หลวงปู่พิศดู วัดเทพธารทอง และพระคณาจารย์สายต่างๆ (ข้อมูลวัตถุมงคล หน้า 1-8)....

กราบหลวงปู่พิศดูและครูบากฤษดาบรมครูที่เคารพ สวัสดีครับสมาชิกทุกท่าน เพิ่งเริ่มเก็บรูปถ่ายครูบาอาจารย์ที่น่ากราบยุดปัจจุบัน แต่ละองค์เป็นเนื้อนาบุญที่น่ากราบมากคับ องค์แรกหลวงปู่บุญจัน วัดหนองมะแซว องค์ที่สอง ครูบากฤษดา องค์ที่สาม หลวงปู่คำบ่อ วัดใหม่บ้านตาล องค์ที่สี่ หลวงปู่ท่อน วัดป่าศรีอภัยวัน.

 

ขอบคุณมากครับท่านปัทมินทร์ พอดีเห็นฝังอยู่ในเนื้อพระเลย เลยสงสัยครับ

***** สบายดีมั้ยครับไม่ค่อยได้คุยกันเลย

 

อีกองค์ครับ หลวงปู่สนั่น ครับ ครูบาอาจารย์ผู้เปี่ยมด้วยเมตตาอีกองค์ครับ

 

ได้ฟังเรื่องราวจากพี่ปัทมินทร์แล้วรู้สึกอิ่มใจและมีประโยชน์จริงๆครับ
หากจะว่าไปแล้วพ่อแม่ครูบาอาจารย์นั้นท่านเมตตากันทุกองค์
แต่บางครั้งท่านก็ทดสอบอารมณ์เราเหมือนกัน...

อย่างเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาผมเองก็ได้มีโอกาสไปกราบหลวงปู่สนั่น
ที่วัดป่าคลองกุ้งมา ตั้งใจไว้นานมากเลยล่ะครับที่จะหาโอกาสไปกราบ
หลวงปู่ท่าน เดินทางไปตั้งแต่เช้าไปถึงที่วัดประมาณเกือบๆ 11 โมง
แต่ไม่พบหลวงปู่ครับ ใจแป้วๆเลย เลยเข้าไปกราบรูปเหมือนท่านพ่อลี,
เดินชมรอบๆวัด รู้สึกเงียบสงบดี ต่างจากที่วัดอโศฯมากเลยทีเดียว
และก็ได้มีโอกาสกราบหลวงพ่อพระมหาเข้มและร่วมทำบุญกับท่านด้วย
สนทนากับท่านสักพักก็เลยลากลับเพื่อเดินทางไปวัดเทพธารทองต่อ
เพื่อไปกราบหลวงปู่พิศดู แม้จะไม่มีโอกาสได้กราบท่านตอนที่ท่าน
ยังทรงธาตุขันธ์ก็ตามที
(หลวงปู่เคยพูดไว้ "จะกราบเรา กราบที่ไหนก็กราบได้")

อย่างน้อยสักครั้งในชีวิต ขอให้ได้มีโอกาสไปชื่นชมวัดของหลวงปู่ท่าน
ไปรับกระแสธรรมของท่านบ้าง ซึ่งการเดินทางในครั้งนี้ถือว่าคุ้มค่าจริงๆครับ
ตามที่ผมได้เล่าไปบ้างแล้ว เพราะทุกๆอย่างเป็นการได้ชื่นชมด้วยตาเนื้อ
ของเราทั้งสิ้น ได้เห็นได้รับรู้จริงๆที่ไม่ใช่ผ่านจากรูป ซึ่งความรู้สึกจะแตกต่างกัน
ทั้งพระบรมสารีริกธาตุ พระอรหันต์ธาตุ อัฐิธาตุของพ่อแม่ครูอาจารย์ และโดย
เฉพาะขององค์หลวงปู่ท่าน จากนั้นก็เดินทางกลับและตอนที่ออกมาจากวัดเทพฯ
ก็คิดเอาเองครับว่าหลวงปู่สนั่นท่านอาจจะให้ผมได้มากราบหลวงปู่พิศท่านก่อน
ก็เป็นได้ ซึ่งผมเองก็ตั้งใจไว้แล้วว่าจะเข้ามาที่วัดป่าคลองกุ้งอีกรอบ เผื่อจะได้
เจอหลวงปู่สนั่น เมื่อมาถึงวัดก็เดินไปที่กุฏิท่าน ก็เห็นจีวรตากผึ่งไว้ที่ราวผ้า
ใจชื้นขึ้นมาทันทีเลยครับ หลวงปู่ท่านต้องอยู่แน่ๆ...ได้กราบหลวงปู่สนั่น
ตามที่ตั้งใจไว้แล้ว กราบท่านเสร็จ หลวงปู่ท่านก็ยกแก้วน้ำขึ้นมาฉัน โดยฉัน
ผ่านหลอด แล้วก็ยื่นให้ผมทันที "เอ้า..กินซะ" "น้ำเฮลบูบอยผสมน้ำผึ้ง"
ตกใจครับ ไม่ทันตั้งตัว แต่ก็น้อมรับและดื่มทันที เหมือนท่านรู้ว่าผมคงจะหิว
เพราะข้าวยังไม่ตกถึงท้องตั้งแต่ก่อนเที่ยงจนถึงบ่าย4 เพราะต้องทำเวลา
เดี๋ยวกลับบ้านไม่ทัน สนทนากับท่านสักพัก ก่อนกลับได้ถวายปัจจัยทำบุญกับท่าน
ท่านก็รับไว้ สักครู่ท่านก็ยื่นซองนั้นคืนมาให้ผม...
"เองเอากลับไปเถอะ เองจำเป็นต้องใช้" แต่ผมก็ยังยืนยันว่าต้องการทำบุญ
กับท่านจริงๆ ท่านจึงรับไว้ และจึงยื่นน้ำที่ผมได้ถวายไปแล้วมาให้แทน
ผมเองไม่รู้ว่าเจตนาของท่านคืออะไร แต่เมื่อคิดพิจารณาดูดีๆแล้ว ท่านมีเหตุผล
ของท่าน (ซึ่งผมรับรู้ได้ด้วยตัวของผมเองในระหว่างที่เดินทางกลับ)
และผมจึงได้กราบลากลับ เพราะหลวงปู่ท่านพึ่งจะกลับมาถึงก่อนหน้าผมสักพัก
ท่านเพลียและเหนื่อยจากการเดินทางครับ อีกหนึ่งเรื่องเล่าจากศิษย์รุ่นหลังครับ

