ร่วมทำบุญบูชา นัยน์ตาพระธรณีเจาะจำเพาะมหาถอดแสนมนต์(องค์ปฐมเปลื้องผ้ากาสา) พ่ออาจารย์พล

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย คุรุปาละ, 12 ตุลาคม 2014.

  1. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,145
    ค่าพลัง:
    +16,536
    อรุณสวัสดิ์ครับ

    สำหรับผู้ที่จองเครื่องมงคลไว้ บางรายการที่ต้องแนบรายละเอียดสำหรับให้ท่านประสิทธิก็ขอให้แจ้งกันเข้ามาเลยนะครับท่านจะได้ประสิทธิเอาไว้เลยเพราะบางขั้นตอนต้องใช้เวลาครับ

    *** รายการ องค์รับจิตกลั่นธาตุธรรมบรมจักรพรรดิจับบุญภาคผู้เลี้ยง(สะกดจักรพรรดิขันธ์มาร) นี้เปิดให้แจ้งรายละเอียดภายในวันที่ 15 นะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มิถุนายน 2020
  2. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,145
    ค่าพลัง:
    +16,536
    ตอบ PM ครบนะครับวันนี้
     
  3. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,145
    ค่าพลัง:
    +16,536
    แจ้งการส่ง EMS

    พี่วีระพัฒน์ ED 0793 3096 4 TH

    พี่วุฒิชัย ED 0793 3097 8 TH

    พี่วุฒิชัย(พนัส) ED 0793 3098 1 TH

    พี่ฐิตกาญจน์ ED 0793 3099 5 TH

    พี่ธนากร ED 0793 3100 1 TH

    พี่พรเทพ ED 0793 3101 5 TH
     
  4. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,145
    ค่าพลัง:
    +16,536
    แจ้งการส่งems

    พี่ศิระ ED 0793 1987 5 TH

    พี่ธวัช ED 0793 1988 4 TH
     
  5. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,145
    ค่าพลัง:
    +16,536
    อรุณสวัสดิ์ครับ

    วันนี้จะมากล่าวกันถึงเรื่องท้าวธตรฐ จอมเทพจตุโลกบาลที่ไม่ค่อยมีคนกล่าวถึงซักเท่าไหร่ เพราะหากพูดถึงท้าวจตุโลกบาลคนส่วนใหญ่จะไปพูดถึงท้าวเวสสุวรรณกันมากกว่า

    ซึ่งประวัติย่อๆของท่านก็มีเท่านี้เอง....ว่าท้าวธตรฐเป็นหนึ่งในสี่จตุมหาราช เป็นเทพเจ้าแห่งคนธรรพ์ผู้ปกครองปุริมทิศหรือทิศตะวันออก,ฤดูร้อน,ธาตุไฟ..ทรงพิณเป็นสัญลักษณ์

    ท้าวธตรฐมหาราชประจำทิศตะวันออก ปกครองเหล่าคนธรรพ์และวิทยาธรรวมถึงนางไม้นางอัปสรทั้งหลาย ตามคติพุทธถือจักรหมายถึงพระเดชและยังเป็นนัยยะแห่งการบันดาลฟ้าฝาเนื่องจากเหล่าอากาสเทวดาก็อยุ่ใต้การปกครองของท่าน ไทยเรานิยมขอพรเรื่องฝนฟ้าอากาศ ผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับลมฟ้าอากาศทั้งปวง ตามคติพราหมณ์-ตันตระ บูชาเพื่อขอความสนุนสนานรื่นเริงในชีวิต(คนธรรพ์เป็นเทวดาที่เด่นด้านดนตรี มักถุกเชิญไปขับกล่อมเทวาทั้งหลาย)

    ก็มีเพียงเท่านี้เอง แต่วันนี้จะพูดถึงความเชื่ออีกส่วนหนึ่งในฐานะของ"จอมภูติ"ที่น้อยคนจะกล่าวถึง นอกจากนั้นองค์ท้าวธตรฐจอมเทพจตุโลกบาลนี้ยังมีอายุและอาวุโสสูงสุดในหมู่จอมเทพจตุโลกบาลอีกด้วย ...ติดตามพูดคุยกันนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มิถุนายน 2020
  6. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,145
    ค่าพลัง:
    +16,536
    ท้าวธตรฐ

    อรุณสวัสดิ์นะครับ


    วันนี้ก็จะมาต่อกันในเรื่องของท้าวธตรฐ ซึ่งก่อนอื่นก็ต้องมาดูตำแหน่งจตุมหาราชกันก่อนด้วยเป็นตำแหน่งที่ถูกตั้งโดยพระอินทร์ ซึ่งท้าวธตรฐนี้พ่ออาจารย์ท่านว่าเป็นใหญ่แก่เทพยดาฝ่ายตะวันออกทั้งปวงไปจนถึงกำแพงจักรวาลนั่นทีเดียว

    พ่ออาจารย์ท่านเล่าว่า
    องค์ท้าวธตรฐนี้มีวรกาย(สีผิว)เป็นเงินยวง แต่เหนือสิ่งอื่นใดในศักดิ์ของท้าวจตุโลกบาลก็คือท่านมีอาวุโสสูงสุดในหมู่จอมเทพจตุโลกบาล เรียกว่ายืนหนึ่งขึ้นมาเลยการมีอาวุโสสูงสุดนี่เองทำให้มีวุฒิภาวะแห่งความเป็นทิพย์ของเทวะเหนือกว่าท้าวจตุมหาราชองค์ใดๆ ทั้งอายุ,วรรณะ,สุข,ยศ,อธิบดี,รูป,เสียง,กลิ่น,รส,สัมผัสทิพย์...ด้วยอาวุโสสูงสุดนี่เองจึงเป็นที่เคารพในหมู่ท้าวทั้งสี่ ดั่งที่พ่ออาจารย์ท่านว่าแม้ในหมู่คนมียศเสมอกันแต่คนที่มีบารมีมากกว่าย่อมเป็นผู้นำเสมอทั้งเป็นที่เคารพยำเกรงในหมู่บริษัทด้วยกัน

    ด้วยความที่
    ภูมิธรรมของท้าวธตรฐนั้นสูงถึงขั้นพระอนาคามี ### เทียบเท่าปัญจะสุทธาวาสมหาพรหมแต่กลับมารั้งตำแหน่งจตุโลกบาล(คือท่านสามารถวางภาระตรงนี้แล้วเข้าสู่ปัญจะสุทธาวาสรอเข้านิพพานในชั้นมหาพรหมนั้นได้ทันทีเลย) จึงทำให้ท่านมีอำนาจความเป็นทิพย์ทั้งปวงเหนือท้าวทั้งสี่ที่มีภูมิโสดาปัตติผล พ่ออาจารย์ท่านว่าท้าวธตรฐนี้ทั้งภูมิธรรม..ความเป็นทิพย์..บารมี..กำลังฤทธิ์นั้นย่อมเสมอด้วยท้าวมหาพรหมทีเดียวนี่คือสิ่งที่ไม่มีใครรู้กันมาก และถึงรู้ก็ไม่พูดไม่บอกกัน

    ตำแหน่งของท้าวธตรฐนั้นมีความพิเศษเรียกว่าเป็นตำแหน่งเวียนเหมือนพระอินทร์และจตุโลกบาลนี่แหละ หากแต่ท้าวธตรฐองค์นี้อยู่มานาน...ท่านขึ้นมาเป็นตั้งแต่ยังไม่มีศาสนาเรียกว่าท่านรั้งอยู่ก่อนยุคพระพุทธเจ้าเสียอีก พอมีศาสนาแล้วก็ได้ฟังธรรมได้ปรับภูมิธรรมของตนไปตามลำดับจนมาสุดที่อนาคามีในระหว่างนั้นตำแหน่งจตุโลกบาลองค์อื่นก็หมุนเวียนเปลี่ยนสลับกันไป นี่คือเหตุที่ทำให้ท่านมีความเป็นทิพย์ทั้งอายุและกำลังฤทธิ์ประเสริฐสุดในหมู่ท้าวจตุโลกบาลเรียกได้ว่าอยู่มานานกว่าคนอื่นและพัฒนาได้ไวกว่าผู้อื่น

    พ่ออาจารย์ท่านว่าเรื่องอำนาจขององค์ธตรฐนี้นับว่าน่าสนใจเพราะหยิบมาพูดคุยกันได้เป็นวันๆ เราต้องรู้กันก่อนว่ามนุษย์เรานี้อยู่ในทวีปที่มีชื่อว่าชมพูทวีปใช่มั๊ย ซึ่งทวีปที่มีมนุษย์อาศัยอยู่จะประกอบไปด้วยอุตรกุรุทวีป,บูรพวิเทหะทวีป,อมรโคยานทวีป,ชมพูทวีป ..
    .พวกเธอเคยรู้กันมั๊ยว่าท้าวธตรฐนั้นท่านเป็น"จอมภพ"ด้วยนะไม่ใช่เป็นแค่จตุมหาราช แต่ท่านยังเป็นจ้าวในหมู่มนุษย์ด้วย พูดง่ายๆคือภพซ้อนภพภูมิซ้อนภูมินี่แหละ ท่านต่างกับท้าวจตุมหาราชองค์อื่นๆเพราะท่านเป็นจ้าวแห่งบูรพวิเทหะทวีปซึ่งได้ชื่อว่าเป็นสถานที่อันมนุษย์แต่ละคนนั้นมีอายุขัยได้ถึง 700 ปี ตำแหน่งปกครองของท้าวธตรฐนั้นทับซ้อนกับพื้นที่บุรพวิเทหะทวีปแบบนี้ท่านจึงมีฐานะเป็น"จอมคน"ต่างจากจตุโลกบาลทั้งหลายโดยสิ้นเชิง

    *** วันนี้ก็นำพูดคุยกันคร่าวๆไว้ก่อนนะครับ ก่อนที่จะลงลึกในฐานะ"จอมภูติของท้าวธตรฐ" และความพิเศษในบารมีของท่านซึ่งไม่มีท่านใดในท้าวทั้งสี่จะเสมอเหมือน

    296fdde1cd55120c40233d6fb1e12327-d25vj52.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มิถุนายน 2020
  7. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,145
    ค่าพลัง:
    +16,536
    มีคนสอบถามพูดคุยกันเข้ามาเรื่ององค์ท้าวธตรฐกันเยอะมาก เดี๋ยวรอทางนี้นะครับ
     
