เรื่องเด่น ความเกี่ยวเนื่องกันในการสร้างบารมีของผู้ปรารถนาโพธิญาณ

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย Wisdom, 23 สิงหาคม 2012.

  1. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    :cool: ({)ขออนุญาติครับ ขอกว่าว เมื่อปี ๓๗ ผมได้บวชเป็นเณรโข่ง แล้วเดืนทางแบกกรดไปด้วย เพื่อไปกราบท่านโดยเฉพาะเลยครับ เมื่อไปถึงเห็นการก่อสร้างของท่าน ถึงกับตลึง นี่ไม่ใช่วิถีสาวก แต่เป็นวิถีของพุทธภูมิ ในการก่อสร้างของท่าน บอกถึงเรื่องราว คนที่เกิดมา สิ่งก่อสร้างมากมาย และรูป พระโพธิสัตว์ แต่เป็นในปางของพระพุทธเจ้า แต่ละองค์ ที่จะมาตรัสรู้ในกัปนี้ครับ อายุเท่าไหร่บอกหมด เหมือนท่านจะรู้ ได้คอยรออยุ่ นั่งรถเข็น ดูผลงานในการก่อสร้าง ที่ท่านได้สร้างไว้แล้ว และคนเข็นรถให้ท่าน ผมเข้าไปกราบท่าน ท่านนุ่งใส่ชุดขาว ท่านยกมือพนม ตอบ

    และคุยกับท่านพอสมควร และท่านได้กลับเข้าที่พัก สักพัก ได้มีฆราวาส อายุ ๗๐ กว่า กว่าวว่า หลวงปู่ให้มาบอกหลวงพี่เณรว่า ไม่ต้องไปบินถบาตรตอนเช้าหลวงปู่ สั่งมาว่า ให้พวกผมเรียกว่า หลวงพี่เณร ตอนเช้าจะนำอาหารมาถวาย ท่านได้เมตตาถึงเพียงนี้ และรู้อารมย์ของผม และสั่งลูกศิษย์ คราวพ่อที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน เหมือนสนิทกันมานานมากครับ เมื่อเอาหนังสือมาดู โอ้โฮ ท่านปราถนาพุทธภูมิจริงๆ และท่านจะมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในกัปนี้ครับ แต่ไม่รู้องค์ที่เท่าไหร่ น่าจะหลังพระศรีไม่เท่าไหร่ คงจะไม่ใช่องค์สุดท้ายของกับนี้แน่

    พอจะรู้มาค่าวๆ พระโพธิสัตว์ผมเคยสนธนา กับผู้ทรงศิลผู้หนึ่งไม่ขอเอ่ยนาม คุยกันท่านว่า พระโพธิสัตว์ที่มีบารมีเต็มแล้ว สามารถแบ่งภาคไปเกิดที่ใดพร้อมๆกันได้หลายๆที่ได้ อันนี้ ผมคุยกับท่านนะครับ ลูกศิษย์ ท่านได้เล่าว่า วันดีคืนดี ท่านจะลงไปเมืองบาดาล เอาของสิ่งต่างๆมาไว้ในนพิพธภัณ ของท่าน และท่านจะไม่ค่อยอาบน้ำ ถ้าอาบร่างกายท่านจะตกกะครับ คล้ายเกล็ดพยานาค ถ้าคนไม่สังเกตุจะไม่รู้ครับ พระโพธิสัตว์แต่ละองค์ท่านจะมาทำหน้าที่ของท่าน และสงเคราะศิษย์ และบริวารของท่านและสัตว์โลกครับ และในช่วงหนึ่ง ได้ไปเที่ยวดูโลงศพเป็นหินไปแล้ว ในถ้ำ จำไม่ได้ไปทางจังหวัดเลย ยังไม่เข้าเขตุ ติดต่อใกล้แม่น้ำโขง หลวงปู่ในราวพันกว่าปี หลวงปู่ เคยเกิดเป็นกษัตย์ญวณ

    ทั้งๆหลวงปู่กับผมไม่เคยเห็นกันมาก่อน แต่ในใจ เหมือน รู้จักกันมานานมากเลยครับ และท่านก็เมตตามากๆ ด้วยน้ำใจอันบริสุทธิของท่าน และท่านได้มรณะไปเมื่อ ถึงพ.ศ.๔๐ หรือเปล่าไม่แน่ใจครับขอจบแค่นี้แหละครับ :cool:
     
  2. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814

    :cool:({)(ความเข้าใจของผมนะครับ):cool:และเป็นความเห็นส่วนตัว :cool:({) ผมว่าตอนที่พวกท่านว่ามามันน่าจะเป็นตอนท่านเป็นพระโพธิสัตว์มากกว่าที่พวกท่านว่ามาน่าจะถูกที่สุด ที่พระพุทธประจำตัวแต่ละองค์ แต่เมื่อพระพุทธเจ้าทั้งหลาย เสด็จดับขันธ์เข้าสู่พระนิพพานแล้ว น่าจะเป็นพระวิสุทธิเทพ เหมือนกันหมดทุกพระองค์ และมีดอกบัวแก้วใสเป็นเพชรอยู่ที่พระบาทรองรับ เหมือนกันทุกพระองค์ พระปัจเจกระพุทธเจ้าก็เช่นกัน แม้กระทั่งพระอรหันต์ มีกายแก้วใสเหมือนกันต่างกันที่ พระอรหันต์สาวก ไม่มีดอกบัวรองรับที่พระบาท นอกจากพระโพธิสัตว์ลามาเป็นสาวก แต่กรณีพิเศษมีดอกบัวรองรับที่พระบาท

    เพราะอะไร ก็เพราะท่าน ได้ละอาสวะกิเลสทั้งปวง เป็นจอมอรหันต์ และไปอยู่เมืองแก้วแล้วไม่จำเป็นต้องมี เพราะของเหล่านั้น มันอยู่ในตัวของพระองค์ท่านทุกๆพระองค์แล้ว ตอนพระองค์ท่านเป็นพระพุทธเจ้า ท่านก็มีฉัพพรรณรังษี รัสมี ๖ ประการเหมือนกันทุกๆพระองค์ พระสาวกไม่มี ท่านอยู่เหนือโลกทั้งปวง เป็นครู ของมนุษย์ เทวดา พรหม ทั้ง ๓ ภพจบโลกาไม่มีใครใหญ่เกินพระองค์ กายใสเป็นแก้ว มันเริ่มเป็นตั้งแต่พระโสดาบันแล้ว แต่ยังไม่ใสเต็มที่ ว่าไปตามขั้นตอน จนถึงพระอรหันต์ จึงเป็นพระวิสุทธิเทพ ต่างกันที่ สาวกกับพุทธองค์ ดังที่ผมกกล่าวมาข้างต้น