น้อมกราบท่านพ่อลี หลวงปู่พิศดู หลวงปู่สนั่น และครูบากฤษดาครับ

 

โมทนาด้วยนะครับ

 

สบายดีครับพี่แกงส้ม หากโอกาสดีมีเข้ามาเราอาจได้พบปะกันอีกครับ ช่วงนี้ผมก็ขับรถขึ้นๆลงๆกรุงเทพบ่อย หวังว่าพี่คงสบายดีนะครับ

ได้นั่งอ่านข้อความของท่าน Tnature ทำให้ผมนึกถึงเรื่องเก่าๆเรื่องหนึ่ง เรื่องนี้นานเป็นปีๆอยู่ เลยต้องเดินไปที่หิ้งพระ หยิบรูปภาพมานั่งกดชัตเตอร์สักนิดเพื่อเผยแพร่ เรื่องราวมีอยู่ว่าสมัยนั้น (จำปีไม่ได้) ไปกับคณะท่านทุเรียนทอด ไปกราบหลวงปู่สนั่นที่วัดป่าคลองกุ้งกัน จำได้เลือนลางว่าสนทนากันกับหลวงปู่กันได้สักพักใหญ่ หลวงปู่เมตตาและใจดีมากๆ ยื่นน้ำยื่นผลไม้ให้คณะเรากิน หลังจากนั้นคณะเราได้นำสร้อยพระที่ต่างคล้องติดตัวนำมาให้หลวงปู่สนั่นอธิฐานจิต และจำได้อีกว่าหลวงปู่ได้มอบรูปถ่ายให้คณะเรา คนละ 2 ใบ เป็นรูปท่านพ่อลี 1 ใบ และรูปหลวงปู่สนั่นเองอีก 1 ใบ โดยหลวงปู่ได้กล่าวทิ้งท้ายแบบชวนหัวเราะว่า "เอาไปพกติดตัวกันไว้ แคล้วคลาดปลอดภัย ฟันแทงไม่เข้า แต่ถ้าโดนตีหัว..หัวโนแน่นะ"

 

ท่านเมตตามากนะครับ ได้กราบท่านครั้งใดก็ชุ่มใจทุกครั้งครับ

 

โมทนาด้วยนะครับพี่ Tnature มีความอุตสาหะมากเลย..
หลวงปู่สนั่นท่านเป็นพระที่เกรงใจญาติโยมน่ะครับ เพราะท่านไม่ค่อยอยากรบกวนใคร ท่านมักจะเป็นพระผู้ให้เสียมากกว่า ไม่ให้เป็นของก็ให้ธรรมะ หรือสอนหลักการดำเนินชีวิต สัมมาอาชีพ ฯลฯ เพราะท่านเข้าใจว่าญาติโยมแต่ละคนต้องหาทรัพย์มาด้วยความยากลำบากครับ แต่ถ้าเราบอกย้ำท่านว่าตั้งใจทำบุญกับหลวงปู่จริงๆท่านก็รับครับ

หลายครั้งท่านก็เดินทางไปไหนเองโดยอาศัยรถประจำทาง เช่นรถตู้ รถทัวร์ มีอยู่ครั้งหนึ่งท่านตั้งใจจะเดินทางมาหาหลวงปู่พิศดู เนื่องในวันคล้ายวันเกิด ที่โรงพยาบาลวิชัยยุทธ กรุงเทพฯ แต่ว่ามีญาติโยม 2 คนอยากจะไปส่งหลวงปู่สนั่น ซึ่งโยม 2 คนนี้ต่างคนก็ต่างอยากให้หลวงปู่ไปกับตนแต่ยังตกลงกันไม่ได้ เลยบอกให้หลวงปู่เป็นผู้เลือกว่าจะไปกับใคร และได้นัดหลวงปู่สนั่นว่าจะมารับท่านตอน 6 โมงเช้า แต่พอถึงวันนั้นจริงๆ หลวงปู่ท่านกลับชิงนั่งรถตู้โดยสารประจำทางมาเองตั้งแต่ตี 4 มาถึงโรงพยาบาลวิชัยยุทธตั้งแต่ยังไม่ 8 โมงเช้าเลยครับ..