  8. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,145
    ค่าพลัง:
    +16,536
    อรุณสวัสดิ์ครับ

    มีคำถามกันเข้ามามากว่าทำไมพ่อท้าวจตุโลกบาลถึงมาหามาตามกันทั้งหมู่คณะ หลายคนที่ติดตามเรื่องราวองค์ท้าวธตรฐพูดตรงกันว่ามากันทั้งสี่องค์เลยงามมากทีแรกคิดว่าจะเจอแต่องค์ท้าวธตรฐ ก็ถามกันมาว่าทำไม ...ก็แอบอุบเอาไว้ที่จริงพ่ออาจารย์ท่านเคยสร้างเหรียญองค์ธตรฐไว้นานแล้ว แต่ในเหรียญนั้นท่านกลับใส่สัญลักษณ์พ่อท่าวมหาราชทั้งสี่...แบบว่ายกคณะ เดี๋ยวเอาไว้ติดตามพูดคุยรอบเย็นกันอีกทีนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มิถุนายน 2020
  9. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,145
    ค่าพลัง:
    +16,536
    ไปรอรับรายการฝากเลี่ยมมานานเลยวันนี้ เดี๋ยวเรื่ององค์ท้าวธตรฐถ้าใครอยากได้อดใจรออีกหน่อยนะครับ
     
  10. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,145
    ค่าพลัง:
    +16,536
    อรุณสวัสดิ์ครับ

    วันนี้จัดส่งของให้นะครับ แล้วรอบเย็นติดตามกันดีๆเพราะรายการนี้จะเป็นรายการสุดท้ายที่เปิดให้จองกันในรอบเดือนนี้
     
  11. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,145
    ค่าพลัง:
    +16,536
    แจ้งการส่ง EMS

    พี่สุรวุฒิ ED 0793 3753 4 TH

    พี่พรหมพล ED 0793 3754 8 TH

    พี่ภาคภูมิ ED 0793 3755 1 TH

    พี่นวรัตน์ ED 0793 3756 5 TH
     
  12. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,145
    ค่าพลัง:
    +16,536
    ร่วมทำบุญบูชา เหรียญเหนือคาดท้าวธตรฐโฐจตุมหาโลกา(ฝังตะกรุดบัญชาโสฬสมหาภูต)

    หากกล่าวถึงท้าวธตรฐย่อมนึกกันออกว่าท่านเป็นจอมเทพจตุโลกบาลที่ไม่ค่อยมีคนกล่าวถึงซักเท่าไหร่ ด้วยเมื่อถึงท้าวจตุโลกบาลคนส่วนใหญ่จะไปพูดถึงท้าวเวสสุวรรณกันมากกว่าซึ่งท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่พระองค์ประกอบไปด้วย
    - ท้าวธตรฐ ผู้เป็นใหญ่ด้านทิศตะวันออก มีรูปร่างสูงโปร่งและสูงใหญ่กว่าทุกๆพระองค์ในท้าวทั้งสี่ปกครองเหล่าคนธรรพ์เป็นบริวาร
    - ท้าววิรุฬหก ผู้เป็นใหญ่ด้านทิศใต้ มีรูปร่างอ้วนใหญ่ดวงตาใหญ่ปกครองเหล่าเทพอสูรเป็นบริวาร
    - ท้าววิรูปักษ์ ผู้เป็นใหญ่ด้านทิศตะวันตก มีรูปกายรูปร่างสมส่วนงดงามใบหน้าสีแดงทรงมงกุฎประดับด้วยรูปนาค ปกครองนาคทุกตระกูลเป็นบริวาร
    - ท้าวกุเวร (ท้าวเวสสุวัณ) ผู้เป็นใหญ่ด้านทิศเหนือ เป็นหัวหน้าหรือเป็นอธิบดีแห่งอยักษ์ หรือเป็นเจ้าแห่งผีมีพวกยักษ์เป็นบริวาร

    ...อันท้าวธตรฐเป็นหนึ่งในสี่จตุมหาราช เป็นเทพเจ้าแห่งคนธรรพ์ผู้ปกครองปุริมทิศหรือทิศตะวันออก,ฤดูร้อน,ธาตุไฟ..ทรงพิณเป็นสัญลักษณ์ปกครองเหล่าคนธรรพ์และวิทยาธรรวมถึงนางไม้นางอัปสรทั้งหลาย ตามคติพุทธถือจักรหมายถึงพระเดชและยังเป็นนัยยะแห่งการบันดาลฟ้าฝาเนื่องจากเหล่าอากาสเทวดาก็อยุ่ใต้การปกครองของท่าน ไทยเรานิยมขอพรเรื่องฝนฟ้าอากาศ ผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับลมฟ้าอากาศทั้งปวง ตามคติพราหมณ์-ตันตระ บูชาเพื่อขอความสนุกสนานรื่นเริงในชีวิต
    ด้วยตำแหน่งจตุมหาราชเป็นตำแหน่งที่ถูกตั้งโดยพระอินทร์ ซึ่งท้าวธตรฐนี้พ่ออาจารย์ท่านว่าเป็นใหญ่แก่เทพยดาฝ่ายตะวันออกทั้งปวงไปจนถึงกำแพงจักรวาลนั่นทีเดียว พ่ออาจารย์ท่านเล่าว่าองค์ท้าวธตรฐนี้มีวรกาย(สีผิว)เป็นเงินยวง แต่เหนือสิ่งอื่นใดในศักดิ์ของท้าวจตุโลกบาลก็คือท่านมีอาวุโสสูงสุดในหมู่จอมเทพจตุโลกบาล เรียกว่ายืนหนึ่งขึ้นมาเลยการมีอาวุโสสูงสุดนี่เองทำให้มีวุฒิภาวะแห่งความเป็นทิพย์ของเทวะเหนือกว่าท้าวจตุมหาราชองค์ใดๆ ทั้งอายุ,วรรณะ,สุข,ยศ,อธิบดี,รูป,เสียง,กลิ่น,รส,สัมผัสทิพย์...ด้วยอาวุโสสูงสุดนี่เองจึงเป็นที่เคารพในหมู่ท้าวทั้งสี่ ดั่งที่พ่ออาจารย์ท่านว่าแม้ในหมู่คนมียศเสมอกันแต่คนที่มีบารมีมากกว่าย่อมเป็นผู้นำเสมอทั้งเป็นที่เคารพยำเกรงในหมู่บริษัทด้วยกัน
    ด้วยความที่ภูมิธรรมของท้าวธตรฐนั้นสูงถึงขั้นพระอนาคามี ### เทียบเท่าปัญจะสุทธาวาสมหาพรหมแต่กลับมารั้งตำแหน่งจตุโลกบาล(คือท่านสามารถวางภาระตรงนี้แล้วเข้าสู่ปัญจะสุทธาวาสรอเข้านิพพานในชั้นมหาพรหมนั้นได้ทันทีเลย) จึงทำให้ท่านมีอำนาจความเป็นทิพย์ทั้งปวงเหนือท้าวทั้งสี่ที่มีภูมิโสดาปัตติผล พ่ออาจารย์ท่านว่าท้าวธตรฐนี้ทั้งภูมิธรรม..ความเป็นทิพย์..บารมี..กำลังฤทธิ์นั้นย่อมเสมอด้วยท้าวมหาพรหมทีเดียวนี่คือสิ่งที่ไม่มีใครรู้กันมาก และถึงรู้ก็ไม่พูดไม่บอกกัน
    ตำแหน่งของท้าวธตรฐนั้นมีความพิเศษเรียกว่าเป็นตำแหน่งเวียนเหมือนพระอินทร์และจตุโลกบาลนี่แหละ หากแต่ท้าวธตรฐองค์นี้อยู่มานาน...ท่านขึ้นมาเป็นตั้งแต่ยังไม่มีศาสนาเรียกว่าท่านรั้งอยู่ก่อนยุคพระพุทธเจ้าเสียอีก พอมีศาสนาแล้วก็ได้ฟังธรรมได้ปรับภูมิธรรมของตนไปตามลำดับจนมาสุดที่อนาคามีในระหว่างนั้นตำแหน่งจตุโลกบาลองค์อื่นก็หมุนเวียนเปลี่ยนสลับกันไป นี่คือเหตุที่ทำให้ท่านมีความเป็นทิพย์ทั้งอายุและกำลังฤทธิ์ประเสริฐสุดในหมู่ท้าวจตุโลกบาลเรียกได้ว่าอยู่มานานกว่าคนอื่นและพัฒนาได้ไวกว่าผู้อื่น
    พ่ออาจารย์ท่านว่าเรื่องอำนาจขององค์ธตรฐนี้นับว่าน่าสนใจเพราะหยิบมาพูดคุยกันได้เป็นวันๆ เราต้องรู้กันก่อนว่ามนุษย์เรานี้อยู่ในทวีปที่มีชื่อว่าชมพูทวีปใช่มั๊ย ซึ่งทวีปที่มีมนุษย์อาศัยอยู่จะประกอบไปด้วยอุตรกุรุทวีป,บูรพวิเทหะทวีป,อมรโคยานทวีป,ชมพูทวีป ...พวกเธอเคยรู้กันมั๊ยว่าท้าวธตรฐนั้นท่านเป็น"จอมภพ"ด้วยนะไม่ใช่เป็นแค่จตุมหาราช แต่ท่านยังเป็นจ้าวในหมู่มนุษย์ด้วยพูดง่ายๆคือภพซ้อนภพภูมิซ้อนภูมินี่แหละ ท่านต่างกับท้าวจตุมหาราชองค์อื่นๆเพราะท่านเป็นจ้าวแห่งบูรพวิเทหะทวีปซึ่งได้ชื่อว่าเป็นสถานที่อันมนุษย์แต่ละคนนั้นมีอายุขัยได้ถึง 700 ปี ตำแหน่งปกครองของท้าวธตรฐนั้นทับซ้อนกับพื้นที่บุรพวิเทหะทวีปแบบนี้ท่านจึงมีฐานะเป็น"จอมคน"ต่างจากจตุโลกบาลทั้งหลายโดยสิ้นเชิง....


