หลวงปู่แหวนมาโปรดในนิมิตร(ฝัน)

ในห้อง 'หลวงปู่แหวน' ตั้งกระทู้โดย psombat, 18 มีนาคม 2010.

  1. "นนต์"

    "นนต์" เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +1,157
    อนุโมทนากับผู้บริจาคพระพิมพ์ต่างๆมาเพื่อสร้างวัดภูดานไห (ต่อ)


    วันนี้ผมพึ่งได้รับพระวังหน้าพิมพ์ต่างๆ ที่ส่งมาจากคุณอัยรัตน์ จิตณรงค์ แห่งจังหวัดสงขลา จำนวน 19 องค์ แบ่งเป็น พระหลวงปู่ทวดพิมพ์กลักไม้ขีด 5 องค์ พระรูปหล่อเนื้อว่านหลวงปู่ทวด 6 องค์ พระปิดตารูปหล่อเนื้อว่านหลวงปู่ใหญ่เทพโลกอุดร 5 องค์ และพระสมเด็จ TOP4 3 องค์

    และในช่วงบ่าย ผมก็ได้รับสายจากท่านพิเชฐ ท่านโทรมาบอกว่า จะส่งมอบพระหลวงปู่ทวดพิมพ์กลักไม้ขีดชุดที่สามอีก 20 องค์มาให้ผมดำเนินการประกาศให้ผู้ใจบุญได้บูชา เพื่อสร้างวัดภูดานไหอีกครั้ง

    ท่านทั้งหลาย แม้ผมจะมีภาระกิจเดินทางสายบุญไปในที่ต่างๆมากขึ้น ผมก็ยินดีจะเป็นสะพานบุญให้กับทุกท่านได้สร้างบุญกุศลร่วมกัน เพราะผมน้อมรับเอาคำสอนของพ่อแม่ครูอาจารย์ พ.สุรเตโช ที่ว่า "ลูกพระพุทธเจ้าไม่มีเบื่อหน่ายในการสร้างบุญกุศล" มาประพฤติปฏิบัติ เพราะเสียงนี้ยังก้องอยู่ในหัวจิตหัวใจของผมอยู่ตลอดเวลา บุญกุศลทั้งหลาย หากแม้นผมสามารถกระทำได้ตลอดเวลาหายใจเข้าออก ผมก็จะสร้าง จะทำ โดยไม่เหน็ดเหนื่อย ขอท่านพิเชฐอย่าได้กังวลนะครับ แต่การส่งมอบพระอาจจะล้าช้าอยู่บ้างก็ขออภัยไว้ล่วงหน้านะครับ

    ท้ายสุดนี้ ผมขออนุโมทนาบุญกับท่านผู้บริจาคพระพิมพ์ต่างๆที่ผ่านมาไม่ว่า จะเป็นท่านภูเบศร์ ท่านสุธน ท่านสมบัติ ดร.ณัฐชัย และท่านอื่นๆ รวมทั้งผู้ร่วมบูชา ผู้อนุโมทนา และท่านทั้งสองในวันนี้คือ คุณอัยรัตน์ และท่านพิเชฐ ขอให้ทุกท่านจงมีแต่ความสุข ความเจริญ สว่างไสวทั้งทางโลกและทางธรรมจนกว่าจะเข้าพระนิพพานทุกท่านเทอญ

    ขอเจริญในธรรม
    ดร.นนต์
    12 มีนาคม 2555
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มีนาคม 2012
  2. taewakan

    taewakan สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +1
    ผมและภรรยาอิ่มเอิบใจมากครับที่ได้ร่วมสร้างบุญด้วยครับ
    ธาตรี
     
  3. สาวกธรรม1

    สาวกธรรม1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    341
    ค่าพลัง:
    +173
    ขอโมทนาบุญกับท่านพี่ๆทุกท่านที่ล้วนสละของมีค่ามาเพื่อการบุญในครั้งนี้ ส่วนผมไม่มีสิ่งมีค่าอะไรมาก นอกจาก ความจริงใจจากจิตที่มอบให้กับงานบุญในครั้งนี้ สาธุ สาธุ สาธุ กับทุกท่านขอให้สำเร็จโดยเร็ววันครับ
     
  4. Phoobes

    Phoobes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +1,181
    ศิลปะท่านงดงามครับ พระพักตร์ดูคุ้นๆตาทำให้นึกถึงพระพุทธรูปบางองค์น่าจะทางล้านนาแต่นึกไม่ออกว่าเคยเห็นที่ไหนครับ
     
