั้นๆอันเราอาศัยอยู่..ทำงาน..ทำกิจอย่างใดอย่างหนึ่ง ให้ไหลมาเทมาหาเราดั่งน้ำพระคงคาไหลทะลักทำให้มีโชคมีลาภร่ำรวยเร็วไว..นี่คือมงคลแห่งฉัตรแก้วขององค์ปฐม..ฉัตรค้ำพระศาสนา

    ด้านหลังองค์ฉัตรนั้นพ่ออาจารย์ท่านได้ฝังของวิเศษเอาไว้ทั้งยังแปะเพิ่มไปอีกสองชนิดรวมเป็นสามสิ่ง ท่านว่าแต่ละอย่างล้วนเร่งอานุภาพเสริมแกองค์ฉัตรทั้งสิ้น
    - ลูกอมพยนต์รัตนไตรจักร ท่านปั้นขึ้นจากผงเถ้าที่บูชาไฟในพิธีบูชาองค์พระสยมอันถือว่าเป็นผงที่ผ่านการชำระจากไฟพระเวทย์ได้ชื่อว่ามีความบริสุทธิ์ไร้มลทินใดๆผสมด้วยผงเขาสัตว์เจ็ดชนิดเช่นเขากวาง,เขาควาย,เขาวัว,เขาแกะ,เขากระทิง...และผงเขี้ยวสัตว์เก้าอย่างเช่นเขี้ยวเสือ,เขี้ยวหมี,เขี้ยวจระเข้,เขี้ยวหมู,เขี้ยวแรด,งาช้าง...ผสมด้วยผงทองศักดิ์สิทธิ์เพราะธาตุทองเเสริมธาตุได้ทุกธาตุแล้วนวดเข้ากับน้ำมันว่านและผงกำเนิดพยนต์,ผงสิบสองนักษัตร(ให้ช่วยเราได้ทุกฤกษ์ทุกปี)นำมาปั้นตากแสงตะวันจันทราในวันพญาวันเพื่อให้เหนือกว่าแรงกว่าวันใดๆ วิชานี้เป็นการผูกพยนต์โดยไม่ต้องขึ้นรูปหุ่นดั่งวิชาเสกพยนต์จากใบไม้หรือก้อนหินและผืนผ้าเช่นนั้น อันพยนต์นี้จะใช้ป้องกันได้ทุกสิ่งเสมือนมีพยนต์คอบอาสาช่วยเราป้องกันคนคิดร้ายหรือศัตรูที่มองไม่เห็น พ่ออาจารย์ท่านว่าเห็นลูกกลมๆเช่นนี้แหละสำคัญนัก หากใครทำอันตรายแก่เราจะถูกมายาสะกดไว้ให้เห็นดั่งเผชิญหน้ากับคนนับร้อยนับพัน..ท่านว่าให้คุณมากนักจะอธิษฐานบอกกล่าวขอความช่วยเหลืออะไรเขาก็ได้ เช่นทำของหายจะตามของ..สุดแล้วแต่จะขอเขา
    - ตะกรุดประจุขาด เป็นวิชาที่ไม่ค่อยเปิดเผยให้ทราบกัน เด่นทางคุ้มครองป้องกันทำลายสิ่งไม่เป็นมงคลทั้งหลายในชีวิตเรา พ่ออาจารย์ท่านว่าวิชานี้เกจิยุคโบราณมักจะทำใส่เทพศาสตราวุธด้วยว่าใช้ล้างอาคมได้ทั้งสิ้นแม้ศัตรูเรามีของดีอะไรคุ้มครองอยู่จะทำให้อยู่คงหนังเหนียวหากโดนเทพศาสตรานั้นหนั่งย่อมอ่อนนุ่มดั่งสำลี ทั้งหากโดนทำร้ายแล้วอาคมที่รักษาก็หาได้ทรงอยู่อีกไม่ ตะกรุดนี้พ่ออาจารย์ท่านได้แปลงมาใช้รักษาปัองกันตัวโดยท่านติดใส่องค์ฉัตรแก้วเพื่อใช้พิฆาตทำลายผู้มุ่งร้ายหวังร้ายแก่เรา ไม่ว่าเขาจะมีอาคมดีมีวิชามีความเก่งกาจมาจากไหน เมื่อมาถึงเรามาถึงรัศมีองค์ฉัตรท่านว่านั่นแหละแพ้หลุดลุ่ยหาทางไปไม่เป็นทีเดียว ติดเอาไว้ให้พิฆาตอาถรรพ์ชั่วร้ายหรืออาคมอันกล้าแกร่งใดๆที่เล่นงานเราอยู่ที่เขาใช้ให้กระทำมาจะได้ปัดเสนียดให้พ้นตัวสยบอัปมงคลต่างๆข่มอาถรรพ์ทำลายอาคม ถอดถอนสิ่งแปลกปลอมในตัวเรา พ่ออาจารย์ท่านว่าเห็นเป็นตะกรุดดอกเล็กๆนี้อย่าได้ดูถูกไปเอาว่าฉันไม่พูดมาก ฉันบอกแค่ว่าเจ้าดอกจิ๋วนี่แหละแม้ผู้มากฤทะฺ์จิตวิญญาณทั้งหลายหรือเทพเกเรก็ยังทนอานุภาพเขาไม่ได้ เช่นนี้ท่านจึงติดไว้เสริมกำลังคู่กับองค์ฉัตรเพื่อให้เราใช้ยามคับขันแก้ไขสถานการณ์อันฝ่าออกไปได้ยากลำบากท่านว่าจะได้ไม่ติดอะไร ...อาถรรพ์ใดๆทำแก่เราก็พินาศดับสูญทั้งสิ้น
    - ปลาตะเพียนเงินคำ ปลาเพียร(หา)เงินทอง ด้วยปลาเป็นสื่อตัวแทนของโชคลาภวาสนาใหญ่โตต่อเนื่องไม่ขาดตอนที่พ่ออาจารย์ท่านลงเสกด้วยวิชาตะเพียนเงินตะเพียนทองตามตำรับหลวงพ่อจงไว้ด้วย วิชาเสกปลานี้ท่านว่าเหมือนมีโชคลาภชอนไชเข้ามาในชีวิต คนที่ไม่มีดวงทางการเสี่ยงโชค ซื้อให้ตายก็ไม่ถูกเล่นยังไงก็เจ๊งท่านว่านี่ดีครบหมดเลย เป็นมหาอุดมอย่างมากท่านว่าบอกได้เท่านี้นะ พ่ออาจารย์ท่านปลุกเสกให้เต็มที่ท่านว่าเสกจนเต็ม จนเสกไม่เข้า และนำมาอธิษฐานจิตเสกปิดในฤกษ์จันทรคราสที่ร้อยปีนับจากนี้ก็ไม่มีจันทรคราสเช่นนี้อีก ด้วยถือเป็นมงคลเอาฤกษ์เอาชัยว่าคนที่ได้ไปชีวิตจะได้เหมือนจันทร์เต็มดวงที่ผุดเกิดขึ้นมาใหม่บนท้องฟ้าที่มืดดับ(องค์ฉัตรนี้จึงมีครบทั้งเครื่องมงคลที่เสกในฤกษ์อุปราคาทั้งสอง)

    องค์ฉัตรนี้ท่านเน้นเป็นฉัตรเก้าชั้นด้วยใครบูชาจะมีแต่ความเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้าในชีวิตการงานแม้มีอุปสรรคใดขวางกั้นก็ผ่านพ้นไปด้วยดี ก้าวหน้าคือเจริญรุดหน้าก้าวไกลก้าวไวกว่าใครเขา ทั้งยังเสกให้หาทรัพย์เก็บทรัพย์ได้ไม่มีรั่วไหล คนที่อุปสรรคมากมารเยอะท่านให้อาราธนาฟ่าฟันทุกวิกฤตทุกปัญหานำพาชีวิตสู่จุดหมายที่ตั้งใจได้ ### องค์ฉัตรนี้จะดึงดูดพลังงานด้านบวกเข้ามาเสมอให้มีกินไม่รู้สิ้นมีกินมีใช้ไม่ขาด คนไม่มีโชคจะมีโชคโชคลาภเงินทองจะเข้ามาแบบไม่คาดฝัน เมื่อจะถอดยามนอนหลับให้อาราธนาไว้หัวนอนจะป้องกันฝันร้ายทำให้ฝันดีและฝันเห็นนิมิตมงคลของเรา,ฝันเห็นช่องทางการทำมาหากินที่จะทำให้รวย..เทวดาท่านจะบอกจะให้ลาภลอย