    ด้วยเป็นมหาราชที่ทรงบุญญานุภาพมากมีรัศมีแผ่ไปได้ไพศาลรอบทิศ ทั้งยังมีเทพอันมีกำลังมาก,มีบุญญานุภาพมาก,มีรัศมีกว้างไกลมาก,มียศใหญ่มากมาอุบัติเป็นบุตรเป็นบริวารจำนวนมากมิได้ขาด ด้วยการปกครองของท่านยังผลให้เทวดาทั้งหลายได้รับความสุขสำราญทุกวันคืน แต่เราจะได้ยินกันบ่อยว่าพระองค์ท่านนั้นปกครองหมู่คนธรรพ์ซึ่งเป็นเทวดาจำพวกหนึ่ง มีความถนัดในการดนตรีศิลปะระบำรำฟ้อนและชำนาญในเพลงขับเป็นยิ่งนัก ยกตัวอย่างคนธรรพ์ในปกครองที่มีชื่อเสียงมากๆในหมู่เทวดา(พ่ออาจารย์ท่านว่าเหมือนดาราใหญ่ในสวรรค์)เช่นคนธรรพ์ปัญจสิขรที่มีฝีมือในการดีดพิณเป็นเลิศแต่งเพลงและขับเพลงเก่ง(ซึ่งองค์นี้พระอินทร์โปรดปรานมากขนาดรับเป็นลูกเลี้ยง),คนธรรพ์เทพบุตรซึ่งมีนามว่าสุธรรมาชำนาญในการตีกลองประจำตัวอันมีชื่อว่าสุรันธะ,คนธรรพ์เทพบุตรซึ่งมีนามว่าพิมพสุรกะชำนาญในการตีกลองหน้าเดียว..เมื่อสุธรรมาและพิมพสุรกะตีกลองด้วยเพลงคนธรรพ์ย่อมปรากฏความไพเราะเสนาะโสตเหล่าเทพยดานักหนา ไม่ว่าจะมีเทวสันนิบาตการประชุมเพื่อความสนุกสนานเบิกบานของเหล่าเทพทั้งหลายในที่ใดย่อมจะมีฝูงคนธรรพ์ทั้งหลายไปแสดงการรื่นเริงด้วยเสมอ โดยทำหน้าที่ขับกล่อมจับระบำรำฟ้อนให้ปวงเทพได้รับความสราญชื่นบานในการดนตรีบางทีก็มีเทพนารีเข้าร่วมด้วย...แม้แต่องค์พระอินทร์เจ้าจอมเทพก็ยังมีพระทัยโปรดปรานตรัสสั่งให้หมู่คนธรรพ์ไปร่วมงานเทวสันนิบาตเช่นนี้เสมอมิขาดสักคราเลย

    โองการแต่งตั้งภูมิเทวดา(รักษาแผ่นดิน)

    *** ไม่ใช่แต่เพียงเท่านั้นด้วยท้าวธตรฐมีหน้าที่กว้างใหญ่เพราะต้องดูแลสวรรค์ที่ซ้อนภูมิกับโลกมนุษย์แถมยังมีอาณาเขตบางส่วนซ้อนทับกับบุรพวิเทหะทวีป เช่นนั้นท้าวทั้งสี่จึงให้องค์ธตรฐเป็นใหญ่คอยปกครองเทวดาซึ่งมีหน้าที่รักษาเขตต่างๆของโลกมนุษย์ตั้งแต่เทวดาหลักเมืองไปยันพระภูมิ...รวมถึงเจ้าที่ ตรงไหนจะให้ใครไปดูแลนี่ท่านต้องกำกับทั้งหมด ### เทวดาไหนเกเรเจ้าที่ไหนคนไม่ทำงานก็ต้องเปลี่ยน(พ่ออาจารย์ท่านว่าเจ้าที่เจ้าทางถ้าไม่ให้คุณกับผู้อยู่อาศัยนี่เรียกว่าไม่ทำงาน คนไม่ทำงานเราไม่เก็บไว้ถ้าเราบอกองค์ธตรฐท่านจะเป็นธุระหาแบบที่เอาการเอางานเปลี่ยนให้หมดเลย***เป็นเรื่องของโลกทิพย์เขา) เทวดาต่างๆที่ลงมาอยู่ในโลกมนุษย์ตามหน้าที่นั้นไม่ว่าจะมีรูปร่างลักษณะอย่างไรก็เป็นไปโดยภาระหน้าที่ของเขา องค์ธตรฐก็จะมีบริวารคอยดูแลเป็นลำดับขั้นขึ้นไปแบ่งหน้าที่แบ่งเขตปกครองกันแยกย่อยออกมาแต่ต้องขึ้นตรงกับท้าวเธอทั้งหมดเพื่อดูแลความสงบเรียบร้อยโดยรวม พ่ออาจารย์ท่านว่าท้าวธตรฐนี่เป็นเจ้าที่ใหญ่ของโลกให้คิดง่ายๆแค่นี้เพื่อความเป็นไปเพื่อความสงบสุขของมนุษย์จะเทวดารักษาเมืองรักษาป่าเขาแหล่งน้ำถ้ำพระคูหาหรือแม้แต่บ้านเรือนก็ดีจะให้ดีให้ร้ายย่อมขึ้นอยู่กับท่าน ...ด้วยท่านมีหน้าที่ส่งเสริมความสุขแก่มนุษย์ เหล่าอากาสเทวาภูมิเทวาที่ท่านจะส่งลงมาดูแลโลกหรือทำหน้าที่ต่างๆนั้นแบ่งได้หลายกลุ่ม เช่น
    - ปัพพัฏฐเทวดา เทวดาที่อาศัยภูเขาอยู่
    - อากาสัฏฐเทวดา เทวดาที่อาศัยอยู่ในอากาศ
    - ขิฑฑาปโทสิกเทวดา เทวดาที่มีความเพลิดเพลินในการเล่นกีฬาจนลืมบริโภคอาหารแล้วตาย
    - มโนปโทสิกเทวดา เทวดาที่ตายเพราะความโกรธ
    - สีตวลาหกเทวดา เทวดาที่ทำให้อากาศเย็นเกิดขึ้น
    - อุณหวลาหกเทวดา เทวดาที่ทำให้อากาศร้อนเกิดขึ้น
    - จันทิมเทวปุตตเทวดา เทวดาที่อาศัยอยู่ในโลกพระจันทร์
    - สุริยเทวปุตตเทวดา เทวดาที่อาศัยอยู่ในโลกพระอาทิตย์

    พ่ออาจารย์ท่านว่าเรื่องเจ้าที่เจ้าทางพระภูมิเหล่านี้ถือว่าสำคัญมาก ถ้าได้เทวดาที่มีศักดิ์ใหญ่ลงไปปกครองไปเกื้อกูลเรามันก็ต่างกับเทวดาภูมิต่ำหรือผีบ้านผีเรือนทั้งหลาย เพราะพวกศักดิ์สูงนี้เขามีบุญมากมีรัศมีแผ่ไปได้ไกลมากและก็มีความเป็นทิพย์มากกว่า...มีบารมีทางทรัพย์สมบัติเช่นนี้พอได้เทวดาแบบนี้ชีวิตมนุษย์ย่อมเจริญ สถานที่ตรงนั้นย่อมเจริญแบบนี้ แต่ถ้าบ้านเราไปได้เทวดาลำดับกลางๆขออย่างไรความเจริญก็มาไม่ถึงนี่เห็นมั๊ย ในขณะที่อีกบ้านนึงเจ้าที่เจ้าทางเขาให้เลขทุกงวดปรากฏตัวให้โชคลาภอยู่เสมอตรงนี้คือความแตกต่าง ยิ่งถ้าศักดิ์น้อยบุญน้อยกำลังเขาก็ยิ่งน้อยจนกลายเป็นไม่ทำงานไปเลยเพราะจะเกาะแต่บุญเราแบบนี้ พ่ออาจารย์ท่านว่าเทพพวกนี้เขามีหน้าที่รักษษเราให้ถึงความเจริญรุ่งเรืองให้บ้านห่างไกลภูติผีปีศาจแลอมนุษย์..เห็นมั๊ยถ้าบ้านมีผีแปลว่าเทวดาบ้านเราบารมีเขาอ่อนมากๆพวกนี้ผียังไม่กลัวและก็จะเชื่องช้าทำอะไรก็ช้าไปหมดเหมือนคนคิดไม่เป็น ### พ่ออาจารย์ท่านว่าห้เอาเหรียญท้าวธตรฐของท่านไปวางในศาลพระภูมิ..ศาลเจ้าที่ต่างๆของบ้านเรา วางไว้สามวันจุดธูปสิบหกดอกบอกท่านไปเลยว่าต้องการเปลี่ยนให้เจ้าที่องค์ใหม่มีนิสัยอย่างไรคอยเกื้อกูลเราอย่างไรมีบารมีมากเพียงไหนก็บอกท่านไป นี่คือท่านจะได้เลือกคนได้ถูกใช้งานได้ถูกมอบภาระให้ถูกแบบนี้ พอเทวดาบารมีสูงๆเข้ามาเรายิ่งทำบุญอุทิศให้เขาก็ยิ่งเจริญเร็ว ทั้งอมนุษย์ภูติผี,ยักษา,นางไม้อะไรก็ดีย่อมมาวุ่นวายในอาณาเขตของเราไม่ได้เลย


    บารมีท้าวธตรฐโฐ

    พ่ออาจารย์ท่านว่า
    องค์ท้าวธตรฐท่านมีหน้าที่รักษาทุกข์สุขของมนุษย์โลกโดยตรงทั้งยังให้การอภิบาลป้องกันอันตรายต่างๆ(ภาษาพ่ออาจารย์ท่านเรียกว่าคุ้มเกรงรักษา)ภัยที่จะเกิดแก่มนุษย์ โดยหน้าที่โดยตรงที่ต้องดูแลทั้งโลกและตัวบุคคลท่านจึงสถิตย์ในสวรรค์ชั้นจตุมหาราชิกาที่อยู่ซ้อนภูมิกับโลกมนุษย์ใกล้กันมากที่สุด

