เหรียญบิน หลวงพ่อทรง - แพโบสถ์น้ำ หลวงตา (เล็ก) น. ๑๒๖๕

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย พี เสาวภา, 7 เมษายน 2008.

  1. แสงแข

    แสงแข เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,935
    ค่าพลัง:
    +44,410
    อุ กะ ปะ สะ หะ นะ พุท

    [​IMG][​IMG]


    กราบ แม่พิม ค่ะ

    แม่พิม รุ่น
    รวย เนื้อไม้ตะเคียนทอง สร้างโดย คุณพี เสาวภา
     
  2. ญานธรรม

    ญานธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,936
    ค่าพลัง:
    +14,705
    ร่วมโมทนาบุญ รายการบุญที่ ๑๐๔ โดยคุณพีเสาวภาและพี่น้องบ้านเหรียญบิน-แพโบสถ์น้ำ ครับ
    [​IMG]
     
  3. ลูกพ่อลิงดำ

    ลูกพ่อลิงดำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +13,560
    น่าจะยังไม่ได้เขียนเลยครับ...แหะๆ

    เนื่องจากมีภาระกิจมาก แต่ประวัติของท่าน ...น่าทึ่ง

    และยังเขียนไม่ได้ครับ เพราะข้อมูลของผม อาจจะไปคัดง้างกับขอมูล ของท่านอื่น ซึ่งเขียนมา

    อาจจะไปยังการขัดแย้ง และ สื่อไปด้านค้าขายวัตถุ ของหลวงปู่ ( ที่ท่านแจกฟรี ) ที่จะมาอ้างอิงข้อมูลของผม

    ผมจึงเลิกเขียนไว้ระยะหนึ่ง ครับ จนทุกอย่างดูว่า เขียนต่อได้

    ท่านไม่ได้ดังอะไร เงียบมาสิบๆปี จะเงียบต่อไปไม่น่าจะเป็นปัญหาใด[/QUOTE]


    ชอบหลวงพ่อจงครับ เพราะได้ยินหลวงพ่อวัดท่าซุงยกย่องว่า

    "หลวงพ่อจงเป็นพระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณ"

    ^ ^
     
  4. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,292

    ชอบหลวงพ่อจงครับ เพราะได้ยินหลวงพ่อวัดท่าซุงยกย่องว่า

    "หลวงพ่อจงเป็นพระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณ"

    ^ ^[/QUOTE]

    หลวงปู่ปาน ท่านเรียกหลวงพ่อจง ว่าพระทองคำ และท่านมีฉายาว่า อาจารย์ ซุ่ม คือ ซุ่มๆ ไม่เปิดเผยตัวในยุคนั้น แต่ถ้าบอกอาจารย์ ซุ่ม ทุกคนในยุคนั้นทราบดี

    หลวงพ่อ จง อยู่ในใจของ คนบ้านหน้าไม้ ตลอดกาลครับ
     
  5. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,039
    [​IMG]

    มากราบหลวงตาเล็ก วัดใหม่ หลวงพ่อทรง วัดศาลาดิน หลวงปู่อั๊บ วัดท้องไทร
    ขอโชค ขอลาภ กราบ กราบ กราบ​
     
  6. แสงแข

    แสงแข เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,935
    ค่าพลัง:
    +44,410
    [​IMG]

    กราบ กราบ กราบ หลวงตาเล็ก วัดใหม่ฯ ค่ะ
     
  7. cc5922

    cc5922 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    4,193
    ค่าพลัง:
    +16,973
    กราบ กราบ กราบ หลวงปู่บุญศรี หลวงพ่อทรง ครับ
     
  8. cc5922

    cc5922 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    4,193
    ค่าพลัง:
    +16,973
    ช่วงนี้อากาศหนาวเย็น รักษาสุขภาพกันด้วยนะขอรับ โดยเฉพาะ สว.ทั้งหลาย อิอิอิ
     
  9. JLB

    JLB เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    2,180
    ค่าพลัง:
    +8,080
    กราบพระเดชพระคุณหลวงพ่อทรง
    กราบพระเดชพระคุณหลวงปู่บุญศรี
    กราบพระเดชพระคุณหลวงปู่อั๊บ

    สวัสดีครับพี่พี พี่ช้าง และ เพื่อนสมาชิกทุกท่าน

    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. แสงแข

    แสงแข เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,935
    ค่าพลัง:
    +44,410
    quote=พี เสาวภา;6203901

    ฝรั่งและคนต่างชาติ มีคนทำได้ โดยวิธี ที่เรียกว่า telekinetic คือการใช้พลังจิตให้ของเคลื่อนไหว ยุคหนึ่งมีคน อิสราเอล ดังมาก ชื่อ ยูริ เกลเล่อร์ ตอนนี้เห็นเงียบๆไป ท่านผู้นี้ ถนัดทางงอช้อนส้อมด้วยจิต ขยับของให้เคลื่อนไหว เปิดหน้าหนังสือ ขยับขวด มีการทดลองกันหลายที หลายสถานที่ ว่าเล่นกล หรือ จริง ก็เป็นที่ยอมรับว่าจริง

    นอกจากนี้ท่านผู้นี้ยังอ่าน จิตคน ได้ระดับหนึ่ง ทายไพ่ ทายสี ผ้า ได้แม่นยำ ผมเคยชม รายการในทีวี หลายครั้งในประเทศ อเมริกา

