เรื่องเด่น เทคนิคการท่องคาถาให้เกิดผลจริงแบบง่าย ๆ

เทคนิคการท่องคาถาให้เกิดผลจริงแบบง่าย ๆ
เทคนิคที่ว่าคือ ให้กลั้นใจแล้วท่องคาถาในขณะที่กลั้นใจนั้นแหละครับ

ได้ผลชัวร์ ส่วนจะได้มากน้อยก็อยู่ที่ว่า ในขณะที่กลั้นใจนั้น สมาธิของคุณนิ่งแค่ไหน
แต่ที่แน่ ๆ คือ ในขณะที่คุณกลั้นใจนั้น จิตคุณนิ่งเป็นสมาธิแน่นอน แต่จะอยู่ที่ระดับไหนเท่านั้นเอง

ขอยกคำสอนของพระอาจารย์ที่ท่านได้เคยพูดถึงเรื่องนี้ไว้มาให้อ่านกันนะครับ ท่านบอกไว้ดังนี้ครับ

"ในเรื่องของคาถา ถ้าจะว่าไปแล้ว นักปฏิบัติธรรมทุกคนควรจะซักซ้อมการใช้พระคาถาต่าง ๆ ไว้ เพราะว่าเรื่องของคาถาให้ผลง่าย แค่อารมณ์ใจของเราสูงกว่าอุปจารสมาธินิดหนึ่งก็เริ่มให้ผลแล้ว เขาเรียกว่า อุปจารฌาน คืออารมณ์ใจเริ่มทรงตัวแน่วแน่ ตอนนั้นความฟุ้งซ่านไม่มี จิตก็เริ่มมีกำลัง

ดังนั้น..จะเห็นว่าถ้าจะใช้คาถาแบบโบราณ ๆ คาถาหลายบทท่านให้กลั้นใจว่า อย่างเช่นกลั้นใจว่า ๓ จบ ๗ จบ ๙ จบ ตอนที่เรากลั้นใจจิตจะนิ่ง ไม่นิ่งก็ไม่ได้เพราะจะตายอยู่แล้ว เนื่องจากไม่หายใจ พอจิตนิ่งก็จะเกิดพลังขึ้นมา ถ้าเราทำคาถาใดคาถาหนึ่งแล้วเกิดผล เราจะเกิดความมั่นใจ พอเกิดความมั่นใจ ก็เอากำลังระดับนั้นไปใช้กับคาถาทุกบท จะได้ผลเหมือนกันหมด

แต่คราวนี้คาถาที่ได้ผลนั้นเกิดจาก ๒ สาเหตุ อาตมาค่อนข้างจะค้นคว้ามาเยอะ สมัยก่อนหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านหลอกให้ทำโน่นทำนี่ บทโน้นก็ดีลูก บทนี้ก็ดีลูก ว่าไปเรื่อย แล้วก็ไปรายงานท่านเวลาทำได้ผลแล้ว คาถาที่ได้ผลเกิดจาก ๒ สาเหตุ สาเหตุแรก..จิตเรานิ่งพอ สมาธิทรงตัวพอ เกิดผล..แต่ว่าเกิดในระดับหนึ่งเท่านั้น ไม่เต็มที่ คาถาจะเกิดผลอย่างเต็มที่ต้องเข้าใจแตกฉานในตัวคาถานั้นด้วย

ถ้าใครเคยอ่านประวัติหลวงปู่ปาน หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกไว้ว่าท่านโดนผีกดมือไว้ กดมือซ้าย พอเอื้อมมือขวาไปหยิบหวาย ผีก็กดมือขวาไว้ เป่าคาถาใส่ผีก็บอกว่า "กูไม่กลัว มึงท่องได้ครึ่งเดียว" ท้ายสุดหลวงพ่อท่านบอกว่าไม่มีที่พึ่งแล้ว มานึกขึ้นได้ว่า ๓ โลกนี้ไม่มีใครเหนือกว่าพระพุทธเจ้าอีกแล้ว ในเมื่อไม่มีใครเหนือกว่าพระพุทธเจ้าอีกแล้ว ผีก็ไม่มีทางเหนือที่จะกว่าพระพุทธเจ้าได้ เพราะฉะนั้น..เราขอพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง แล้วท่านก็ว่า "พุทโธ" เป่าทีเดียวผีหกคะเมนไปเลย

นั่นคือการที่เข้าถึง เข้าใจในตัวคาถาจริง ๆ ทำให้กำลังสมาธิทั้งหมด เกิดขึ้นจากความเชื่อมั่นและความเคารพอย่างแท้จริง ถ้าใครสามารถทำถึงตรงจุดนี้ได้ คาถาทุกบทนอกจากจะได้ผลแล้ว ยังได้ผลอย่างมหาศาลอีกด้วย"

ที่มา วัดท่าขนุน

 

วิธีที่ผมใช้คือ กลั้นหายใจแล้วว่าคาถาไปเลย
(ท่องคาถาใจใน หรือ ออกปากก็ได้ แต่ในใจจะท่องได้เยอะกว่าเพราะไม่ต้องใช้ลมมาก)