  5. Phoobes

    Phoobes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +1,181
    ช่างเป็นผู้สรรหาความงดงามเสียจริง (และทรงคุณค่าด้วย):cool:
     
  6. Phoobes

    Phoobes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +1,181

    ต่อท้ายท้ายท่าน IT Man และท่านสมาชิกธรรม อีกนิดครับ

    มองให้เห็นประโยชน์ สิ่งนั้นก็ก่อให้เกิดประโยชน์ได้ ไม่สูญเสียโอกาสที่จะได้ประโยชน์ไปกับการเพ่งโทษ

    มีอะไรมาแลกเปลี่ยนแบ่งปันกันนะครับคุณธาตรี และอีกหลายๆท่านครับ
     
  7. Phoobes

    Phoobes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +1,181
    ความจริงใจและจิตใจที่เป็นบุญกุศล ก็งดงามและเป็นสิ่งที่มีค่ายิ่งสำหรับกัลยาณมิตรแล้วครับ เราต่างร่วมใจกันตามกำลัง ตามสมควรของแต่ละท่าน ในวิถีทางเดียวกัน และจุดหมายเดียวกันนะครับ ท่านน้อง (คิดถึงอยู่นะอาบัง)
     
  8. Phoobes

    Phoobes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +1,181
    อนุโมทนาครับ
    ตอนนี้พระสมเด็จTop4 ที่ผมหมดลงแล้ว คงติดตามได้จากนรธ.ท่านอื่นเชื่อว่ายังคงพอมีอยู่ ส่วนผมยังคงมีพระสมเด็จวังหน้าท่านเจ้าคุณกรมท่า 2411 อยู่อีกนะครับ แจ้งความประสงค์มาที่ผมได้หรือที่ท่านดร.นนท์ก็มีอยู่จำนวนหนึ่งครับ
     
  9. "นนต์"

    "นนต์" เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +1,157
    เส้นทางบุญจากโคราช หนองคาย สู่ภูเขาควายประเทศลาว

    (บันทึกเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันที่ 10-11 มีนาคม 2555)
    โปรดใช้วิจารณญาณ และวางใจไว้กลางๆในการอ่าน
    ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ณัฐนนต์ สิปปภากุล


    ตอนที่ 1 จุดประสงค์ของการเดินทาง

    เช้าวันเสาร์ที่ 10 มีนาคม 2555 ผมพร้อม ผอ.หนุ่ม และคุณณี(ภรรยาคุณหนุ่ม) ได้ออกเดินทางด้วยรถยนต์ (Camery พาหนะบุญ) จากโคราชในราว 8.30 น. การเดินทางในครั้งนี้มีเป้าหมายไปแค่หนองคายตามคำเชิญของหลวงปู่เณรเท่านั้น พวกเราไม่เคยรู้จักหลวงปู่เณรมาก่อน แต่ท่านก็ได้เชิญให้พวกเราไปที่สำนักสงฆ์ของท่าน โดยประสานงานผ่านทางสิบเอกอารี เพื่อการบางอย่าง ซึ่งผมเองก็ยังงงๆอยู่ว่า เอเราไปด้วยเหตุอันใดหนอ แต่จิตของผมก็รู้สึกเบิกบานดี

    เมื่อรถยนต์แล่นออกจากโคราชได้ไม่นาน ได้มีสายโทรศัพท์มาจากสตรีท่านหนึ่งคือ คุณตุ๊ก ผู้ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน เธอเองเป็นคนหนองคายที่เคยตามหาบ่วงนาคบาศตามนิมิตและตามที่ครูอาจารย์ของเธอบอกไว้ เธอเคยโทรศัพท์คุยกับผมครั้งหนึ่งแล้ว วันนี้เธอกำลังเดินทางมาจากกรุงเทพฯพร้อมพี่สาวของเธอ เพื่อมาพบผมที่โคราช และจะกลับหนองคายด้วย ผมบอกให้เธอตามไปพบผมที่หนองคายก็แล้วกัน (เป็นเสมือนเหตุบังเอิญ)

