น่าเป็นห่วง หลักสูตรพุทธศาสนา จากบางอาจารย์ สอนตายแล้วสูญ ( หลักสูตร ม.1- ม.6)

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย WebSnow, 24 มกราคม 2006.

?
  1. ไม่เห็นด้วย (คิดว่าสอนผิด)

    0 vote(s)
    0.0%
  2. เห็นด้วย (คิดว่าสอนถูก)

    0 vote(s)
    0.0%
  1. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,444
    ตกลงท่านตอบคำถามข้อ234ของผมหรือยังหรือท่านไม่มีความสามารถตอบกันแน่
     
  2. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,444
    ท่านว่าพระพุทธเจ้าปฏิเสธเรื่องฤทธิ์แต่ทำไมพระพุทธเจ้าทรงสอนกสิณทั้ง10กองหรือ มโนยิทธิและด้านอภิญญา6ซึ่งคำสอนด้านนี้เป็นด้านฤทธิ์หากพระพุทธเจ้าปฏิเสธอิทธิปากิหาริย์ไม่มีจริง ทำไมถึงทรงแต่งตั้งพระโมคคัลานะให้เป็นอัครสาวกด้านมีฤทธิ์มากครับ แต่อย่าตอบแบบกำปั้นทุบดินนะครับว่ามีฤทธิ์ในการเทศน์มากอยากทราบ รายละเอียดมากกว่านี้ครับ
    วอนท่านเตชะปัญโญช่วยตอบเพื่อความกระจ่างด้วยครับ
     
  3. manson810

    manson810 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    410
    ค่าพลัง:
    +780
    ก็ในเมื่อท่านเตชปัญโญ ไม่เชื่อพระไตรปิฏกแล้ว หากท่านอื่นๆ จะนำข้อความที่ปรากฏอยู่ในพระไตรปิฏกมาอ้าง ท่านเตชปัญโญ ก็็ไม่ยอมรับอยู่ดีนั่นแหละครับ

    คิดๆแล้วผมก็แปลกใจ นักบวชในศาสนาอื่นๆ หรือพระสงฆ์ เค้าบวชนี่เค้าก็ต้องมี
    ศรัทธาในศาสนานั้นๆก่อนมิใช่หรือ เช่น ศรัทธาในศาสดา,พระเจ้า,คำสั่งสอนที่อยู่ในคัมภึร์ของศาสนาตัวเอง แต่กรณีของท่านเตชปัญโญ นี่เห็นยึดกาลามสูตร อย่างเดียว.... งง อ่ะครับ เพราะอะไรท่านเตชปัญโญถึงบวช ผมล่ะอยากทราบจริงๆ เลยครับ

    บางทีการปฏิเสธสิ่งที่ปราฏกอยู่ในศาสนาที่ตนเองนับถืออยู่ ผมมองว่าอาจจะดูเหมือนท่านผู้นั้นไม่ได้อยู่ในศาสนานั้นแล้วนะครับ คือเอาแนวความคิดของตนเองเป็นที่ตั้ง บางทีมองดูแล้วก็ไม่ต่างอะไรกับพวกสร้างลัทธิใหม่ๆเลยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มกราคม 2008
  4. เสรีชน

    เสรีชน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2008
    โพสต์:
    304
    ค่าพลัง:
    +727
    สามัคคีคือพลัง
     
  5. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,172
    ว่าจะเข้ามาตอบท่านเตชปญฺโญ ภิกขุ สักหน่อย แต่พอดีได้อ่านพบเรื่องที่ครูบาอาจารย์ของผมท่านกล่าวเรื่องการสร้างทานบารมีและกล่าวถึงนักบวชบางประเภทเอาไว้ ผมเลยขอนำมาให้อ่านกันเพื่อเป็นความรู้ครับ


    การเลือกบุคคลให้ทาน


    สำหรับบารมีนี้มี ๑๐ อย่าง ท่านขึ้นต้นด้วยทานบารมีก่อน แต่การจะประพฤติทานได้จริงๆ บรรดาเพื่อนภิกษุสามเณรและบรรดาท่านพุทธบริษัทชายหญิง ต้องเป็นคนมีปัญญา ถ้าคนที่ไร้ปัญญาให้ทานไม่ได้ คนที่มีทรัพย์สินสะสมไว้มากแสนมากแต่ไร้การให้ทานย่อมเป็นโทษกับตัวเอง มีทรัพย์กี่หมื่นล้านก็ตาม ถ้าหากเราไม่ให้ทาน เราก็เป็นคนโดดเดี่ยวอันตรายจะมีกับเราเมื่อใดก็ได้ ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะว่าคนทุกคนเขาไม่ชอบหน้าเรา เราเป็นคนตระหนี่แน่นเหนียวประการหนึ่ง


    และประการที่สอง ถ้าเราให้ทานไม่ได้ก็หมายถึงว่าเรามีความโลภ เพราะการให้ทานนี่เป็นปัจจัยตัดความโลภ คำว่าความโลภในที่นี้อย่างหยาบก็คือ อยากได้ทรัพย์สมบัติของบุคคลอื่นมาโดยไม่ชอบธรรม เช่น โกงเขาบ้าง แย่งชิงวิ่งราวบ้างแล้วก็ทำต่างๆ ที่จะพึงทำได้ ลักขโมยเขาบ้าง อย่างนี้เป็นต้น อาการอย่างนี้เป็นอาการแห่งการสร้างศัตรู