 

ภาพพิธีเททองหล่อพระประธาน และรูปเหมือนอดีตเจ้าอาวาส วัดวังเวียน

วันนี้ไปร่วมเททองหล่อพระประธาน ที่วัดวังเวียน อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี มาครับ..

พระเกจิครูบาอาจารย์ที่ร่วมนั่งปรกอธิษฐานจิตในพิธีมีดังต่อไปนี้ครับ..
หลวงพ่อมนัส สำนักปฏิบัติธรรมฐานฟื้นฟูจิต เขาแหลม
หลวงพ่ออ่อง สำนักสงฆ์ถ้ำเขาวงกต
หลวงพ่อคี๊ วัดปากน้ำพังราด
หลวงพ่อวัดศรีเมือง
ส่วนอีกองค์ผมจำไม่ได้ครับ..ต้องขออภัยจริงๆ แต่ว่าหลวงพ่อท่านนี้ ผมเห็นท่านตามงานพุทธาภิเษกหลายครั้งแล้วครับ.. (องค์นั่งพนมมือ ท่านใดทราบชื่อรบกวนแจ้งให้ทราบด้วยนะครับ..)

ในงานนี้ก็ไม่พลาดที่จะนำพระกริ่งโลกุตรธรรม เพชรกลับ และวัตถุมงคลต่างๆมาเข้าพิธีด้วยครับ.. เนื่องจากเป็นงานสำคัญของทางวัด ซึ่งจะมีการอัญเชิญดวงวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์ของท่านพ่อผุด และอดีตเจ้าอาวาสของวัดวังเวียน และครูบาอาจารย์ทั้งหลายมาประสิทธิ โดยการโยงสายสิญจน์จากพระประธานในอุโบสถ มายังสถูปที่บรรจุอัฐิของท่านพ่อผุด และอดีตเจ้าอาวาสต่างๆ เพื่อการประจุพลังอำนาจความขลังศักดิ์สิทธิ์สู่ปรัมพิธีและวัตถุมงคลอย่างเต็มกำลัง..

ซึ่งที่วัดวังเวียนนี้ อดีตเคยมีเกจิอาจารย์ผู้เรืองเวทวิทยาคมแห่งยุคอยู่ นั่นก็คือ ท่านพ่อผุด วัดวังเวียน พระปรมาจารย์ด้านตะกรุดมหาขลัง และพระปิดตาเนื้อผงยาอันลือลั่น ที่มากด้วยประสบการณ์ จนครองใจชาวเมืองจันท์มาจนทุกวันนี้ ท่านพ่อผุดท่านเป็นต้นแบบในการสร้างพระปิดตาเนื้อผงยา และตะกรุดของพระเกจิยุคต่อๆมาถึงยุคปัจจุบัน อาทิ.. พระครูพิศาลธรรมคุณ(หลวงปู่ก๊วง) วัดบูรพาพิทยาราม หลวงปู่เปี๊ยก วัดวังเวียน หลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส หลวงพ่อกล้วย วัดหมูดุด หลวงปู่เชย เขาเจ้าหลาว หลวงปู่แช่ม วัดบ่อพุ หลวงปู่เมียด วัดโขดหอย... ฯลฯ

 

เรื่องราวเกี่ยวกับองค์หลวงปู่พิศดู ธัมมะจารี วัดเทพธารทอง ยังมีอีกมากมายเลยนะครับ เดี๋ยวว่างๆผมจะทยอยเขียน สลับกับเรื่องราวของพระเกจิครูบาอาจารย์สายเมืองจันท์อีกหลายๆท่าน สนุกมากๆเลยครับ หากได้เข้าไปศึกษา และรับฟัง ฯลฯ

สำหรับผม เมืองจันท์เป็นเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในภาคตะวันออกนะครับ เพราะมีพร้อมทุกอย่าง มีทั้งป่า เขา ทะเล เขื่อน สวนผลไม้ อาหารทะเล อาหารน้ำจืด อาหารบก อาหารป่า ข้าวผลไม้ต่างๆ พื้นที่แถบนี้สามารถทำการเกษตรได้แทบทุกชนิด และเป็นแหล่งสายแร่อัญมณี พลอยหลากหลายชนิด และเป็นศูนย์กลางผลิต และมีตลาดอัญมณีที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย...
รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวก็มีอย่างครบวงจร ทั้งชายหาด ทะเล ภูเขา ป่าไม้ น้ำตก เหมืองพลอย หมู่บ้านชาวประมง แหล่งท่องเที่ยวเชิงระบบนิเวศป่าชายเลน ป่าโกงกาง สวนผลไม้ วัดวาอาราม โบราณสถาน พิพิธภัณฑ์ สถานที่ประวัติศาสตร์ กลุ่มหัตถกรรมต่างๆ การละเล่น ร้านอาหาร สถานที่พัก และของฝากมากมาย ...ฯลฯ ไล่กันอีกยาวครับ โดยเฉพาะที่สำคัญที่สุด คือ เมืองจันท์มีพระเกจิอาจารย์เก่งๆมาทุกยุคสมัย ให้เราได้เลือกกราบทำบุญเยอะจริงๆครับ... หลวงปู่พิศดูท่านเคยบอกว่า คนที่มาเกิด หรือมาอยู่เมืองจันท์เป็นคนมีบุญ เพราะเป็นจังหวัดที่มีครบทุกอย่างในเรื่องที่ดีๆครับ