    พวกเราเดินทางผ่านเส้นทางขอนแก่น อุดรธานี เมื่อมาถึงด่านตรวจของตำรวจทางหลวงอุดรธานีบริเวณบ้านโนนสูง ผมได้เข้าไปแวะทักทายผู้หมวดซุป (ร.ต.ท.ศุภชัย อุดหนองเลา) ลูกศิษย์ธรรมที่รู้จักกันมาหลายปี เขาเคยมาที่บ้านของผมหลายครั้ง และผมเองเป็นผู้บอกให้เขาย้ายงานจากกรุงเทพฯเพื่อหนีน้ำท่วมเมื่อปีก่อนโน้น ผู้หมวดก็ทำตามและได้รับความกรุณาจากผู้ใหญ่อย่างเหลือเชื่อ ผู้หมวดซุปเป็นผู้มีความนอบน้อม รู้จักคารวะผู้ใหญ่ด้วยจิตอันบริสุทธิ์ การปฏิบัติธรรมก็ค่อยๆเป็นค่อยๆไป วันนี้ ดูเหมือนผู้หมวดจะมีคลื่นพลังบุญมากขึ้น ผมรู้สึกขึ้นมาว่า ผู้หมวดคงจะได้ประดับยศ ร.ต.อ. ภายในปีนี้เป็นแน่แท้ จึงขออนุโมทนาด้วยนะครับ

    [​IMG]

    ตอนที่ 2 พบญาติธรรมในอดีตชาติ(โน้น....)

    ตอนที่ 3 สำนักสงฆ์แสงจันทร์นิมิต

    ตอนที่ 4 อจินไตยเรื่องมนต์ดำ

    ตอนที่ 5 พระพุทธปฐวีธาตุแสดงอภินิหาริย์

    ตอนที่ 6 ข้ามฝั่งโขงสู่เขตภูเขาควายประเทศลาว

    โปรดติดตามวันพรุ่งนี้นะครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1.jpg
      1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      423.9 KB
      เปิดดู:
      2,696
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มีนาคม 2012
  10. ckj_tong

    ckj_tong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +869
    อนุโมทนาสาธุบุญกับทุกๆท่าน ทุกประการครับ...

    สาธุ สาธุ สาธุ
     
  11. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    ขอโมทนาสาธุในบุญของญาติมิตรที่ร่วมบุญมาเพื่อสะสมบุญบารมีกันนะครับ
     
  12. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    [​IMG]
    สำบายดีบ่ท่านผู้หมวด
    เมื่อวานกับท่านพิเชฐ ยังบ่นๆหาหมวดซุปกับน้องนาคน้อยอยู่พอดี หึหึ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 สิงหาคม 2013
  13. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    ก่อนจักรับการถ่ายทอดเรื่องราวประสบการณ์ของท่าน ดร.นนต์

    ผมขอแทรกรายการพระพิมพ์สมเด็จกลักไม้ขีดลงรักปิดทอง องค์ประมูลแทนคุณมารดา
    เพื่อเป็นกำลังใจและความเชื่อมั่นในพลานุภาพฯแด่ญาติธรรมที่ได้ร่วมประมูลมาสักนิดนะครับ

    หลายวันก่อน...ระหว่างทำความสะอาดองค์พระบูชาในห้องพระ เพื่อต้อนรับคณะคุณสันติ
    ผมได้หยิบพระสมเด็จฯองค์ดังกล่าว ซึ่งวางคู่กันกับพระพุทธปฐวีธาตุองค์แทนคุณบิดา เพื่อพิจารณาและจัดวางให้เรียบร้อยขึ้น
    ปรากฏว่าพบรอยแตกของรักที่เคลือบผิวองค์พระโดยรอบครับ เพื่อมิให้งงไปมากกว่านี้...ผมจึงหยิบอีกองค์ที่คู่กันมาดู
    แต่องค์นั้นกลับไม่มีรอยแตกแต่อย่างใด ทั้งๆที่วางไว้ด้านหน้าองค์พระบูชาสมเด็จโตเช่นกัน

    มาเช้านี้ ผมตั้งใจจักลงภาพให้ญาติธรรมดู ถ่ายภาพไปมาเรื่อยๆ เอ๊ะ สงสัย?
    จึงนำกล้องมาส่องดูเนื้อพระและสิ่งๆหนึ่งปรากฏอยู่ด้านหลังพระ สิ่งๆนั้นคงจะเป็น "เกสาธาตุ" เสด็จมาโปรดครับ
    เชิญชม...