    ท่านปกครองเหล่าคนธรรพ์และวิทยาธรรวมถึงนางไม้นางอัปสรทั้งหลาย ซึ่งในยุคพระเวทย์นั้นได้แบ่งโลกบาลไว้ทั้งแปดทิศและตำแหน่งโลกบาลของทิศตะวันออกก็คือพระอินทร์แต่เดิมนั่นเอง พ่ออาจารย์ท่านว่าภายหลังพระอินทร์จึงยกฐานะโลกบาลนี้แก่ท้าวธตรฐ(เป็นตำแหน่งเวียนกันทำ) เช่นนั้นผู้มานั่งตำแหน่งท้าวธตรฐจึงจำเป็นต้องมีบารมีมากที่สุดและกลายเป็นหัวหน้าท้าวทั้งสี่โดยปริยายด้วยสมัยโบราณพระอินทร์รับเป็นโลกบาลทางทิศนี้มาก่อน เช่นนั้นบารมีของท้าวธตรฐจึงไม่ต่างจากพระอินทร์แต่อย่างใด ด้วยท้าวเธอทรงจักรเพชรอันแสดงออกถึงพระเดชและเป็นนัยยะแห่งผู้ประทานฤดูกาลควบคุมภูมิอากาศคอยบันดาลฟ้าผ่า(เช่นเดียวกับอำนาจของพระอินทร์) ทั้งอากาศเทวดาทั้งหมดก็อยู่ใต้การปกครองของท้าวธตรฐ พ่ออาจารย์ท่านว่าเรื่องฝนฟ้าอากาศลมฟ้าฤดูกาลทั้งปวงนี่ท่านให้เทพบริวารไปบันดาลทั้งสิ้น นอกจากนี้ยังมีพิณประจำพระองค์ที่ใช้เป็นเทพศาสตราวุธอีกด้วย อานุภาพพิณของท้าวธตรฐนั้นพ่ออาจารย์ท่านว่าไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากระบองของท้าวเวสสุวัณแต่อย่างใด....หากแต่จะเหนือกว่าจนไม่มีผู้ใดกล้าบันทึกไว้ด้วยท่านไม่ได้ใช้บ่อย..นี่หากพูดถึงดีดพิณเป็นอาวุธ(หลายคนคงคิดติดตลกเป็นนิทานว่าฟังแล้วหูคงแตกตายแบบนั้น) แต่แท้จริงแล้วพิณของท้าวธตรฐหากดีดขึ้นเมื่อใดจะเกิดเสียงกัมปนาทกึกก้องบันดาลให้เกิดมหาอุกกาบาตมากมายนับไม่ถ้วนเหมือนเม็ดฝนมากยากประมาณขนาดนัันตกลงมาจากท้องฟ้า...เรียกว่าเป็นห่าฝนอุกกาบาตก็ยังไม่ได้ต้องใช้คำว่าเป็นห่าฝนมหาอุกกาบาตที่ไร้ผู้ต้านทาน(นี่คืออำนาจของเทพศาสตราที่ไม่ค่อยมีผู้ใดกล่าวถึงและเราก็ภาวนาอย่าให้ท่านดีดพิณของท่านเลย ...ไม่ต้องติดทำเนียบอาวุธเทพแบบคฑาของท้าวเวสสุวัณแบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว พ่ออาจารย์ท่านว่าฟังองค์ท้าวท่านพูดแล้วฉันยังใจหายพิณแบบนี้ไม่ต้องลองใช้เป็นดีที่สุด) *** พ่ออาจารย์ท่านว่าสิ่งที่คนไม่ค่อยรู้กันก็คือองค์ท้าวธตรฐนั้น ท่านมีอำนาจในการครอบงำโลกด้วยเป็นหน้าที่เฉพาะของท่านที่จะให้ความคุ้มครองดูและอาณาจักรทั้งหลายให้มีแต่ความสงบสุขร่มเย็นมาเนิ่นนาน(จะส่งเทพองค์ไหนมารักษอาณาจักรใดเสื้อบ้านทรงเมืองที่ไหนนี่ก็งานท่านเลย)

    บารมีองค์ท้าวธตรฐจะช่วยประทานพรให้วิถีชีวิตคนมีความสุข ทั้งท่านยังเน้นเรื่องประทานความสำเร็จในชื่อเสียงเกียรติยศ...และอำนาจเป็นหลัก ท่านว่ามีเพียงอำนาจก็กลืนโลกได้ทั้งหมด ### องค์ธตรฐท่านบอกกับพ่ออาจารย์ว่าท่านเน้นมากเรื่องนี้ด้วยจะช่วยให้คนที่ถือครองรูปท่านได้เวลาเริ่มต้นชีวิตในช่วงที่รุ่งโรจน์ที่สุด ทั้งชีวิตใครที่ปรารถนาความรื่นเริ่งสนุกสนานไปพร้อมกับชื่อเสียงเงินทองและเกียรติยศ พ่ออาจารย์ท่านว่าก็ต้องท้าวธตรฐนั่นแหละ แต่หากอยากนั่งอดอมเก็บเกี่ยวเคร่งเครียดขยันหมั่นเพียรจนมั่งมี..แลกความสุขกับเวลาแบบนี้ก็ไม่ว่ากัน...เว้นเสียว่าอยากได้ความสบายสามารถร่าเริงไปกับชีวิตได้แบบไม่ขาดตกบกพร่องอะไรก็ค่อยเอาไปใช้ **** ด้วยเหรียญองค์ท้าวธตรฐที่ท่านขอให้ฉันทำนี้ท่านว่านอกจากเป็นเหรียญที่มีเดชมากยังเน้นให้ใช้เพื่อพัฒนาการชีวิตให้ได้ไวและเร็วขึ้นมากที่สุด

    ทั้งเหรียญท้าวธตรฐนั้น ท้าวเธอท่านยังกำหนดให้ทำลูกดวงแสงล้อมกายท่านถึงสี่ลูกแทนบารมีท้าวจตุมหาราชทั้งสี่พระองค์ครบถ้วนกระบวนความ พ่ออาจารย์ท่านว่าเวลาเสกท้าวทั้งสี่ต้องลงมาทำให้เสมอกันหมดโดยมีท้าวธตรฐเป็นประธาน เหรียญนี้ใช้ป้องกันสิ่งชั่วร้ายไม่ให้มากล้ำกลายคุ้มครองป้องกันภัยทั้งสิบทิศทั้งขับไล่ภูติผีปีศาจที่ไม่ดีให้หนีหายไป จะอาราธนาใช้กันคุณไสยมนต์ดำสิ่งไม่ดีหรือจะใช้เสริมดวงเพิ่มวาสนาทำน้ำมนต์อาบกินเสริมสง่าราศรีก็ได้ทั้งสิ้น...พ่ออาจารย์ท่านว่าใช้ได้แม้กระทั่งขอบารมีท้าวทั้งสี่ให้เราประสบความสำเร็จในเรื่องอะไร..ท่านว่าขอไปเถิดย่อมจะเป็นไปด้วยแรงครู ### ท่านว่าไหว้เหรียญนี้ครั้งหนึ่งองค์ท้าวธตรฐท่านรับเรื่องเลย ท้าวทั้งสี่ท่านถึงกันทั้งหมดไม่ต้องผ่านใคร แต่หากไปตามศาลตามอะไรแบบนี้ออกนามท่านย่อมต้องผ่านบริวารตั้งแต่ชั้นทหารเลวไล่ขึ้นไปกว่าจะถึงเจ้านครมหาอำมาตย์กว่าจะถึงองค์ท้าวเธอทั้งสี่เช่นนี้ พ่ออาจารย์ท่านว่าแบบนี้ย่อมไม่ทันการณ์และเนื้อความหลายๆต่อที่จะคงเดิมเหมือนต้นเรื่องย่อมเป็นไปไม่ได้ ท่านจึงว่าเหรียญนี้มีดีของเขาด้วยองค์ธตรฐท่านให้สร้างไว้เพื่อสื่อสารไหว้บอกกับเหล่าผู้ศรัทธา


    ฐานะจอมเทพแห่งความรุ่งเรือง

    ท้าวธตรฐท่านเป็นจ้าวในเหล่าคนธรรพ์ซึ่งเ
    ป็นเทวดาที่เกิดอยู่ตามไม้หอมสิบจำพวก ได้แก่ รากไม้,แก่นไม้,เนื้อไม้,เปลือกไม้,น้ำหอม,ตะคละต้นไม้,ใบไม้,ดอกไม้,ผลไม้,เหง้าใต้ดินโดยคนธรรพ์เหล่านี้จะแบ่งเป็นสามตระกูลได้แก่คนธรรพ์ชั้นสูง,ชั้นกลางและชั้นล่าง พวกชั้นสูงก็จะมีวิมานอยู่บนสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาเช่นพระปัญจสิกขรเทวบุตรเหล่านี้...จะมีบริวารนางฟ้าต่างๆประจำในวิมานตามบารมีแต่ละองค์ ส่วนพวกชั้นกลางก็จะไปเกิดขึ้นและอาศัยอยู่ในป่าหิมพานต์มีวิมานอยู่ในต้นไม้เป็นบริวารของคนธรรพ์ชั้นสูง ที่เหลือคือชั้นต่ำนั่นเองที่จะอยู่บนพื้นโลกมนุษย์ เป็นฐานะชาวบ้านพวกนี้จะมีทั้งที่มีครอบครัวและไม่มีครอบครัวคอยสิงอยู่ในต้นไม้จำพวกไม้หอมบ้างสิงตามที่ต่างๆบ้างเช่นนางตะเคียน,นางตานี...ก็ด้วยคนธรรพ์ชั้นล่างเหล่านี้นั่นเองคือที่มาของภูตผีทำให้องค์ท้าวธตรฐนั้นมีฐานะเป็น "จอมภูตพราย" ไปด้วย พ่ออาจารย์ท่านว่าก็เป็นเรื่องน่าแปลกที่คนเราแยกคำว่าภูติกับภูติไม่ออก ไม่ว่าจะคำใดก็สรุปไปแล้วว่าเป็นผี แต่จริงๆแล้วภูตต่างหากคือผี ส่วน "ภูติ" นั้นแปลว่าความเจริญรุ่งเรือง พ่ออาจารย์ท่านว่าจะเป็นเรื่องบังเอิญหรืออะไรก็ช่าง คนไทยเรานี่แหละไปยกย่ององค์ท้าวธตรฐกันว่าเป็นจอมภูติๆอยู่แบบนี้ไหว้ครูป่าวประกาศอ่านโองการบวงสรวงอะไรก็ดีเรียกว่าไปตั้งฐานะให้ท่าน ในเมื่อมนุษย์ไหว้และยกศักดิ์ให้เทวดาพระอินทร์ท่านก็ให้ท้าวธตรฐรับฐานะจอมภูติไปจริงๆเสียอย่างนั้น กลับกลายเป็นว่าจ้าวแห่งภูตผีที่เราเข้าใจกันนั่นแหละคือจอมเทพแห่งความเจริญรุ่งเรือง พ่ออาจารย์ท่านว่านี่เป็นเรื่องโจ๊กใหญ่ในเทวโลกทีเดียว องค์ธตรฐท่านบอกฉันมาว่าท่านได้ตำแหน่งนี้มาแบบนี้ๆ ตอนนี้กลายเป็นว่าใครจะขอพรทางด้านความเจริญรุ่งเรืองแล้วไม่ไหว้ฉันไม่ได้นะเพราะเขายกมาให้ฉันหมดแล้วมันเลยกลายเป็นหน้าที่ของฉันไป ท่านเล่ามาแบบนี้พ่ออาจารย์ท่านจึงรู้เคล็ดว่าจอมเทพองค์นี้สำคัญเพียงใด