    ยังมีคนเอามาสร้างหนัง น่ากลัว เรื่อง carrie เรื่องนี้ จอห์น ทราโวลต้ายังไม่ดังมากเล่นเป็นตัวโกง นางเอกมีพลังในการเคลื่อนย้ายของ ซึ่งตอนหลังหมดความอดทนที่ถูกเพื่อนๆแกล้ง เลยใช้พลังจิตฆ่าหมู่ซ่ะหลายคน เป็นหนังดังทีเดียวเพราะน่ากลัวมาก

    พวกที่มีพลังแบบนี้ มีทั้งพรสวรรค์ และ พรแสวง คือเกิดมาก็มี หรือ มามีทีหลัง เพราะเกิดอุบัติเหตุ กระเทือนที่สมอง พอหายดี ทำให้เกิด พลังแบบนี้

    นอกจากนั้น ในทางลับ มีข่าวลือว่า ในยุคสงครามเย็น กองทัพรัสเซีย รวมกลุ่มคนพวกนี้ ( พวกมีพลัง telekinetic )ในรัสเซีย และ พัฒนา ในด้านการทหารขึ้นมา ในด้านพลังจิต น่าจะเป็นต้นแบบพวก นวนิยาย x-men พอหมดยุคสงครามเย็น ข่าวลือนี่ก็หายไป แต่ตามที่ทราบมีการพัฒนาจิต ด้านการทหาร เอาไว้ หาข่าวลับ โดยการอ่านจิต ของผู้นำอีกฝ่าย หรือ ไปดลจิตใจผู้นำอีกฝ่ายให้ ตัดสินใจ ไปในทางทีผู้ มีพลังจิต ต้องการ

    พวกคนเหล่านี้ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับศาสนา พุทธ หรือ พราหมณ์ ไม่มีประวัติว่าได้เรียน ทางจิต ด้านกสิน หรือ วิชา ๓ และ ถือศีล แบบ พราหมณ์ และ พระในพระพุทธศานา เป็นคนธรรมดา เที่ยว กิน เหล้าสนุกสนานนี่แหละ แต่อาจจะ มีวินัยในการดำรงค์ชีพมากหน่อย ทำให้ตัวเองมีพลัง ซึ่งบางคนอาจจะไม่ทนทาน เสื่อมไปได้ พอโตขึ้น ( เจอกิเลส ลาภสักการะมากขึ้น เจอเพศตรงข้ามมากขึ้น )

    ส่วนการปลุกเสก ในทางพุทธให้เคลื่อนไหว มาในแนวกสินครับ ด้าน วาโยกสิน ฯลฯ ผู้ที่เก่ง กสิน และมีบารมี ทางด้านนี้ สามารถทำได้ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นนักบวช เช่นพระ เพราะมีศีลดี กิเลสเบาบาง

    ผมไม่ขอวิจารณ์ คลิป เพราะไม่รู้จักท่านผู้ที่ทำ แต่ ถ้าถาม รูป ล็อกเกต นั้นเป็นรูป ล็อกเก็ตหินอ่อน ของหลวงพ่อคูณที่ผมนับถือ และ เป็น ล็อกเก็ต กรอบสแตนเลส ซึ่งสามารถ ดูดแม่เหล็กติดได้ครับ จะตอบแค่นี้ครับ

    และ ถ้าถามว่าเชื่อหรือไม่ ผมเชื่อว่ามีคนทำได้ครับ ในยุคหนึ่ง หลวงพ่อองค์หนึ่ง อยู่วัดลุ่มคงคาราม แถว บางกรวย สามารถ เสกพระจนลอยได้ มีการถ่าย VDO และมีคนไปพิสูจน์หลายท่าน แต่ต่อมาท่านเงียบๆไปไม่ได้ดังอะไรมากขึ้นซึ่งผมแปลกใจเหมือนกัน ขนาดเสกพระจนลอยได้ ผมยังเก็บเหรียญท่านไว้

    อีกท่าน อยู่ทางใต้ ถ้าจำไม่ผิดอยู่สุราษฎ์ วัดควนมะปลิง ( ทำนองนี้ แก่ชักเลือนๆ ) ชื่อท่านถ้าจำไม่ผิด ชื่อ หลวงพ่อ โกสุม สามารถ เอาธูปจี้พระลอยติดปลายธูปขึ้นมาได้ ดังมากในเขตทางใต้

    นอกจากนั้น ผมยังทราบว่า หลวงพ่อ เจียงอยู่แถว สมุทรสาคร ท่านดังมากก็สามารถ เสกพระจนลอยได้ และท่านหนึ่งที่ดังที่สุด คือ หลวงพ่อ มุ่ย วัดดอนไร่ อาจารย์ของอาจารย์ผมอีกที เสกอะไรก็บินไปหมด มีคนไปพิสูจน์หลายคน เสกจนตัวท่านลอยก็มี

    จากที่ผมเคยคุยกับหลวงพ่อทรง ศิษย์ของหลวงพ่อมุ่ย ท่านหนึ่ง พอจะทราบว่า หลวงพ่อ มุ่ยน่าจะสำเร็จ วาโยกสิน แบบเชี่ยวชาญ ตรงที่ๆท่านนั่ง ท่านจะมองเห็น ยอดไม้ไหวๆ ได้ไกลๆ ( ยอดสำโรง ) สามารถ กำหนด วาโย เป็นอารมณ์ได้ และ พวกที่เรียนและ สำเร็จ วาโย จะมีอะไร แปลกๆกว่าท่านอื่น ครับพอปลุกเสกของ จะกำหนดวาโย ของจะบิด บิน หรือ ลอย การเสกแบบนี้ ได้ยินว่า หลวงพ่อยิดก็ชำนาญ เคยมีคนเล่าให้ผมฟังว่า ท่านเสก ปลัดๆ จะพุ่งจากมือ ไปชนผนังดัง ปุ ๆ ๆ ทำได้ทุกตัวครับ