    ฉะนั้นสมเด็จพระบรมครูจึงทรงตรัสว่า ถ้าหวังความสุขจริงๆ ก็ต้องมีการให้ทาน

    สำหรับการให้ทานนี่ก็ต้องเลือกเหมือนกัน คือการให้ทานนะมันก็มีอยู่ว่า เหมือนกับเราจะหว่านพืช ตามที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า ผู้รับทานนั้นถือว่าเป็นเนื้อนาบุญ อย่างพระสงฆ์ก็ดี สามเณรก็ดี ถือเป็นเนื้อนาบุญ หรือว่าเนื้อนาบาป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเราเจาะจงพระก่อน พระก็ดี เณรก็ดี ถ้าปฏิบัติดีปฏิบัติชอบตามคำแนะนำขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อันนี้เราก็ต้องดู ต้องใช้ปัญญา ไม่ใช่ว่าปัญญาบารมีไปอยู่ถึงข้อ ๔ แล้วเราไม่ใช้ ต้องใช้ ปัญญาบารมีนี่ถือว่าเป็นธงชัยนำหน้าเหมือนกัน ในมรรค ๘ ท่านขึ้น สัมมาทิฏฐิก่อน สัมมาทิฏฐินี่เป็นตัวปัญญา

    นี่เราก็มาพิจารณากันต่อไปว่าพระสงฆ์ประเภทไหนที่เราควรจะยอมรับนับถือแล้วก็ควรจะถวายทาน
    อันดับแรกที่สุด จะสังเกตุ พระสงฆ์ทั้งหมดจะต้องมีจิตมีกำลังเหนือนิวรณ์ ๕ นั่นก็หมายความว่าถ้าเป็นพระปุถุชนก็ดี เป็นพระที่ทรงฌานสมาบัติก็ดี ก็ยังอยู่ภายใต้อำนาจของนิวรณ์ นิวรณ์ยังครอบงำจิตได้ สำหรับท่านที่ทรงฌานสมาบัติ บางครั้งจิตท่านพลาดจากฌาน ลืมคุมฌาน เวลานั้นก็หมายความว่านิวรณ์เข้าครอบงำจิตแน่

    สำหรับพระที่ไม่ได้ฌานสมาบัติ ที่มีศีลบริสุทธิ์ก็เช่นกัน บางครั้งนิวรณ์ก็ครอบงำจิตได้ แต่ว่าก็ยังเป็นเนื้อนาบุญที่ควรจะให้การสงเคราะห์ ควรจะมอบวัตถุทานให้ ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะยังมีความดีอยู่ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าพระองค์ใดเป็นพระอริยะเจ้า สำหรับพระอริยะเจ้านี่เราสังเกตกันยาก เพราะว่าคนเราติดอุปทานเสียมาก มีนักปราชญ์ชุ่ยๆ ที่บอกว่า พระอรหันต์ต้องไม่หัวเราะ พระอรหันต์ต้องไม่สูบบุหรี่ ไม่กินหมาก ความจริงความเข้าใจอย่างนี้ผิด แม้แต่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้ายังทรงหัวเราะ ที่กล่าวว่าพระพุทธเจ้าไม่ทรงหัวเราะ นานๆ จะมีการแย้มพระโอษฐ์สักทีหนึ่ง การแย้มพระโอษฐ์น้อยๆ น่ะมันเป็นเฉพาะเวลาพิเศษ นั่นก็คือสมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์เห็นความสำคัญเกิดขึ้น อยู่เฉยๆ ไม่ได้พูดกับใคร แล้วก็ไม่ได้หันหน้าไปหาใคร ทรงแย้มพระโอษฐ์เฉยๆ นั่นหมายถึงความสำคัญจะเกิดขึ้น ถ้าพระอานนท์ถามว่า ทรงแย้มพระโอษฐ์เพราะอะไร ก็จะทรงตรัสถึงความสำคัญที่ทรงแย้มพระโอษฐ์


    นี่เป็นอันว่าพระพุทธเจ้าก็ทรงยิ้มแย้มแจ่มใสเหมือนคนธรรมดาๆ คำว่าเหมือนคนธรรมดาก็หมายความว่า ถ้าเราหัวเราะได้ท่านก็หัวเราะ เรายิ้มกันได้ท่านก็ยิ้ม


    ตัวอย่างในสมัยหนึ่ง เมื่อท่านโกมารภัจจ์มาที่เมืองทวาราวดี เวลานั้นเขายังไม่เรียกว่าประเทศไทย มันเป็นเมืองย่อมๆ เป็นจุดๆ ท่านมาทวาราวดี ๒ ปี กลับไปเฝ้าองค์สมเด็จพระชินสีห์ ก็กราบทูลให้ทรงทราบว่าชาวเมืองทวาราวดีนี่พูดเพราะมาก ใช้ภาษาโดด คือภาษาคำเดียว แล้วพูดไพเราะ ไม่ปรี๊ดปร๊าดๆ เหมือนแขก ตัวอย่างเช่นคำว่า "ไป" ไปนี่เราใช้คำว่า "ไป" เฉยๆ แต่ว่าภาษามคธหรือภาษาแขก เรียก "คมนา" บ้าง "คัจฉติ" บ้าง ของเขาหลายคำ อย่างคำว่า "กิน" เราเรียกว่า "กิน" แต่ของเขาเรียกวา "ภุญชติ" อย่างนี้เป็นต้น

    ก็รวมความว่าของเขาใช้คำกลั้ว เราใช้คำโดด เมื่อท่านโกมารภัจจ์กราบทูลให้พระพุทธเจ้าทรงทราบ พระพุทธเจ้าก็ทรงตรัสถามว่า ชาวทวาราวดีเขาพูดอย่างไรลองพูดให้ฟังสักประโยคซิ ท่านโกมารภัจจ์ก็พูดให้ฟัง พระพุทธเจ้าก็ทรงพูดภาษาทวาราวดีคุยกันสนุกสนาน คำว่าสนุกสนานในที่นี้นะ ถ้าพระพุทธเจ้าทรงทำหน้าตูมๆ ล่ะมันไม่สนุกหรอก ท่านก็ต้องมีการยิ้มแย้มแจ่มใส และอีกประการหนึ่ง เวลานั้นจะเห็นว่าคณาจารย์มาก พระพุทธศาสนาเกิดใหม่ ถ้าหากว่าพระพุทธเจ้าทำหน้า.. ขอประทานอภัยนะ เหมือนกับหน้าไม้ตีพริก เพราะว่าไม้ตีพริกนี่หน้ามันไม่เงย มันก้ม มันลงต่ำ ไม่แสดงถึงอาการรื่นเริง อย่างนี้การประกาศพระพุทธศาสนาไม่ได้แน่นอน แพ้เขา พระพุทธศาสนาก็ไม่มาถึงเรา ก็เป็นอันว่าพระพุทธเจ้าก็ทรงยิ้มแย้มแจ่มใส ฉะนั้นขอบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายจำไว้ด้วย เพราะว่านักปราชญ์ท่านมีเยอะแล้ว