    พ่ออาจารย์ท่านว่าเมื่อพูดถึงท้าวธตรฐอะไรๆก็พลาดกันไปเยอะและสิ่งที่คนยังไม่รู้จนหลงลืมนามท่านไปยังมีอีกมาก ....เช่นว่าผู้ที่ดีดพิณถวายเตือนสติพระมหาโพธิสัตว์ในคราวบำเพ็ญทุกขกิริยาทำให้พระองค์เกิดสติพิจารณากลับมาเสวยอาหารเดินทางสายกลางมัชฌิมาปฏิปทานั้น แท้จริงแล้วไม่ใช่พระอินทร์แต่กลับเป็นองค์ท้าวธตรฐนี่เอง(พ่ออาจารย์ท่านจึงยกว่าองค์ท้าวเธอท่านมีบุญคุณกับพระศาสนามาเนิ่นนาน ด้วยหากไม่ลงมาดีดพิณตอนนั้นพระมหาโพธิสัตว์ก็ต้องทรมานพระองค์เองต่อไปเรื่อยๆ) นอกจากนั้นท่านยังเป็นเทพแห่งความร่าเริงอันเป็นคติว่าผู้บูชาท่านจะหมดเรื่องทุกข์ใดๆในชีวิตเพราะท่านมีหน้าที่ขับกล่อมปวงประชาให้อยู่ในความสุขตลอดไป

    การขอโชคลาภลอย(ทุกสิ่งที่เอามาได้แบบฟลุคๆ..ให้ขอกับฉัน)

    พ่ออาจารย์ท่านว่ามีนายเหนือเกล้าก็ต้องมีบริวาร องค์ธตรฐท่านให้พ่ออาจารย์ลง "ตะกรุดบัญชาโสฬสมหาภูต" ฝังที่รูปหล่อท่านกำกับเอาไว้ด้วยวิชานี้ใช้บัญชามหาภูติสิบหกตนใช้ได้ทุกทางตามใจจะหวังอะไรในโลกียะในกามคุณ(
    รูป,เสียง,กลิ่น,รส,ฐานะ,โชคลาภ,ลาภลอย...สารพัดจะปรารถนาอยู่ในตะกรุดนี้) เมื่อลงต้องเชิญญาณครูทั้งสิบหกชั้นมหาภูติทั้งต้องดูฤกษ์ยามตลอด เมื่อลงจารก็ต้องเรียกสูตรอักขระ,สูตรยันต์ให้เกิดอิทธิฤทธิ์เมื่อปลุกเสกเดินธาตุขณะนั้นจิตต้องไม่ออกจากตัวต้องวางจิตให้ละเอียดมากจนสื่อสารกับธรรมชาติได้(สูตรขององค์ท้าวธตรฐนี้พ่ออาจารย์ท่านว่าอย่างหินเลย อาศัยแรงครูของท้าวทั้งสี่ช่วยทำเอาแค่หนนี้หนเดียว)พอถึงจุดที่สื่อสารกับธรรมชาติได้แล้วท่านจึงเสกพร้อมกับเชิญท้าวทั้งสี่มาช่วยกันทำทุกขั้นตอน โสฬสมหาภูตินี้ท่านว่าย่อมมีฤทธิ์ไปทุกทางสารพัดจะใช้ให้เห็นผลแรง อีกทั้งเป็นภูตกระซิบที่คอยเตือนเหตุเภทภัย..ทั้งคอยแก้ไขเรื่องร้ายที่เข้ามาชนกับเราให้กลายเป็นดีเรียกได้ว่าครบเครื่องทีเดียว พ่ออาจารย์ท่านว่าเป็นมหาภูติสิบหกตนที่ท้าวทั้งสี่ช่วยกันผูกด้วยพระเวทย์ไม่ใช่ผีไม่กลัวเทวดาจึงไม่เข้าตัวและไม่มีอันตรายอะไรจะให้เกิดให้มี... แต่กลับมีฤทธิ์มากสารพัดจะเรียกใช้ได้ดั่งใจ ตะกรุดดอกนี้ท่านว่ามีแต่คุณไม่มีโทษ

    คาถาบูชา
    โอมศรี ธตรัฐโฐจะมหาราชา ปุรัตถิมัสมิงทิสาภาเค สันติภูตามหิทธิกา เตปิตุมเหอนุรักขันตุ อาโรคเยนะสุเขนะจะ


    เหรียญจตุมหาโลกานี่พ่ออาจารย์ท่านว่าย่อมมีเจ้าของทุกเหรียญ มีตราบุญบัญญัติเอาไว้เลยว่าเหรียญไหนเป็นของใครด้วยท้าวทั้งสี่ย่อมเลือกคนของท่าน ทั้งยังเป็นเหรียญที่ใช้ได้หลายทางมีคุณใหญ่หลวงคนที่มีผีในตัวมีผีคุมชะตาชีวิตหรือถูกผีบังตาเค้าจะไม่เอาเลยเพราะเหรียญนี้อยู่ที่ไหนผี(วิญญาณที่ประสงค์ร้ายต่อตัวเรา)เข้าใกล้ไม่ได้ร้อยโยชน์พันโยชน์

    *** เหรียญเหนือคาดนี้เป็นรายการสุดท้ายที่จะเปิดจองของเดือนนี้ พ่ออาจารย์ท่านว่าท้าวเธอทั้งสี่ท่านลงตราบุญบัญญัติเอาไว้ เราไม่ต้องประสิทธิอะไรอีกเลยเพราะเป็นเรื่องของโลกทิพย์ท่านทำกันเอง เช่นนี้เหรียญรุ่นนี้ท่านจึงให้เปิดจองและทำการส่งได้ทันที ท่านว่าถ้าเขาอ่านรายละเอียดจบเขาจะรู้เองว่าคนที่ใช้เหรียญนี้ได้มีแต่เจ้าของจริงๆเท่านั้นฉันไม่ต้องไปทำอะไรทั้งสิ้น รายการนี้รับจองเฉพาะทาง PM รายได้ร่วมสมทบทุนการศึกษาเด็กด้อยโอกาสสืบต่อไป

    ร่วมทำบุญบูชา เหรียญเหนือคาดท้าวธตรฐโฐจตุมหาโลกา(ฝังตะกรุดบัญชาโสฬสมหาภูต) บูชา 4,000 บาท



    103342774-2859547884167023-4097552081810111325-n.jpg 83390299-261753171552529-3402797496353386006-n.jpg
    83145829-963317867445676-3654887539353317204-n.jpg
     
  13. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,145
    ค่าพลัง:
    +16,536
    เหรียญรุ่นนี้ถ้าอ่านจบรับรองว่าแก้ปัญหาคาชีวิตคนได้อีกมาก ทั้งยังเป็นเครื่องมงคลที่ให้จองปิดรายการของเดือนนี้อีกพ่ออาจารย์ท่านว่าของดีเราเลยเก็บเอาไว้ท้ายที่สุด
     
  14. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,145
    ค่าพลัง:
    +16,536
    อรุณสวัสดิ์ครับ

    เหรียญองค์ท้าวธตรฐมีน้อยมากและมีหลายคนบอกว่าตรงกับปัญหาชีวิตเขาที่จะใช้เปลี่ยนภูมิรักษาพอดี ด้วยภูมิและเจ้าที่ไม่ให้คุณคนอาศัยเลย กลายเป็นว่ามีฝากเช่ากันมามาก รายการนี้จึงขออนุญาติให้จองเฉพาะคนละองค์นะครับไม่ฝากกัน ถ้าจะเช่าจริงๆค่อยไปสมัครสมาชิกเวป PM เข้ามาเหมือนคนอื่นๆตามกติกาเลย ไอดีละหนึ่งองค์เท่านั้น
     
  15. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,145
    ค่าพลัง:
    +16,536
    แจ้งการส่ง EMS

    พี่ศิระ ED 0793 7098 5 TH

    พี่วุฒิชัย ED 0793 7099 4 TH

    พี่ณธพรหม ED 0793 7100 5 TH
     
  16. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,145
    ค่าพลัง:
    +16,536
    การทำบุญ

    คนไทยเรานั้นเป็นพวกที่ชอบทำบุญ แต่บุญที่ทำกันเป็นส่วนใหญ่มักจะเป็นการบริจาคเงินหรือปัจจัยในโอกาสต่างๆ เช่น ช่วยไถ่ชีวิตโค-กระบือ,ซื้อโลงศพ,ช่วยบูรณะปฏิสังขรณ์วัดวาอาราม,สร้างห้องส้วมให้โรงเรียนหรือช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วมเป็นต้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้แม้ดูเหมือนว่าจะเป็นการทำบุญที่หลากหลายแต่โดยแท้จริงแล้วก็ยังอยู่ในเรื่อง"ให้ทาน”เป็นหลักแต่ถึงกระนั้นก็ยังมีคนอีกจำนวนไม่น้อยที่ไม่มีโอกาสทำทานดังกล่าวด้วยซ้ำ ครั้นจะทำบุญใส่บาตรหรือไปวัดใกล้บ้านข่าวในทางลบของพวกอลัชชีก็ทำให้หลายคนเสื่อมศรัทธาและห่างเหินจากการทำบุญไปมาก จนหลายคนเกิดปริวิตกว่าการที่ตนไม่ค่อยทำบุญเลยเช่นนี้เกิดชาติหน้าหรือภายหน้าชีวิตคงต้องตกระกำลำบากกว่าคนที่ชอบทำบุญให้ทานประจำเป็นแน่ ซึ่งความเข้าใจข้างต้นก็มีส่วนถูกอยู่บ้างแต่มิใช่ทั้งหมดเพราะการ "ทำบุญ” ในทางพุทธศาสนาไม่ได้มีเพียงการให้ทานหรือทำบุญกับพระและวัดเท่านั้น แต่ยังสามารถทำได้ถึง ๑๐ วิธีด้วยกัน ซึ่งแต่ละวิธีเป็นอย่างไรจะขอนำมาเล่าสู่กันฟังและขอเชิญชวนให้ฃทุกคนได้สร้างกุศล(สิ่งที่ดีที่ชอบและฉลาด)ที่ทำได้ตลอดเวลาดังต่อไปนี้