    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]

    รักสีแดง ชนิดนี้นำเข้าจากประเทศจีนเท่านั้น อาจารย์ปู่ฯเขียนไว้ในหนังสือวิเคราะห์พระสมเด็จฯไว้ประมาณว่า
    ...ทางการจีนได้ประกาศยกเลิกการส่งออกรักมาร่วมร้อยปีมาแล้ว...
    ดังนั้น "รักสีแดง" จึงเป็นปัจจัยหนึ่งที่เป็นตัวการันตรีความเก่าของสิ่งที่รักเคลือบผิวไว้ว่า มีอายุเกินร้อยปีขึ้นไปแน่นอนครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1_P1270687.jpg
      1_P1270687.jpg
      ขนาดไฟล์:
      180.6 KB
      เปิดดู:
      7,508
    • 1_P1270690.jpg
      1_P1270690.jpg
      ขนาดไฟล์:
      273.4 KB
      เปิดดู:
      6,818
    • 1_P1270696.jpg
      1_P1270696.jpg
      ขนาดไฟล์:
      98.1 KB
      เปิดดู:
      6,667
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 สิงหาคม 2013
  14. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    [​IMG]
    [​IMG]
    พระพุทธปฐวีธาตุองค์แดง ที่ท่านสันติฝากไว้เพื่อน้อมถวายพระวิปัสสนาจารย์ทางไกล
    คงมีส่วนเกี่ยวข้ององค์ท่านอยู่ไม่มากก็น้อย เพราะองค์ท่านบอกว่า

    หากมีความเชื่อมั่น ศรัทธา เกี่ยวข้องกัน และสัมผัสได้ ก็จักประจักษ์ในพลานุภาพเอง
    ยิ่งนำไปร่วมภาวนาแล้ว ท่านยิ่งส่งเสริมให้...

    ขอโมทนาสาธุบุญทุกประการครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1_P1270667.jpg
      1_P1270667.jpg
      ขนาดไฟล์:
      283.7 KB
      เปิดดู:
      2,644
    • 1_P1270669.jpg
      1_P1270669.jpg
      ขนาดไฟล์:
      246 KB
      เปิดดู:
      3,311
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 สิงหาคม 2013
  15. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    [​IMG]
    [​IMG]

    พระพุทธปฐีธาตุคู่กับองค์แดงอีกองค์ ที่เตรียมไว้มอบแด่ผู้ที่ไม่ชนะการประมูล
    น่าจะเป็นลำดับที่สองครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1_P1270671.jpg
      1_P1270671.jpg
      ขนาดไฟล์:
      256.3 KB
      เปิดดู:
      3,798
    • 1_P1270672.jpg
      1_P1270672.jpg
      ขนาดไฟล์:
      248.8 KB
      เปิดดู:
      4,254
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 สิงหาคม 2013
  16. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    องค์ท่านได้โปรดชี้แนะเสมอๆว่า

    ขอให้อยู่ภายใต้พรหมวิหารธรรม จงมีพรหมวิหารสี่มาครอง กล่าวคือ
    เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา รู้กาลนำธรรมะแต่ละหมวดไปใช้ให้เหมาะสม

    ขอยินดีและโมทนาสาธุกับ นรธ. ที่ผ่านพ้นวิกฤติไปได้ นี่กระมังที่ท่านบอกว่า
    "ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม"

    [​IMG]
    ในภพชาติต่อๆไป

    คนเราจักรู้ว่าตัวเองจักลงอบายภูมิได้ ก็เพราะเห็นการกระทำในภพๆนี้ว่ามีมูลเหตุเช่นนั้นหรือไม่? โปรดอย่าส่งเสริมกันในข้อนี้เด๊อ...
    คนเราจักรู้ว่าตัวเองจักกลับมาเป็นมนุษย์ได้สมบูรณ์หรือไม่ ก็ให้พิจารณาที่ศีลของตนเองว่าบริสุทธิ์เพียงใด
    คนเราจักรู้ว่าตัวเองจักได้ขึ้นสวรรค์ได้หรือไม่ ก็ให้พิจารณาว่ารู้การละอายใจในสิ่งที่ชั่วหรือเกรงกลัวต่อบาปหรือไม่?
    และคนเราจักรู้ว่าตัวเองจักได้ขึ้นไปเมืองพรหมหรือไม่ ก็ให้พิจารณาว่าตนเองมีพรหมวิหารธรรมมาครองในทุกๆข้อแล้วหรือยัง?