    ดังที่ท่านพวกท่านกว่าวกันมา มันคุม ไม่ได้แยกตอนท่านเข้าพระนิพพาน แต่ถ้าท่านไปโปรด พระโพธิสัตว์ หรือพรหม หรือมนุษย์ ท่านก็จะไปตามกำลังจิตของคนนั้นๆ ไปโปรดในลักษณะต่างๆกันไป แสดงเป็นสัญลักษ์ ของพระองค์ให้เราเข้าใจ แต่ถ้าอยู่แดนนิพพาน มันก็เหมือน กันหมดแหละ ดังที่ครูบาอาจารย์ ท่านขึ้นไปสำผัสมา และไปจริง และฆราวาสที่ท่านไปถึง ทำถึง และไม่จำเป็น ต้องมีพระประจำองค์ท่านอีก ต่อไป ก็เมื่อท่านเป็นเองแล้ว จะมีอีกทำไมกัน ในเมื่ออยู่ แดนพระนิพพานแล้ว จบ:cool:
     
  3. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    อ้างอิง:
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ PCO_ [​IMG]
    โมทนาสาธุอย่างยิ่งครับ

    ตั้ง นะโม ๓ จบ
    สัมปะจิตฉามิ (คาถาสนองกลับ)
    นาสังสิโม พรหมา จะ มหาเทวา สัพเพยักขา ปะรายันติ (คาถาปัดอุปสรรค)
    พรหมา จะ มหาเทวา อภิลาภา ภะวันตุ เม (คาถาเงินแสน)
    มหาปุญโญ มหาลาโภ ภะวันตุ เม (คาถาลาภไม่ขาดสาย)
    มิเตพาหุหะติ (คาถาเงินล้าน)
    พุทธะมะอะอุ นะโมพุทธายะ วิระทะโย วิระโคนายัง
    วิระหิงสา วิระทาสี วิระทาสา วิระอิตถิโย พุทธัสสะ
    มานีมามะ พุทธัสสะ สวาโหม (คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า)
    สัมปะติจฉามิ (คาถาเร่งลาภให้ได้เร็วขึ้น)
    เพ็ง เพ็ง พา พา หา หา ฤา ฤา




    (บูชา 3,7,9 จบ ตัวคาถาต้องว่าทั้งหมด)
    พระคาถาของพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน
    วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี
    <!-- google_ad_section_end -->
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG][​IMG] ขอต่อยอดอีกครับ เวลาสวด 3-5-7-9-จบผลยังไม่ค่อยเกิด มันน้อยมากครับ แต้งใส่บารตด้วยทุกวัน และพระคาถา อย่างว่า ถ้าไม่มีเวลาใส่บาตร ก็ให้เอา เงินใส่บาตรวิระทะโย หรือภาชนะใดก็ได้ ว่าพระคาถา ที่ว่ามา ถึงเวลา ๑ เดือนหรือ เท่าไหร่ก็ได้ ไปถวายพระบอกว่า ให้เป็นค่าอาหารพระครับ ใส่ ๑ บาทหรือกำลังทรัพย์ของเราคือเราไม่เดือดร้อนน่ะครับ แถ้ทำอย่างว่า ผลมันก็เป็นแค่เป็นเบี้ยต่อไส้ ยังมีกินน้อยอยู่ แต่ไม่ค่อยขัดสน ผมทำมาน่าจะเกิน ๒๐ ปี [​IMG]

    (อันนี้รับรองผล) แต่ถ้าท่านทำ เป็นสมาธิบางคราว หรือนึกได้ทำ นั่งรถ ไปไหนมาไหน พอได้ทำบ้าง และเวลาสวดมนต์ ใช้ลูกประคำ นับสวด ๑๐๘ จบเดียวบ้าง ๒ จบบ้าง ๓ จบบ้าง ผมยืนยัน ได้ผลแน่นอน ท่านจะมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น หน้ามือเป็นหลังมือ จะเป็นลูกจ้าง ชาวนา ชาวไร่ มันจะมีผลบังเกิดตามถานะ เคยทำนาได้ ๕ เกวียว เมือทำอย่างนี้ อาจจะได้ ๙-๑๐ เกวียว แล้วแต่จิตสอาด สอาดมากได้มากสอาดน้อยได้น้อย

    ตัวอย่างผม ถ้าขี้เกียจ สวดมนต์ไหว้พระ สวดพระคาถาวิระทะโย ลาภจะไม่เกิด สังเกตุดูครั้งละหลายๆวัน ลาภก็ไม่ได้ หนำซ้ำเงินก็หด รายได้ก็ลด ถ้าขยันทำขึ้นมาอีก ทำติดกัน ๒-๓ วัน ทำให้หนัก สวดวันละ ๒-๓ คาบ ๑๐๘จบนะ ลาภเกิดทันที สวดอย่าอยากได้ จิตสกปรก ไม่สอาด ลาภไม่เกิด ต้องสวด ให้จิต สอาด ตามกำลังของเรา บางครั้ง ต้องการเงิน ๔-๕ ห้าหมื่น ก็ได้ แต่อย่าอยาก ทำให้จิตสะอาด มีผลแน่นอน บางครั้งต้องการ สักแสน ก็ได้แต่ก็ก็อยู่ที่กำลังเราด้วยนะ บางครั้งอยากได้ สักแสน แต่กำลังไม่ถึง ก็ได้ครึ่งเดียว มันต้องทำเองครับแล้วสังเกตุดู พูดเป็นวันก็ไม่จบ