วันหยุดยาวนี้ ท่านใดสนใจอยากจะมาเที่ยวเมืองจันท์ก็ขอเชิญนะครับ ชาวจันทบุรียินดีต้อนรับทุกท่านด้วยไมตรี ลองศึกษาข้อมูลการท่องเที่ยว ได้ตามเว็บไซด์ และหนังสือแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวทั่วๆไปนะครับ

หากท่านใดอยากจะมากราบนมัสการพระธาตุ อัฐิ รูปเหมือนองค์หลวงปู่พิศดู ธัมมะจารี วัดเทพธารทอง ซึ่งเป็นครูบาอาจารย์ที่ผมนับถือมากที่สุดในชีวิต ต้องการสอบถามข้อมูลเป็นการส่วนตัว หรือสอบถามเส้นทาง ฯลฯ โทรหาผมได้โดยตรงครับ 081 3401029 เอ็กส์ครับ แต่ถ้าจะโทรมาปรึกษาเรื่องขอเช่าวัตถุมงคล เสียใจครับ...5555 ที่ผมไม่มีแบ่งให้บูชาหรอกนะครับ เพราะมีเพียงเล็กน้องเท่านั้น ขอเก็บไว้ทำประโยชน์ต่อไป ในอนาคตเถอะครับ.. อิอิ

 

13 เม.ย. นี้พบกันที่วัดเทพธารทองนะครับ

 

ครับท่านปัทมินทร์ สมาชิกหลายท่านก็เริ่มจะเดินทางมาบ้างแล้ว บางท่านก็จะเดินทางเช้าวันนี้ครับ..

มีข่าวฝากมาแจ้งครับ ท่านใดที่จองพระบูชาหลวงปู่ขนาด 12 นิ้วเอาไว้ ถ้าสะดวกและต้องการความรวดเร็ว ได้โปรดมารับที่จันทบุรีนะครับ จองที่ใครไว้ ติดต่อที่คนนั้นเลยครับ เพราะบูชาเสร็จนานแล้วครับ.. แต่ส่วนท่านใดที่ยังไม่รีบ ก็รอให้ผู้รับจองเดินทางไปส่งให้ที่บ้าน หรือจังหวัดใดก็โปรดติดต่อไปยังผู้ที่รับจองนะครับ หลังสงกรานต์นี้ไม่นาน จะเดินทางไปส่งพระแน่นอนครับ..สาธุ

 

ประวัติพระเกจิอาจารย์เมืองจันท์ มีให้น่าศึกษามากมาย ซึ่งแต่ละองค์ก็ล้วนแต่เป็นพระที่เก่งในศาสตร์แต่ละแขนงแตกต่างกันไป แต่ว่าท่านเหล่านั้นล้วนแต่เป็นที่เคารพศรัทธาของชาวบ้าน และผู้คนทั้งหลายเหมือนกัน ถึงแม้ว่าท่านเหล่านั้นบางองค์จะล่วงลับดับขันธ์ไปนานแล้วก็ตาม
วันนี้ผมขอหยิบยกประวัติของอดีตพระเกจิอาจารย์องค์หนึ่ง ซึ่งท่านมีเกียรติคุณชื่อเสียงไม่น้อย ในฐานะพระเกจิอาจารย์ผู้ทรงวิทยาคมขลัง ผู้ได้รับฉายาว่า พระขุนแผนโบสถ์ลั่น นั่นคือ หลวงพ่อสีนวล วัดเกวียนหักครับ..