    เมื่อพิจารณาเช่นนี้แล้ว ก็ได้ประจักษ์ดั่งองค์ท่านเมตตาพร่ำสอนแล้ว ก็พอจะเห็นว่าเป็นจริงตามนั้น คือไม่ต้องรอให้ตายจริงก็รู้
    ไม่ต้องให้ผู้ใดมาทำนายเลยครับ

    ขอเจริญในธรรม
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 สิงหาคม 2013
  17. "นนต์"

    "นนต์" เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +1,157
    เส้นทางบุญจากโคราช หนองคาย สู่ภูเขาควายประเทศลาว

    (บันทึกเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันที่ 10-11 มีนาคม 2555)
    โปรดใช้วิจารณญาณ และวางใจไว้กลางๆในการอ่าน เพราะความจริงแท้นั้น มันเกินวิสัยของผม
    ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ณัฐนนต์ สิปปภากุล


    ตอนที่ 1 จุดประสงค์ของการเดินทาง

    เช้าวันเสาร์ที่ 10 มีนาคม 2555 ผมพร้อม ผอ.ชยุต (หรือคุณหนุ่ม) ซึ่งเป็น ผอ.ป่าไม้ที่ชัยภูมิ และคุณณี(ภรรยาคุณหนุ่ม) ได้ออกเดินทางด้วยรถยนต์ (Camery พาหนะบุญ) จากโคราชในราว 8.30 น. การเดินทางในครั้งนี้มีเป้าหมายไปแค่หนองคายตามคำเชิญของหลวงปู่เณรเท่านั้น พวกเราไม่เคยรู้จักหลวงปู่เณรมาก่อน แต่ท่านก็ได้เชิญให้พวกเราไปที่สำนักสงฆ์ของท่าน โดยประสานงานผ่านทางสิบเอกอารี เพื่อการบางอย่าง ซึ่งผมเองก็ยังงงๆอยู่ว่า เอเราไปด้วยเหตุอันใดหนอ แต่จิตของผมก็รู้สึกเบิกบานดี

    เมื่อรถยนต์แล่นออกจากโคราชได้ไม่นาน ได้มีสายโทรศัพท์มาจากสตรีท่านหนึ่งคือ คุณตุ๊ก ผู้ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน เธอเองเป็นคนหนองคายที่เคยตามหาบ่วงนาคบาศตามนิมิตและตามที่ครูอาจารย์ของเธอบอกไว้ เธอเคยโทรศัพท์คุยกับผมครั้งหนึ่งแล้ว วันนี้เธอกำลังเดินทางมาจากกรุงเทพฯพร้อมพี่สาวของเธอ เพื่อมาพบผมที่โคราช และจะกลับหนองคายด้วย ผมบอกให้เธอตามไปพบผมที่หนองคายก็แล้วกัน (เป็นเสมือนเหตุบังเอิญ)

    พวกเราเดินทางผ่านเส้นทางขอนแก่น อุดรธานี เมื่อมาถึงด่านตรวจของตำรวจทางหลวงอุดรธานีบริเวณบ้านโนนสูง ผมได้เข้าไปแวะทักทายผู้หมวดซุป (ร.ต.ท.ศุภชัย อุดหนองเลา) ญาติธรรมธรรมที่รู้จักกันมาหลายปี เขาเคยมาที่บ้านของผมหลายครั้ง และผมเองเป็นผู้บอกให้เขาย้ายงานจากกรุงเทพฯเพื่อหนีน้ำท่วมเมื่อปีก่อนโน้น ผู้หมวดก็ทำตามและได้รับความกรุณาจากผู้ใหญ่อย่างเหลือเชื่อ ผู้หมวดซุปเป็นผู้มีความนอบน้อม รู้จักคารวะผู้ใหญ่ด้วยจิตอันบริสุทธิ์ การปฏิบัติธรรมก็ค่อยๆเป็นค่อยๆไป วันนี้ ดูเหมือนผู้หมวดจะมีคลื่นพลังบุญมากขึ้น ผมรู้สึกขึ้นมาว่า ผู้หมวดคงจะได้ประดับยศ ร.ต.อ. ภายในปีนี้เป็นแน่แท้ จึงขออนุโมทนาด้วยนะครับ



    [​IMG]


    ตอนที่ 2 พบญาติธรรมในอดีตชาติ(โน้น....)