    แต่ยังไม่เคยทำถึงฌาณ มีท่านทำถึง ท่านบอก ลาภใหญ่เกิดแน่นอน ทำเป็นกรรมฐานเลยครับ ใครทำได้บอกด้วยครับ ถ้าทำจริงเวลาหุงข้าว ถ้าใช้ ข้าวจะเพิ่ม กินได้นานแต่ผม ไม่ได้หุง เมื่อก่อนเคยลองครับ ท่านที่ มีความขัดสน ทำเป็นกรรมฐานเลยยิ่งดีครับ ตัวผมเองมาจาก ศูนย์ครับ[​IMG]
     
  4. วิปัศย์

    วิปัศย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    178
    ค่าพลัง:
    +1,443
    "ลูกขออาราธนาคุณครูบาอาจารย์ เหล่าหมู่คณะของข้าพเจ้า ทุกรูปนาม ผู้มีกำลังทั้งหลาย เทพ พรหมทั้งหลาย โปรดจงมาชี้แนะ หนทาง โปรดจงมาสั่งสอนสรรพวิชาแก่ข้าพเจ้า เพื่อให้สามารถนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์แก่ชาวโลก ช่วยเหลือสรรพสัตว์ให้พ้นจากทุกข์ ทั้งกายใจได้ ให้เค้าเหล่านั้นอยู่ในโลกได้อย่างเป็นปกติสุข ให้เค้าได้รู้จักหนทางที่ถูกต้อง เป้าหมายที่ถูกที่ควรไป ให้รู้จักพระนิพพาน ให้ยึดพระรัตนตรัยเป็นสรณะเป็นที่พึ่งที่ระลึก เรียนรู้ที่จะตาย เตรียมตัวตายให้เป็น ตายแล้วสามารถเลือกที่จะไปได้ เตรียมตัวตายก่อนที่จะตาย ขอผู้ทรงคุณทั้งหมดทั้งมวลโปรดจงลงมาสอนสรรพวิชานี้ให้แก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด พุทธังสัจจาณังอธิษฐานมิ ธัมมังสัจจาณังอธิษฐานมิ สังฆังสัจจาณังอธิษฐานมิ"
     
  5. วสันตฤดู

    วสันตฤดู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2010
    โพสต์:
    1,321
    ค่าพลัง:
    +8,714
    มีพี่ท่านหนึ่งเคยบอกว่า หลวงตาม้าท่านจะมาตรัสรู้เป็นองค์ที่ถัดจากพระศรีอาริเมตตรัยจริงรึเปล่าคะ
     
  6. Asvel

    Asvel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    224
    ค่าพลัง:
    +822
    ขอบคุณมากครับ สำหรับความรู้ที่หาได้ยาก

    แต่สงสัยว่าพระโพธิสัตว์นี่การสร้างบารมี ความรู้ในทางโลกทั้งหลาย อย่างพวกวิทยาศาสตร์ การแพทย์ วิศวกรรม ฯลฯที่ในยุคนี้ไม่มีหรือตามไม่ทัน เขาก็ต้องเรียนรู้จนจบเท่ากับทางธรรมหรือเปล่าครับ หรือว่าเขาจะเน้นสร้างบารมีทางธรรมกันเป็นหลัก

    แต่ว่าเรื่องในหลวง ผมเคยได้ยินจากไหนไม่รู้ว่าท่านเคยเกิดเป็นช้างป่าปาลิไลยกะ ไม่ทราบว่าพอจะรู้ที่มาไหมครับ? แต่ก็พบว่าที่เขานำมาเผยแพร่แต่ละที่ก็แตกต่างกัน เราเองก็เคยพูดในเพื่อนฟังอยู่กลัวว่าถ้าไม่ใช่จะเป็นบาปหนัก
     
  7. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814

    :cool:({)แสดงว่าคุณไม่ได้อ่านที่ผม โพต์ไว้เลยถึงได้ถามเช่นนี้ครับ:cool:

    ความเกี่ยวเนื่องกันในการสร้างบารมีของผู้ปรารถนาโพธิญาณ
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->Wisdom<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_6585115", true); </SCRIPT>
    สมาชิก
    <!-- google_ad_section_end -->
    [​IMG]ขออนุโมทนาสาธุ เป็นอย่างยิ่ง กระทู้ดีมีประโยชน์มากๆครับ สิ่งใดไม่รู้ ก็จะรู้ สิ่งใดรู้แล้วจะรู้ยิ่งๆขึ้นไปครับ[​IMG]

    ขอเสริมประดับความรู้ต่อกันครับ ขอเอ่ยนามของครูบาอารย์เลยนะครับ เรื่องของพระโพธิสัตว์ หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี ท่านได้กล่าวไว้ว่า พระพุทธเจ้า จริงๆในกัปนี้ จะมาตรัสรู้ ถึง ๑๐ พระองค์ แต่พระโพธิสัตว์ ที่มีบารมีเต็มแล้ว รอคิว ที่จะมาตรัสรู้ นับเป็นแสนๆพระองค์ ที่ยังไม่เต็ม ผมว่าน่าจะ นับไม่ถ้วน ถ้าทำไม่ถึง ก็ลามาเป็นสาวก ของพระพุทธเจ้าในสมัยนั้นๆครับ ยิ่งในสมัยนี้ด้วยแล้ว อ่านประวัติหลวงปู่หลวงพ่อ ต่างๆ มาจากพระโพธิสัตว์ ลาเพื่อมาช่วยกันประกาศพระศาสนาให้ครบ ๕,๐๐๐ปี เมื่อลาแล้ว ที่เห็นในสายหลวงปู่มั่น ก็สำเร็จ กิจ กันทั้งสิ้น เมื่อมรณะกระดูก ของแต่ละองค์ ก็เป็นพระธาตุ สายอื่นก็เยอะ สายหลวงพ่อฤาษี สายหลวงพ่อ สังวาลย์ สายหลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ก็ยังมีสายอื่นๆอีกครับ