พระครูถาวรธรรมธัช (หลวงพ่อสีนวล) วัดเกวียนหัก พระอริยสงฆ์พระผู้ทรงอภิญญาของ อ.ขลุง จ.จันทบุรี
วัตถุมงคลของท่านมีคนนำไปใช้แล้วมีประสบการณ์เลื่องลือมากมาย ท่านพ่อสีนวล บวชเป็นเณรตั้งแต่ยังเล็ก ๆ เจ้าอาวาสองค์ก่อนพระอาจารย์วัน วัดเกวียนหัก เป็นพระผู้สอนพระธรรมและวิชาไสยเวทต่าง ๆ ให้ พระอาจารย์วันท่านเป็นพระที่คงแก่เรียน ท่านเป็นพระดุ เคร่งครัดในพระธรรมวินัยอย่างยิ่ง ท่านสำเร็จวิชากระสุนคต เป็นที่เกรงกลัวแก่ลูกศิษย์วัดกันมาก ท่านพ่อสีนวลได้เล่าเรียนสรรพวิชาจากท่านมากมาย ที่ผมทราบมา ท่านไปเรียนวิชาจากหลวงพ่อโต วัดเขากระโดนด้วย หลวงพ่อโตท่านสร้างพระขุนแผนที่มีศิลปะแบบเดียวกันกับขุนแผนหลวงพ่อสีนวล แต่แยกกันที่ขนาดของพระ ขุนแผนของหลวงพ่อโต จะมีขนาดเล็กกว่า และมียันต์เฑาะ ตัวเดียว ท่านพ่อสีนวลเป็นพระที่มีเมตตา ไม่เลือกชั้นวรรณะ พระเครื่องของท่านพ่อที่เสกเป็นที่โจษขานกันไปทั่ว แม้แต่ หลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส ยังกล่าวว่า " ท่านนวล เก่งไม่เป็นรองใคร "
ท่านเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันยังเล่าให้ฟังอีกว่า ท่านพ่อสีนวล ท่านมีความสนิทสนมกับหลวงพ่อ เริ่ม วัดจุกกะเฌอ เป็นอย่างมาก มีอยู่ครั้งหนึ่ง หลวงพ่อเริ่ม มาที่วัดเกวียนหัก นำพระเครื่องชุดหนึ่งมาให้ท่านพ่อสีนวลปลุกเสก ลูกอมชานหมากของท่านพ่อสีนวลเป็นที่นิยมมากในหมู่ลูกศิษย์ของท่าน ลูกอมท่านพ่อติด 1 ใน 10 ของพระเกจิอาจารย์ดังยุค 2500 ลงมา อาทิ ลูกอมพรายกุมารหลวงปู่ทิม ลูกอมชานหมากท่านพ่อคล้าย วัดสวนขัน ลูกอมหลวงพ่อเขียว วัดหรงบน เป็นต้น
ประวัติย่อของหลวงพ่อสีนวล
ท่านบวชเณรตั้งแต่เล็ก และ อุปสมบทเมื่ออายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ.2463 โดยมีพระครูบุระสถานสังฆะกิจเป็นพระอุปัชฌา มีพระหลวงปู่จ่างเป็นพระกรรมวาจาจารย์ อุปสมบท ณ วัดเกวียนหัก เมื่อสอยนักธรรมชั้นตรีได้ และเมื่อ พ.ศ.2466 ได้ศึกษาวิชาแพทย์แผนโบราณ จากผู้สูงอายุและเป็นแผนโบราณในตำบลเกวียนหัก ชื่อ หมอพร้อม เวชวงษ์ และท่านพ่อสีนวลเริ่มปฏิบัติวิชาแผนโบราณ และเรียนวิชาอาคม จากพระเกจิอาจารย์ต่าง ๆ อย่างจริงจัง และจริงใจ ตลอดมา
เมื่อวันที่ 25 มกราคม พ.ศ.2495 ท่านได้รับมอบตำราวิชาไสยศาสตร์จากพระครูพิทักษ์ สุพคุณ (พระอาจารย์วัน โอภาโส) อดีตเจ้าอาวาสวัดเกวียนหัก ต่อมา วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2495 พระอาจารย์วัน มรณภาพ ท่านพ่อสีนวลได้ดำรงค์ตำแหน่งเจ้าอาวาสแทนสืบมา ต่อมา พ.ศ.2503 ได้รับพระราชทาน สมณะศักดิ์เป็นพระครูถาวรธรรมธัช จนถึงปัจจุบันนี้

ประวัติพระขุนแผน-นางพญา วัดเกวียนหักโดยสังเขป
สร้างประมาณปี พ.ศ.2499
ส่วนผสม และมวลสารต่างๆได้สะสมมาก่อนหน้านี้ประมาณ 20-30 ปี
ส่วนผสม และมวลสาร(โดยสังเขปเท่าที่ทราบ)
1.ผงอิทธิเจ ปัจถมัง หมอสอน สิงหชัย นำมาจากนครปฐม
2.ผงวิเศษของ หลวงพ่อเพชร วัดตะปอนฯ ซึ่งสะสมมาประมาณ 30 ปี นำมา 1 บาตร
3.ผงที่ท่านพ่อยวน จ.นนทบุรี นำมาจากนนทบุรี 1 บาตร
4.ไคลเสมา 7 โบสถ์
5.ดิน 7 ป่าช้า
6.ดิน 7 ท่า (ท่าที่ชื่อเป็นมงคล)
7.ดิน 7 โปร่ง
8.ไคลเสาตลุงช้าง
9.ตะปูตอกโลงศพ เฉพาะตายวันเสาร์เผาวันอังคารนำมาป่น และผ่านการทำพิธีตัดอาถรรพ์แล้ว (ท่านพ่อจิ่นวัดวันยาวบนให้มา)
10.หนาม 108 อย่าง ซึ่งถือเคล็ดในการผ่านพ้นอุปสรรค
11.ว่านทั้ง 108 อย่าง ที่ท่านพ่อสีนวลหามาผสมพระ