    ซึ่งถ้าจะพิสูจน์ น่าจะลองวิธีนี้โดยใช้ไม้ มากกว่าโลหะ เพราะถ้าเป็นโลหะ พวกเหล็ก อาจจะถูกมองไปในแนวเล่นกลได้ครับ

    นักเลง แถวบ้านผมรุ่นพ่อ จะฝัง แม่เหล็กไว้ที่นิ้วครับ เจ็บหน่อย แต่เอาไว้กลิ้งลูกเต๋าในถ้วยน่ะครับ โดยลูกเต๋าก็ฝังเหล็ก ยุคนี้ผมไม่ทราบว่ามีเหลือหรือไม่ เพราะไม่ชอบแนวนี้ครับ

    ขอจบแต่เพียงเท่านี้ครับ<!-- google_ad_section_end -->


    ผมไปเขียนไว้ขอก็อบมา เพราะเจตนา

    หลวงปู่บุญศรี สำหรับศิษย์ เป็นที่มั่นใจว่า ท่าน ไม่ธรรมดาแน่ แต่ด้วยกิเลสของคน ครั้งหนึ่ง พอเอาของใส่พาน มีผมกับหลวงปู่ สองคน พอหลวงปู่จะเสกของให้ ผมมองที่พาน และด้วยกิเลส ผมนึกในใจ ขอดู พระเคลื่อนไหว สักหน่อย นึกขอในใจน่ะครับ พอนึกได้ไม่นาน พระที่อยู่ในพาน มีสร้อย เป็นหลัก ผมเห็นเหรียญและพระขยับครับ เป็นพระและ เหรียญในคอ ของผมเอง ผมนึกว่าตาฝาด พอมองอีกที ก็หยุดขยับ หลวงปู่เสกเสร็จพอดี หลวงปู่ผมท่านเสกของแป๊บเดียวครับ

    ปกติไม่ถึงนาที นานๆหน่อยก็ สองสามนาที ถ้าชุดใหญ่จะมีดอกไม้ธูปเทียน และวนสายสิญจน์บนกอง ตามวาระที่เห็นสมควรจะโปรดแบบไหน ส่วนผมน่ะ ขโมยแอบวางกับเขาก็มี ถึงหลวงปู่เสกแล้วผมก็วางแจมไปกับเขาเพื่อเสกซ้ำอีก แบบยกลังวางไว้เลยก็ยุคหลังๆ เอาผ้าขาวคลุม และ กราบบอกท่านไว้เลยว่า วันนี้ใครเอาของมาเสก ผมขอร่วมด้วยครับ ท่านก็พยักหน้า ไม่ว่าอย่างไร

    กลับมาที่ พระขยับ พอผมเงยหน้ามองท่าน ท่านจ้องตาอยู่แล้ว และ ยิ้มๆ แบบรู้ทัน ตกลงผมเคยเห็นแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว ยังไม่ทันมัน และ อดอีกครับ ไม่ได้เห็นอะไรทำนองนี้อีก

    การเห็นพระขยับนี้ เห็นกับหลวงพ่อทรงครั้งหนึ่งน่ะครับ และ เหตุการณ์คล้ายๆกัน และ เห็นแค่ครั้งเดียว

    เล่าแค่นี้น่ะครับ พวกเสกพระให้ขยับ เคยได้ยินแต่เขาเล่า มีหลวงปู่ และ หลวงพ่อ ของผมนี่แหละ ของจริงครับ
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->[/quote]



    **************************************​

    พระขยับ โดย คุณพี เสาวภา ขออนุญาตยกมาค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 ธันวาคม 2013
  11. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,292
    ตำแหน่ง สว ที่มี ไม่ได้รับเลือกมา แต่ มันได้เองจ้า
     
  12. cc5922

    cc5922 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    4,193
    ค่าพลัง:
    +16,973
    ผมว่าอนาคตทุกคนต้องได้รับเลือกแน่นอนครับ แหะๆๆ แม้จะไม่ไม่อยากได้เป็น สว.ก็ตาม
     
  13. แสงแข

    แสงแข เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,935
    ค่าพลัง:
    +44,410
    มาแบบแน่นอน ทุกวินาที ค่ะ
     
  14. เตเต้

    เตเต้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2009
    โพสต์:
    231
    ค่าพลัง:
    +961
    บันทึกชีวประวัติพระเดชพระคุณ พระอธิการเกษม(อั๊บ) เขมจาโร

    เจ้าอาวาสวัดท้องไทร ต.แหลมบัว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม

    หลวงพ่อมีนามเดิมว่า เกษม ทิมมัจฉา เกิดเมื่อวันจันทร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ.2465 ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 9 ปีจอ ที่บ้านแหลมบัว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม

    บิดาชื่อ อุ๋ย ทิมมัจฉา มารดาชื่อ ผิว ทิมมัจฉา เป็นบุตรชายคนโตในบรรดาพี่น้อง 12 คน อาชีพเกษรตกร จบการศึกษาชั้นป.2