    พระโพธิสัตว์มี ๓ แบบ ๓ ขั้น ที่ ๑ ปัญญาธิกะ บารมี บำเพ็ญบารมี ๔ อสงขัยกำไลย แสนมหากัป ที่ ๒ ศรัทธาธิกะบำเพ็ญบารมี ๘ อสงขัยกำไลย์แสนมหากัป ที่ ๓ วิริยาธิกะ บำเพ็ญบารมี ๑๖ อสงขัยกำไลย์แสนมหากัป พระพุทธเจ้าก็มี ๓ แบบนี้เท่านั้น ตัวอย่าง ปู่บุญเหลือ ซึ่ง เป็นฆราวาส ท่านเป็นพระโพธิสัตว์พระองค์หนึ่งที่จะมาตรัสรู้ เป็นพระพุทธเจ้าในกัปนี้ ท่านสร้างรูปปั้นไว้ที่ ศาลาแก้วกู่ อ.เมือง จ.หนองคาย ม่เคยไปดูไดได้ครับ ท่านสร้างถาวรวัตถุ ไว้ชัดเจนว่าในกัปนี้ จะมีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ถึง ๑๐ พระองค์ อายุเท่าไหร่ ท่านแสดงไว้หมดครับ เมื่อ พ.ศ.๒๕๒๘ เฉพาะในสายของท่าน หลวงพ่อ ฤาษี วัดท่าซุง ท่านเทศ ผมนั่งฟังอยู่ จนทำเป็นหนังสืออกมา และเทป ท่านว่าในสายของเรา ติดตามกันมาอย่างน้อย ๑๐ อสงขัย กำไลยแสนกัป ท่านหยุดนิดหนึ่ง แต่ส่วนใหญ่ จะติดตามกันมา กันมา ๑๖ อสงขัย กำไลยแสนกัป ถ้ามาเป็นสาวก บารมีมันล้นแล้ว ในเมื่อท่านลามาช่วยพระศาสนา ลูกหลาน บริวาร ก็จะลาตาม กันไป

    แต่ก็มีอีกส่วน หนึ่งที่ไม่ลา ต่อไปในภายภาคหน้า ที่บารมีเข้มแข็ง ที่จะเกิดไปเป็นพระเจ้าจักพรรดิ์ราช ท่านบอก ถ้าท่านไม่ลาพุทธภูมิ เกิดอีก ๖ ชาติบารมีเต็ม เพราะชาตินี้ ท่านเกิดแล้วตาย ถึง ๕-๖ ครั้ง (บารมีจะเต็มในชาตินี้ ตรงนี้ผิดขออภัย) ถ้าไม่ลา นับต่อจากพระศรีอริยะเมตตรัย อีก ๒๒ พระองค์ ถึงจะมาตรัสรู้ เป็นพระพุทธเจ้า ถ้านับ พระศรีอารย์ ด้วย องค์ที่ ๒๓ และมีเกร็ดเล็กน้อย ท่านพูดในบรรดาศิษย์ ในหลวงองค์ ปัจจุบัน ถ้าท่านไม่ลา พุทธภูมิ ท่านจะตรัสรู้ เป็นพระพุทะเจ้าก่อน ท่าน นับพระศรี อารย์ ไป เป็นองค์ที่ ๑๗ ในหลวงตรัสก่อนหลวงพ่อครับ แต่ท่านได้ลาแล้ว และสอนศิษย์ให้ไปนิพพานในชาตินี้ครับ และถ้าไปไม่ได้ อย่างน้อยไปรอ อยู่สวรรค์ชั้น ดาวดึง ตอนพระศรีอริยะเมตตรัยมาตรัสรู้ ได้ฟังธรรม จากท่าน ก็จบกิจ เป็นพระอรหันต์ไปนิพพาน

    แม้แต่หลวงปู่ปาน ท่านก็เป็นครูบาอาจารย์ของหลวงพ่อ ท่านบอก หลวง ปู่ปาน จะมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในกัปนี้ ต่อจากพระราม ๆเป็นองค์ที่ ๖ ที่ ๗ หลวงปู่ปานครับ อีก ๓ องค์ ไม่กล้ากล่าว ในปัจจุบัน มาเป็นใครบ้างไม่ทราบ แต่ ช้างปาริไลยกะ กับช้างนาราคีรี จะมาตรัสรู้ ในกันนี้เช่นกันครับ ต่อไปในอนาคต พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ ก็จะมีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ เมล็ดทรายในมหาสมุทร ทั้งสี่ทิศก็ไม่เท่า โอ้มันช่างมากมายนัก แค่หยิบมากำมือเดียว ก็เป็นพันๆเม็ดแล้วอ่ะครับ ผมเองก้เคยสัมผัส ท่านที่เป็นพระโพธิสัตว์ ทั้งสัตว์ และพระ ฆราวาส ทั้งผู้หญิงผู้ชาย หลายองค์ทีเดียวครับ ที่ผ่านมา บารมีแต่ละองค์ก้ต่างกันไป พวกพระโพธิสัตว์นี่ ต้องขยันเกิดขยันตาย เกิดมาบำเพ็ญ บารมี ระหว่างคนกับสัตว์เท่านั้น เกิดไปเป็นเทวดา กับพรหม เขาไม่คิดให้ครับ แต่สาวก บำเพ็ญตอนเป็นเทวดา กับพรหมได้


    พวกพระโพธิสัตว์ ต้องมีเมียมาก ลูกมาก และสร้างบริวารมาก ที่จะไปเกิดร่วมกัน ต้องเก็บละเอียด รู้ สิ่งใดในโลก ละเอียด กรรมฐาน ๔๐ มหาสติปัฏฐาน ๔ ต้องได้หมด และเรียนรู้ อารมย์ พระอริยเจ้าตั้งแต่ พระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี และรู้อารมย์พระอรหันต์ แต่ไม่มีสิทธิ ตรัสรู้ จนบารมีเต็ม รอคิว มาตรัสรู้ เป็นพระพุทธเจ้าครับ และชาติสุดท้าย ต้องบริจาคลูกเมียให้เป็นทาน เหมือนพระเวสสันดรชาดก มันเป็นกฎ ตายตัว ของการสร้างบารมี ที่จะเป็นพระพุทธเจ้า เหมือนกันทุกๆพระองค์ และผ่านสิ่งต่างมามากมาย นานับปการ ดังที่ท่านเจ้าของกระทู้ บอกกว่าวมาครับ เรื่องนี้มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนยิ่งนัก ส่วนพวกสาวก จะไม่ค่อยเข้าใจ ในการดำเนินชีวิต ของพระโพธิสัตว์เท่าใดนักครับ ในเรื่องหลายๆเรื่อง มันพูดยาก อธิบายยากนัก ที่คนส่วนใหญ่จะเข้าใจ