    คาถาบูชา
    ปราบศัตรู พุทโธ ปัพพะชายาโน สัพพะศัตรู วินาสสันติ ธัมโม ปัพพะชายาโน สัพพะศัตรู วินาสสันติ สังโฆ ปัพพะชายาโน สัพพะศัตรู วินาสสันติ
    บรรเทาเวรกรรมดูดทุกข์โศก ทุกขา ทุกขัง ปฏิฐิตัง สัมปติฉามิ


    *** องค์ฉัตรนี้พ่ออาจารย์ท่านว่าเป็นของเฉพาะกาลแต่จะคงอยู่ไปนับกัปกัลป์ ให้บูชาติดตัวเอาไว้เสมอไม่จำเป็นอย่าถอดเลย ### หากปักลงที่บ้านทั้งสี่สิศจะเจริญรุ่งเรืองดั่งได้วาสนาเข้าอยู่ในราชวัง...หากปัลงในที่ดินทั้งสี่ทิศท่านว่าเป็นการจับจองบอกกล่าวแก่เทพยดาที่ดินเรานั้นจะเจริญรุ่งเรืองดั่งมหานคร...หากปักไว้สี่ทิศรอบบริเวณใดที่นั้นจะเป็นกรรมสิทธิ์แก่เราเป็นเขตหวงห้ามวิญญาณร้ายคุณไสยสิ่งไม่ดีเข้าใกล้ไม่ได้เลย ท่านว่าองค์ฉัตรนี้ใช้ได้สารพัดสุดแต่แรงครูท่านจะนิมิตให้เรารู้เราเห็นว่าควรอาราธนาอย่างใด รายการนี้ท่านให้จองทาง PM เท่านั้น รายได้ร่วมสมทบทุนการศึกษาเด็กด้อยโอกาสต่อไป

    ร่วมทำบุญบูชา องค์ฉัตรแก้วสุรกานต์นพสูรย์สุริยคราส"ดับปรปักษ์"(ดูดทุกข์โศกโรคภัย) บูชา 2,500 บาท


    106171525-1451316811743820-2094243521457841860-n.jpg 83236156-2604679046412136-3554620581278682625-n.jpg
    105594417-558643834801537-2530892860484450941-n.jpg
     
  12. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,143
    ค่าพลัง:
    +16,536
    องค์ฉัตรนี้ภาพประกอบตอนท่านยังไม่ได้ลงเหล็กจารนะครับ แต่ของจริงจะลงเหล็กจารวิชาอาถรรพ์ละเอียดๆเลย
     
  13. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,143
    ค่าพลัง:
    +16,536
    แจ้งการส่ง EMS

    พี่ธีธัช ED 1338 0679 0 TH

    พี่ภิญโญ ED 1338 0680 9 TH

    พี่กฤตยชญ์ ED 1338 0681 2 TH
     
  14. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,143
    ค่าพลัง:
    +16,536
    อรุณสวัสดิ์ครับ

    วันนี้เดี๋ยวจัดส่งของแล้วมาติดตามพูดคุยกันนะครับ
     
  15. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,143
    ค่าพลัง:
    +16,536
    แจ้งการส่ง EMS

    พี่วุฒิชัย ED 1338 0884 4 TH

    พี่ทวีพงษ์ ED 1338 0885 8 TH

    พี่ศิระ ED 1338 0886 1 TH

    พี่ฐิตกาญจน์ ED 1338 0887 5 TH

    พี่ณธพรหม ED 1338 0888 9 TH
     
  16. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,143
    ค่าพลัง:
    +16,536
    ใครรอไม้ครู..ที่ไม่ใช่ไม้ครูอยู่ติดตามกันดีนะครับ เดี๋ยวจะค่อยๆทยอยนำมาพูดคุยกัน
     
  17. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,143
    ค่าพลัง:
    +16,536
    อรุณสวัสดิ์ครับ

    เดี๋ยววันนี้ติดตามกันดีๆนะ จะค่อยๆลงลึกเกี่ยวกับเครื่องมงคลที่ใช้ไม้ครูโบราณของพ่ออาจารย์ท่านนำมาแกะสลักจัดสร้าง รับรองว่ายอดอาถรรพ์เลย
     
  18. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,143
    ค่าพลัง:
    +16,536
    อรุณสวัสดิ์ครับ ไปรษณีย์ปิดวันหยุดยาวผมจะส่งของรายการที่โอนไว้ในวันอังคารนะครับ

    ไม้ครู หลวงปู่ภู วัดอินทร์ ๑ ใน ๙ เครื่องรางสะท้านแผ่นดิน….” หมากดีที่วัดหนัง ถ้าเบี้ยขลังวัดนายโรง ไม้ครูคู่วัดอินทร์ ส่วนมีดบินวัดหนองโพ พิสมรวัดพวงมาลัย ครั่งเหลือร้ายวัดโตนดหลวง ราหูคู่วัดศรีษะ แหวนอักขระวัดหนองบัว ลูกแร่ที่วัดบางไผ่ ฤทธิ์เหลือร้ายหาใดปาน เก้าสิ่งล้วนเป็นมงคล ทั่วทุกคนควรค้นหาติดกายยามยาตราภัยมิกล้ามาแผ้วพานฯ ”

    คือบทโคลงกลอนที่นักสะสมเครื่องรางของขลังในยุคเก่าก่อนได้กล่าวถึง ๙ เครื่องรางของขลังทรงคุณค่าที่ควรมีไว้คู่กาย อันได้แก่ ๑.หมากทุยหลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง ๒.เบี้ยแก้หลวงปู่รอด วัดนายโรง ๓.ตะกรุดไม้ครูหลวงปู่ภู วัดอินทร์ ๔.มีดหมอ(มีดบิน)หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ ๕.ตะกรุดพิสมรหลวงพ่อแก้ว วัดพวงมาลัย ๖.ตะกรุดอุดครั่งหลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง ๗.ราหูหลวงพ่อน้อย วัดศรีษะทอง ๘.แหวนอักขระหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว ๙.ลูกสะกดเนื้อแร่บางไผ่ หลวงปู่จันทร์ วัดโมลี…ใครที่มีชิ้นใดชิ้นหนึ่งก็ว่าดีแล้วยิ่งใครมีครบนี่นับว่าเป็นมงคลมากทีเดียว แต่กว่าจะมาเป็นเครื่องรางของขลังทรงคุณค่าที่ผู้คนนิยมและศรัทธามากเช่นนี้ ประวัติความเป็นมาก็เข้มข้นน่าสนใจไม่น้อยโดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ไม้ครู” หลวงปู่ภู วันอินทร์ ซึ่งถือว่าเป็น“ยอดไม้ครู”อันดับ ๑ ของเมืองไทยหนึ่งในชุดเครื่องรางมงคลสะท้านแผ่นดิน"ไม้ครู” หลวงปู่ภูวันอินทร์เป็นเครื่องรางของขลังประเภทตะกรุดซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่ผู้นิยมสะสม ไม้ครูที่มีชื่อเสียงโด่งดังมีอยู่ ๓ สำนัก ได้แก่ ไม้ครูหลวงปู่ภูวัดอินทร์กรุงเทพ,ไม้ครูหลวงพ่อทาวัดพะเนียงแตกนครปฐม และไม้ครูหลวงปู่จันทร์วัดนางหนูลพบุรี แต่ที่นิยมมากที่สุดเห็นจะเป็นไม้ครูหลวงปู่ภูวัดอินทร์ซึ่งเป็นยอดไม้ครูที่จัดอยู่ในชุดเครื่องรางมงคลสะท้านแผ่นดินตามบทโคลงกลอนข้างต้น

    หลวงปู่ภูเป็นพระเถราจารย์ที่ยึดการธุดงค์เป็นกิจวัตรมาโดยตลอด พอออกพรรษาท่านจะออกรุกขมูลมิได้ขาด โดยร่วมธุดงค์ไปกับท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต พรหมรังสี)แลtหลวงปู่ใหญ่ อมตะวาจาเถราจารย์หลวงปู่ภูอันเลื่องลือคือ “ไม่มีใครทำได้อย่างกู นามไม้ครูอยู่วัดอินทร์” ตามตำราว่าไว้ประจุด้านเดียวเรียกไม้พ่อครูประจุสองด้านเรียวนิ้วพระอิศวร