การทำพิธีปลุกเสก
1.ปลุกเสกครั้งแรกที่ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองขลุง เป็นศาลที่มีความศักดิ์สิทธิ์มาก
2.งานพุทธาภิเษกที่วัดใหม่เมืองจันท์ (ท่านพ่อสีนวลเป็นเจ้าพิธี ถือเป็นการพุทธาภิเษกครั้งแรกอย่างเป็นทางการในจังหวัดจันทบุรี )
3.ท่านพ่อสีนวลพุทธาภิเษกเดี่ยวภายในวัดในช่วงเข้าพรรษา ทุกคืน
4.ท่านพ่อสีนวลนำพระทั้งหมดไปพุทธาภิเษกทุกงานที่ท่านพ่อไปพุทธาภิเษก ทั้งในพื้นที่และนอกพื้นที่
5.พระพิมพ์ขุนแผน และ พิมพ์นางพญา ปลุกเสก อีกครั้ง 7 วัน 7 คืน โดย 9 พระคณาจารย์ผู้เรืองเวทย์วิทยาคม
6.ปลุกเสกครั้งสุดท้าย ณ วัดเกวียนหัก พ.ศ.2500 โดยนิมนต์พระเกจิอาจารย์ทั้งใน และจังหวัดใกล้เคียง จำนวน 108 รูปที่คงแก่เรียน ทำการปลุกเสกภายในพระอุโบสถวัดเกวียนหัก จนเกิดอภินิหารโบสถ์สั่นสะเทือนหวั่นไหว จนเป็นที่แตกตื่นแก่ผู้คนที่เข้าชมอยู่ในพิธี จนเป็นการเล่าขานจนถึงทุกวันนี้

วัดเกวียนหัก
วัดเกวียนหักเดิมชื่อ วัดช่องลม เป็นวัดราษฎร์ สังกัดมหานิกาย ตั้งอยู่เลขที่ 11 หมู่ที่ 7 ถนนขลุงพลิ้ว ต.เกวียนหัก อ. ขลุง จ.จันทบุรี บนพื้นที่ 10 ไร่ 30 ตารางวา
อาณาเขต
ทิศเหนือ ติดสวนผลไม้ ของนายเสนอ สรรพคุณ และนายเกษม วงษ์วารี
ทิศตะวันตก ติดทางสาธารณประโยชน์ที่เชื่อมระหว่างถนนขลุงพลิ้วกับถนนสุขุมวิท
ทิศใต้ ติดถนนขลุงพลิ้ว
ทิศตะวันออก ติดโรงเรียนวัดเกวียนหัก (เป็นที่ธรณีสงฆ์)
การก่อตั้งวัดเกวียนหัก
วัดเกวียนหักเดิมชื่อวัดช่องลม เป็นวัดเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 400 ปี สิ่งที่บ่งบอกถึงความเก่าแก่ก็คืออุโบสถหลังเก่าที่มีรูปทรงและลวดลายซึ่งสร้างโดยช่างสกุลอยุธยาที่สร้างประมาณ พ.ศ.2130 หลักฐานยืนยันเป็นคำบอกเล่าสืบต่อกันมาว่า ได้สร้างภายหลังวัดตะปอนน้อยเป็นเวลา 5 ปี ซึ่งใบเสมาอุโบสถวัดตะปอนน้อยสลักไว้ พ.ศ. 2125 ประกอบกับมีหลักฐานบันทึกการรายงานประวัติวัดเกวียนหักต่อกรมศาสนาว่า ได้รับอนุญาตให้ตั้งวัดเมื่อ วันที่ 20 เดือน สิงหาคม พ.ศ. 2130 การบูรณะวัดเกวียนหักปรากฏหลักฐานว่า คุณพระจินดา พรหมฤทธิ์ (ตำแหน่งนายอำเภอขณะนั้น) ได้เขียนเป็นลายลักษณ์อักษรไว้บนผนังอุโบสถหลังเก่าว่า “พระจินดา มานะ สละหิรัญ ซื้อสุวรรณปิดพระทั้งสององค์ กับออกทรัพย์ซ่อมแซมอุโบสถ โดยกำหนดพันเศษตามประสงค์ ขอให้สมปรารถนา ปัญญายงค์ สมประสงค์ ปณิธาน นิพพานเอย”