    พระโพธิสัตว์ จะต้องเกิดเป็นดาบส ออกบวชเป็นพระฤาษี นับชาติไม่ถ้วน บำเพ็ญอยู่แต่ผู้เดียว บางครั้ง ก็สร้างมีบริวารอกมากมาย เหมือนที่พระพุทธเจ้าทั้ง หลาย และองค์พระศาสดา ของเรา องค์ปัจจุบัน ทรงบำเพ็ญมา พระโพธิสัตว์ที่มีบารมีมากแล้ว จะทำอะไร สำเร็จง่าย เพราะบารมีเต็ม พวกบารมียังอ่อนอยู่ ทำอะไร ยังไม่ค่อยจะสำเร็จ เพราะยังต้องเรียนถูกเรียนผิด อีกมากมาย กว่าจะผ่านพ้นไปแต่ละอย่าง ได้ มันไม่ง่ายเลย พระโพธิสัตว์ ถ้าท่านทำหน้าที่ของ ท่านไม่ทัน พระโพธิสัตว์องค์อื่นจะทำหน้าที่แทน ครับ หรือไม่ก็เทวดา พรหมองค์อื่น ทำแทน แค่นี้ก่อนครับ สวัสดี<!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กันยายน 2012
  8. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    :cool:({)เรื่องนี้ไม่เคยได้ยินที่ไหนมาก่อนเลยครับ

    ต่อจากพระศรีอริยะเมตตรัย คือพระราม พระโพธิสัตว์ ที่มีบารมีเต็มแล้วสามารถไปเกิดได้หลายๆที่ พร้อมกันครับเคยสนธนากับท่านผู้รู้ครับผม เป็นไปได้ทั้งนั้นแหละครับ แต่ถ้าสัมผัสกับท่านจึงจะรู้ครับ:cool:
     
  9. Asvel

    Asvel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    224
    ค่าพลัง:
    +822
    อ้อ ขอบคุณ คุณบุญพระเครื่องมากครับ
    แบบนี้ผมก็พูดไปแบบผิดๆเสียแล้ว
     
  10. Wisdom

    Wisdom ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,669
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +26,542
    หลวงตาม้าท่านไม่เคยพูดครับว่าท่านจะมาตรัสรู้เป็นองค์ไหน ท่านถ่อมตัวมากๆ และจริงๆแล้ว
    องค์ที่ถัดจากพระศรีอาริยเมตไตรยคือองค์ไหนนั้น ในสายของหลวงพ่อฤาษีลิงดำมีคำตอบครับ

    ส่วนสำหรับหลวงตาม้าท่านนั้น ในอณาคตเนื่องด้วยท่านเป็นพุทธภูมิองค์หนึงที่มีกำลังบารมีมากแล้ว
    และมีความเกี่ยวข้องกับพระโพธิสัตว์บารมีเต็มอย่างหลวงปู่ดู่แล้ว ท่านก็จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง
    แต่องค์ไหนนั้นต้องสัมผัสเอง แต่ส่วนตัวท่านนั้น ท่านไม่กล่าวครับ ส่วนใหญ่ลูกศิษย์จะเอามาพูดกันเองมากกว่า

    ธรรมรักษา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 24 กันยายน 2012
  11. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    ถูกน้อยแต่ยังไม่ละเอียดครับ คนที่ถูกทั้งหมดก็ไม่มี ผิดทั้งหมดก้ไม่มี นอกจากพระอรหัต์ พระพุทธเจ้าเท่านั้น ครับ คนที่ไม่ผิดเลยในโลกนี้ย่อมไม่มีครับ มีถูกมันก็มีผิดอยู่ในนั้นครับ มีผิดมันก็มีถูกอยู่ในนั้นครับ ลองใช้ใจดูก็ใด้ เมื่อคนทำแล้ว มันย่อมมีอยู่ในทั้ง ๒ อย่าง อย่างไหนจะมากจะน้อยกว่ากันเท่านั้นเองครับ :cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 28 ธันวาคม 2018
  12. banana366

    banana366 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    250
    ค่าพลัง:
    +1,345
    อนุโมทนาด้วยครับ
     
  13. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    ปรารถนาพระโพธิญาณ
    sutongperd
    ขออนุโมทนาสาธุครับ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ ครับ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๘ ผมนั่งฟังเทศ หลวงพ่อฤาษีวัดท่าซุง ท่านเทศ ที่ศาลา พระพินิจ อักษร ทองดี ฝั่งโบสถ เอาแต่ใจความนะครับ ท่านกว่าวว่า ในสายของเรา ลูกหลาน พักพวก บริวาร ติดตามกันมาแล้ว ไม่ต่ำกว่า ๑๐ อสงไขย กำไลยแสนกัป ท่านหยุดนิดหนึ่ง แล้วกว่าวว่าส่วนใหญ่ติดตามกันมา ๑๖ อสงไขย กำไลยแสนกัป ทุกคนทำความปราถนา พระโพธิญาณ กันมาแล้วทั้งนั้น เมื่อหัวหน้าลา ส่วนใหญ่จะลาตาม หลวงพ่อ กันมากมาย ที่ไม่ลาพุทธภูมินั้นมีอยู่ และสมบัติที่อยู่ ใต้ดินวัดท่าซุง ต่อไปในอนาคต จะไปเป็นสมบัติ ของพระเจ้าจักพรรดิราช ที่ไม่ลา

    ท่านบอก ถ้าลูกหลานที่ไปนิพานยังไม่ได้ อย่างน้อยท่านบอก จะช่วยสอนดึงลูกหลานไปอยู่สวรรค์ชั้น ดาวดึง ตอนสมัยพระศรีอริยะเมตตรัย มาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ได้ฟังเทศจากพระองค์ ก็สำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้วไปนิพพาน ในชาตินั้นเลยครับ เป็นเทวดา กับพรหม ฟังเทศพระพุทธเจ้า สำเร็จมรรคผลง่ายกว่าเป็นคนครับ ตอนเช้าผมเอา ธูปเทียนแพร ใส่พานจะไปลา พุทธภูมิ ที่พระจุฬามณี เพราะฟังเทศจากหลวงพ่อเข้าใจแล้ว