    ในวัยเด็กได้ไปพักกับพระน้าชายชื่อ พระเล็ก ที่วัดกลางบางแก้ว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ซึ่งขณะนั้นมี พระพุทธวิถีนายก(หลวงปู่บุญ ขันธโชติ) เป็นเจ้าอาวาส

    ซึ่งหลวงปู่บุญเป็นพระที่มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นอันมากแม้แต่สมเด็จพระสังฆราชแพ วัดสุทัศ ยังให้ความเคารพ หลวงปู่อั๊บได้เล่าว่า ตอนท่านเป็นเด็กยังได้เคยรับใช้ บีบนวดหลวงปู่บุญบ่อยๆครั้ง เพื่อนเด็กวัดรุ่นเดียวกันนั้นมีอยู่คนหนึ่งต่อมาภายหลังได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุสงฆ์และได้ทำคุณประโยชน์ให้กับการศึกษาทั้งทางโลกและศาสนาอย่างมากมาย คือพระเดชพระคุณพระอุบาลีคุณปรมาจารย์ (ท่านเจ้าคุณ ปัญญา) เจ้าอาวาส วัดไร่ขิง นั่นเอง ส่วนพระเล็กพระน้าชายได้บวชที่ วัดใหม่สุคนธาราม อ.นครชัยศรีจ.นครปฐมและได้ย้ายไปจำพรรษาหลายวัด อย่างเช่น วัดห้วยตะโก วัดปลักแรด วัดหนองบัว วัดกลางบางแก้ว เป็นต้น ได้บวชเป็นพระนานอยู่ถึง 18 พรรษาจึงลาสิกขาออกมาใช้ชีวิตเป็นฆาราวาสและมีครอบครัวอย่างชาวโลกทั่วไป นับได้ว่าเป็นผู้มีวิชา อาคมขลังคนหนึ่ง ในปีที่หลวงปู่บุญ ได้มรณภาพลงนั้นตรงกับปี พ.ศ. 2478 หลวงปู่อั๊บ มีอายุได้ 13 ปี เมื่อหลวงปู่บุญได้มรณภาพลงแล้ว หลวงพ่อเกษม (อั๊บ) ได้กลับไปอยู่กับบิดา-มารดาที่บ้านท้องไทร ช่วยกิจการงานบ้าน ทำนา อย่างขยัยขันแข็ง จนอายุครบที่จะทำการบรรพชา

    อายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ จึงได้ทำการ อุปสมบท ณ.พัทธสีมา วัดทุ่งน้อย ต.แหลมบัว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม

    โดยในสมุดใบสุทธิของหลวงปู่อั๊บ ได้บันทึกไว้ดังนี้..........
    พระอุปัชฌาย์ พระอธิการมา วัดทุ่งน้อย พระกรรมวาจารย์ พระอธิการฮะวัดโคกเขมา (อ่านโคกขะเหมา) พระอนุสานาจารย์ พระอธิการพลัด วัดท้องไทร
    อุปสมบท เมื่อ อายุ 20 ปี เมื่อวันที่ 28 เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2485 เวลา 15.18 น. ณ.วัดทุ่งน้อย ต.แหลมบัว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม หลังจากอุปสมบทแล้วได้กลับมาอยู่ที่วัดท้องไทร อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม

    เมื่อบวชได้ 3พรรษา ได้เดินเท้าไปวัดหนองบัว จ.กาญจนบุรี เพื่อไปหาพระเล็กพระน้าชายซึ่งขณะนั้นได้ไปพักจำพรรษาอยู่ที่นั่น วัดหนองบัว ขณะนั้นมี หลวงปู่เหรียญ ซึ่งเป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังเป็นเจ้าอาวาสอยู่ หลวงปู่เหรียญท่านนี้ เป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่ยิ้มอดีตเจ้าอาวาสองค์ก่อนซึ่งมีวิชาอาคมเก่งกล้าเป็นยิ่งนัก แม้แต่หลวง ปู่ศุขวัดมะขามเฒ่า ซึ่งเป็นเกจิอาจารย์ร่วมสมัยกันยังเกรงใจ ในวิชาของหลวงปู่ยิ้ม และยังเคยเดินทางมาพัก ที่วัดหนองบัว

    ส่วนพระสหธรรมิกอีกรูปหนึ่งที่สำคัญของหลวงปู่ยิ้ม คือ หลวงปู่บุญ วัดกลางบาง แก้ว ในหนังสือประวัติ วัดหนองบัวบันทึกไว้ว่า ในวันที่เผาศพหลวงปู่ยิ้มนั้นไม่สามารถ เผาร่างสังขารของท่านได้ จนต้องนิมนต์หลวงปู่ขึ้นไปทำพิธี จึงสามารถเผาศพของท่านติดไฟได้ นับว่าอัศจรรย์เป็นยิ่งนัก หลวงปู่อั๊บท่านเล่าว่า อยากจะขอเรียนวิชากับหลวง ปู่เหรียญแต่พระน้าชายไม่ยอมให้เรียน แต่ในขณะที่พักอยู่ที่วัดหนองบัวประมาณ 2 เดือน ได้มีชาวบ้านในแถวนั้นได้นำพระเนื้อดินเผาและพระเนื้อผงมาถวายท่าน ( เป็นพระที่สมัยหลวงปู่ยิ้ม แห่งวัดหบองบัวได้ทำการจัดสร้างไว้แล้วนำไปบรรจุไว้ตามในถ้ำในเขตวัดหนองบัว) อาทิเช่น พระพิมพ์ยืนประทานพร พิมพ์ขุนแผนซุ้มเรือนแก้ว พิมพ์ปางมารวิชัย พิมพ์ 3 ชั้นหูบายศรี พิมพ์สมเด็จ 3 ชั้นพิมพ์สมเด็จ 7 ชั้นและพิมพ์สมเด็จปรกโพธิ์ เป็นต้น