ตำนานเล่าขานความเป็นมาของวัดเกวียนหัก
เป็นที่น่าสังเกตว่าวัดเกวียนหักสร้างก่อนการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2(พ.ศ.2310) และวัดสร้างเมื่อ พ.ศ. 2130 เป็นเวลา 180 ปี จึงเป็นตำนานเล่าขานว่า วัดนี้เคยเป็นที่พักทัพของพระเจ้าตากสินคาดว่าเป็นครั้งที่ยกกองทัพไปโจมตีชมรมชาวพ่อค้าสำเภาที่ทุงใหญ่ (ตราด) จากหลักฐานเอกสารประชุมพงศาวดารภาคที่ 65 พระราชพงศาวดารกรุงธนบุรี ฉบับพันทนุมาศ (เจิม) และจากการบอกเล่าของคนที่มีอายุมากที่สุดในชุมชน คือลุงวิเชียร แววสว่าง อายุ 85 ปี และลุงกูล บำรุงวงษ์ อายุ 80 กว่าปี ท่านทั้งสองเคยบวชสามเณรจนกระทั่งเป็นพระภิกษุจำพรรษา ณ วัดเกวียนหัก ตั้งแต่ท่านพ่อวัน(ท่านพระครูพิทักษ์สุตคุณ)เป็นเจ้าอาวาส จึงสามารถเล่าเรื่องได้ดี ท่านเล่าว่า " ครั้งหนึ่งมีพระสงฆ์มาจากพระนครพร้อมกับบันทึกเล่มหนึ่ง ท่านเดินทางมาตามถ้อยความที่บันทึกไว้ เพื่อตามหาร่องรอยของซากสิ่งของในบันทึก คือเกวียนที่หักตามบันทึกว่าฝังไว้ที่เชิงเขา หงส์ไม้ 1 ตัวลงรักปิดทอง และช้างไม้ 1 เชือก ปรากฎว่าได้พบหงส์ทำด้วยไม้ลงรักปิดทอง แต่อยู่ในสภาพเก่าแก่ชำรุดเพราะมีมอดกิน และพบช้างไม้ 1 เชือก แต่ไม่พบเกวียนที่หักที่ฝังไว้เชิงเขา ในบันทึกกล่าวว่าเกวียนที่หักเป็นเกวียนในกองทัพพระเจ้าตากสิน ที่บรรทุกดินหู (ดินปืน) มาถึงเชิงเขา(ตีนเขา)แล้วเกวียนได้หักจึงฝังเกวียน ณ เชิงเขานั้นในการเดินทัพผ่าน มีร่องรอยการพักทัพของกองทัพพระเจ้าตากสิน คือมีการขุดพบพระยอดธงจำนวนหนึ่งที่มากพอสมควรทำด้วยดิน ต่อมาชำรุดเสียหายเพราะการเก็บรักษาไม่ถูกวิธีและสระน้ำโบราณที่เชื่อกันว่าพระเจ้าตากสินขุดให้กองทัพดื่มและใช้ ซึ่งสระนี้ยังคงอยุ่และใช้ประโยชน์มาตั้งแต่โบราณกาลแล้วมีน้ำตลอดปี อีกทั้งมีร่องรอยของร่องนำน้ำลึกติดต่อกับทะเลที่เรือใหญ่สามารถเข้ามาถึงหน้าวัดเกวียนหักได้ ปัจจุบันกลายเป็นคลองเล็กๆที่มีน้ำทะเลไหลเข้ามาได้และอยู่ใกล้สระแห่งนี้ ในอดีตสระน้ำนี้เคยเป็นแหล่งน้ำที่ชุมชนหนองชิ่มและเขาน่องโกรน และที่อื่นๆอื่นๆ วิ่งเรือมาบรรทุกน้ำที่สระนี้ไปใช้กัน " จากตำนานที่เล่าขานชุมชนนี้จึงมีชื่อว่า " เกวียนหัก " และต่อมาวัดช่องลม ก็เปลี่ยนชื่อเป็นวัดเกวียนหักด้วย

พระพุทธรูปในพระอุโบสถ ที่หลวงพ่อสีนวล ปลุกเสกพระขุนแผน ปี 2500 จนโบสถ์สั่นสะเทือน จนเป็นที่เลื่องลือจนถึงปัจจุบัน









​

 

มีเรื่องแปลกมาเล่าสู่กันฟังครับ
เมื่อเช้าระหว่างที่ผมกับเพื่อนที่บริษัทจับกลุ่มสนทนาเรื่องพระกันอยู่ ลุงพ่อบ้านที่บริษัทซึ่งบังเอิญนั่งอยู่ด้วยก็บอกผมมาว่า โทรศัพท์ลุงอยู่ๆภาพพักหน้าจอก็เปลี่ยนเอง เปลี่ยนเป็นรูปหลวงปู่พิศดู ไม่รู้เปลี่ยนได้ยังไง ว่าแล้วแกก็เดินไปหยิบโทรศัพท์แกมาให้ดู ปรากฏว่าภาพที่โทรศัพท์แกเป็นรูปหลวงปู่พิศดูจริงๆ ผมเลยแกล้งถามแกว่าแกโหลดเองมารึเปล่า แกก็ยืนยันว่าจะโหลดได้ยังไง เล่นเน็ตก็ไม่เป็น โทรอย่างเดียว โทรศัพท์ก็ซื้อมามือ1 ไม่มีภาพหลวงปู่อยู่ก่อนแน่ๆ ซึ่งโดนส่วนตัวผมเห็นลุงแกอยากได้พระหลวงปู่พิศดูมานานแล้วครับ แต่แกบอกพระหลวงปู่หายากและราคาแพงมาก อยู่ๆภาพที่โทรศัพท์แกเปลี่ยนเป็นภาพหลวงปู่ได้เองโดยที่ไม่เคยมีภาพในเครื่องก็ดีใจกับแกด้วยครับ ผมเลยบอกแกไปว่าภาพหลวงปู่ไม่ต้องเสกก็ศักสิทธิ์นะ เรื่องนี้เห็นว่าแปลกดีเลยนำมาเล่าสู่ให้เพื่อนสมาชิกฟังกันครับ

 

สาธุ น่าจะเป็นรูปรุ่นนี้นะครับ หลวงปู่บอกผีกลัวนะรูปนี้

 

ข้าพเจ้าขอนอบน้อมกราบนมัสการบูชาพระคุณของ หลวงปู่พิศดู ธรรมจารีย์ ครับ

<a href="http://s1305.photobucket.com/user/pongba55/media/E250E470E2D0E010E400E010E470E150E230E380E480E1902E040E230E2D0E1A0E040E230E310E270E2B0_zps54f490a8.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1305.photobucket.com/albums/s546/pongba55/E250E470E2D0E010E400E010E470E150E230E380E480E1902E040E230E2D0E1A0E040E230E310E270E2B0_zps54f490a8.jpg" border="0" alt=" photo E250E470E2D0E010E400E010E470E150E230E380E480E1902E040E230E2D0E1A0E040E230E310E270E2B0_zps54f490a8.jpg"/></a>