    “ชี้ต้นตาย ชี้ปลายเป็น” การสร้างไม้ครูนั้นเรียกได้ว่าสร้างยากมากๆ ผู้ที่มีบุญวาสนาเท่านั้นจึงจะสร้างได้สำเร็จ วัสดุที่ใช้สร้างก็สุดแสนจะหายากเพราะท่านต้องเดินธุดงค์เข้าไปในป่าลึก เพื่อจะไปหาไม้ไผ่ และจะต้องเป็นไม้ไผ่สีสุกที่ถูกฟ้าผ่าล้มปลายชี้ไปทางทิศตะวันออกเท่านั้นถึงจะใช้ได้ ตามตำราระบุว่าไม้ไผ่ลำนี้เปรียบประหนึ่งไม้ยันพระวรกายของท้าวเวสสุวรรณ และภายในเจ็ดวันท่านเฝ้ารอโขลงช้างที่จะผ่านมาพบแล้วกระโดดข้ามกอไผ่นั้นทั้งโขลง ซึ่งก่อนที่ท่านจะตัดไม้ไผ่ลำดังกล่าวท่านต้องทำพิธีพลีกรรมก่อน นั่นก็คือการขอของจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์เจ้าป่าเจ้าเขารุกขเทวดาเพื่อเพิ่มความเข้มขลังให้มากยิ่งขึ้น เมื่อท่านได้ไม้ไผ่มาแล้วท่านจะนำมาลงอักขระแล้วใช้เป็นไม้เท้ายันกายในยามที่ท่านเดินธุดงค์ ขณะที่ท่านเดินธุดงค์และเมื่อได้พบศพที่ตายวันเสาร์เผาวันอังคารก็จะใช้ไม้เท้านั้นจิ้มศพจนกว่าจะครบ๗ศพ ตลอดระยะเวลาในการเดินธุดงค์ของหลวงปู่นานถึง ๓๐ ปี

    จากนั้นท่านก็จะนำไม้เท้าอันนี้มาผ่าให้เป็นแผ่นเล็กๆเรียกว่าตอก เตรียมไว้สำหรับลงพระนามที่ได้รับจากเบื้องบน ถ้าลูกศิษย์คนใดอยากได้ไม้ครูจะต้องขอท่านก่อนวันเสาร์และถ้าท่านตอบตกลงทำให้ผู้นั้นจะต้องจัดเครื่องไหว้ทำพิธีซึ่งต้องมีบายศรี หัวหมู มะพร้าวอ่อน และอื่นๆ ตามแต่ที่หลวงปู่ท่านจะสั่ง แต่ที่ขาดไม่ได้คือไม้ไผ่ตัดเหลือข้อไว้หนึ่งข้อหรือไม้ที่เจาะรู จะไม้พยุงไม้ขนุนและอีกหลายอย่าง เมื่อได้ของครบแล้วท่านก็จะทำพิธีลงพระนามในไม้ตอกที่ท่านเตรียมไว้ การทำพิธีลงนามหลวงปู่ท่านจะมองขึ้นบนฟ้าครั้งละนานๆ เคยมีลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดถามท่านว่า “ทำไมหลวงปู่ต้องมองขึ้นไปบนท้องฟ้า” ท่านก็ตอบว่า“รอพระนามจากเบื้องบน” เมื่อได้พระนามจากเบื้องบนแล้ว ท่านก็จะทำการบรรจุลงพระนามเข้าไปในไม้ที่เจาะเตรียมไว้ อุดด้วยไม้และลงอักขระทับอีกทีเป็นอันเสร็จพิธีนับว่าสร้างยากมากจริงๆ

    ข้อพึงระมัดระวังเมื่อท่านทำไม้ครูให้ผู้ใดก็ตาม ท่านมักจะกำชับหนักหนาว่าห้ามเอาไปตีใครเด็ดขาดเพราะจะทำให้ผู้ถูกตีถึงกับเสียจริต(เป็นบ้า)รักษาไม่หาย อิทธิฤทธิ์ของไม้เท้าพ่อครูใช้ป้องกันตัวเมื่อยามคับขัน ป้องกันโจรผู้ร้าย คุณไสย และภูติผีปีศาจไม่กล้ากล้ำกลาย ซึ่งผู้ที่ถือครองต่างก็เห็นเป็นประจักษ์กันมานักต่อนัก

    ***** ก็ยกเรื่องไม้ครูหลวงปู่ภูมาคุยกันสั้นด้วยว่าเป็นไม้ครูที่ใครๆก็รู้จัก เดี๋ยววันนี้จะพูดคุยเรื่องไม้ครูของพ่ออาจารย์ที่ท่านตัดออกมาทำเครื่องมงคลชนิดพิเศษที่ใช้สงเคราะห์ด้วยแรงครู

    296fdde1cd55120c40233d6fb1e12327-d25vj52.jpg
     
  19. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,143
    ค่าพลัง:
    +16,536
    ร่วมทำบุญบูชา พระเจ้าโองการสี่กรปกปิดกรรมซัดป้องปัดเคราะห์เข็ญ(แกะจากไม้ท้าวโองการบรมครู)

    ไม้ท้าวโองการบรมครูของพ่ออาจารย์นั้น เมื่อนำมาสร้างพระเครื่องท่านว่าจะเน้นแก้คนที่พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก เคราะห์ซ้ำกรรมซัดทำอะไรก็ติดๆขัดไม่ได้เสมอใจดั่งนึกประเภทคนที่พบเจอแต่ความผิดหวังเหล่านี้...ทั้งเรื่องเงินขาดมือ..ทรัพย์ขาดบ้าน..จิตใจทดท้อห่อเหี่ยวด้วยชีวิตเจอกับอุปสรรคที่ถาโถมหนักขึ้นเรื่อยๆ...ดวงที่ตกก็มีแต่หดลงๆทำอะไรก็ไม่สมหวัง พ่ออาจารย์ท่านว่าบางคนนี่ถึงกับปลงไปเลยก็มีเพราะเจอมาจนชินมันเซ็งไปหมดแล้วชีวิตนี้คิดแค่จะอยู่ไปวันๆเท่านี้ไม่ต้องไปแสวงหาพยายามอะไรเพราะทำไปมันก็ติดก็ข้องก็ขัดไปเสียทั้งหมด จะออกไปสมาคมกับใครก็พูดไม่เข้าหูแทนที่จะได้มิตรกลายเป็นสร้างศัตรูทะเลาะกับคนอื่นสะสมมาเรื่อยๆ ถ้ามีคู่หาคนรักก็เจอแต่ฉาบฉวยไม่ไยดียิ่งยุ่งมากทรัพย์ก็ยิ่งจางลงๆชีวิตจมจ่ออยู่กับความเศร้าและปัญหาที่รุมเร้าทุกสิ่ง *** พ่ออาจารย์ท่านว่าใครที่พบเจอกับปัญหารุมเร้าจนชีวิตมีอันเป็นไปย่ำแย่ถึงเพียงนี้ต้องแก้ด้วยอาถรรพ์ไม้โองการ(ไม้ครู) พ่ออาจารย์ท่านว่าในบรรดาเครื่องมงคลทั้งหมดของท่านนั้นไม้ครูถือเป็นเครื่องมงคลระดูบสูงสุดเสมือนด้วยเป็นของสูงที่ไม่อาจจับต้องด้วยเป็นตัวแทนบรมครูสูงสุดในโลกทิพย์ คนที่ถือครองไม้ครู ถือครองโองการบรมครูก็มีสิทธิ์ที่จะใช้กำลังแรงครูนั้นได้ เมื่อนำไม้ครูมาสร้างเครื่องมงคล เครื่องมงคลนั้นจึงถือเป็นเครื่องสูงที่ยากจะพบซักคราในชีวิต พ่ออาจารย์ท่านว่าเครื่องมงคลที่แกะจากไม้ครูนี้ใช้แก้ปัญหาข้างต้นได้ทั้งสิ้น ในสายวิชาของฉันถือว่าเป็นของสูงที่อยู่เหนือกว่าวิชาสายพิชัยสงครามค่าควรเมือง(ซึ่งเป็นเครื่องสูงที่นานๆครั้งพ่ออาจารย์จะทำซักรุ่น)เสียอีก เช่นนั้นท่านจึงย้ำว่าไม้โองการนี้สุดแต่จะคิดปรารถนานึกใช้กันทีเดียว