    หลวงพ่ออยู่ตึกกลางน้ำ หลังพระจุฬามณี เมื่อถือพานแพร์มาถึง ไม่ไกลจากจุฬามณี พอดี พวกทหารกับคนขับรถ หลวงพ่อมาถึง ผม หลวงพ่อท่านเปิดประตู ไขกระจกรถลง แล้ว ตระโกนออกมาว่า เอ่อดีแล้ว ลูก เอ่อดีแล้วๆ ประมาณ ๓ ครั้ง แล้วท่านก็ปิดกระจกทันทีนี่เห็นไหม ท่านรู้ล่วงหน้า โดยที่ผมก็ไม่รู้ ว่าท่านจะมา เพราะท่านจะเข้าไปที่ตึก ริมน้ำ ทุกวัน ไปฉันอาหารด้วยครับ และพักผ่อนเมื่อถึงเวลา ท่านจะไปรับแขกที่ตึกรับแขกครับ และปี พ.ศ. ๒๕๓๐ ปีที่หลวงพ่อบวชให้พวกเรา รุ่นเดอะ อ.เล้กวัดท่าขนุน ก็รุ่นเดียวกันครับ ด็อกเตอร์ ปริญญา พ.อ. แดง วิชชุพัน ยังไม่ลา ทั้งหมด ประมาณ ๓๐ คนที่บวชตอนนั้นครับ ผมได้ ฉายา ว่า พระสุธัมมะวิริโย ผมนึกในใจ ไม่อยากได้ ฉายานี้เลย ความเพียรนำหน้า อยากได้ ฉายา พระสุธัมมะปัญโญ แต่ ฉายานี้ เป็นของ หลวงพี่ อ. เล็ก วัดท่าขนุน ผมน่ะอยามีปัญญามาก กับไม่ได้ คิดในใจว่า ปีหน้า ถ้าได้ บวชใหม่ กูไม่เอาแล้ว ฉายานี้ ท่านที่เคารพ เชื่อไหม หลวงพ่อพูดออกมาทันฟวัน บอกว่า บัญชา ถ้าปีหน้า ใครบวชอีก ให้ใช้ฉายาใคร ฉายามัน ผมถึงกับสดุ้งเลยครับ

    และตอนไปธุดงค์กับหลวงพี่ อ. เล็ก ท่านบอกว่า ทุกคนที่บวช ๓๐ องค์ตอนนั้น หลวงพ่อเล่าให้ฟังว่า องค์สมเด็จ ท่านบอกตรง ที่เราเคย บำเพ็ญมาแต่อดีดชาติครับ จึงหายสงสัย ถึงบางอ้อเลยครับ งั้นเราถึงได้เป็นแบบนี้ สมแล้ว ที่องค์สมเด็จตั้งตรง ให้หลวงพี่ อ.เล็ก พระสุธัมมะปัญโญ ท่านมีปัญญามากจริงๆ ผมอยุ่กับกระเหรี่ยง เป็น ปีหลายปี ไม่รู้จักชื่อใคร แต่หน้ารู้จัก หลวงพี่ท่านไปวันเดียน รู้จักชื่อ ไม่รู้กี่ คนดีกว่าผม อยุ่ตั้งหลายปี และท่านไปเรียน วิชาทำตะกลุดกับ หลวงปู่เนป่อง กระเหรี่ยง พระคาถา หรือไงนี่แหละ ไม่ต้องจดเลย แค่ท่านปู่เนป่องท่องให้ฟัง ๓ เที่ยว ท่านจำได้เลย แหมถ้าเป็นเราผมว่า ต้องจดใส่กระดาษ ท่อง หลายชั่ว โมง กว่าจะได้ นี่ความจำของท่านเป็นเลิศ และมีปัญญาจริงๆ สัมผัสมาอีกเยอะ เล่าแค่นี้แหละครับ


    พอหอมปากหอมคอ นี่แค่เกร็ดนิดๆเท่านั้น เรื่องจริงที่เด็จๆมีมากมาย เล่า ๒ วัน ๒ คืนไม่จบหรอกครับ:cool: อ้อลืมไปครับ หลังจากนั้นไม่นาน ผมจึงเปลี่ยนคำอธิษฐานใหม่ บุญกุศลที่ข้าพเจ้าทำมาแล้วตั้งแต่อดีดถึงปัจจุบัน ขอคำว่าไม่มีจงอย่าได้บังเกิดแก่ข้าพเจ้า มีความคล่องตัว โดยฉับพลัน มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ มีปัญญาดี หายจากโรคภัยไข้เจ็บมีอายุยืนยาว ได้ดวงตาเห็นธรรม ทั้งอิทธิฤทธิ์ บุญฤทธิ์ ปัญญาฤทธิ์ ได้เกิดแก่ข้าพเจ้าโดยฉับพลัน และเข้าถึงซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้เทอญ ในชาตินี้จะถึงหรือไม่ถึง ชาติหน้าก็ต้องถึง สักวันคงเป็นของเราครับ:cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 28 ธันวาคม 2018
  14. yaka

    yaka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2010
    โพสต์:
    647
    ค่าพลัง:
    +1,384
    อ่านแล้วละสายตาไม่ลงเลยค่ะ สาธุๆๆกับคุณบุญทรงพระเครื่อง และจะคอยติดตามนะค่ะ
     
  15. อ้อมน้อย

    อ้อมน้อย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    126
    ค่าพลัง:
    +161
    "กราบท่านเหมือนลูกกราบอีก ๑ องค์เลยนะลูก กราบล่วงหน้า ๑ ชาติด้วยนะลูก"

    คือผมก็ความรู้น้อยนะครับอธิบายทีนะครับ สาธุครับ __/l\__
    :cool::cool:
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 ตุลาคม 2012
  16. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    อ้อมน้อย

    "กราบท่านเหมือนลูกกราบอีก ๑ องค์เลยนะลูก กราบล่วงหน้า ๑ ชาติด้วยนะลูก"