<a href="http://s1305.photobucket.com/user/pongba55/media/E250E470E2D0E010E400E010E470E150E230E380E480E1902E040E230E2D0E1A0E040E230E310E270E250_zpsc4502fbe.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1305.photobucket.com/albums/s546/pongba55/E250E470E2D0E010E400E010E470E150E230E380E480E1902E040E230E2D0E1A0E040E230E310E270E250_zpsc4502fbe.jpg" border="0" alt=" photo E250E470E2D0E010E400E010E470E150E230E380E480E1902E040E230E2D0E1A0E040E230E310E270E250_zpsc4502fbe.jpg"/></a>

ล็อกเก็ตรุ่น 2 ของ ครอบครัวผมครับ
บูชาติดตัวกันเป็นประจำเลยละครับผม

ซ้ายมือเป็นของคุณแม่ผม ตรงกลางของคุณพ่อ
และ ขวาสุดเป็นของผมเองครับ ประสบการณ์ไม่
ธรรมดาเลยครับผม

 

เยี่ยมครับ หาพระดีให้พ่อแม่ใส่ มีความกตัญญูรู้คุณพ่อแม่ นับว่าเป็นลูกที่ประเสริฐครับ.. โมทนาบุญด้วยนะครับ

 

​

 

กำหนดการงานครบรอบ 3 ปี มรณภาพหลวงปู่พิศดู ธัมมะจารี

วันที่ 12 เมษายน 2557
เวลา 19:00 น. แสดงพระะรรมเทศนา โดยพระธรรมเมธี เจ้าคณะจังหวัดจันทบุรี(ธ.) วัดจันทนาราม
เวลา 20:00 น. ร่วมสวดเจริญพระพุทธมนต์ เย็น

วันที่ 13 เมษายน 2557
เวลา 7:00 น. พระภิกษุสงฆ์ บิณฑบาตร
เวลา 8:00 น. ถวายภัตตาหารพระภิกษุสงฆ์
เวลา 9:00 น. เริ่มพิธีสรงน้ำพระ และสรงน้ำรูปเหมือนองค์หลวงปู่พิศดู

ในงานนี้ ทางวัดเทพธารทองได้อาราธนานิมนต์พ่อแม่ครูอาจารย์ และพระภิกษุสงฆ์มาหลายรูป อาทิ หลวงปู่สนั่น วัดธารเกษม หลวงปู่สวาท วัดป่าโปร่งจันท์ ฯลฯ ขอเชิญท่านผู้มีจิตศรัทธา เชิญร่วมงานพิธีตามวัน เวลา ดังกล่าวครับ.. สาธุ

 

พระสุปฏิปันโณ ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ที่เป็นเนื้อนาบุญของจังหวัดจันทบุรี ในปัจจุบันยังมีอีกหลายรูป ให้เราได้กราบทำบุญนะครับ เท่าที่ผมทราบก็มี..

1. พระธรรมเมธี เจ้าคณะจังหวัดจันทบุรี(ธ.) วัดจันทนาราม อ.เมือง จ.จันทบุรี

2. หลวงปู่ธรรมรัตน์ วัดชากใหญ่ อ.แหลมสิงห์ จ.จันทบุรี (ที่วัดแห่งนี้มีพุทธอุทยาน เป็นปฏิมากรรมปูนปั้นอย่างอลังการมาก ที่แสดงพุทธประวัติบางตอน และเรื่องราวต่างๆ ผู้ที่เข้าชมรับรองไม่ผิดหวังครับ)

3. หลวงพ่อสมเดช สำนักสงฆ์สิริจันโทธรรมานุสรณ์ อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี

4. หลวงปู่ทองหล่อ วัดศรีเมือง อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี

5. หลวงปู่บุญส่ง วัดเขาน้ำตก อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี

6. หลวงปู่อ่อง สำนักสงฆ์ถ้ำเขาวงกต อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี

7. พระอาจารย์สนิท วัดป่าคีรีเขต(วิเศษนิยม) อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี

8. หลวงพ่อมนัส สำนักกรรมฐานฟื้นฟูจิต เขาแหลม อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี

9. หลวงปู่ประเวศ วัดป่าคลองมะลิ อ.มะขาม จ.จันทบุรี

10. หลวงปู่สวาท วัดโปร่งจันท์ อ.เขาคิชฌกูฏ จ.จันทบุรี

11. หลวงปู่นงค์ วัดทุ่งตาอินทร์ อ.เขาคิชฌกูฏ จ.จันทบุรี

ท่านใดผ่านมาทางจังหวัดจันทบุรี ก็แวะมากราบนมัสการ และทำบุญกับครูบาอาจารย์เหล่านี้ได้นะครับ ซึ่งเป็นพระที่ชาวจันทบุรีให้ความเคารพนับถือ และเป็นที่พึ่งทางใจได้อย่างแท้จริงจครับ.. สาธุ