    ท่านว่าเครื่องมงคลที่ฉันแกะจากไม้ท้าวโองการนี้เป็นสุดยอดเครื่องมงคลที่ใช้เคลื่อนผ่านพลังงานของโลกทิพย์ ถ้าเป็นสมัยก่อนต้องกล่าวว่าทำเอาไว้ให้เจ้านายชั้นสูงแม่ทัพพระยาจึงจะมีวาสนาได้เห็น ด้วยพ่ออาจารย์ท่านตั้งใจและมั่นใจของท่านมากเพราะท่านนำมาใช้อาราธนาห้อยคอด้วยตัวท่านเองและเจอประสบการณ์กับตัวเองนับครั้งไม่ถ้วนจึงมั่นใจมากที่สุดว่านี่คือมงคลแทนครูที่มีกำลังหนุนนำผู้บูชาให้ประสบพบเจอแต่ความเจริญโดยฝ่ายเดียว พ่ออาจารย์ท่านเล่าว่าท่านใช้พระที่แกะจากไม้โองการนี้(ใช้แทนไม้ครูหลังจากนำมาแกะพระแล้ว)ท่านใช้มานานมากเวลาเจอเรื่องราวไม่สบายใจหรือมีเหตุการณ์ใดที่เกินกำลังก็อธิษฐานบอกกับองค์พระท่านจากร้ายก็จะกลายเป็นดีทุกครั้งชั่วพริบตาไม่ช้าไม่นาน กล่าวได้ว่าอธิษฐานขอบารมีองค์พระสงเคราะห์คนรายไหนรายนั้นชีวิตเขาก็มีทางออกมีทางไปไม่ตีบตันเลย เพราะมันดีมันสะดวกจนไม่พบกับทุกข์ใดๆก็เลยไม่รู้จะเอาเรื่องร้ายๆอะไรมาเล่าท่านว่าก็พูดสั้นๆได้แค่ว่า"ดี"เท่านี้ หากใครที่พบเจอกับเคราห์เข็ญเวรกรรมอันก่อให้เกิดโทษเกิดทุกข์ขึ้นกับชีวิต ท่านว่าให้อาราธนาพระเจ้าโองการสี่กรเถิด...ไม่เกินสี่เดือนสรรพเข็ญสรรพเคราะห์ที่หนักหนาจะคลี่คลายทุเลาเบาหายเจือจางลงดั่งหยดน้ำหมึกสีดำเข้มลงทะเลที่จะหยดจะสาดเท่าไหร่ก็เปลี่ยนสีน้ำในทะเลไม่ได้ ทั้งพระเจ้าโองการยังส่งเสริมราศีและเส้นกรรมการดำเนินชีวิตให้ประสบพบลาภเป็นมหานิยมเทวดาเอ็นดูนักหนา ชนะศัตรูคลาดแคล้วจากภัยทั้งปวง..พ่ออาจารย์ท่านว่า"ปกปิดป้องปัด"เข็ญเคราะห์ทุกสิ่ง

    "ไม้ท้าวโองการบรมครู" พ่ออาจารย์ท่านว่าเป็นไม้วิเศษที่สืบทอดมาจากรุ่นสู่รุ่น ท่านว่าเป็นไม้ท้าวที่ขรัวแสงเคยใช้และมอบให้กับสมเด็จโต...สืบกันมาจากยุคสู่ยุค พ่ออาจารย์ท่านนำมาใช้เป็นไม้ครูประจำตัวด้วยรับรู้แก่ใจดีว่าไม้นี้มีอิทธิฤทธิ์เหลือคณามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงรักษา..เมื่อถือไว้เอ่ยเอื้อนสิ่งใดมักจะกลายเป็นเรื่องจริงดั่งโองการพระเจ้าที่พูดสิ่งใดก็เป็นไปตามปากเช่นนั้น *** ด้วยเหตุนี้พ่ออาจารย์ท่านจึงปิดวาจาไม่ค่อยกล่าวอะไรมากมายนักด้วยกลัวปากพลั้งเผลอไป ท่านว่าไม่ใช่ฉันกลัวเผลอพูดไม่ดีแต่กับไม้ครูนี่แม้ให้พรใครก็ให้ชุ่ยๆไม่ได้เราจะไปเจหน้าใครก็อวยพรเขาทุกคนยิ่งไม่ได้ เพราะทุกสิ่งจะเป็นไปตามปากดั่งโองการพระเจ้าเช่นนั้นทั้งหมด เป็นไม้ครูที่พร้อมจะช่วยเหลือผู้บูชาในทุกๆเรื่องด้วยอธิษฐานได้ตามใจไม่ต้องมีคาถาใดๆกำกับจึงต้องระวังในการใช้งานอยู่มากแต่โบราณมาครูบาอาจารย์ที่ครองครองรุ่นสืบรุ่นก็ได้ใช้อวยพรให้คนสามัญเคลื่อนเป็นคนใหญ่คนโตนำมาซึ่งชื่อเสียงเกียรติยศมากมากมายทั้งไม้นี้ยังมีอาถรรพ์ใครเห็นก็อยากจะจับอยากจะได้ไว้ในครอบครอง(ท่านจึงถือเป็นเคล็ดทางมหานิยมดั่งแค่เห็นก็เกิดอยากเดินเข้ามาดูเข้ามาลูบมาหยิบ) ด้วยอาถรรพ์แฝงของตัวไม้ท้าวเช่นนี้พ่ออาจารย์ท่านจึงถือเป็นอิทธิคุณแฝดในการดึงดูดผู้คนและเรียกลาภเรียกโชควาสนามาสู่ผู้ครองครอง ***ท่านว่าสมัยก่อนนะนานนักหนาแล้วฉันยังเล่นหวยอยู่บ้างวันดีคืนดีอยากเห็นฤทธิ์ไม้ครูโองการงวดไหนงวดนั้นถือไม้ครูเดินไปหยิบไม่เคยพลาดซักใบฉันก็ตั้งสัจจะหยิบทุกงวดมันก็เข้าทุกงวดไม่รางวัลใดก็รางวัลหนึ่งหยิบจนบอกแก่ตัวเองและครูบาอาจารย์ว่าฉันพอแล้ว..เห็นแล้ว..ไม่เอาแล้ว(ท่านว่าฉันทดลองของฉันพอแล้ว) ตัวไม้นี้พ่ออาจารย์ท่านว่าท่านเองไม่อยากเดาเพราะไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นไม้อะไรรู้แต่ผ่านมือครูบาอาจารย์จากรุ่นสู่รุ่นซึ่งมั่นใจได้อยู่อย่างหนึ่งว่าเป็นไม้ทนสิทธิ์มีดีเหนือดีมีความวิเศษอยู่ในตัวเอง ผู้ที่มอบให้ก็บอกเล่าต่อๆกันมาลดลาตัดทอนจากไม้อะไรก็เหลือแต่เพียงว่าเป็นไม้ฟ้าผ่าคือเป็นของศักดิ์สิทธิ์ดั่งฟ้าประทานลงมาให้เช่นนั้น ครูบาอาจารย์แต่โบราณใช้กันมาเสกกันมาหลายรุ่นท่านว่าผู้ใดถือครองจะมากวาสนาดั่งพระเจ้าโองการสั่งฟ้าสั่งเกณฑ์ชะตาตนได้ ไม้ครูที่มีอาถรรพ์เช่นนี้พ่ออาจารย์ท่านว่าเกิดแล้วตายใหม่ก็ไม่แน่ใจว่าจะเจอชิ้นที่สองท่านถือใช้มานานหลายสิบปีจนมีนิมิตแปลกประหลาดเห็นไม้ครูหักออกเป็นท่อนๆ ท่านจึงถามครูองค์ปฐมว่าเกิดสิ่งใดขึ้นจึงรู้ว่าเทวดาเขาอยากให้เราเอาไปแกะพระจะได้แบ่งกันไปใช้อนุเคราะห์สัตว์ผู้ยาก พ่ออจารย์ท่านจึงได้สละไม้ครูคู่บารมีด้ามนี้(ท่านว่าแม้เราเองก็ยังทำใจอยู่นานจะบอกไม่หวงก็ไม่ได้เพราะเป็นของรักของฉัน เมื่อเเกะเมื่อเสกแล้วในส่วนของเราเองจึงห้อยไว้ไม่ห่างคอเช่นนี้) ท่านจึงได้ขอบารมีพระใหญ่คือองค์ปฐมว่าจะแกะเป็นแบบพิมพ์ใดดีจะทำพระอะไร...ด้วยไม้นี้เป็นไม้โองการที่ใช้สื่อสารติดต่อกับครูกับพระเป็นเจ้าเบื้องบนผู้ครอบครองย่อมเข้าถึงซึ่งขุมพลังแห่งอำนาจแรงครูจะใช้มัวเมาฝูงชน...หรือเพิ่มพูนตบะเดชะวาสนาบารมีแก่ตนแลผู้อื่น...จะอาราธนาต่อชะตาชีวิต...เปิดหนทางชีวิตให้ก้าวหน้าเจริญรุ่งเรืองย่อมได้ทั้งสิ้นท่านจึงต้องขอมติจากองค์ปฐมบรมครู