    เมื่อหลวงปู่อั๊บท่านได้กลับมายังวัดท้องไทร ท่านได้นำพระเหล่านั้นกลับติดตัวมาด้วย บางส่วนท่านได้ทำการแจกให้แก่ลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดไปพอประมาณ เมื่อมีผู้ที่นำไปบูชาแล้วได้เกิดอภินิหารมากมายแล้วกลับมาเล่าให้ท่านฟังท่านจึงได้นำชึ้นไปเก็บที่ห้องบนกุฎิท่านและไม่ได้นำออกมาอีกเลย หลังจากที่หลวงปู่ได้กลับมาอยู่ที่วัดท้องไทรแล้วนั้นท่านได้ไปฝากตัวขอเป็นศิษย์ กับ หลวงพ่อน้อย วัดธรรมศาลา เพื่อขอเล่าเรียนวิชาอาคมต่างๆจากหลวงพ่อน้อย หลวงพ่อน้อยท่านนึ้มีความเก่งกล้าในวิชาอาคมเป็นอย่างยื่งนัก ยิ่งวาจาของท่านแล้วเป็นปกาศิตยิ่งนัก หรือ วาจาศักสิทธิ์นั่นเอง พูดสิ่งใดแล้วมักเป็นสิ่งนั้น แม้แต่หลวงพ่อเงิน แห่งวัดดอนยายหอมยังให้ความนับถือ ซึ่งหลวงพ่อน้อยท่านก็เมตตาถ่ายทอดวิชาอาคมต่างๆให้อย่างไม่ปิดปัง พร้อมทั้งยังมอบ ตำรายันต์พระเวทย์ให้กับหลวงปู่อั๊บมา 1 เล่ม (ของพ่อน้อย วัดธรรมศาลา 1 เล่ม หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก 1 เล่ม)

    เป็นตำรายันต์ลายมือหลวงพ่อน้อย มีบางส่วนที่เป็นลายมือของพระตุ๋ยซึ่งเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อน้อยซึ่ง หลวงพ่อน้อยเรียกมาใช้บ่อยๆเพราะเขียนอักขระเลขยันต์ได้สวยงามดี (ต่อมาได้ลาสิกขาเป็นฆาราวาส)

    นับได้ว่าหลวงพ่อน้อยท่าน เป็นครูอาจารย์ที่สำคัญยิ่งองค์หนึ่งของหลวงปู่อั๊บเลยที่เดียวและในช่วงเวลาที่หลวงปู่อั๊บว่างท่านได้เดินทางไปกราบ หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้องและได้ขอเรียนวิชาจากหลวงพ่อแช่มมาด้วยอย่างเช่น การนำกระเบื้องแตกมาลงอักขระแล้ว นำไปไว้ในใจกลางที่ดินเพื่อที่จะขายเป็นต้น

    ส่วนอีกองค์หนึ่งคือหลวงพ่อจันทร์ วัดบ้านยางซึ่งเป็นสหธรรมมิกกันกับหลวงพ่อแช่ม วัดตาก้องหลวงปู่อั๊บท่านได้กราบขอเป็นศิษย์เช่นกัน แต่หลวงพ่อจันทร์ท่านสั่งให้ไปหาที่วัดและให้นำหัวหมูไปด้วย 1 หัวแล้วท่านจะถ่ายทอดวิชาให้หมด

    แต่เมื่อหลวงปู่อั๊บได้กลับมาวัดท้องไทรแล้วได้ล้มป่วยลงด้วยไข้มาลาเรียหรือสมัยนั้นเรียกว่าไข้ป่า ท่านเล่าว่าป่วยคราวนั้นเกือบตายเป็นๆหายๆอยู่ประมาณ 3 เดือน เมื่อหายจากไข้จึงทำการเดินทางไปหาหลวงพ่อจันทร์อีกครั้ง แต่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่งว่าหลวงพ่อจันทร์ท่านได้มรณภาพลงเสียแล้ว จึงไม่ได้รับการถ่ายทอดวิชาจากหลวงพ่อจันทร์เอาไว้เลย