    ประการที่ ๒ การจะดูพระ การดูพระอริยะก็ดูยาก ก็ดูอย่างนี้ก็แล้วกัน ถ้าพระที่เราควรจะให้ คือไม่ใช่พระอริยะ เป็นพระผู้ทรงศีลก็ดี อย่างนี้สังเกตดูท่านพูด วาจาที่ท่านพูดก็ดี อาการทางกายที่ท่านทำก็ดี ท่านฝ่าฝืนคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระพุทธเจ้าไหม พระพุทธเจ้าบอกว่าตายแล้วเกิด ถ้าหากท่านผู้นั้นบอกว่าตายแล้วสูญ อย่างนี้แสดงว่าคัดค้าน เป็นศัตรูกับพระพุทธเจ้าแน่นอน ไม่ใช่พระที่พระพุทธเจ้าทรงยอมรับนับถือ พระพุทธเจ้าทรงยืนยันในพระไตรปิฎกนะ มีในวิมานวัตถุ ถ้าจะพูดถึงอย่างอื่นก็หายาก ในวิมานวัตถุพูดกันเฉพาะเรื่องเทวดาเรื่องพรหมโดยเฉพาะ มีเรื่องราวมาก เล่มเบ้อเริ่มเชียว มีเรื่องไม่รู้ว่าเท่าไหร่


    นี่เป็นอันว่าองค์สมเด็จพระจอมไตรทรงยอมรับว่าเทวดามีพรหมมี สัตว์นรก เปรต อสุรกายมี นิพพานมี


    แต่ว่าท่านผู้ใดบอกสัตว์นรกไม่มี เปรต อสุรกายไม่มี นิพพานไม่มี สวรรค์ไม่มี พรหมไม่มี ท่านผู้นั้นก็หมายความว่าไม่ใช่พระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา ถ้าเอาผ้าเหลืองเขามาครอง ก็แสดงว่าปลอมตัวเข้ามาทำลายพระพุทธศาสนา เหมือนกับสมัยเมื่อพระพุทธเจ้าทรงนิพพานไปแล้วไม่นานนัก พวกพราหมณ์เข้ามาแทรกเข้ามาบวชในพุทธศาสนา แล้วเอาลัทธิของตัวเข้ามาแทรกแซงทั้งนี้เพื่อหวังผลประโยชน์ในการทำลายพระพุทธศาสนาให้สิ้นไป


    ฉะนั้นขอบรรดาญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลาย ถ้าจะบำเพ็ญทานบารมี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าสงฆ์สามเณรในพระพุทธศาสนา ก็ต้องดูให้ดี ท่านที่ฝ่าฝืนคัดค้านคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อย่างท่าน กปิลภิกขุ ตัวของท่านเองก็ดี พาแม่และน้องสาวด้วย ลงอเวจีมหานรก ก็เพราะว่าคัดค้านคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตามที่กล่าวมา พระพุทธเจ้าทรงตรัสอย่างนี้ท่านก็พูดอย่างโน้น แต่ว่าลีลาของท่านจริงๆ เหมือนกับเคารพสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า


    ฉะนั้นการที่จะถวายทานแก่พระสงฆ์จัดว่าเป็นจุดสำคัญ คือ เนื้อนาบุญ ก็ต้องดูเนื้อนาที่เราจะเห็นสมควรไหม อย่างพระสงฆ์ผู้ทรงศีลบริสุทธิ์ ท่านผู้นี้ เราทำบุญมีผลไม่มากนัก แต่ก็มีผลสามารถให้เราไปสวรรค์ได้ ถ้าจิตใจเราจับอยู่ในพระสงฆ์เป็นนิตย์ เคารพพระองค์ใดองค์หนึ่งจิตเราจับอยู่ในพระสงฆ์เป็นนิตย์ เคารพพระองค์ใดองค์หนึ่งจับใจ อารมณ์ใจจับถือองค์นั้นอยู่เสมอเป็นปกติ อย่างนี้ถือว่า เป็นฌานในสังฆานนุสสติกรรมฐาน ในเมื่อจิตเป็นฌานในสังฆานุสสติกรรมฐาน ตายแล้วไปเป็นพรหม ถ้าบังเอิญอารมณ์เราเห็นว่าท่านไม่นิยมในสังขาร คือร่างกาย ไม่ติดในร่างกาย ไม่ติดในวัตถุ เราพลอยไม่ติดไปกับท่าน เราพลอยได้ไปนิพพานกับท่านเหมือนกัน


    ถ้าจะถามว่าเฉพาะทรงศีลเฉยๆ จะไปนิพพานได้รึ ถ้าอารมณ์ไม่ติดของท่านนั่นแหละมันจะตัดกิเลสไปทีละน้อยๆ ในที่สุดท่านก็หมดกิเลส ท่านก็ไปนิพพาน


    ถ้าญาติโยมพุทธบริษัทคบพระเช่นนั้น ถวายทานกับพระเช่นนั้น มีอานิสงส์เลิศถึง ก็สามารถถึงที่สุด ก็เลิศ อย่าลืมว่าน้ำฝนตกมาทีละหยดๆ มันก็สามารถจะทำภาชนะให้เต็มได้ การบำเพ็ญกุศลกับพระผู้ทรงศีลบริสุทธิ์ ถึงแม้จะมีอานิสงส์ไม่เลิศก็สามารถทำบารมีของเราให้เต็มได้ คือ ทานบารมี