    พบกับกินรี

    เมื่อแวะทักทายกับผู้หมวดพอสมควรแก่เวลาแล้ว พวกเราได้ออกเดินทางสู่จังหวัดหนองคายทันที วันนี้ตั้งแต่เช้าอากาศเย็นสบายเพราะไม่ค่อยมีแดด พอเริ่มเข้าสู่เขตหนองคายปรากฏว่า มีฝนตกตลอดเส้นทาง การไปหนองคายครั้งนี้ ผมกับคุณหนุ่มยังไม่รู้เลยว่า สำนักสงฆ์ที่เราจะไปนั้นชื่ออะไร อยู่ที่ไหน หลวงปู่ท่านชื่ออะไร ก็คงต้องใช้วิธีไปหาทางเอาข้างหน้า ผมทราบจากคุณหนุ่มว่า คุณอารี(สิบเอกอารี)ลูกศิษย์หลวงปู่โทรมาบอกว่า หลวงปู่จะส่งกินรีมาต้อนรับด็อกเตอร์นะ พวกเราก็ยังงงๆว่า กินรีมีตัวเป็นแบบใดหนอ เมื่อใกล้ถึงหนองคายราวๆบ่ายโมง พวกเราก็ได้รับสายจากสตรีท่านหนึ่งโทรมาบอกเส้นทางไปวัด และจะออกมารับที่ปากทางเพื่อจะพาไปรับประทานอาหารก่อนจะเข้าวัด เมื่อพบกันแล้วก็ยังไม่รู้ว่า เธอคือกินรี รู้แต่ว่าเธอชื่อคุณนกที่ขับรถเบนซ์ออกมารับพวกเรา (มาทราบทีหลังก่อนจากกันว่า เธอคือกินรีนั่นเอง) เมื่อได้สนทนากันแล้ว เธอเกิดอาการปีติตลอดเวลาเสมือนเป็นญาติมิตรกันมาก่อน

    พบหลวงปู่(เณร)

    เมื่อรับประทานอาหารเสร็จแล้ว จึงมุ่งหน้าเดินทางเข้าสู่สำนักสงฆ์ที่อยู่ห่างจากตัวเมืองหนองคายประมาณ 10 กิโลเมตร ผมสังเกตเส้นทางเมื่อเราเลี้ยวออกจากถนนหลักเข้าสู่สำนักสงฆ์ เป็นถนนลูกรังวิ่งผ่านหมู่บ้านสองสามหมู่บ้าน ทางคดเคี้ยวไปมา และเริ่มมีสภาพเป็นป่าดูวังเวงมากขึ้น ไม่นานก็ไปถึงสำนักสงฆ์ราวๆบ่ายสองโมงกว่าพร้อมกับมีฝนตกลงมาหนักพอสมควร หลวงปู่ได้ออกมาจากกลดภาวนาที่อยู่ในศาลา พวกเราจึงเข้าไปกราบนมัสการท่าน คำแรกๆที่ผมได้ยินก็คือ "ด็อกเตอร์เอ้ย มาซอยกันส่างบารมีเด้อ ขอบารมีด็อกเตอร์มาซอยกันเด้อ"... "มื้อคืนปู่เพินก็มาบอกว่า ญาติธรรมจากโคราชซิมาหาเด้อ" (ด็อกเตอร์มาช่วยกันสร้างบารมี ขอบารมีของด็อกเตอร์มาช่วยกันนะ... เมื่อคืนปู่ท่านก็มาบอกว่า จะมีญาติธรรมจากโคราชมาหาเด้อ) ผมนิ่งไปสักพักเพราะยังงงๆ ท่านจึงเอ่ยขึ้นมาว่า "บ่แม้นเรื่องเงินเรื่องปัจจัยดอก ขอแค่ด็อกเตอร์ส่งจิตส่งบารมีมาก็พอแล้ว" ผมยังสงสัยตัวเองอยู่ว่า แล้วผมจะมีบารมีอันใดหนอที่จะมาช่วยท่านได้ แต่ผมก็รับปากท่านไปเสียแล้ว

    หลังจากสนทนากันกับท่านประมาณหนึ่งชั่วโมง ฝนเริ่มซาลง พวกเราจึงขอตัวเพื่อจะเข้าไปกราบหลวงพ่อพระใสที่วัดโพธิ์ชัย และจะเลยไปเที่ยวตลาดอินโดจีน(ท่าเสด็จ) แล้วจึงจะย้อนกลับมาพักที่วัดเพื่อสนทนาธรรมกับท่านอีกครั้ง (มีรายละเอียดจะเล่าในตอนต่อไป)