    พระสี่กรที่เป็นสื่อผ่านถึง"คุณ"ครูทั้งหลาย
    สมเด็จองค์ปฐมท่านโองการให้พ่ออาจารย์ใช้ไม้ครูแกะเป็นพระพิมพ์สี่กรมีลักษณะปัดหน้าปิดหลัง"ปกปิดปกป้อง" เพื่อจะได้ใช้อาราธนาปิดเคราะห์..ปิดโศก..ปิดอุปัทวเหตุจัญไรทั้งปวง แลจะได้ป้องกันภูติผีปีศาจอาถรรพ์สิ่งอัปมงคลไม่ให้กรายใกล้ ท่านว่าพระพิมพ์นี้ภูติผีอสูรร้ายแค่เห็นก็ขยาดสั่นกลัวเข้าใกล้ไม่ได้เลย(ดั่งที่พ่ออาจารย์ท่านพูดติดตลกไว้เมื่อท่านอาราธนาพระพิมพ์ด้วยตนเองอยู่เสมอว่าถ้าเขาอยากตายซ้ำตายซากอยากตายรอบสองสามสี่ก็ให้เข้ามาเถิด) ด้วยองค์พระนี้ท่านปิดท่านกันทั้งหมดที่ตาเรามองไม่เห็นไม่ว่าจะเป็นเทวดามิจฉาทิฏฐิภูติผีปีศาจคุณคนคุณไสยลมเพลมพัด..แม้สิ่งที่มองเห็นมีรูปกายเหล่าคนพาลความคิดวิกลจริตมุ่งร้ายทั้งหลายก็ปัดทิ้งไป พ่ออาจารย์ท่านว่าองค์พระนี้มีความศักดิ์สิทธิ์มากห้อยประทับติดตัวก็ล้างเสนียดจัญไรและสิ่งอัปมงคลออกจากตัวได้..หากร่างกายเจ็บป่วยมีอาการผิดปกติดใดๆก็ขอบารมีองค์พระกดลงไปบริเวณนั้นเช่นนี้ก็หาย..คนทรามคนพาลเข้าใกล้ไม่ได้เลยพ่ออาจารย์ท่านว่าหากเราอาราธนาองค์พระอยู่แล้วเห็นใครหงุดหงิดฉุนเฉียวข้างกายเราให้รู้ตัวได้เลยว่าในกายเขามีพลังงานไม่ดีอยู่จะโปรดเขาหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับเรา(ถ้าเขาไม่เชื่อก็อย่าไปทำ) ยิ่งพวกผีเข้าเจ้าสิงปอปลงมีคุณไสยในตัวจะยิ่งร้อนรนออกอาการชัดมากที่สุด

    องค์พระสี่กรนี่มีพุทธคุณแฝด
    ### ท่านว่าสี่กรคือคุณซ้อนคุณมีพุทธคุณเหนือกว่าพระพุทธรูปใดๆในสายของพ่ออาจารย์ ดั่งว่าเป็นกายทิพย์ในกายทิพย์ซ้อนกันลงไปของสมเด็จพระชินวร จะอาราธนาใช้ดับทุกข์เข็ญเปิดทางกิจการสิ่งใดท่านว่าสุดแต่จะใช้ *** แต่จำเอาไว้ว่าอย่าไปให้พรหรือไปสาปไปแช่งใครให้หมั่นเอาดีใส่ตัวให้พรตัวเองอยู่เช่นนี้(ไม่ต้องถึงกับพูดไปเรื่อยพูดพร่ำเพรื่อ) ท่านว่าติดคอเอาไว้เถิดไปได้กลับได้ไม่ตายโหงจะบังเกิดโชคลาภมีเงินทองไม่ขาดมือ คนที่ไม่มีก็จะมี..คนที่มีก็จะพึงเพิ่มพึงหาจนพอกพูนรักษาทรัพย์เอาไว้ได้มั่นคงยืนนานกิจที่ทำจะเจริญรุ่งเรือง # พ้นวิกฤตรอดชีวิตด้วยปฐมพุทธบัญญัติ ด้วยไม้ครูโองการพระเจ้านั้นเป็นของสูงท่านว่าหากถือครองไม่คิดชั่วมัวเมาอกุศลแล้วเมื่อถึงกาลกิริยาชีพดับสูญเบื้องบนเขาจะมารับตัวเพราะครูบาอาจารย์ท่านถือว่าไม้ครูเล่มนี้เป็นของสูงเหรือธรรมชาติไปแล้วผู้ครอบครองย่อมถือเป็นคนของครูบาอาจารย์เช่นกัน

    พระสี่กรทวีทับถม...ได้สองเท่า
    พระสี่กรจะมีพุทธคุณต่างจากพระพิมพ์อื่นๆ พ่ออาจารย์ท่านว่าองค์พระพิมพ์นี้เน้นอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์เรื่องที่เหนือวิสัยมนุษย์เหนือธรรมชาติดั่งพระชินสีห์เจ้าแสดงฤทธิ์ปาฏิหาริย์เช่นนั้น พุทธคุณจะหนุนส่งอายตนะผู้ถือครองให้มีโสตสัมผัสพิเศษ(ท่านว่ารู้เองเห็นเองบางวันจะมองเห็นเงาขาวเงาดำเจ้าที่เจ้าทางก็อย่าได้ตกใจเขาทำอันตรายเข้าใกล้เราไม่ได้) โดยรวมแล้วท่านว่าจะมีศักยภาพมากกว่าคนปกติ...ที่องค์ปฐมบรมครูท่านเน้นให้สร้างพระสี่กรนั้นก็เพื่อจะเปลี่ยนชีวิตพื้นๆของคนธรรมดาให้เหนือกว่า..มากกว่าธรรมดา ดุจมีกายทิพย์ซ้อนกายทิพย์รักษาปกปักให้รอดพ้นทุกเภทภัยทุกปัญหาและอุปสรรค ด้วยองค์พระมีสัญญาและกำลังจิตวิญญาณที่ครูบาอาจารย์จากรุ่นสู่รุ่นส่งต่อกันสู่ไม้ครูสถิตย์อยู่ทุกองค์...ยามใดที่เกิดโรคระบาดข้าวยากหมากแพง โลกกระสับกระส่ายด้วยวิกฤตการณ์พิศดารประกอบด้วยภัยพิบัติภัยธรรมชาติแลทุพภิกขภัยฝูงชนจะอดอยาก...พ่ออาจารย์ท่านว่าพระสี่กรนั้นเหมาะสมที่สุดด้วยจะป้องกันเหตุเภทภัยอันตรายทั้งปวงคุ้มดวงนำโชคดึงลาภได้ครบในสถานการณ์ที่โกลาหลมากที่สุดก็ยิ่งจะหนุนให้วิกฤติเป็นโอกาสเปิดชะตาเราได้มากที่สุด พ่ออาจารย์ท่านว่าพระสี่กรนั้นสมบูรณ์แบบถ้าใช้เป็นจะอาราธนาคุ้มคนทั้งเมืองก็ยังทำได้ ยิ่งคนที่ต้องการอำนาจได้อาราธนาจะยิ่งอยู่เหนือกว่าคนทั้งหลายเลื่องลือระบือนาม เมื่อกำองค์พระสวดมนต์ภาวนาบทสวดใดๆก็ดีมนต์ทั้งหลายจะยิ่งทวีความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาหนุนให้เกิดสมาธิเกิดอำนาจแห่งจิตทวีคูณ ท่านว่าพระสี่กรนั้นลงหนึ่งแรงแต่ได้สองเท่า จะทำอะไรก็ตามผลที่ได้ย่อมได้รับกลับมามากมายท่วมท้นพ้นประมาณ แม้องค์พระปรากฏขึ้นที่ใดสิ่งชั่วร้ายภูติผีปีศาจหรือพลังงานด้านลบจะถูกกำจัดขับไล่ออกไปจากที่แห่งนั้นดลให้เกิดแต่อำนาจของมงคลนำมาซึ่งความผาสุข เวลาอธิษฐานสิ่งใดกับองค์พระท่านก็จะนำคำขอของเราสู่โลกทิพย์ให้คำเรานั้นสำเร็จโดยเร็ววัน ..พ่ออาจารย์ท่านว่าถือพระสี่กรอยู่พูดอะไรเทวดาย่อมมีใจยินดีรับฟัง