    การทำบุญ พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้อย่างนี้ คือ

    ให้ทานกับคนที่ไม่มีศีลเลย ๑๐๐ ครั้ง มีผลไม่เท่ากับคนที่เคยมีศีลแต่ศีลขาดไปแล้ว ๑ ครั้ง หมายความว่ายังมีความดีอยู่บ้าง

    ให้ทานแก่คนที่เคยมีศีลแล้วศีลขาด ๑๐๐ ครั้ง มีผลไม่เท่ากับทานที่ทรงศีลบริสุทธิ์ ๑ ครั้ง

    ให้ทานกับท่านที่มีศีลบริสุทธิ์ ๑๐๐ ครั้ง มีผลไม่เท่ากับให้ทานผู้ทรงฌาน หรือท่านปฏิบัติเพื่อโสดาปัตติมรรค ๑ ครั้ง

    ผู้ปฏิบัติเพื่อโสดาปัตติมรรค หมายความว่า ท่านที่ปฏิบัติกรรมฐาน แต่ยังไม่ถึงพระโสดาปัตติมรรค จะเป็นขั้นไหนก็ตามอย่างน้อยที่สุด จิตของท่านตัดนิวรณ์ มีความเคารพในพระรัตนตรัยจริงๆ ทรงศีลบริสุทธิ์ ก็มีอานิสงส์มาก

    ให้ทานกับท่านที่ปฏิบัติเพื่อโสดาปัตติมรรค ๑๐๐ ครั้ง มีผลไม่เท่ากับให้ทานกับพระโสดาปัตติผล ๑ ครั้ง

    ถวายทานกับพระโสดาปัตติผล ๑๐๐ ครั้ง มีผลไม่เท่ากับถวายทานกับพระสกิทาคามีผล ๑ ครั้ง

    ถวายทานกับพระสกิทาคามีมรรค ๑๐๐ ครั้ง มีผลไม่เท่ากับถวายทานกับพระสกิทาคามีผล ๑ ครั้ง

    ถวายทานกับพระสกิทาคามีผล ๑๐๐ ครั้ง มีผลไม่เท่ากับถวายทานกับพระอนาคามีมรรคผล ๑ ครั้ง

    ถวายทานกับพระอนาคามีมรรค ๑๐๐ ครั้ง มีผลไม่เท่ากับถวายทานกับพระอนาคามีผล ๑ ครั้ง

    ถวายทานกับพระอนาคามีผล ๑๐๐ ครั้ง มีผลไม่เท่ากับถวายทานกับพระอรหัตมรรค ๑ ครั้ง

    ถวายทานกับพระอรหัตมรรค ๑๐๐ ครั้ง มีผลไม่เท่ากับถวายทานกับพระอรหัตผล ๑ ครั้ง

    ถวายทานกับพระอรหัตผล ๑๐๐ ครั้ง มีผลไม่เท่ากับถวายทานกับพระปัจเจกพุทธเจ้า ๑ ครั้ง

    ถวายทานกับพระปัจเจกพุทธเจ้า ๑๐๐ ครั้ง มีผลไม่เท่ากับถวายทานกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ๑ ครั้ง

    ถวายทานกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ๑๐๐ ครั้ง มีผลไม่เท่ากับถวายทานกับพระเป็นสังฆทาน ๑ ครั้ง

    ถวายสังฆทาน ๑๐๐ ครั้ง มีผลไม่เท่ากับถวายวิหารทาน ๑ ครั้ง


    ตามลำดับการบำเพ็ญทานเป็นอย่างนี้ ทีนี้ถ้าหากว่าเราจะรู้ได้อย่างไรองค์ไหนเป็นพระอริยเจ้า
    อย่างนี้รู้ยาก เพราะว่าคนเราติดจริยามากกว่าอย่างอื่น เข้าใจว่าพระพุทธเจ้าก็ดี พระอรหันต์ก็ดี ไม่หัวเราะ ต้องทำหน้าที่เป็นหัวตอ หรือว่าทำปากเป็นสาก เฉยๆ หน้าบึ้งหน้าตูมอย่างนี้ก็เลยผิด


    ความจริงถ้าเราไม่รู้อะไรมากไม่แน่ใจ ก็ดูจริยาภายนอกท่านน่ารักไหม... แล้วจริยาภายนอกก็ต้องคิด เพราะเวลานี้คนที่สามารถทำบุพเพนิวาสานุสสติญาณให้เกิดขึ้นได้ก็ดี ได้อตีตังสญาณก็ดี อนาคตังสญาณก็ดี หรือว่าจุตูปปาตญาณก็ดี ญาณต่างๆ เวลานี้ฆราวาสได้กันมาก นับแสน แต่อาจจะเกินกว่านั้นก็ได้ ท่านลงไปเจอะพระในนรกเยอะ บางท่านบอกว่ารู้จักดี สมัยเมื่อมีชีวิตอยู่มีจริยาเรียบร้อยมาก น่าเคารพน่าไหว้น่าบูชา แต่พอไปถามความจริงว่า เพราะอะไรจึงลงอเวจีมหานรกบ้าง เพราะอะไรจึงลงโลกันต์บ้าง ก็บอกว่า พลาดพระวินัย คือ ใช้เงินของสงฆ์ผิดพลาดบ้าง เอาของสงฆ์เข้าบ้านบ้าง และใช้ของสงฆ์เงินที่เขามาถวายใช้ผิดวิธีบ้าง


    ทีนี้ขอบรรดาพุทธบริษัททั้งหลาย ก่อนที่จะให้ทาน ถ้าหวังผลเพื่อเป็นปัจจัยเพื่อนิพพาน ต้องเลือกบุคคลผู้ให้ ถ้าไม่สามารถจะให้ได้ยังไง ก็ต้องให้ใช้วิธีถวายสังฆทานดีที่สุด