    เมื่อท่านบวชได้ 8 พรรษาหลวงปู่อั๊บได้เดินทางไปยังจ.สุพรรณบุรี เพื่อไปฝากตัวเป็นศิษย์ของ หลวงพ่อโบ้ย วัดมะนาว หลวงพ่อโบ้ยท่านมีความเชี่ยวชาญในสายวิปัสสนากรรมฐานเป็นยิ่งนัก มีความศักดิ์สิทธิ์ใน วิชาอาคมขลังเป็นเลิศ หลวงพ่ออั๊บได้ขอขึ้นกรรมฐานธุดงค์กับหลวงพ่อโบ้ย ซึ่งหลวงพ่อโบ้ย ท่านก็ได้สอนหลักการเดินธุดงค์การอยู่ในป่าให้อย่างละเอียด จึงนับได้ว่า หลวงพ่อโบ้ย คือ ครูกรรมฐานที่แท้จริงของหลวงปู่อั๊บ
    หลังจากหลวงปู่อั๊บได้กลับมาจากวัดมะนาวแล้วท่านได้ไปจำพรรษาที่ วัดโคกเขมา ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากวัดท้องไทรมากนัก 1 พรรษา(พรรษา 10) ในปีพ.ศ.2495(พรรษา 11)ได้มีญาติโยมได้นิมนต์ท่านไปอยู่ที่ วัดใหม่ต้านทาน อ.บางซ้าย จ.อยุธยา เมื่อท่านได้มาอยู่ จ.อยุธยาแล้วท่านได้มีโอกาสไปฝากตัวเป็นศิษย์กับหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอกอ.บางไทร จ.อยุธยา ซึ่งหลวงพ่อจงท่านนี้นั้นนับได้ว่าเป็นเกจิที่มีชื่อเสียงโด่งดังในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นอย่างมาก จนมีผู้คนทั่วไปกล่าวขานคำคล้องจองกล่าวกันว่า
    จาด-จง-คง-อี๋

    จาด คือ หลวงพ่อจาด แห่งวัด บางกระเบา จ.ปราจีนบุรี

    จง คือ หลวงพ่อจง แห่งวัด หน้าต่างนอก จ.อยุธยา

    คง คือ หลวงพ่อคง แห่งวัด บางกระพร้อม จ.สมุทรสงคราม

    อี๋ คือ หลวงพ่ออี๋ แห่งวัด สัตหีบ จ.ชลบุรี

    หลวงปู่อั๊บท่านได้เรียนวิชาอาคมจากหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก จ.อยุธยา ไว้มากพอสมควรและหลวงพ่อจง ท่านได้สอนวิปัสนากรรมฐานให้และวิชาอื่นๆอีกหลายๆอย่างด้วยกัน อย่างเช่น วิชาตะกรุดลอยน้ำ ซึ่งเป็นวิชาชั้นสูงและอักขระเลขยันต์ต่างๆ
    ตั้งแต่ปี พ.ศ.2495- พ.ศ.2505 นั้นท่านได้จำพรรษาณ.วัดใหม่ต้านทาน อ.บางซ้าย จ.อยุธยา เป็นเวลา 11 พรรษา หลังออกพรรษาเมื่อรับกฐินแล้ว ท่านได้ออกธุดงค์เพื่อหาความวิเวกทุกๆปี ในช่วงเวลา 11 พรรษานี้ท่านได้เรียนวิชาอาคมต่างๆเพิ่มเติมและฝึกจิตจนมีความก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็วจากการที่ท่านได้ธุดงค์อยู่ในป่า ถ้ำ เขา ทำให้ท่านมีพลังจิตแกร่งกล้าเป็นยิ่งนัก ท่านเล่าว่าได้เดินธุดงค์ไปทั่วประเทศมาหมดแล้ว ในช่วงที่ท่านได้เดินธุดงค์อยู่นั้นได้พบพระธุดงค์ด้วยกันถ้าพระรูปใดได้แสดงวิชาอะไรให้ได้ดูให้เห็นเป็นที่ประจักษ์จริงแก่สายตาแล้ว ท่านขอเรียนไว้หมดโดยท่านบอกว่าไม่สามารถที่จะจำชื่อได้หมด ในช่วงที่ยู่อยุธยานี้ได้ไปขอเรียนวิชาอย่างหนึ่งที่พิศดารยิ่งคือวิชาการทำตะกรุดกัน อสรพิษ จาก หมอถ่าย หมอถ่ายนี้เป็นฆาราวาสที่พักอาศัยอยู่ใกล้ๆกับวัดไผ่โรงวัว จ.สุพรรณบุรี หมอถ่ายนี้สามารถเอางูเห่าใส่ย่ามสะพายไปไหนมาไหนได้โดยงูไม่กัดและสามารถนำงูออกมาอาบน้ำในกาละมังได้โดยงูไม่กัด หลวงปู่อั๊บไปขอเรียนอยู่ถึง 7 ปีหมอถ่ายจึงยอมสอนให้แต่ก็ได้ไม่หมดเพราะหลวงปู่อั๊บไม่มีฝิ่นไปบูชาครู
    นับว่าเป็นวิชาที่พิสดารคือถ้าผู้ใดได้คาดตะกรุดกันงูนี้อยู่กับตัว ถ้าไปเหยียบงูพิษเข้า งูไม่สามารถที่จะอ้าปากกัดได้และวิธีการทำก็ยุ่งยากมาก เคยเห็นท่านนั่งผูกตะกรุดกันงูต้องปิดปากเอาลิ้ดันเพดานปากไว้แล้วทำการภาวนาขณะถักตะกรุด ด้านหนึ่งมี 9 เปลาะแล้วเอาตะกรุดร้อยเข้าแล้วจึงถักอีกด้านหนึ่ง 7 เปลาะขณะทำการถักห้ามพูดคุยเด็ดขาด ถ้าเกิดไอหรือจามหรือเผลอพูดออกมาเป็นอันว่าตะกรุดดอกนั้นเสียทันทีต้องแก้ใหม่หมด ท่านบอกว่าเวลาถักตะกรุดกันงูทีไร ฉันอาหารไม่ค่อยได้ไปหลายวัน