    คือผมก็ความรู้น้อยนะครับอธิบายทีนะครับ สาธุครับ __/l\__
    attachment.jpg




    ตอบครับ
    อันนี้ก็น่าคิดนะ หลวงพ่อเกษม ท่านเป็นพระอรหันต์ หลวงปู่ดู่ ก็เป็นพระอรหันต์ แต่ใครๆ ก็ว่าหลวงปู่ดู่ เป็นพระโพธิสัตว์ แต่ผมก็ยังสงสัยครับ ตั้งคำถามมาใคร เป็นเป็นผู้พูด ถึงจะเดาได้ครับ แม้หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง ท่านพูดว่า ท่านเคารพ หลวงปู่ สมเด็จวัด สามพระยา เหมือนพ่อ และเคยพูดกับ เจ้าคณะ จังหวัด อุทัยธานี พระอุทัยกวี ว่าหลวงพ่อพูด ผมเคารพพระอทัยกวี เหมือนพ่อ ท่านเคยพูด พระอุทัยกวี จบกิจแล้วครับมรณะไปนานแล้วครับ ความเข้าใจของผม คือ ใครพรรษาแก่กว่า จบกิจก่อน หรือเคยเกิดเป็นพ่อแม่ กัน ถ้าเราเป็นปุถุชน คนที่ได้ คุณธรรมก่อน เขาจะเรียกพี่บ้างพ่อบ้าง

    ไปดูตัวอย่างกันในสมัย ครั้งพุทธกาล พ่อผัวนางวิสาขา เมื่อคลายทิฏฐิลงแล้ว เข้ามาเคารพ พระพุทธเจ้า เป็นพุทธมามะกะ ในพระศาสนา และได้สำเร็จพระโสดาบัน พ่อผัวเรียกนางวิสาขาว่าแม่ และขอกินนมนางวิสาขา ถ้าเป็นสมัยนี้ล่ะยุ่งแน่ คงว่าท่านเป็นชู้กันนี่เห็นไหม เขาเคารพ ธรรมกัน ใครได้ คุณธรรมก่อน คนนั้นเป็นพี่พ่อแม่ แม้แต่ บวชก่อนหนึ่งวัน คนนั้นต้องเป็นพี่ ไม่เกี่ยวกับอายุครับ ความเข้าใจของผม มันเป็นดังที่อธิบายมาฉนี้แล ใครมีควารู้ยังไงเชิญครับ

    หลวงปู่หลวงพ่อฤาษี ท่านบอกว่า หลวงปู่พูดถึงนิพพาน หลวงปู่พูดยังไง หลวงปู่ต้องอยู่ที่นั้น เดี๋ยวมีโอกาศ ว่าหนังสือเล่มไหน ถ้าไม่ลืม จะค้นมายืนยันครับ เพราะเคยอ่านจอครับ แต่ผมไม่กล้ายืนยัน ว่าท่านเป็นพระอรหันต์ หรือพระโพธิสัตว์ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 28 ธันวาคม 2018
  17. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047
    ขอบพระคุณ คุณบุญทรงพระเครื่อง ค่ะ อนุโมทนาสาธุกับจขกทในธรรมทานค่ะ
     
  18. Wisdom

    Wisdom ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,669
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +26,542
    [​IMG]

    ผมขอยกคำของหลวงปู่ดู่มาแสดงไว้ให้ตรงนี้แล้วกันนะครับ
    ซึ่งนำมาจากบันทึกของลูกศิษย์ที่ทัน หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ครับ


    หลวงปู่ดู่ท่านเคยมีลูกศิษย์คนหนึ่งเป็นพระ ต่อมาท่านไม่มาหาหลวงพ่ออีก
    เนื่องจากหลวงพ่อพูดว่า
    "ยังไม่ไปนิพพานเพราะต้องโปรดคน"
    แต่พระองค์นี้ไปตีความไปว่าหลวงพ่อยังติดอยู่กับ
    ลาภยศ ชื่อเสียง ซึ่งความจริงแล้วหลวงพ่อมีเมตตา
    และบอกความปราถนาของท่านให้ทราบว่าท่านเป็น พระโพธิสัตว์


    [​IMG]

    และขอยกคำของหลวงตาม้า ลูกศิษย์หลวงปู่ดู่
    ที่ท่านเคยพูดเกี่ยวกับหลวงปู่ดู่ไว้นะครับ


    "หลวงพ่อดู่ท่านเป็นพระที่ยิ้ม หน้าตาผ่องใส
    ท่านไม่เคยว่าใครเลยนะ เราเห็นก็ยังเข้าใจว่าท่านเป็น พระอรหันต์
    หลายๆคนก็เข้าใจว่าท่านเป็นพระอรหันต์ แต่ท่านบอกหลวงตาว่า ท่านไม่ใช่พระอรหันต์
    ท่านเป็นพระโพธิสัตว์ที่ท่านเป็นอย่างนี้เพราะบารมีท่านเยอะ"


    สุดท้ายนี้ใครจะเชื่ออย่างไรก็สุดแท้แล้วแต่ ผมเพียงแต่ยกคำของครูบาอาจารย์ผม
    ทั้งสองท่านมาให้ท่านอ่านและพิจารณากันเอาเอง ส่วนตัวผมแล้ว ในเมื่อหลวงปู่ดู่ ท่านพูดเองยังงี้ ผมก็เชื่อท่านครับ
    และหลวงตาม้า ลูกศิษย์หลวงปู่ดู่ก็กล่าวถึงท่านอย่างนั้น ซึ่งผมก็อยู่ด้วย ส่วนตัวแล้วผมก็เชื่อตามครูบาอาจารย์ของผมไม่สงสัยครับ
    บางครั้งพระโพธิสัตว์บารมีเต็มที่ลงมาโปรดคนถ้ายังไม่ถึงเวลาสมควรหรือในตอนนั้นไม่มีประโยชน์ที่จะเปิดเผย
    เพราะกำลังท่านมาก ท่านก็ปิดได้ครับแต่ลึกๆแล้วครูบาอาจารย์อริยะเจ้าทั้งหลายบางองค์ถ้าเกี่ยวกันมาท่านรู้กัน
    เราต้องมองทะลุคำพูดบางอย่างที่แต่ละองค์กล่าวถึงกันให้ออก ในบางครั้งมันลึกซึ้งกว่าที่เรารับรู้แค่คำพูด
    ต้องตีความให้ออก บางอค์ก็บอกตรงๆ เพราะท่านมีความเกี่ยวเนื่องกันมา เช่นหลวงพ่อเกษม เขมโกเป็นต้น

    และสุดท้ายสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ให้เราทำจิตให้เข้าถึงไตรสรณคมน์ให้ได้
    ไม่งั้นต่อให้เชื่อต่อให้รู้อะไรยังไงก็ไม่มีประโยชน์ เพราะเป็นของภายนอกทั้งนั้น
    ให้ปฎิบัติให้เข้าถึงธรรม แล้วเรื่องพวกนี้จะรู้ และจะสัมพัส ได้เอง
    ชาตินี้ ยุคปัจจุบันนี้ กับสภาพสังคมโลกแบบนี้ เราหนีนรกกันให้ได้ก็สุดยอดแล้วครับ . . .