    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มกราคม 2008
  6. manson810

    manson810 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    410
    ค่าพลัง:
    +780

    พระอริยะเจ้าของแท้ท่านต้องสอนกันแบบนี้ อนุโมทนาอย่างสูงครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มกราคม 2008
  7. manson810

    manson810 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    410
    ค่าพลัง:
    +780
    หลักศาสนาและคำสอนเดิมๆมีมาอย่างไรก็ปฏิบัติไปอย่างนั้น ช่วยๆกันบำรุงรักษาไว้ โดยเฉพาะนักบวชในศาสนาอันนี้มีผลมาก ยิ่งท่านไปตีความศาสนากันตามใจตัวเองเมื่อใด หลักของศาสนานั้นก็จะยิ่งถูกบิดเบือนไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายหลักคำสอนแบบเดิมๆ หายไปหมด (สาเหตุที่ศาสนาพุทธจะเสื่อมก็เกิดจากท่านนั่นแหละครับ)

    เดี๋ยวนี้เห็นมีเยอะพวกนำเอามหายานและนิกายเซ็น และอื่นๆ เ้ข้ามาผสมกันมั่วไปหมด แ้ล้วก็มาเถียงกันอันนี้ของแท้อันนี้ของปลอม เห็นแล้วน่าอนาถใจ (ประเทศไทยเถรวาทครับท่าน) ท่านจะนับถือนิกายหรือลัทธิใดก็นับถือไป แต่อย่าทำลายฝ่ายอื่นๆเลยครับ

    หากท่านมีใจที่ต้องการปกป้องและทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง โปรดหยุดการตีความหลักคำสอนศาสนาตามใจตัวเอง ทีเถอะครับ จะให้ไหว้ผมก็ยอม
     
  8. เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เตชปญฺโญ ภิกขุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +117
    ตอบข้อข้องใจ โดย เตชปญฺโญ ภิกขุ

    ****อาตมาอยากถามสั้นๆง่ายๆว่า****<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    ***ถ้าพระไตรปิฎกมีได้ถูกเปลี่ยนแปลงให้ผิดเพี้ยนมาแล้วจะเป็นอย่างไร?***<o:p></o:p>
    ***คำถามง่ายๆแต่ทำไม่มีใครตอบ***<o:p></o:p>
    ***แล้วทุกท่านไม่ยอมรับหลักกาลามสูตรอย่างนั้นหรือ?***<o:p></o:p>
    ***คำถามของอาตมามันแทงใจดำหรืออย่างไร? จึงไม่มีใครตอบ?***<o:p></o:p>
    ***อ้างแต่พระไตรปิฎก แต่มันขัดกับหลักเหตุผล และความจริง เราก็ยังเชื่อกันอยู่อีกหรือ?***<o:p></o:p>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มกราคม 2008
  9. manson810

    manson810 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    410
    ค่าพลัง:
    +780
    ถ้าพระไตรปิฎกมีได้ถูกเปลี่ยนแปลงให้ผิดเพี้ยนมาแล้วจะเป็นอย่างไร?
    -------------------------------------------------------------------------------------------
    แล้วทำไมท่านถึงต้องคิดว่า ต้องถูกเปลี่ยนแปลงให้ผิดเพี้ยนด้วยล่ะครับท่าน
    แล้วถ้าเกิดไม่ใช่อย่างที่ท่านคิดล่ะครับท่าน ท่านก็จะกลายเป็นผู้ที่เปลี่ยนแปลงให้พระไตรปิฏกผิดเพี้ยนโดยตัวท่านเองนะท่านเตชปัญโญ ภิกขุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มกราคม 2008
  10. manson810

    manson810 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    410
    ค่าพลัง:
    +780
    ท่านเตชปัญโญ ภิกขุ ท่านรู้จักหนังสือชื่อ
    "SUFFERING AND NO SUFFERING" หรือไม่ ผมว่าเนื้อหาในหนังสือเล่มนี้มีส่วนคล้ายกับแนวทางท่านเตชปัญโญ มากเลยนะครับท่าน

    กระทู้ที่เกี่ยวข้อง http://palungjit.org/showthread.php?t=92717
     
  11. เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เตชปญฺโญ ภิกขุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +117
    ตอบข้อข้องใจ โดย เตชปญฺโญ ภิกขุ

    คิดๆแล้วผมก็แปลกใจ นักบวชในศาสนาอื่นๆ หรือพระสงฆ์ เค้าบวชนี่เค้าก็ต้องมี
    ศรัทธาในศาสนานั้นๆก่อนมิใช่หรือ เช่น ศรัทธาในศาสดา,พระเจ้า,คำสั่งสอนที่อยู่ในคัมภึร์ของศาสนาตัวเอง แต่กรณีของท่านเตชปัญโญ นี่เห็นยึดกาลามสูตร อย่างเดียว.... งง อ่ะครับ เพราะอะไรท่านเตชปัญโญถึงบวช ผมล่ะอยากทราบจริงๆ เลยครับ<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    -----------------------------------------------------------------------------------------<o:p></o:p>
    ***ทำใจให้กว้างหน่อยซิทุกท่าน****<o:p></o:p>
    ***พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้เชื่อมั่นโดยไม่ใช้ปัญญา***<o:p></o:p>
    ***พุทธศาสนาเป็นศาสนาแห่งปัญญา ไม่ใช่แห่งศรัทธา***<o:p></o:p>
    ***ศรัทธาจะนำมาซึ่ง ความงมงาย***<o:p></o:p>
    ***ปัญญาจะนำมาซึ่งความเห็นแจ้ง***<o:p></o:p>
    ***พอคนอื่นเขาไม่งมงายตามก็คิดว่าเขาผิดอย่างนั่นหรือ?***<o:p></o:p>
    ***อาตมาอยากถามอีกครั้งว่าคุณโยม manson810 ไม่ยอมรับหลักกาลามสูตรอย่างนั่นหรือ***<o:p></o:p>
    ***คำถามนี้มันแทงใจดำใช่หรือไม่?***<o:p></o:p>
    ***จึงมีแต่คนเบี่ยงเบนที่จะตอบ***<o:p></o:p>
    ***แล้วก็เลี่ยงไปโจมตีเรื่องอื่น ที่ไม่ได้เกี่ยวกับหลักธรรมเลยสัดนิด***<o:p></o:p>
    ***ที่ถามมาว่า ทำไมอาตมาถึงได้ทำเช่นนี้นั้นก็เพราะอาตมาอยากให้ทุกคนตาสว่าง***<o:p></o:p>
    ***และดับทุกข์ของชีวิตในปัจจุบันได้***<o:p></o:p>
    ***อย่าให้มหาโจรมันปล้นนิพพานของคุณโยมไป***<o:p></o:p>
     