    ในปีพ.ศ.2506-2507 ญาติโยมได้นิมนต์ท่านไปจำพรรษาที่วัดวังชะโด อ.บางซ้าย จ.อยุธยาเป็นเวลา 2 ปีรวมแล้วหลวงปู่อั๊บ มาจำพรรษาอยู่ที่จ.อยุธยาทั้งหมดเป็นเวลาถึง 13 ปี

    ในปีพ.ศ.2508 หลวงปู่อั๊บ มีอายุ 43 ปีญาติโยมทางท้องไทรได้มานิมนต์ให้หลวงปู่กลับมาอยู่ที่วัดท้องไทร อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม เพื่อไปโปรดญาติโยมที่บ้านเกิดบ้างท่านจึงได้กลับมาอยู่ที่วัดท้องไทรตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ปีที่ท่านได้กลับมาอยู่วัดท้องไทร นั้นอายุได้ 43 ปีย่าง 44 ปี (ได้24พรรษา)

    ในปีพ.ศ.2509 หลวงปู่อั๊บได้ดำริจะสร้างศาลาการเปรียญขึ้นมาสักหลัง ลูกศิษย์จึงขออนุญาติทำการจัดสร้างเหรียญ ซึ่งเป็นรุ่นแรกของหลวงปู่อั๊บ ขึ้นมาเป็นเหรียญรูปไข่ครึ่งองค์เนื้อทองแดงจำนวนที่จัดสร้าง 10,000 เหรียญ เพื่อมอบสมนาคุณให้แก่ญาติโยมที่บริจาคทรัพย์สร้างศาลาการเปรียญพร้อมกันนี้ท่านได้ทำการสร้างตะกรุดกันงูขึ้นมาด้วยเพื่อแจกพร้อมกับเหรียญรูปไข่ด้วย

    ญาติโยมที่ได้รับไปบูชานั้นได้พบเจอกับอภินิหารมากมายนับไม่ถ้วนเป็นการสร้างชื่อเสียงขจรขจายให้ผู้คนทั้งหลายได้รู้จักกับ หลวงพ่อปู่อั๊บ แห่งวัดท้องไทร จนโด่งดังไปทั่วมากยิ่งขึ้นและหลวงปู่อั๊บก็ยังได้เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้านท้องไทรตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา

    เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2513 หลวงปู่อั๊บได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสแห่งวัดท้องไทรและยังได้รับการแต่งตั้งเป็น พระกรรมวาจาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

    ท่านได้นำวิชาต่างๆที่ได้ร่ำเรียนมาสงเคราะห์ผู้คนทั่วไปดังนี้....

    1. วิชาการแพทย์แผนโบราณรักษาด้วยสมุนไพร

    2. วิชาการรักษาโรคเกี่ยวกับกระดูก-เส้นเอ็น

    3. วิชาการแช่น้ำมนต์

    4. วิชาการถอนคุณไสย(ถอนของ)

    5. วิชาการสักเศกอักขระเลขยันต์

    วิชาการแช่น้ำมนต์ถอนของนี้หลวงปู่อั๊บท่านได้ไปขอเรียนกับ ก๋งสุข ซึ่งเป็นคนจีนบ้านอยู่ที่ จ.อยุธยา ก๋งสุขนี้เมื่อสมัยตอนรุ่นๆได้ต้มน้ำร้อนถวาย หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเท่า เป็นลูกศิษย์ที่รับใช้หลวงปู่ศุขอยู่ถึง 10 ปีหลวงปู่ศุขจึงถ่ายทอดให้มาและได้สั่งเอาไว้ด้วยว่า ถ้ามอบให้ใครแล้วมึงก็ต้องตายเสีย หลวงปู่อั๊บเพียรไปเรียนอยู่ประมาณ 6 ปี ก๋งสุขจึงยอมมอบวิชาให้หลังจากถ่ายทอดวิชาการทำน้ำมนต์ถอนของให้กับหลวงปู่อั๊บ แล้วประมาณ 1 เดือน ก๋งสุขก็เสียชีวิตในวัย 90 ปีเศษ

    วิธีการรักษา ของหลวงปู่อั๊บ แห่ง วัดท้องไทรนั้น

    ผู้ใดสงสัยจะถูก คุณไสย ลมเพลมพัด ท่านจะให้นำน้ำกรองสะอาดใส่ในกาละมังพอมิดหลังเท้าแล้วเอาน้ำมนต์ที่ท่านทำไว้ใส่ลงไปด้วย ล้างเท้าให้สะอาดแล้วจึงเอาเท้าแช่ลงไปในกาละมังนั้นเอาน้ำมนต์ดื่มเข้าไปด้วย ถ้าคนป่วยนั้นถูกคุณไสย ถูกของมาจริงก็จะถูกขับออกมาในกาละมังนั้นโดยแช่วันละ 3 ชั่วโมงติดต่อกัน 3 วันจนครบ 9 ชั่งโมงแล้ว หลวงปู่อั๊บจะรดน้ำมนต์ให้อีกครั้งหนึ่ง

    บางคนเป็นหนักจนไม่ได้สติจนต้องหามกันมาก็มีก็มาหายด้วยน้ำมนต์ของหลวงปู่อั๊บ มากมายนับไม่ถ้วน บางคนอยากจะแช่ทั้งตัวก็มีอ่างปูนซีเมนต์ขนาด 4 เหลี่ยมใส่น้ำลงไปแล้วเอาน้ำมนต์ใส่ลงไปจึงลงไปนั่งแช่ทั้งตัว ค่ารักษาก็มีเพียง ธูป เทียน ดอกไม้และบุหรี่ 1 ซองกับเงินค่าครูแค่ 12 บาทเท่านั้น บางคนเป็นอัมพฤต อัมพาต มาแช่แล้วเอายาไปกินหายเดินได้มาก็มาก ท่านได้สงเคราะห์ผู้คนที่เป็นเช่นนี้มา หลายสิบปี ถ้าจะนับจำนวนผู้ป่วยที่ท่านทำการสงเคราะห์ก็ไม่อาจที่จะสรุปได้ว่ากี่หมื่นกี่พันราย

    ครูอาจารย์ที่หลวงปู่อั๊บได้ไปขอเล่าเรียนวิชามามีดังนี้.........