    ด้านในองค์พระบรรจุหัวใจพระสี่กรเป็นแร่ธาตุพิศดารหลายตำรับที่ครูองค์ปฐมให้พ่ออาจารย์ท่านรวบรวมไว้ล้วนแต่มีอำนาจเผาผลาญทำลายล้างอาถรรพ์ร้ายทั้งปวงให้มลายสิ้นไม่เหลือซาก องค์พระนี้แม้จะอาราธนาแช่น้ำทำน้ำมนต์ท่านว่าก็ย่อมทำได้แม้ภูติผีตัวใดที่เก่งเกินจะไล่เฮี้ยนเกินจะขับหากต้องน้ำสรงองค์พระสี่กรนั้นท่านว่าดั่งจะดับดวงวิญญาณจะตายซ้ำตายซากเอาเช่นนี้(พ่ออาจารย์ท่านจึงกำชับว่าไม่จำเป็นก็อย่าไปทำเขาเลย) ..นอกจากนี้น้ำสรงองค์พระสี่กรเมื่อเราดื่มกินด้วยตนเองยังจะกลายเป็นน้ำมนต์พลิกชะตาชีวิตกำจัดทุกข์โศกโรคภัยมลทินโทษทั้งหลายให้มลายหายสิ้นไปได้อีกทางหนึ่ง ด้วยอำนาจพุทธคุณจะปัดเป่าอาถรรพ์ทำลายคุณไสยขับไล่ภูตผีปีศาจ ทั้งขจัดอุปสรรคและตัวขวางทรัพย์..เป็นมหาระงับแก่เคราะห์หามยามร้าย..เหตุ..เภทภัยและภยันตรายทั้งปวง พ่ออาจารย์ท่านว่าคนเราลองชีวิตไม่มีอุปสรรคทรัพย์ก็เข้ามาสะดวก จะเอาอะไรก็เข้ามาโดยง่ายทั้งสิ้น แต่ถ้าจะเอาความเจริญรุ่งเรืองทางโภคทรัพย์นำลาภสักการะเรียกผู้คนที่ดีมีวาสนาเข้ามาสู่ชะตาท่านว่าก่อนจะทำน้ำมนต์ก็บอกองค์พระท่านก่อนว่าจะให้สงเคราะห์ทางไหนถ้าเราไม่บอกก็จะหนักไปทางทำลายอาถรรพ์เสียอย่างเดียว *** ทั้งองค์พระนี้เมื่ออาราธนาติดกายแล้วยังมีผลพิเศษอีกประการหนึ่ง พ่ออาจารย์ท่านว่าจะช่วยเร่งเร้าในคำอธิษฐานของผู้บูชาให้ส่งผลรวดเร็วทันใจ(เวลาเราขอพรกับสิ่งศักิด์สิทธิ์ทั้งหลาย) ตราบเท่าที่ความศรัทธาไม่แห้งเหือดเงินทองจะหลั่งไหลมาไม่หยุด...จะอาราธนาใช้เรียกคนก็ทำได้ ถ้าบูชาองค์พระด้วยข้าวตอกดอกไม้จะบังเกิดลาภสักการะไม่รู้อดรู้อยาก..ถ้าจุดดวงประทีปถวายองค์พระสิ่งที่ปรารถนาจะเห็นผลทันตา...ถ้าหวังผลในโภคทรัพย์ให้การใช้ชีวิตสะดวกราบรื่นศัตรูหมู่มารที่มุ่งร้ายกลับกลายเป็นมิตรให้ถวายน้ำอบน้ำปรุงสรงองค์พระท่านว่าชื่อเสียงจะระบือไกลทำสิ่งใดก็สะดวกไร้กังขา โดยรวมความแล้วสุขสันติและมงคลจะเกิดขึ้นนับจากนี้ไป
    - องค์พระสี่กรจะดูแลรักษาเครื่องมงคลวิเศษในร่างกายของเราชิ้นอื่นๆไม่ให้กำลังเสื่อมถอย
    - สามารถอาราธนาองค์พระเสริมฤทธิ์เพิ่มพลังอำนาจให้แก่วัตถุมงคลทั้งหลายของเราเองได้ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
    - สามารถอาราธนาองค์พระขอบารมีแรงครูเป็นสะพานเชื่อมต่อกับวัตถุมงคลต่างๆที่เราใช้อยู่ได้
    - เปิดบารมีให้เราคู่ควรและเข้าถึงในของอันเป็นของเรา ให้สมบัติคงอยู่กับเราตลอดไป
    - เสริมบารมีให้คนต่ำต้อยครอบครองของสูงค่าได้
    - เสริมวาสนาของคนและสิ่งของให้เสมอกัน ไม่ล้ำเหลื่อมจนนำมาซึ่งความวิบัติ
    พ่ออาจารย์ท่านว่าองค์พระสี่กรนั้นอาราธนาใช้ได้หลายทางจะรู้เองเห็นเอง ตัวท่านบอกคร่าวๆได้เพียงเท่านี้ ด้วยองค์พระท่านจะทำให้ชีวิตเราลงตัวและพอดี ท่านว่าตามยุคสมัยที่เปลี่ยนไปองค์พระเราจึงอธิษฐานบอกกล่าวให้ใช้สงเคราะห์เป้นพิเศษทางความราบรื่นในหนทางของแต่ละคน ..### ให้ทุกสิ่งเป็นไปตามที่ใจต้องการ


    ผงเสด็จ..
    เมื่อบรรจุหัวใจแล้วจึงปิดด้วยยอดผง พ่ออาจารย์ท่านว่าในองค์พระสี่กรนั้นจะหามวลสารธรรมดาซักอย่างหนึ่งเป็นไม่มีแม้ผงวิเศษที่เอามาอุดฐานปิดทับแร่หัวใจวิเศษนั้นยังใช้ผงเสด็จที่เกิดขึ้นเอง
    ยามที่พ่ออาจารย์ท่านเขียนผงลบมวลสารตามสูตรองค์ปฐม ท่านว่าผงลบกระดานนั้นงอกเงยเพิ่มปริมาณได้เองซึ่งท่านก็เคยเห็นเพียงครั้งเดียวในชีวิตที่ผงนั้นงอกเงยเองได้ด้วยพุทธานุภาพ ท่านจึงเรียกผงชุดนี้ว่าผงเสด็จ(เสด็จมาเพิ่มเองได้ในขวดที่ปิดสนิท) ท่านว่าผงชุดนี้แรงเป็นเคล็ดวิเศษที่ใช้ในทางงอกเงยเพิ่มพูนทุกๆสิ่งที่ปรารถนา ผงชุดนี้พ่ออาจารย์ท่านไม่นำพาออกมาสร้างอะไรเลยด้วยท่านกล่าวเสมอว่าผู้ครอบครองต้องมีวสานาสัมพันธ์กันในคุณองค์ปฐมท่าน เรียกได้ว่าต้องมีวาสนาถึงจะได้ถือครอง ผงงอกเงยผงเสด็จนี้แค่พกไว้จะปรารถนาสิ่งใดเพียงอธิษฐานบอก..ทุกความปรารถนาจะสำเร็จดั่งว่าผลอันงอกงามนั้นเสด็จมาเอง มาเกย มารออยู่ถึงที่ พ่ออาจารย์ท่านว่าทำอะไรก็ไม่เปลืองเเรงนะ เพราะเขาจะเสด็จมาเอง มารอเอง เราไม่ต้องเดินไปหาเลย มันสะดวกถึงเพียงนี้ เช่นนั้นท่านจึงจัดอยู่ในหมวดผงอันตรายด้วยว่าของมีคุณอนันต์ย่อมมีโทษมหันต์ท่านกลัวคนใช้จะขี้เกียจไม่เอาการเอางานท่านจึงเก็บเอาไว้ผสมอุดเฉพาะพระสี่กรนั่นเอง ท่านว่านี่แหละแรงครูเขาคุมอยู่ เอาว่าคนทำมาหากินลืมตาอ้าปากได้ง่ายๆสบายๆดั่งมีราชรถมาเกยทีเดียว