  12. เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เตชปญฺโญ ภิกขุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +117
    ตอบข้อข้องใจ โดย เตชปญฺโญ ภิกขุ

    แล้วทำไมท่านถึงต้องคิดว่า ต้องถูกเปลี่ยนแปลงให้ผิดเพี้ยนด้วยล่ะครับท่าน
    แล้วถ้าเกิดไม่ใช่อย่างที่ท่านคิดล่ะครับท่าน ท่านก็จะกลายเป็นผู้ที่เปลี่ยนแปลงให้พระไตรปิฏกผิดเพี้ยนโดยตัวท่านเองนะท่านเตชปัญโญ ภิกขุ

    --------------------------------------
    ***พระพุทธเจ้าท่านทรงทราบดีว่าหลักธรรมของพระองค์จะถูกเปลี่ยนแปลง***<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    ***จึงได้ทรงวางหลักกาลามสูตรเอาให้เราตรวจสอบ***<o:p></o:p>
    ***คุณโยมเคยศึกษาประวัติศาสตร์ศาสนามาบ้างหรือไม่?***<o:p></o:p>
    ***อย่างที่ศาสนาฮินดูกล่าวว่า**<o:p></o:p>
    ***พระนารายณ์อวตาลลงมาเกิดเป็นพระพุทธเจ้า เพื่อสอนให้คนตกนรกมากๆ เพราะขณะนี้สวรรค์เต็มหมดแล้ว***<o:p></o:p>
    ***นี่คือการกลืนพุทธศาสนาอย่างแยบยล จนพุทธศาสนาหายสาบสูญไปจากอินเดีย***<o:p></o:p>
    ***พุทธศาสนาเคยถูกศาสนาพราหมณ์กลืนกินมาก่อน ลองไปศึกษาประวัติศาสนาดูแล้วจะเข้าใจ***<o:p></o:p>
    ***ขอถามย้ำอีกว่า คุณโยมไม่ยอมรับหลักกาลามสูตรอย่างนั้นหรือ?***<o:p></o:p>
    ***ถ้าอาตมาสอนผิด ป่านนี้คงถูกตำรวจจับไปแล้ว**<o:p></o:p>
    **หรือไม่ก็ถูกกรมการศาสนาเขามาจับสึกไปแล้ว***<o:p></o:p>
    ***แต่ที่แน่ๆตอนนี้ไม่ใครกล้ามาตรวจสอบอาตมาเลยสักนิด***<o:p></o:p>
     
  13. manson810

    manson810 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    410
    ค่าพลัง:
    +780
    อาตมาอยากถามอีกครั้งว่าคุณโยม manson810ไม่ยอมรับหลักกาลามสูตรอย่างนั่นหรือ***<o:p></o:p>
    ***คำถามนี้มันแทงใจดำใช่หรือไม่?***<o:p></o:p>
    ***จึงมีแต่คนเบี่ยงเบนที่จะตอบ**
    -------------------------------------------------------------------------------------
    ผมก็ตอบไปแล้วนะครับท่านเตชปัญโญ ภิกขุ (แต่จำไม่ได้ว่าอยู่ความเห็นที่เท่าไหร่) ท่านลองตามดูย้อนหลังละกันครับ

    ท่านถามผม ผมก็ตอบให้หมดแล้ว แล้วทีผมและท่านอื่นๆ ถามท่านเตชปัญโญ ภิกขุ ผมก็อยากให้ท่านตอบให้ตรงคำถามด้วยนะครับ อย่างคำถามด้านบนท่านเตชปัญโญ ก็ยังไม่ตอบให้กระผมหายสงสัยเลยครับ รบกวนท่านด้วยครับ.

     
  14. mali

    mali เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +2,326
    ท่านคะ หลักกาลามสูตร ชาวพุทธเขาก็เชื่อกันทั้งนั้นแหละค่ะ และไม่ได้แทงใจดำอย่างไรเลย ที่ท่านตีความพระไตรปิฎกเราก็ต้องใช้หลักนี้กับคำสอนหรือความเห็นของท่าน แต่อย่าลืมนะคะว่าความเห็นมันก็มีอันตรายมากเพราะแต่ละคนมีที่มามีความรู้ต่างๆกัน และความเห็นก็จะมี อคติ มานะ ทิฐิ ของเจ้าของความเห็นพร้อมมูลอยู่ในนั้น จะเชื่อได้อย่างไรว่าความเห็นนั้นถูกต้อง
    ทุกวันนี้ก็เลยคิดว่า ทำอะไรก็ใตร่ตรองเอาว่า สิ่งนี้เป็นกุศล เป็นอกุศลและยึดพระพุทธวจนะเป็นหลัก