    1.พระเล็ก เป็นพระพี่ชายศึกษาเล่าเรียนวิชาการทำตะกรุดโพธิ์กลับพระเล็กได้ไปเล่าเรียนวิชานี้มาจากหลวงพ่อคำ วัดดอนทราย อ.โพธาราม จ.ราชบุรี วิชานี้เป็นวิชาสำคัญอย่างหนึ่งซึ่งหลวงพ่อไม่ค่อยได้ทำให้ใคร เนื่องจากพรรษาหนึ่งเพียง 9 ดอกเท่านั้นและต้องทำจาก แผ่นเงิน และ ทองคำเท่านั้น (ตอนที่ท่านไปเรียนวิชานี้มาจากราชบุรีนั้น หลวงพ่ออั๊บท่านขี่ม้าไปเรียน จนม้าที่หลวงพ่อขี่นั้นตายไปเป็นตัวๆ)

    2.หลวงพ่อน้อย วัดธรรมศาลา จ.นครปฐม ศึกษาเล่าเรียนวิชาอักขระเลขยันต์และพระเวทย์ต่างๆและยังได้ตำรายันต์มาจาก หลวงพ่อน้อย วัดธรรมศาลามาอีก 1 เล่ม

    3.หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง จ.นครปฐม ศึกษาเล่าเรียนวิชาการลงเลขยันต์ที่แผ่นกระเบื้องแล้วนำไปไว้กลางที่ดินเพื่อให้ขายได้ เป็นต้น

    4.หลวงพ่อจง วัดหน้าต้างนอก จ.อยุธยา ศึกษาเล่าเรียนวิชาวิปัสสนากรรมฐานและอักขระเลขยันต์ต่างๆ วิชาการทำตะกรุดลอยน้ำ ซึ่งเป็นเมตามหานิยมอย่างสูง(ตำราอีก 1เล่ม)

    5.หลวงพ่อหอม วัดหนองเสือ จ.นครปฐม ศึกษาเล่าเรียนวิชาทำน้ำมันมนต์สมุนไพรประสานกระดูกละเส้นเอ็น ซึ่งหลวงพ่อหอมเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อจวน หลวงพ่อจวนเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว จ.กาญจนบุรี

    6.หลวงพ่อโบ้ย วัดมะนาว จ.สุพรรณบุรี ศึกษาเล่าเรียนวิชาขึ้นกรรมฐานธุดงค์

    7.ก๋งสุข ศึกษาเล่าเรียนวิชาทำน้ำมนต์ถอนของ

    8.โยมถ่าย ศึกษาเล่าเรียนวิชาการทำตะกรุดกันงู
    ยังมีครูบาอาจารย์อีกหลายๆท่านที่ไม่ได้เอ่ยชื่อไว้ (หลวงพ่อจำไม่ได้) จนนับไม่ถ้วนจนตำราที่ท่านได้ไปศึกษาเล่าเรียนมา หลวงปู่อั๊บท่านบอกเอาไว้ว่าต่อให้มีรถกระบะก็ใส่ตำราที่เรียนมานั้นก็ไม่หมดบางเล่มก็มีคนยืมเอาไปแล้วไม่ได้นำมาคืนหลวงพ่ออั๊บก็หลายเล่มและอีกส่วนหนึ่งก็อยู่ที่ วัดใหม่ต้านทาน จ.อยุธยา

    หมายเหตุ
    อนึงอ้างอิงข้อมูลมาจาก พระอาจารย์พระครูปลัด ขวัญชัย สุจิตฺโต (รักษาการเจ้าอาวาส วัดท้องไทร)
    นาย นริทร์ กำบัง ผู้จดบันทึก
    ศิษย์เอกวัดท้องไทร ผู้จัดทำ

    ที่มาจาก http://www.watthongsai.com/main.html

    ประวัติหลวงปู่อั๊บ วัดท้องไทร คัดลอกมาให้พี่ๆน้องๆ ได้อ่านกันครับ
     
  15. romegat

    romegat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,509
    ค่าพลัง:
    +9,414
    ขอบคุณครับ..(good)
     
  16. แสงแข

    แสงแข เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,935
    ค่าพลัง:
    +44,410
    [​IMG]

    กราบ กราบ กราบ หลวงพ่ออั๊บ แห่งวัดท้องไทร ค่ะ
     
  17. แสงแข

    แสงแข เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,935
    ค่าพลัง:
    +44,410
    [​IMG]

    กราบ กราบ กราบ หลวงพ่อทรง วัดมอญ ค่ะ
     
  18. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,039
    [​IMG][​IMG]
     
  19. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,039
    [​IMG]

    มากราบท่านแม่พิมพา วัดท้องไทร ขอโชค ขอลาภ
     
  20. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,039
    [​IMG]
     

แชร์หน้านี้

Loading...