    ธรรมรักษา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 11 ตุลาคม 2012
  19. Wisdom

    Wisdom ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,669
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +26,542
    อันนี้ผมยกมาให้ครับ ที่หลวงปู่ดู่เคยกล่าวถึงพระนิพพานให้ลูกศิษย์ฟัง
    จะได้ไม่เสียเวลาไปสืบค้นครับ :cool:

    วันหนึ่งหลวงปู่ดู่ได้เล่าถึงการปฏิบัติครั้งคุมสมาธิศิษย์
    ยกใจความมาตอนหนึงว่า

    วันหนึ่งหลวงพ่อได้เล่าถึงการปฏิบัติ โดยท่านเป็นผู้บอกว่า “เมื่อไปถึงวิมานแก้วได้แล้ว เป็นวิมานแก้วของพระพุทธเจ้าก็เหมือนกุฏิของพระพุทธเจ้า นอกจากนี้ก็มีวิมานพระธรรม อยู่ไปทางขวามือของพระพุทธเจ้ามีตู้พระไตรปิฎกอยู่หลายตู้ เขียนเป็นภาษาบาลีอักษรขอม ถ้าอยากรู้แปลว่าอะไรให้ถามหลวงปู่ทวด ซ้ายมือเป็นวิมานของพระสงฆ์ มีพระสงฆ์อยู่พระพุทธเจ้าเป็นประธาน แกเดินจิตให้ดีจากวิมานแก้วจะไปถึงพระพุทธรูป 4 องค์ของกัปป์นี้ มีลักษณะหน้าตักกว้างไม่เท่ากันตามบารมี องค์แรกเป็นของพระกกุสันโธมีหน้าตักกว้าง 20 วา องค์ที่สองพระโกนาคม หน้าตัก 15 วา องค์ที่สาม ของพระกัสสปหน้าตัก 10 วา องค์ที่สี่ หน้าตัก 5 วา ถ้าเป็นพระศรีอริย์องค์ที่ห้า ยังไม่ปรากฎถ้าอธิษฐาน ขอดูจะพบว่ามีหน้าตักเท่ากับองค์แรก เพราะท่านสร้างบารมีมาถึง 16 อสงไขยกับแสนมหากัปป์"


    ส่วนอันนี้ผมนำมาจากหนังสือกายสิทธิ์ ๑
    จากบทความพระโพธิสัตว์ - หน่อพุทธภูมิ - การแบ่งภาค ช่วงที่ ๓
    เผื่อผู้อ่านทั้งหลายจะได้เข้าใจเกี่ยวกับพระที่ท่านเป็นหน่อพุทธภูมิมากขึ้น

    หน่อพุทธภูมิที่มีการสร้างบารมีถึง ๓๐ ทัศน์ มีอยู่อย่างหนึ่งคือ ปัญญาบารมีขั้นปรมัตถ์ จึงทำให้ท่านไม่ต้องไปอบายภูมิ เพราะท่านล่วงรู้ถึงสัจจะธรรมต่างๆ ทำให้ไม่หลงตน ผู้เขียนเคยกราบเรียนถามหลวงปู่โดยอ้างพระไตรปิฎก ซึ่งได้กล่าวถึงบุญที่ถวายทานกับพระอริยะขั้นต่างๆ กำลังบุญไม่เสมอกัน แต่ในพระไตรปิฎกไม่ได้กล่าวถึงหน่อพุทธภูมิ หลวงปู่ท่านได้ตอบผู้เขียนว่า "หน่อ พุทธภูมิ ถ้าเปรียบไปแล้ว ก็คือ พระอนาคามี เพราะกำลังจะสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า แต่จัดเป็นพระอนาคามีชั้นพิเศษ คือเหมือนกันแต่ท่านยังไม่เอา หลวงปู่ท่านจึงยังไม่สอนใครถึงนิพพาน เพราะถึงไม่ใช่กิจของท่าน แต่ท่านรู้ทั้งนั้น บารมีทั้ง ๑๖ อสงไขย ไม่รู้ได้อย่างไร หลวงปู่ทวด จิตท่านยังมีจุดดำอยู่ แกว่าจริงไหม" ผู้เขียนตอบว่า "ถ้าไม่มีท่านก็สำเร็จแล้วซิครับ แต่จุดดำนั้นเป็นจุดของความเมตตา ที่ท่านจะโปรดสัตว์ เพื่อจะให้สมกับคำว่า ศรีอริยเมตไตรย ดังนั้น จุดดำนี้ผมถือว่า มีค่าน้อยมากตัดทิ้งไปได้เลย" หลวงปู่ท่านพยักหน้ายิ้มรับ

    ใครสนใจบทความเพิ่มเติมจากหนังสือเล่มนี้ไปอ่านได้ที่
    พระโพธิสัตว์ - หน่อพุทธภูมิ - การแบ่งภาค โดย หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ

    ธรรมรักษาครับ
     
  20. AnongRak

    AnongRak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +129
    กระทู้นี้...ดีมาก ๆ เป็นประโยชน์อย่างมหาศาล (สำหรับดิฉัน) เพราะเพิ่งจะได้รับทราบเรื่องราวนี้...ยิ่งเกิดความอยากทราบสิ่งต่าง ๆ ในพุทธศาสนา(ของเรา)อีกเป็นที่ยิ่ง...โดยเฉพาะ คุณWidom (ซึ่งดูเหมือนจะเป็นกูรู - หรือพระแก่พรรษา) ดิฉันเพิ่งเป็นสมาชิกใหม่..ไม่ทราบการเข้ามามีส่วนร่วม (ถามข้อกระทู้) ได้อย่างไร หากทำสิ่งใดผิดพลาดไปต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...