    และที่ท่านบอกว่า อย่าให้มหาโจรมันปล้นนิพพานของคุณโยมไป
    ท่านหมายถึงใครหรือคะ
     
  15. manson810

    manson810 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    410
    ค่าพลัง:
    +780
    พระนารายณ์อวตาลลงมาเกิดเป็นพระพุทธเจ้า เพื่อสอนให้คนตกนรกมากๆ เพราะขณะนี้สวรรค์เต็มหมดแล้ว***<o>:p></o>:p>
    ***นี่คือการกลืนพุทธศาสนาอย่างแยบยลจนพุทธศาสนาหายสาบสูญไปจากอินเดีย***
    -----------------------------------------------------------------------------------------------------------
    นี่คือเหตุผลที่ศาสนาพุทธสูญหายจากอินเดียหรือครับ ? อย่าว่าอย่างงั้นอย่างงี้เลยนะครับท่าน ประโยคดังกล่าวนี้ผมว่าชาวพุทธที่ศรัทธาในพระพุทธเจ้า ฟังดูก็รู้แล้วครับว่าเป็นประโยคหลอกเด็ก (อันนี้ผมขอพูดตรงๆนะครับคงไม่ว่ากัน)

    พุทธศาสนาเคยถูกศาสนาพราหมณ์กลืนกินมาก่อน ลองไปศึกษาประวัติศาสนาดูแล้วจะเข้าใจ
    ----------------------------------------------------------------------------------
    เรื่องนี้ผมพอทราบมาบ้าง แต่ผมก็ไม่เห็นว่ามีหนังสือเล่มใดยืนยันว่าพระไตรปิฏกจะถูกบิดเบือนนี่ครับ
    เพราะถ้าถูกบิดเบือนจากพราหมณ์จริงก็น่าจะมีกล่าวถึงพวกเทพในศาสนาฮินดปรากฏอยู่ในพระไตรปิฏกด้วยนะครับ
    หรืออย่างน้อยก็น่าจะมีประโยคว่า "
    พระพุทธเจ้าเป็นปางปางหนึ่งของพระนารายณ์" ปรากฏอยู่ในพระไตรปิฏกด้วยนะครับ ถ้าในพระไตรปิฏกมีเช่นนั้นจริง รบกวนท่านเตชปํญโญ นำมาอ้างอิงให้ผมดูด้วยครับ แล้วผมจะไม่เถียงท่านเตชปํญโญ ภิกขุ เลยครับ ด้วยความเคารพครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มกราคม 2008
  16. เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เตชปญฺโญ ภิกขุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +117
    ท่านถามผม ผมก็ตอบให้หมดแล้ว แล้วทีผมและท่านอื่นๆ ถามท่านเตชปัญโญ ภิกขุ ผมก็อยากให้ท่านตอบให้ตรงคำถามด้วยนะครับ อย่างคำถามด้านบนท่านเตชปัญโญ ก็ยังไม่ตอบให้กระผมหายสงสัยเลยครับ รบกวนท่านด้วยครับ.
    ------------------------------------------

    ****คุณโยมไม่เคยศึกษาหลักอจินไตยบ้างหรือ?***<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    ***เรื่องที่ไม่ควรสนใจ ๔ อย่าง***<o:p></o:p>
    ***คือ๑.พุทธวิสัย ๒.ฌานวิสัย ๓.กรรมวิบาก. ๔ โลกจินตา***<o:p></o:p>
    ***คำถามที่เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้อาตมาไม่สนใจตอบ***<o:p></o:p>
    ***ส่วนคำถามที่ว่า ถ้าพระไตรปิฎกถูก***<o:p></o:p>
    ***เราก็ยังต้องตรวจสอบอยู่อีกนั่นเอง***<o:p></o:p>
    ****ทองแท้ย่อมไม่กลัวไฟ****<o:p></o:p>
    ***ไม่มีทางที่จะไม่ตรวจสอบ***<o:p></o:p>
    ***ถ้าพระไตรปิฎกถูกต้อง แล้วทำไมถึงกลัวการตรวจสอบ***<o:p></o:p>
    ***หรือคุณโยมเชื่อว่าพระไตรปิฎกถูกต้องหมด?**<o:p></o:p>
     
  17. เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เตชปญฺโญ ภิกขุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +117
    ตอบข้อข้องใจ โดย เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เรื่องนี้ผมพอทราบมาบ้าง แต่ผมก็ไม่เห็นว่ามีหนังสือเล่มใดยืนยันว่าพระไตรปิฏกจะถูกบิดเบือนนี่ครับ
    เพราะถ้าถูกบิดเบือนจากพราหมณ์จริงก็น่าจะมีกล่าวถึงพวกเทพในศาสนาฮินดปรากฏอยู่ในพระไตรปิฏกด้วยนะครับ
    หรืออย่างน้อยก็น่าจะมีประโยคว่า "พระนารายณ์อวตาลลงมาเกิดเป็นพระพุทธเจ้า เพื่อสอนให้คนตกนรกมากๆ เพราะขณะนี้สวรรค์เต็มหมดแล้ว" อยู่ในพระไตรปิฏกด้วยนะครับ ถ้าในพระไตรปิฏกมีเช่นนั้นจริง รบกวนท่านเตชปํญโญ นำมาอ้างอิงให้ผมดูด้วยครับ แล้วผมจะไม่เถียงท่านเตชปํญโญ ภิกขุ เลยครับ ด้วยความเคารพครับ