    องค์พระสี่กรนั้นอาราธนาเพื่อให้ได้รับชัยชนะในทุกทิศพิชิตได้ในทุกเรื่อง...อธิษฐานเปิดปากดั่งพระเจ้าโองการสำเร็จสมดั่งใจ มากด้วยพรรณคุณพิเศษเพราะธาตุที่บรรจุในองค์พระเป็นธาตุบรรลุจะเรียกสิ่งที่ตนปรารถนาเอามาได้...ท่านว่าทำได้แม้แต่เบิกบุญเก่ามาใช้(แต่ท่านไม่แนะนำ พ่ออาจารย์ท่านว่าบุญใหม่ให้สร้างไปเรื่อยๆเช่นนี้ดีกว่าอย่าไปแตะของเก่า) อยากจะได้อะไรก็บอกองค์พระ เวลาตนเองทำบุญก็บอกองค์พระเพื่อให้เทวดาร่วมอนุโมทนาเช่นนี้ ด้วยองค์พระนั้นมีคุณแห่งบรมครูสุดพิศดารตามแต่จะอาราธนาโปรดสัตว์ทั้งขจัดภัย..กันอุปสรรค..เบิกโชคลาภ...เบิกดวง...เบิกบุญ ท่านว่าใช้ได้ทุกทางอธิษฐานกันให้ดีๆอย่าทำเป็นเล่นเป็นลิงทะโมนด้วยตัวไม้ครูนี้ท่านรับสัจจะกับองค์ปฐมไว้ว่าไม่ครบตามกำหนดระยะเวลา...กี่ปีจะเผยแผ่ออกไปไม่ได้เลย ท่านว่าบัดนี้ก็ครบแล้วได้ฤกษ์แล้วสมควรแล้วที่จะใช้ไม้ท้าวโองการพลิกชีวิตมนุษย์ผู้มีวาสนาพานพบ *** พ่ออาจารย์ท่านว่าถ้าใจมุ่งเอาดีทางโลก สนุกแต่ทางสร้างฐานะ ให้อาราธนาองค์พระให้ดีเถิดครูเบื้องบนท่านว่าจะเปิดทางให้รวยถึงเจ็ดชั่วโคตร เปลี่ยนชีวิตให้สูงให้อยู่ใหกินในที่สูงไม่ลงมาต่ำ

    บรรจุพระนาม
    องค์พระสี่กรแต่ละพระองค์นั้น จะมีนามของพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ไม่ซ้ำกันเลย พ่ออาจารย์ท่านว่าองค์ปฐมท่านให้บรรจุพระนามด้วยบารมีแห่งพระพุทธเจ้าพระองค์นั้นๆและทำพิธีจุติบารมีให้อานุภาพลงในพระสี่กรก่อนสวดคาถาตามสูตรวิชา(พ่ออาจารย์ท่านสงวนไว้) ด้วยการจุติแห่งพุทธบารมีนั้นผู้ครอบครองจะเจริญรุ่งเรืองด้วยโชคลาภวาสนาเงินทองต่างๆ ## แม้ยาจกเข็ญใจคนยากไร้พ่ออาจารย์ท่านว่าฉันเคยสร้างพระแบบนี้ให้ไป(แต่ไม่ได้มีอาถรรพ์เช่นไม้ท้าวครูโองการ)แม้ขอทานก็ยังได้คนอุปถัมภ์จนเดี๋ยวนี้มีทรัพย์มากถึงขนาดบริจาคที่ดินสร้างวัดของตนเองได้ นี่เรียกว่ามีชะตาพุ่งสูงไม่ลงมาตายในที่ต่ำอีกต่อไป ครานี้องค์ปฐมท่านก็ให้ทำการจุติบารมีสู่องค์พระสี่กรเนื้อไม้ครูโองการอีกคำรบหนึ่ง ด้วยอานุภาพแห่งนามพระสัพพัญญูเมื่อกาลก่อนๆนั้นแม้องค์พระสถิตย์อยู่ที่ใดย่อมเกิดความร่มเย็นเป็นสุขในสถานที่แห่งนั้น หากอาราธนาติดตัวย่อมเกิดสิริมงคลอย่างมากแก่ผู้ถือครองจะขออำนาจพุทธบารมีให้ท่านเมตตาอย่างใดก็สุดแล้วแต่เถิด พ่ออาจารย์ท่านเปรยเอาไว้ว่า "คนที่คิดสูงหวังสูงให้ชีวิตตนสูงขึ้น" อย่าได้ประมาทพลาดพลั้งเลย

    คาถาบูชา
    โอมปลุกปลุกลุกลุกกูจะปลุกพ่อครูไม้ท้าวโองการพระเจ้า โอมปลุกมหาปลุก กูจะปลุกไม้เท้าพ่อครูด้วย พุทธัสสะปูชามหาเตชะวันโต ธัมมัสสะปูชามหาปัญโญ สังฆัสสะบูชามหาโภคะวาโห โลกะนาโถ อิมินาสักกาเรนะ ปฏิปัตติปูชายะ นะมะอะอุ สิวังพรหมมา จิตติจิตตังมานิมา จิตตังวา ปุพพังวา พันธังวา วิเลปะนังวา ราชกุมาโรวา ราชะกุมารีวา อัคคมเหสีวา เทวีวา ราชาวา ราชาโนวา เศรษฐีโนวา สะมะโนวา พราหมมะโนวา อิตถีวา ปุริโสวา วานิชโชวา วานิชชาวา เอหิเอหิปะถะตา อะหังวันทามิสัพพะทา

    *** องค์พระสี่กรนั้นท่านนำมาลงรักทุกองค์ท่านว่าเป็นเคล็ดดั่งคำว่า "หลงรัก" ซ้อนกฤติยาคมแฝดทั้งจะได้รักษาเนื้อไม้ครูให้เจริญถาวรไปได้นานขึ้น ### องค์พระนั้นเมื่อจะแช่ทำน้ำมนต์หรือนำไปใช้อย่างใดก็ดีท่านว่าควรเลี่ยมกันน้ำเอาไว้ก่อนจะดีที่สุด รายการนี้รับจองเฉพาะทาง PM เท่านั้น พระนามขององค์พระพุทธเจ้าที่จุติบารมีประจำพระองค์แต่ละองค์นั้นจะแจ้งเฉพาะเจ้าของอีกทีหนึ่ง(ท่านว่าห้ามเลือกให้เป็นไปตามบุญสัมพันธ์กัน) รายการนี้ท่านว่าไม่ต้องแจ้งชื่อประสิทธิอะไรทั้งสิ้นเพราะข้างบนเขาเลือกคนของเขาเองทั้งวาสนาบารมีพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์หรือแรงครูแห่งไม้ครูโองการทุกอย่างจะบรรจบเลือกตัวเจ้าของด้วยตัวเองจึงต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระแสแห่งกาลโอกาส ปัจจัยร่วมบริจาคทุนการศึกษาเด็กด้อยโอกาศสืบต่อไป

    ร่วมทำบุญบูชา พระเจ้าโองการสี่กรปกปิดกรรมซัดป้องปัดเคราะห์เข็ญ(แกะจากไม้ท้าวโองการบรมครู) บูชา 4,000 บาท

    106671101-2948265621938997-7726861766869307101-n.jpg 106134979-2708320089494673-5851128051299363610-n.jpg 106417484-216686316115529-2417156886885325915-n.jpg
    106400766-3021895624602996-154752991139022541-n.jpg
     
  20. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,143
    ค่าพลัง:
    +16,536
    วันเข้าพรรษา

    วันเข้าพรรษา เป็นวันสำคัญวันหนึ่งในพระพุทธศานาที่พระสงฆ์เถรวาทจะอธิษฐานว่าจะพักประจำอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่งตลอดฤดูฝนเป็นระยะเวลา 3 เดือนตามที่พระธรรมวินัยได้บัญญัติไว้โดยไม่ไปค้างแรมที่อื่น หรืออาจพูดเป็นภาษาทั่วไปว่า จำพรรษา (พรรษา แปลว่า ฤดูฝน , จำ แปลว่า พักอยู่) พิธีเข้าพรรษานี้ถือว่าเป็นข้อปฏิบัติสำหรับพระสงฆ์โดยตรง ไม่สามารถละเว้นได้ทุกกรณี ซึ่งการเข้าพรรษาตามปกติจะเริ่มนับตั้งแต่วันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 ของทุกปี (หรือเดือน 8 หลัง ถ้ามีเดือน 8 สองหน) และจะสิ้นสุดลงในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 หรือวันออกพรรษา