ถ้าเป็นคาถาสั้น ๆ ก็จะว่าสัก 3-9 จบ เช่น คาถามหาสะท้อน
ถ้าเป็นคาถายาว ๆ เช่น คาถาเงินล้านก็ว่าสัก 1 จบ
(บางทีก็ยังว่าไม่ครบต้องหายใจก่อน แต่ก็ว่าไปจนจบบทแม้จะหายใจกลางคัน แต่แค่นั้นก็รู้สึกว่าสมาธิแน่นกว่าเดิมมากแล้ว)

พอทำเสร็จแล้วจะรู้สึกว่าสมาธิเราจะแน่นขึ้นมาพอสมควร
ใครที่อยากจะลองวิธีนี้ดูก็สามารถทำได้ครับ แต่สำหรับมือใหม่ไม่ควรทำบ่อยนัก วันละครั้ง สองครั้งก็พอ เพื่อลองฝึกคาถาและฝึกสมาธิดู เพราะวิธีนี้ช่วยให้จิตเราเป็นสมาธิขึ้นมากจริง ๆ จะได้รู้ว่าเวลาจิตเราเป็นสมาธินั้นเป็นอย่างไร แตกต่างจากตอนปกติอย่างไรบ้าง

สำหรับผมก็นึกอยากจะทำก็ทำทุกครั้งครับ เหนื่อยก็หยุด วันหลังก็ทำใหม่ สนุกดี

 

ตัวจิตจะต้องสามารถทำงานได้
หรือใช้งานได้ร่วมด้วยครับ...

 

ขอบคุณครับ

 

ต้องศึกษาที่มา
ทำความเข้าใจ
ทดสอบวัดผล

 

ที่ดูละครบุพเพสันนิวาส แม่นางการะเกด ท่องคาถาหายตัว ปัจจุบันยังทำกันได้ไหมคะ

 

เคยเห็นแต่แบบที่ทำได้
แบบไม่ได้ท่องคาถา
ปล ไม่ใช่ฆารวาส

 

ดันๆ มีใครมีเทคนิคอื่นๆอีกไหมคะ มาๆแชร์กัน

 

ถ้าเป็นเทคนิคการใช้คาถาให้ได้ผล
ส่วนใหญ่ก็ใช้การกลั้นหายใจนั่นหละครับ
เป็นวิธีสากลทั่วไป รวมทั้งเทคนิคและวิธีการ
อย่างที่ท่านทั้งสองกล่าวมาข้านบนนั่นหละครับ
ย้ำว่า ใช้คาถาให้ได้ผล....ตามที่จั่วหัวข้อกระทู้นั่นหละครับ
แล้วแต่ว่าใครจะชอบหรือไม่ชอบครับ.....

จะต่างกับวิธีเข้าฌานภายใน
ลมหายใจเดียวหลายๆรอบครับ
ซึ่งควรจะมีพื้นฐานการใช้งานทางจิต
ได้ในชีวิตปกติประจำวันก่อนเป็นทุนครับ....
ไม่งั้นพูดยังไงก็ไม่เข้าใจและทำได้ครับ...

เข้าใจว่า คล้ายคลึงกันแต่อาจจะมีบ้าง
ที่ใช้ในแนวทางเดียวกัน แต่ก็คงจะไม่
หลายหลายเหมือนการใช้ถาคาครับ...

 

จริงแล้วหลักการๆใช้เวทย์มนต์คาถาก็เหมือนหลักการทางวิทยาศาสตร์
ต้องทำความเข้าใจเทคนิค การนำมาใช้ การสร้างพลังงานคาถา ที่ยั่งยืน

 

**********ที่ดูละครบุพเพสันนิวาส แม่นางการะเกด ท่องคาถาหายตัว ปัจจุบันยังทำกันได้ไหมคะ*********
ขอตอบว่า
1-แค่ท่องได้ แล้วทำได้แบบใน ละคร ไม่จริงครับ
2-ปัจจุบัน ผมเชื่อว่า ไม่มีใครทำได้
เพราะ ไม่มีข่าวใดๆเลยที่ทำให้เห็นว่าใครทำได้บ้าง และไม่เชื่อว่าคนทำได้จะซุ่มเงียบ ไม่เปิดเผย ตามประสพการณ์ที่ค้นคว้าเจอคนมากมายกว่า40ปี มีแต่คนหลงตัวเองคิดว่าตัวเองทำได้ แต่พอไปวัดผลจริง ไม่มีใครทำได้แม้แต่คนเดียว รวมถึงอาจารย์เกจิ ที่มีข่าวตกม้าตายเยอะแยะมากมาย
คนเก่งจริงไม่เปิดเผย ไม่มีจริง มีแต่คนที่ทำไม่ได้จริงแล้วมาคุยว่าทำได้แต่ไม่ทำซะส่วนใหญ่ แล้วอ้างศาสนาบังหน้า