    ------------------------------------
    ***เรื่องที่เกี่ยวกับการเวียนว่ายตายเกิดทางร่างกายนั่นแหละที่เป็นเรื่องปลอมปนเข้ามา***<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    ***เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องของ อัตตา คือตัวตนที่เที่ยงแท้ถาวร***<o:p></o:p>
    ***ที่สอนว่าจิตนี้เป็นตัวตนที่สามารถล่องลอยอกไปจากร่างกายที่ตายแล้วไปเกิดใหม่ได้***<o:p></o:p>
    ***ถ้าเราเข้าใจหลักอนัตตาของพระพุทธจ้าแล้ว เราก็จะเข้าใจได้ว่าเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดเช่นนี้นั้นเป็นคำสอนของศาสนาพราหมณ์ ไม่ใช่ของพุทธ***<o:p></o:p>
    ***ส่วนเรื่องที่ว่า "พระนารายณ์อวตาลลงมาเกิดเป็นพระพุทธเจ้า เพื่อสอนให้คนตกนรกมากๆ เพราะขณะนี้สวรรค์เต็มหมดแล้ว" นี้ มีอยู่ในหลักคำสอนของศาสนาพราหมณ์ หรือฮินดู ไม่มีอยู่ในพระไตรปิฎก ***<o:p></o:p>
    ***ถ้าเขาเปลี่ยนแปลงหรือครอบงำพระไตรปิฎก เขาจะบอกเราหรือ?***<o:p></o:p>
    ***ศึกษาเรื่องอนัตตาให้เข้าใจ แล้วทุกอย่างจะกระจ่างแจ้ง***<o:p></o:p>
    ***โดยเฉพาะประโยคที่ว่า
     
  18. เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เตชปญฺโญ ภิกขุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +117
    ตอบข้อข้องใจ โดย เตชปญฺโญ ภิกขุ

    ท่านคะ หลักกาลามสูตร ชาวพุทธเขาก็เชื่อกันทั้งนั้นแหละค่ะ และไม่ได้แทงใจดำอย่างไรเลย ที่ท่านตีความพระไตรปิฎกเราก็ต้องใช้หลักนี้กับคำสอนหรือความเห็นของท่าน แต่อย่าลืมนะคะว่าความเห็นมันก็มีอันตรายมากเพราะแต่ละคนมีที่มามีความรู้ต่างๆกัน และความเห็นก็จะมี อคติ มานะ ทิฐิ ของเจ้าของความเห็นพร้อมมูลอยู่ในนั้น จะเชื่อได้อย่างไรว่าความเห็นนั้นถูกต้อง
    ทุกวันนี้ก็เลยคิดว่า ทำอะไรก็ใตร่ตรองเอาว่า สิ่งนี้เป็นกุศล เป็นอกุศลและยึดพระพุทธวจนะเป็นหลัก

    และที่ท่านบอกว่า อย่าให้มหาโจรมันปล้นนิพพานของคุณโยมไป
    ท่านหมายถึงใครหรือคะ<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>

    <o:p> </o:p>
    ****ที่คุณโยมกล่าวว่า ชาวพุทธเขาเชื่อหลักกาลามสูตรกันทั้งนั้น***<o:p></o:p>
    ***ก็อยากจะถามอีกว่า.... แต่ทำไมถึงไม่นำเอามาปกิบัติ?***<o:p></o:p>
    ***ถ้าเชื่อก็ต้องนำเอามาปฏิบัติ ไม่ใช่เชื่อแล้วไม่ปฏิบัติตาม อย่างนี้ไม่เรียกว่าเชื่อจริง***<o:p></o:p>
    ***ส่วนมหาโจรในที่นี้ก็คือใครก็ได้ที่สอนเรื่องที่ขาดเหตุผล ไม่มีความจริงมารองรับ**<o:p></o:p>
    ***และทำให้หลักในการดับทุกข์ในปัจจุบันของพระพุทธเจ้านั้นถูกบิดเบือนไปจนใช้ดับทุกข์ในปัจจุบันไม่ได้***
    ***เราเชื่อใครไม่ได้ แม้แต่ตัวของเราเอง**
     
  19. manson810

    manson810 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    410
    ค่าพลัง:
    +780
    ***ถ้าพระไตรปิฎกถูกต้อง แล้วทำไมถึงกลัวการตรวจสอบ***
    ---------------------------------------------------------------------------------
    ก็ยังไม่มีผู้ใดห้ามมิให้ท่านเตชปัญโญ ตรวจสอบเลยนะครับ
    พระไตรปิฏกมีไว้ให้ชาวพุทธทุกคนตรวจสอบได้หมดแหละครับท่าน
    อันนี้ก็อยู่ที่ตัวท่านแล้วครับว่าจะตรวจสอบได้ถูกต้องหรือเปล่า

    <o></o>

    ***หรือคุณโยมเชื่อว่าพระไตรปิฎกถูกต้องหมด?**
    ---------------------------------------------------------------------------------
    แล้วท่านเตชปัญโญ ภิกขุ ว่าสิ่งใดไม่ถูกต้องล่ะครับ?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มกราคม 2008
  20. manson810

    manson810 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    410
    ค่าพลัง:
    +780
    ***เรื่องที่เกี่ยวกับการเวียนว่ายตายเกิดทางร่างกายนั่นแหละที่เป็นเรื่องปลอมปนเข้ามา***<o:p></o:p>
    ***เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องของ อัตตา คือตัวตนที่เที่ยงแท้ถาวร***
    ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
    แล้วถ้าพระพุทธเจ้าท่านกล่าวไว้จริงๆล่ะครับ ?
    เรื่องการเวียนว่ายตายเกิด ผมมองว่ามันเป็น "ทุกข์" มากกว่านะครับ ถ้าท่านเตชปัญโญจะมองว่า เป็นเรื่องของ "อัตตา" ก็ถูกครึ่งหนึ่ง แต่เป็น "อัตตาที่เป็นทุกข์" พระพุทธเจ้าท่านเลยหาทางดับทุกข์นั้นๆ นั้นคือ "นิพพาน"


    ศึกษาเรื่องอนัตตาให้เข้าใจ แล้วทุกอย่างจะกระจ่างแจ้ง
    -----------------------------------------------------------------------
    หลักอนัตตาที่ท่านเตชปัญโญ ภิกขุ เข้าใจนั้นเป็นอย่างไร? รบกวนท่านด้วยครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...