    ก่อนอื่นมารู้จักความหมายของคำว่า "บุญ” เสียก่อน คำว่า "บุญ” โดยทั่วไปหมายถึงการกระทำความดีมาจากภาษาบาลีว่า "ปุญญะ” แปลว่าเครื่องชำระจิตใจให้สะอาดบริสุทธิ์ ดังนั้นบุญจึงเป็นเสมือนเครื่องกำจัดสิ่งเศร้าหมองที่เราเรียกกันว่า "กิเลส” ให้ออกไปจากใจ บุญจะช่วยให้เราลด ละ เลิกความโลภ,ความเห็นแก่ตัว,ความมีจิตใจคับแคบอันเป็นสาเหตุให้เกิดความทุกข์ต่างๆนานาและช่วยให้ใจเป็นอิสระพร้อมจะก้าวไปสู่การทำคุณงามความดีในขั้นต่อๆไป เป็นการยกระดับจิตใจให้สูงขึ้นทำให้เกิดความอิ่มเอิบใจมีความสุขและเป็นความสุขที่สงบและยั่งยืนในขณะเดียวกันก็ทำให้ผู้ปฏิบัติเป็นบุคคลที่มีคุณธรรม น่าเคารพยกย่อง เพราะถือว่าเป็น "คนดี” นั่นเอง

    ในทางพระพุทธศาสนาการทำบุญมีด้วยกัน ๑๐ วิธี เรียกว่า "บุญกิริยาวัตถุ ๑๐” หรือสิ่งอันเป็นที่ตั้งแห่งการทำบุญ ๑๐ ประการ ได้แก่

    - ให้ทานหรือทานมัย อันหมายถึงการให้การสละหรือการเผื่อแผ่แบ่งปัน ไม่ว่าจะเป็นเงินทอง ข้าวของเครื่องใช้หรือสิ่งอื่นใด และไม่ว่าจะให้แก่ใครก็ถือเป็นบุญทั้งสิ้นเพราะการให้ทานเป็นการลดความเห็นแก่ตัวความตระหนี่ถี่เหนียวและความคับแคบในจิตใจให้น้อยลง ทำให้เราไม่ยึดติดในวัตถุสิ่งของอีกทั้งสิ่งที่เราบริจาคหรือให้ทานแก่ผู้อื่นก็จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อน และเป็นประโยชน์ต่อผู้รับและสังคมโดยส่วนรวม การให้ทานนี้อยู่ที่ไหนๆก็ทำได้และไม่จำเป็นต้องเงินเช่นการแบ่งของกินให้กับแม่บ้านที่ทำงานหรือยามเป็นต้น ข้อสำคัญสิ่งที่บริจาคหรือให้ทานแก่ผู้อื่นควรเป็นสิ่งยังใช้ได้มิใช่เป็นการกำจัดของเหลือใช้ที่หมดอายุหมดคุณภาพให้ผู้อื่น ผลการให้ทานดังกล่าวจะทำให้ผู้ปฏิบัติเกิดความปีติอิ่มเอิบใจ

    - รักษาศีลหรือสีลมัย คำว่าศีลหมายถึงข้อบัญญัติทางพระพุทธศาสนาที่กำหนดการปฏิบัติทางกายและวาจาเช่น ศีล ๕ ศีล ๘ หรืออาจจะหมายถึงการรักษากายวาจาให้เรียบร้อย การรักษาศีลเป็นการฝึกฝนมิให้ไปเบียดเบียนผู้อื่น ในขณะเดียวกันก็เป็นการลดละเลิกความชั่วมุ่งให้กระทำความดีอันเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตมิให้ตกต่ำลง เช่นไม่ไปเป็นชู้เป็นกิ๊กกับใครที่ทำงาน,ทำให้ครอบครัวเขาไม่แตกแยก,เป็นแม่ค้าไม่โกหกหลอกขายของไม่ดีแก่ลูกค้า,เป็นพ่อบ้านไม่กินเหล้าเมายา,ทำให้ลูกเมียมีความสุขเพื่อนบ้านก็สุขเพราะไม่ต้องทนฟังเสียงรบกวนจากการทะเลาะวิวาทกัน เหล่านี้ล้วนเป็นการรักษาศีลและเป็นหนึ่งในการทำบุญอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งผลบุญข้อนี้จะทำให้เรากลายเป็นคนเยือกเย็นสุขุมด้วย

    - เจริญภาวนาหรือภาวนามัย เป็นการทำบุญอีกรูปแบบที่มุ่งพัฒนาจิตใจและปัญญา ทำให้จิตใจสงบเห็นคุณค่าสิ่งต่างๆตามความเป็นจริง ซึ่งในข้อนี้หลายคนอาจจะทำเป็นประจำอยู่แล้วเช่น นั่งสมาธิวิปัสสนา แต่หลายคนอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องยากเกินกำลังดังนั้นอาจจะทำง่ายๆด้วยวิธีการสวดมนต์เป็นคาถาสั้นๆบูชาพระที่เราเคารพบูชาก่อนนอนทุกคืน เช่นคาถาพระพุทธเจ้าชนะมาร,คาถาหลวงปู่ทวด เป็นต้น การสวดมนต์เป็นประจำอย่างน้อยก็เป็นการน้อมนำจิตใจของเราไปสู่สิ่งที่เป็นมงคลในชีวิต เป็นการเตือนสติให้เรายึดมั่นในการประพฤติปฏิบัติชอบตามสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เรานับถือและผลบุญข้อนี้จะทำให้เกิดปัญญาแก่ผู้ปฏิบัติ

    - การอ่อนน้อมถ่อมตนหรืออปจายนมัย หลายคนคงคิดไม่ถึงว่าการประพฤติตนเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตนจะถือเป็นบุญอย่างหนึ่ง ทั้งนี้ก็เพราะว่าการอ่อนน้อมถ่อมตนไม่ว่าจะเป็นผู้น้อยประพฤติต่อผู้ใหญ่และการที่ผู้ใหญ่แสดงตอบด้วยความเมตตาหรือการอ่อนน้อมต่อผู้มีคุณธรรม รวมถึงการให้เกียรติให้ความเคารพต่อความคิดความเชื่อและวิถีปฏิบัติของบุคคลหรือสังคมอื่นที่แตกต่างจากเรานั้นเป็นการลดความยึดมั่นถือมั่นในความเป็นตัวตนของเรา ช่วยให้สังคมทุกระดับเกิดความเข้าใจต่อกันและช่วยให้ชาติบ้านเมืองเกิดความสงบสุข จึงถือเป็นบุญอย่างหนึ่งผลบุญข้อนี้จะทำให้เกิดความเมตตาต่อกัน

    - การช่วยขวนขวายทำในกิจที่ชอบหรือไวยาวัจจมัย พูดง่ายๆว่าเป็นการให้ความช่วยเหลือแก่สังคมรอบข้างในการทำกิจกรรมความดีต่างๆ เช่นช่วยพ่อแม่ค้าขายไม่นิ่งดูดาย,ช่วยสอดส่องดูแลบ้านให้เพื่อนบ้านยามที่เขาต้องไปธุระต่างจังหวัด,ช่วยงานเพื่อนที่ทำงานให้แล้วเสร็จทันเวลา,ให้กำลังใจแก่เพื่อนที่มีความทุกข์ เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ถือเป็นบุญอีกแบบหนึ่งและผลบุญในข้อนี้ก็จะช่วยให้เกิดความรักความสามัคคีขึ้นด้วย

    - การให้ผู้อื่นมาร่วมทำบุญกับเราหรือปัตติทานมัย กล่าวคือไม่ว่าจะทำบุญอะไรก็เปิดโอกาสให้คนอื่นได้มาร่วมทำบุญด้วย ไม่ขี้เหนียวหรืองกบุญเพราะอยากได้บุญใหญ่ไว้คนเดียว เช่น จะทำบุญสร้างระฆังก็ให้คนอื่นได้ร่วมสร้างด้วยไม่คิดจะทำเพียงคนเดียวเพราะคิดว่าทำบุญระฆังจะได้กุศลกลายเป็นคนเด่นคนดังเลยอยากดังเดี่ยวไม่อยากให้ใครมาร่วมด้วย เป็นต้น นอกจากนี้ การเปิดโอกาสให้คนอื่นมาร่วมทำงานร่วมแสดงความคิดเห็นรวมไปถึงการทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ล่วงลับไปแล้วก็ถือเป็นการทำบุญในข้อนี้ด้วย ผลบุญดังกล่าวจะช่วยให้เราเป็นคนใจกว้างและปราศจากอคติต่างๆเพราะพร้อมเปิดใจรับผู้อื่น

    - การอนุโมทนาส่วนบุญหรือปัตตานุโมทนามัย คือการยอมรับหรือยินดีในการทำความดีหรือทำบุญของผู้อื่น เมื่อใครไปทำบุญมาก็รู้สึกชื่นชมยินดีไปด้วยโดยไม่คิดอิจฉาหรือระแวงสงสัยในการทำความดีของผู้อื่น เช่น เพื่อนเดินทางไปสักการะสังเวชนียสถานมาก็ร่วมอนุโมทนาที่เขามีโอกาสได้ไปทำบุญในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่อิจฉาเขา แม้เราไม่ได้ไปก็อย่าไปคิดอกุศลว่าเขาได้ไปเพราะชู้รักออกเงินให้ เป็นต้น การไม่คิดในแง่ร้ายจะทำให้เรามีจิตใจไม่เศร้าหมองแต่จะแช่มชื่นอยู่เสมอเพราะได้ยินดีกับกุศลผลบุญต่างๆอยู่ตลอดเวลา แม้จะมิได้ทำเองโดยตรงก็ตาม

    - การฟังธรรมหรือธรรมสวนมัย การฟังธรรมจะทำให้เราได้ฟังเรืองที่ดีมีประโยชน์ทั้งต่อสติปัญญา และการดำเนินชีวิต ซึ่งการฟังธรรมนี้ไม่จำเป็นต้องไปฟังที่วัดหรือจากพระท่านโดยตรง แต่อาจจะฟังจากเทป ซีดี หรือเป็นการฟังจากผู้รู้ต่างๆ และธรรมในที่นี้ก็มิได้หมายถึงแต่เฉพาะหลักธรรมในทางศาสนาเท่านั้นแต่ยังหมายรวมไปถึงเรื่องจริงเรื่องดีๆที่ทำให้ผู้ฟังเกิดความรู้และปัญญา ผลบุญข้อนี้จะทำให้ผู้ฟังเกิดการรู้แจ้งเห็นจริงยิ่งขึ้น