    ความเป็นมาของวันเข้าพรรษา
    วันเข้าพรรษา (วันแรม 1 ค่ำ เดือน 8) หรือเทศกาลเข้าพรรษา (วันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 ถึง วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11) ถือว่าเป็นวันสำคัญทางศาสนาพุทธที่สำคัญวันหนึ่งของประเทศไทย โดยมีกำหนดระยะเวลา 3 เดือนในช่วงฤดูฝน ซึ่งวันเข้าพรรษาเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาที่ต่อเนื่องมาจากวันอาสาฬหบูชา (วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8) พุทธศาสนิกชนชาวไทย รวมถึงพระมหากษัตริย์และบุคคลทั่วไปได้สืบทอดประเพณีการปฏิบัติและการทำบุญในวันเข้าพรรษามาช้านานตั้งแต่สมัยสุโขทัย

    สาเหตุที่พระพุทธเจ้าได้ทรงอนุญาตให้จำพรรษาอยู่ ณ สถานที่ใดสถานที่หนึ่งตลอดระยะเวลา 3 เดือนแก่พระสงฆ์นั้น ก็เพื่อให้พระสงฆ์ได้หยุดพักจากการจาริกเผยแผ่ศาสนายังสถานที่ต่างๆ ที่จะเป็นไปด้วยความยากลำบากในช่วงฤดูฝน โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงเวลาจำพรรษตลอด 3 เดือนนั้น เป็นช่วงเวลาและโอกาสสำคัญในรอบปีที่พระสงฆ์จะได้มาอยู่จำพรรษารวมกันภายในอาวาส หรือสถานที่ใดสถานที่หนึ่งเพื่อศึกษาพระธรรมวินัยจากพระสงฆ์ที่ทรงความรู้ นับว่าเป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และสร้างความสามัคคีในหมู่คณะสงฆ์ด้วยเอง อีกทั้งในวันเข้าพรรษาและช่วงฤดูพรรษากาลตลอด 3 เดือนนั้น พุทธศาสนิกชนชาวไทยถือว่าเป็นโอกาสอันดีที่จะได้บำเพ็ญกุศลด้วยการเข้าวัดทำบุญตักบาตร ฟังพระธรรมเทศนา และนับเป็นโอกาสพิเศษที่มากกว่าวันสำคัญอื่นๆ โดยในวันเริ่มต้นพรรษานี้ จะมีการถวายหลอดไฟ หรือเทียนเข้าพรรษา และผ้าอาบน้ำฝน (ผ้าวัสสิกสาฏก) แก่พระสงฆ์ เพื่อไว้สำหรับให้พระสงฆ์ได้ใช้ตลอดการอยู่จำพรรษา ซึ่งในอดีต ชายไทยที่เป็นพุทธศาสนิกชนและมีอายุครบบวช (20 ปี) จะนิยมถือบรรพชาอุปสมบทเป็นพระสงฆ์เพื่ออยู่จำพรรษาตลอดทั้ง 3 เดือน โดยพุทธศาสนิกชนชาวไทยจะเรียกการบรรพชาอุปสมบทเพื่อจำพรรษาตลอดพรรษากาลว่า บวชเอาพรรษา

    ความสำคัญของวันเข้าพรรษา

    1. ช่วงวันเข้าพรรษา เป็นช่วงเวลาที่ชาวบ้านจะประกอบอาชีพทำไร่ทำนา ดังนั้นการกำหนดให้ภิกษุสงฆ์หยุดการเดินทางจาริกไปในสถานที่ต่างๆ จะช่วยให้ต้นกล้าของพันธุ์พืช ตลอดจนสัตว์เล็กสัตว์น้อยไม่ได้รับความเสียหายจากการเดินธุดงค์
    2. หลังจากเดินทางจาริกไปเผยแผ่พระพุทธศาสนามาเป็นเวลา 8 – 9 เดือน ช่วงเข้าพรรษาจะเป็นช่วงที่ให้พระสงฆ์ได้หยุดพักผ่อน
    3. วันเข้าพรรษา เป็นช่วงเวลาที่พระภิกษุสงฆ์จะได้ประพฤติปฏิบัติธรรมสำหรับตนเอง อีกทั้งยังได้ศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัย ตลอดจนเตรียมการสั่งสอนให้กับประชาชนเมื่อถึงวันออกพรรษา
    4. เพื่อจะได้มีโอกาสอบรมสั่งสอนและบวชให้กับกุลบุตรผู้มีอายุครบบวช อันจะเป็นกำลังสำคัญในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาต่อไป
    5. เพื่อเป็นการให้พุทธศาสนิกชนได้มีโอกาสบำเพ็ญกุศลเป็นการพิเศษ อาทิ ทำบุญตักบาตร หล่อเทียนพรรษา ถวายผ้าอาบน้ำฝน รักษาศีล เจริญภาวนา ถวายจตุปัจจัยไทยธรรม งดเว้นอบายมุข และมีโอกาสได้ฟังพระธรรมเทศนาตลอดช่วงเวลาเข้าพรรษาอีกด้วย

    ข้อยกเว้นการจำพรรษาของพระสงฆ์
    ถึงแม้ว่าการเข้าพรรษาจะถือเป็นข้อปฏิบัติสำหรับพระภิกษุโดยตรงที่ไม่สามารถละเว้นได้ไม่ว่ากรณีใดๆ ก็ตาม แต่ในการจำพรรษาของพระสงฆ์ในระหว่างพรรษานั้นอาจมีกรณีจำเป็นบางอย่างที่ทำให้พระภิกษุผู้จำพรรษาต้องออกจากสถานที่จำพรรษาเพื่อไปค้างแรมที่อื่น พระพุทธองค์ก็ทรงอนุญาตให้ทำได้โดยไม่ถือว่าเป็นการขาดพรรษาโดยมีเหตุจำเป็นเฉพาะกรณีๆ ไป ซึ่งได้มีระบุไว้ในพระไตรปิฎก ส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับการพระศาสนา หรือการอุปัฏฐานบิดามารดา ทั้งนี้ ก็จะต้องกลับมาภายในระยะเวลาไม่เกิน 7 วัน การออกนอกที่จำพรรษาล่วงวันเช่นนี้เรียกว่า สัตตาหกรณีย พระพุทธเจ้าได้ทรงระบุเหตุต่างๆ เอาไว้ในกรณีจะออกจากที่จำพรรษาไปชั่วคราวได้ ดังนี้
    - การไปรักษาพยาบาล หาอาหารให้ภิกษุ หรือบิดามารดาที่เจ็บป่วย กรณีนี้ทำได้กับสหธรรมิก 5 และบิดามารดา
    - การไประงับภิกษุสามเณรที่อยากจะสึกมิให้สึกได้ กรณีนี้ทำได้กับสหธรรมิก 5
    - การไปเพื่อกิจธุระของคณะสงฆ์ เช่น การไปหาอุปกรณ์มาซ่อมกุฏิที่ชำรุด หรือการไปทำสังฆกรรม อาทิ สวดญัตติจตุตถกรรมวาจาให้พระผู้ต้องการอยู่ปริวาส เป็นต้น
    - หากทายกนิมนต์ไปทำบุญ ก็ให้ไปทายกได้โดยให้ทาน รับศีล ฟังเทศนาธรรมได้ ในกรณีนี้หากโยมไม่มานิมนต์ก็จะไปค้างไม่ได้


    หากพระสงฆ์ออกจากอาวาสแม้โดยสัตตาหกรณียะล่วงกำหนด 7 วันตามพระวินัยก็ถือว่าขาดพรรษา และเป็นอาบัติทุกกฎเพราะรับคำ (รับคำอธิษฐานเข้าพรรษาแต่ทำไม่ได้) แต่ในกรณีที่พระสงฆ์สัตตาหกรณียะและกลับมาตามกำหนดแล้ว ไม่ถือว่าเป็นอาบัติ และสามารถกลับมาจำพรรษาต่อเนื่องได้ แต่หากมีเหตุจำเป็นที่จะต้องออกจากที่จำพรรษาไปได้ตามวินัยอีก ก็สามารถทำได้โดยสัตตาหกรณียะและต้องกลับมาภายใน 7 วันเพื่อไม่ให้ขาดและไม่เป็นอาบัติทุกกฎดังกล่าว


    557000001349001.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...