    - การแสดงธรรมหรือธรรมเทศนามัย คือการให้ธรรมะหรือข้อคิดที่ดีๆแก่ผู้อื่นด้วยการนำธรรมะหรือเรื่องดีๆที่เป็นประโยชน์ไปบอกต่อ หรือให้คำแนะนำให้เขาได้รู้จักวิธีการดำเนินชีวิตที่ดี เช่น สอนวิธีการทำงานให้,แนะหลักธรรมที่ดีที่เราได้ยินได้ฟังมาและปฏิบัติได้ผลแก่เพื่อนๆ เป็นต้น ผลบุญในข้อนี้นอกจากจะทำให้ผู้อื่นได้รับรู้สิ่งที่เป็นประโยชน์แล้ว ยังทำให้ผู้บอกกล่าวได้รับการยกย่องสรรเสริญอีกด้วย

    - การทำความเห็นให้ถูกต้องเหมาะสมหรือทิฏฐุชุกรรม คือการไม่ถือทิฐิเอาแต่ความคิดเห็นของตนเป็นใหญ่ แต่ให้รู้จักแก้ไขปรับปรุงพัฒนาความคิดเห็นและความเข้าใจในเรื่องต่างๆให้ถูกต้องตามธรรมอยู่เสมอ หรือจะพูดง่ายๆว่าให้คิดและประพฤติตนให้ถูกต้องตามทำนองคลองธรรมก็ได้ ซึ่งข้อนี้แม้จะเป็นข้อสุดท้ายแต่ก็สำคัญยิ่ง เพราะไม่ว่าจะทำบุญใดทั้ง ๙ ข้อที่กล่าวมาหากมิได้ตั้งอยู่ในทำนองคลองธรรมการทำบุญนั้นก็ไม่บริสุทธิ์และให้ผลได้ไม่เต็มที่

    ดังจะได้กล่าวถึงเกณฑ์การวัดบุญต่อไปสำหรับการทำบุญที่จะให้ได้ผลบุญมากหรือน้อยนั้น มีหลักเกณฑ์อยู่สามประการคือ

    - ผู้รับจะต้องเป็นผู้มีศีลมีคุณธรรมความดี แต่ไม่จำเป็นจะต้องเป็นพระสงฆ์หรือนักบวช จะเป็นคนทั่วไปก็ได้ ถ้าผู้รับดีผู้ทำก็ได้บุญมาก หากผู้รับไม่ดีก็อาจจะทำให้เราได้บุญน้อย เพราะเขาอาจอาศัยผลบุญของเราไปทำชั่วได้ เช่น ให้เงินช่วยเหลือเพื่อนๆกลับเอาไปปล่อยกู้สร้างความเดือดร้อนแก่ผู้อื่น เป็นต้น

    - วัตถุสิ่งของที่ให้ต้องบริสุทธิ์หรือได้มาโดยสุจริต เป็นของที่เหมาะและมีประโยชน์ต่อผู้รับ เช่น ให้เสื้อผ้าของเล่นแก่เด็กกำพร้า เป็นต้น ของที่ให้ดีผู้ทำก็ได้บุญมาก หากได้มาโดยทุจริตแม้จะเอาไปทำบุญก็ได้บุญน้อย

    - ผู้ให้ต้องมีศีลมีธรรมและมีเจตนาที่เป็นบุญกุศลในการทำจึงจะได้บุญมาก นอกจากนี้เจตนาหรือจิตใจในขณะทำบุญก็เป็นองค์ประกอบสำคัญกล่าวคือ ก่อนให้ ขณะให้ และหลังให้ หากผู้ให้มีความตั้งใจดีตั้งใจทำเมื่อทำแล้วก็เบิกบานใจ คิดถึงบุญกุศลที่ได้ทำเมื่อใดจิตใจก็ผ่องใสเมื่อนั้น เช่นนี้ก็จะทำให้ผู้ทำได้บุญมาก ถ้าไม่รู้สึกเช่นนั้นบุญก็ลดน้อยถอยลงตามเจตนา


    ทั้งหมดที่กล่าวมานี้จะเห็นได้ว่าใครก็ตามแม้จะไม่มีโอกาส "ให้ทาน” อันเป็นการทำบุญที่ง่าย และเป็นรูปธรรมที่สุด แต่เราทุกคนก็สามารถเลือกทำบุญในลักษณะอื่นๆได้อีกถึง ๙ วิธี และเป็นสิ่งที่ทำได้ไม่ยากเช่นการอ่อนน้อมถ่อมตน,การช่วยเหลือแนะนำน้องๆที่ทำงาน,การไม่ถือทิฐิหรือดื้อหัวชนฝา,การร่วมยินดีกับการทำบุญของเพื่อน เป็นต้น เพียงแค่นี้ก็เห็นผลทันตาแล้วคือ ความอ่อนน้อมถ่อมตนทำให้ผู้ใหญ่เมตตาต่อเรา การช่วยเหลือเพื่อนฝูงทำให้ไปไหนเพื่อนๆก็รักใคร่ยินดีต้อนรับ..ดังนั้น เริ่มต้นทำ "บุญ” เมื่อใด บุญก็ส่งให้เห็น "ผล” เมื่อนั้น

    557000001349001.jpg
     
  17. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,145
    ค่าพลัง:
    +16,536
    อานิสงส์ของการให้ทาน

    กรรมผูกพันบุญผูกพัน การไม่มีเวรมีกรรมต่อผู้ใดเป็นที่พึงปรารถนาเป็นที่สุด เราเป็นส่วนหนึ่งของสัตว์สังคมที่ไม่โดดเดียว ทำให้ต้องก่อเกิดความเกี่ยวข้องกัน ด้วยสถานะทางสังคม ด้วยความสัมพันธ์ตามเผ่าพันธุ์ที่กำเนิด เมื่อคิดจะไม่ผูกเวรกรรมต่อผู้อื่น เช่นนั้นเห็นจะต้องละได้แล้วซึ่งทุกสิ่ง ละซึ่งราคะ โทสะ โมหะ

    พึงระลึกอยู่เสมอว่าตัวเราไม่ใช่ของเรา เราเกิดมาแล้วต้องตายทุกผู้ทุกคน หนทางที่จะนำไปสู่นิพพานนั้น มนุษย์เรานั้นต้องพร้อมปฏิบัติด้วย ทาน ศีล และเจริญภาวนา การจะทำอะไรโดยที่ไม่หวังผลตอบแทน แต่เป็นการให้เพื่อได้บรรลุธรรมของผู้เสียสละ คงไม่ยิ่งใหญ่อย่างสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในชาติหนึ่ง ของพระเวสสันดร บารมีทานในชาตินั้นยิ่งใหญ่นัก แต่ขอเป็นเพียงการให้ที่บริสุทธิ์ใจไม่หวังผลตอบแทนในทาน ตามอัตภาพ ตามกำลัง

    ทุกครั้งที่ได้มีโอกาสสนับสนุนงานทุกงานในพระพุทธศาสนา จะด้วยกำลัง ด้วยสติปัญญา ด้วยทรัพย์ที่หามาจากการประกอบสัมมาอาชีวะ ไม่ว่าจะเป็นการให้ธรรมะเป็นทาน การให้อภัยทาน การทำบุญต่อพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา รวมถึงการสร้างวัดว่าอารามต่างๆ ย่อมเป็นการให้อย่างเต็มที่ เต็มกำลังความสามารถ

    จิตที่บริสุทธิในการให้จะเป็นเสมือนคลังแห่งทรัพย์ พร้อมที่จะรองรับบุญที่เกิดขึ้นเพื่อนำไปสร้างบารมี ไม่ว่าจะในชาตินี้หรือชาติหน้า

    ในการให้ทานควรจะต้องมีองค์ประกอบครบ 3 ประการ ดังต่อไปนี้
    - วัตถุที่ให้ต้องบริสุทธิ หมายถึงวัตถุสิ่งของที่จะให้เป็นทานนั้น จะต้องเป็นของบริสุทธิ์ คือเป็นสิ่งที่เราได้เสวงหา ด้วยความบริสุทธิในการประกอบอาชีพ
    - เจตนาในการให้ทานต้องบริสุทธิ์ ให้มีจิตใจร่าเริงเบิกบานในการทำงานทั้ง 3 ระยะคือ

    ระยะก่อนที่จะให้ทาน ก็ให้ทำจิตใจ ให้โสมนัสร่าเริงเบิกบานเพื่อสงเคราะห์ผู้อื่นให้ได้รับความสุขเพราะทานของตน
    ระยะที่กำลังลงมือให้ทาน ก็ให้ทำด้วยจิตใจ โสมมนัสร่าเริงยินดีและเบิกบานในทานที่ตนกำลังให้ผู้อื่น
    ระยะหลังจากที่ให้ทานไปแล้ว เมื่อหวนคิดถึงทานที่ตนได้ทำไปแล้วครั้งใด ก็ให้ทำจิตใจให้มีความโสมมนัสร่าเริงเบิกบาน ยินดีในทานนั้นๆไม่ใช่มาเสียดายในทานนั
    - ผู้รับทานบริสุทธิ์ ผู้รับทานเปรียบเป็นเนื้อนาบุญ ถ้าให้ทานแก่คนที่ไม่ดีก็เหมือนเป็นเนื้อนาบุญที่ไม่ดี ถ้าผู้รับมีศีลธรรมมาก ทานนั้นก็ยิ่งมีผลมาก ดังนั้นการให้ทานแก่คน ย่อมมีอนิสงส์มากกว่าสัตว์ หรือให้ผู้ที่ไม่มีศีล ให้ทานแก่พระสงฆ์มีอานิสงส์มากกว่าคนที่มีศีลทั่วไป พระพุทธเจ้าทรงสอนว่า การให้สังฆทาน มีอานิสงส์มากกว่าให้ทานแก่พระองค์ และการถวายทานเพื่อสร้างวิหาร มีผลมากที่สุดมากกว่าสังฆทานและทานใดๆ

    จิตที่คาดหวังในผลแห่งทานจะมีอนิสงส์น้อยกว่าการให้ทานเพื่อละกิเลส การตั้งจิตอธิษฐานโดยทั่วไปแบ่งได้สองอย่างคือ

    - ตั้งความปรารถนาในสิ่งที่ต้องการ
    - ตั้งอธิษฐานจิตเป็นอธิษฐานบารมี ว่าตั้งใจแนวแน่ที่จะทำความดี

    อธิษฐานบารมี คือการตั้งจิตอธิษฐานเพื่อให้สัตว์โลกพ้นทุกข์ เพื่อเป็นพระสาวกในพระพุทธศาสนา ไม่ใช่การหวังผลในทาน แต่เป็นการหวังในเหตุเพื่อจะทำความดี ส่วนการตั้งความปรารถนาพระนิพพาน อันนี้เป็นการตั้งความปารถนาที่จะพ้นทุกข์ พระนิพพานเป็นภาวะทีไม่มีอะไรอีกเลยนอกจากความพ้นทุกข์ ทางพระถือว่าไม่เป็นการหวังผลและเป็นสิ่งที่ควรทำ

    การให้ทานจะมีอานิสงส์ไปในทางมีโภคทรัพย์และรูปสมบัติ มีบันทึกไว้ในพระไตรปิกโดยเบื้องต้นได้มีเทวดาทูลถามทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า บุคคลให้สิ่งอะไรชื่อว่าให้กำลัง ให้สิ่งอะไรชื่อว่าให้วรรณะ ให้สิ่งอะไรชื่อว่าให้ความสุข ให้สิ่งอะไรชื่อว่าให้จักษุ และบุคคลเช่นไรชื่อว่าให้ทุกสิ่งทุกอย่าง พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรัสตอบว่าบุคคลให้อาหารชื่อว่าให้กำลัง ให้ผ้าชื่อว่าให้วรรณะ ให้ยานพาหนะชื่อว่าให้ความสุข ให้ประทีปโคมไปชื่อว่าให้จักษุ และผู้ที่ให้ที่พักอาศัยชื่อว่าให้ทุกสิ่งทุกอย่าง ส่วนผู้ที่พร่ำสอนพระธรรมชื่อว่าให้อมฤตธรรมผู้ที่ให้ของที่พอใจย่อมได้ของที่พอใจ

    สัปปุริสทาน ทานของคนดี พระพุทธเจ้าทรงสอนไว้ว่าทานของคนดีนี้มี 5 อย่าง คือ

    - ให้ทานด้วยศรัทธา จะเป็นผู้มีรูปสวยงาม น่าดู น่าเลื่อมใส ประกอบไปด้วยผิวพรรณที่งดงาม
    -
    ให้ทานด้วยความเคารพ จะเป็นผู้มีบุตรภรรยา ทาส คนใช้หรือคนงาน เป็นผู้เชื่อฟังตน
    -
    ให้ทานตามกาลที่สมควรให้ ย่อมได้รับผลทานเสมอเมื่อตนต้องการ
    -
    ให้ทานมีจิตอนุเคราะห์ จะมีจิตใจประณีตขึ้น ได้รับการบริโภคกามคุณที่ประณีตยิ่งขึ้น
    -
    ให้ทานไม่กระทบตนและผู้อื่น จะเป็นผู้มีโภคทรัพย์ที่มั่นคง ไม่มีภยันตราย ไม่ว่าจะ จากไฟ จากน้ำ จากพระราชา จากโจร จากคนไม่เป็นที่รัก หรือ จากทายาท มาทำอันตรายได้

    296fdde1cd55120c40233d6fb1e12327-d25vj52.jpg
     
  18. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,145
    ค่าพลัง:
    +16,536
    แจ้งการส่ง EMS

    พี่สุรวุฒิ ED 0793 6564 5 TH
     
  19. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,145
    ค่าพลัง:
    +16,536
    วันนี้มีคนสอบถามเรื่องกลัวพลังของสุริยคราสกันหลายคน เพราะหลายๆที่ก็แนะนำต่างๆกันไป แต่อยากจะบอกว่าเรามีครูบาอาจารย์..มีคุณครูรักษา หากเรานึกถึงครูพรหมครูเทพทั้งหลายรับรองว่าท่านไม่ทิ้งเลย ไม่จำเป็นต้องกลัวหรือตื่นข่าวกับเรื่องพวกนี้ครับ แค่อยู่บ้านสวดมนต์ภาวนาหรือทำกิจของตนไปตามปกติเท่านี้ก็พอ
     
  20. คุรุปาละ

    คุรุปาละ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    6,145
    ค่าพลัง:
    +16,536
    การกรวดน้ำ

    *** การกรวดน้ำจำเป็นต้องทำหรือไม่ ...จำเป็นครับไม่ว่าจะกรวดเปียกหรือกรวดแห้งก็ตาม

    # แต่อย่ากรวดน้ำให้กับเจ้ากรรมนายเวรก่อน ทำบุญบ่อยๆควรจะรู้การกรวดน้ำให้ถูกต้องได้อานิสงส์แรง มือขวาจับภาชนะมือซ้ายประคองรินน้ำใส่ภาชนะรองรับ พระสงฆ์สวดบท ยถา…เป็นอาการคุ้นเคยของพระพุทธศาสนิกชนผู้เคยร่วมพิธีประกอบการบุญการกุศลในทางพระพุทธศาสนา รับรู้โดยทั่วไปว่าอาการเช่นนี้เรียก “กรวดน้ำ”

    กรวดน้ำตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานให้ความหมายไว้ว่า “แผ่ส่วนบุญด้วยวิธีหลั่งน้ำ”
    ตามความเชื่อของคนบ้านเรามักจะกรวดน้ำเพื่อเป็นการแผ่บุญกุศลให้กับผู้ที่จากไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเจ้ากรรมนายเวรหรือจะเป็นคนที่เราเคยทำผิดพลาดอะไรไว้ หากเราทำบุญเขาก็จะได้รับอานิสงส์ผลบุญ

    แต่ทว่าการกรวดน้ำนั้นหากอยากจะให้บุญส่งไปถึงดวงจิตวิญญาณที่แท้จริง ให้ได้อานิสงส์ผลบุญสูงสุดจะต้องกรวดอย่างถูกวิธี สำหรับในวันนี้เรามาทำความเข้าใจกันเลยดีกว่ากับวิธีการกรวดน้ําที่ถูกต้องนั้นจะต้องทำอย่างไร

    หลายคนยังไม่รู้นะ หลายคนยังเข้าใจผิดกันอยู่
    การกรวดน้ำให้ตัวเองนั้นใช่ว่าจะเป็นการเอาผลบุญให้กับตัวเอง แต่เป็นการแบ่งบุญกุศลให้กับเหล่าเทวดาต่างหากซึ่งเหล่าเทวดาประจำตัวจะได้รับผลบุญที่เราทำ จะเป็นอานิสงส์ช่วยเหลือเราทำให้เรานั้นไม่เจ็บป่วย แคล้วคลาดจากภยันอันตรายใดๆ
    เหตุที่เราไม่ต้องกรวดน้ำให้กับเจ้ากรรมนายเวรก่อนก็เพราะจะเป็นการเสริมพลังให้กับดวงจิตที่คิดไม่ดีกับเรา ให้กำลังเขาเหนือกว่าเทวดาประจำตัวของเราไป หากเราทำผิดขั้นตอนก็จะถือว่าทำบุญไม่ขึ้นนั่นเอง

    การกรวดน้ําที่ถูกต้อง เพื่อที่จะได้รับอานิสงส์สูงสุด
    การกรวดน้ำให้กับเหล่าเทวดาทั้งหลายจะเป็นการดีต่อตัวเรา การกรวดน้ำหลังจากที่ได้ตักบาตรทำบุญ เรียกว่าถวายสังฆทานจะเป็นตัวเปิดทางช่วยให้ชีวิตของเราราบรื่นไม่มีปัญหา

    ขั้นตอนการกรวดน้ำให้กับเทวดานั่นก็คือ

    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ ให้ท่อง 3 จบ

    นะ โม พุท ธา ยะ ลูกขอเชิญพระพุทธเจ้าทั้ง 5 พระองค์ โปรดเสด็จมาเป็นประธาน อิทัง สัพพะเทวานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เทวา ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เทวดาทั้งหลายทั้งปวงที่รักษาตัวข้าพเจ้า ขอให้เทวดาทั้งหลายทั้งปวงจงมีความสุข (ให้เริ่มเทน้ำลงบนพื้นดิน) ลูกขอฝากน้ำอุทิศนี้ไปกับพระแม่ธรณีพระแม่คงคาโปรดมารับเป็นทิพย์พยาน ขออานิสงค์ผลบุญกุศลอันใดที่ข้าพเจ้า(ชื่อ-สกุล)ได้กระทำในวันนี้ทั้งหมดทั้งปวง ข้าพเจ้าขออุทิศให้กับเทวดาทั้งหลายทั้ง ปวงของข้าพเจ้าที่สถิตย์อยู่ ณ ปัจจุบันนี้ที่ทำให้ข้าพเจ้าพ้นจากความทุกข์ตลอดจนเรื่องที่ทำให้ทุกข์ ไม่ว่าท่านจะมาจากชาติใดภพใดก็ตาม ทั้งระลึกได้ก็ดีและระลึกไม่ได้ก็ดี ไม่ว่าท่านจะอยู่ในภพภูมิใดขอให้ท่านจงมารับกุศลที่ข้าพเจ้าอุทิศให้ในครั้งนี้ด้วยเทอญ

    ขอให้ท่านมาให้ถึงจุดหมาย อย่าแวะอย่าเวียนที่ใด ให้กุศลถึงทั่วทุกท่านทุกตัวทุกตนทุกภพทุกภูมิ ขออานิสงค์ผลบุญดังกล่าวนี้ ได้โปรดกลายเป็นทิพย์สมบัติตามที่ท่านปรารถนาทุกประการตั้งแต่บัดนี้เวลานี้เป็นต้นไปด้วยเทอญ


    การกรวดน้ำที่ถูกต้อง....
    จะทำให้เรานั้นได้ผลบุญถึงเร็วกว่าการอธิษฐานจิต อย่าลืมที่จะแบ่งบุญกุศลให้กับผู้อื่นได้รับรู้ถือว่าเป็นบุญแห่งการแบ่งทานอันยิ่งใหญ่แล้วชีวิตของเราจะดีขึ้นในทุกๆวัน

    edu-photo-197576089587.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มิถุนายน 2020

แชร์หน้านี้

Loading...