    ภาวนา ณ วัดโพธิ์ชัย

    พวกเราเดินทางไปถึงวัดโพธิ์ชัยซึ่งเป็นวัดที่ประดิษฐานพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของหนองคายคือ หลวงพ่อพระใส ในราวบ่ายสามโมงกว่า ผมได้เข้าไปกราบท่านบนพระวิหารพร้อมกับนั่งภาวนาสมาธิประมาณเกือบครึ่งชั่วโมง การภาวนาเบื้องหน้าหลวงพ่อพระใส แม้จะมีผู้คนมากมาย แต่แปลกผมกลับมีความสงบสมาธิดิ่งเร็วดี ในมโนจิตปรากฏความสว่างคล้ายประกายเพ็ชร โดยเริ่มจากคล้ายๆน้ำใสค่อยแตกแยกออกเป็นเสี่ยงคล้ายเพ็ชร แต่ไม่แจ่มแจ้งเท่าใดนัก ในจิตก็รู้ว่า เป็นของพื้นๆ(เด็กๆ)สำหรับพระอริยเจ้า

    หลังจากออกจากสมาธิแล้ว ผมได้เข้าไปอธิษฐานเสี่ยงทายพระพุทธรูปที่วางอยู่ด้านข้าง โดยกำหนดจิตอธิษฐานสิ่งเดียวกันกับเมื่อครั้งที่เสี่ยงทายที่พระธาตุพนมคราวที่แล้ว โดยกำหนดว่า "หากข้าพระพุทธเจ้าจักสำเร็จ...ในภพในชาตินี้ ขอจงให้พระพุทธรูปมีน้ำหนักมากด้วยเถิด..." เมื่อผมยกพระพุทธรูปขึ้นปรากฏว่ามีน้ำหนักมากสามารถยกขึ้นได้เพียงเล็กน้อย เมื่อจะยกครั้งที่สองในคำอธิษฐานเดิม "หากข้าพระพุทธเจ้าจักสำเร็จ...ในภพในชาตินี้ ขอให้ข้าพระพุทธเจ้ายกพระพุทธรูปขึ้นเบาดั่งปุยนุ่นด้วยเถิด..." ผมตั้งสติให้จิตตั้งมั่นแล้วยกขึ้นจังหวะเดียว ปรากฏว่า พระพุทธรูปลอยละลิ่วเบาหวิวขึ้นเลยเหนือศรีษะของผมขึ้นไปจนสุดแขนอย่างน่าอัศจรรย์ ท่ามกลางสายตาของคุณหนุ่มและคุณณี หลังจากนั้น ผมก็ลองให้คุณหนุ่มและคุณณีอธิษฐานจิตดู ปรากฏว่า พระพุทธรูปมีน้ำหนักมากจนยกไม่ขึ้น และมีน้ำหนักเบาหวิวต่างกันอย่างน่าอัศจรรย์ เป็นอันว่า คำอธิษฐานเสี่ยงทายของพวกเราในครั้งนี้ สมหวังกันทุกคน (คุณหนุ่มกับคุณณีอธิษฐานอะไรผมไม่รู้)


    [​IMG]

    กราบหลวงพ่อพระใส วัดโพธิ์ชัย หนองคาย

    [​IMG]

    ยกพระพุทธรูปครั้งแรกได้สูงแค่นี้ (สังเกตเส้นเอ็นคอ)

    [​IMG]

    ยกครั้งที่สองเบาหวิวลอยละลิ่วสูงจนสุดแขน

    โปรดพญานาคและมหัศจรรย์ทางจิตที่ร้านนกยูง

    เมื่อออกจากวัดโพธิ์ชัยแล้ว พวกเรามุ่งหน้าสู่ตลาดอินโดจีน(ท่าเสด็จ)ที่อยู่ติดแม่น้ำโขง เพื่อไปซื้อของบางอย่าง ขณะที่เดินอยู่ภายในตลาด คุณณีเธออยากได้แหวนที่ประดับเพ็ชรนาคาของแท้ พวกเราจึงเดินทางเข้าไปที่ร้านนกยูงตามคำแนะนำของอาจารย์นาง(เชื้อสายนาค) เมื่อไปถึงร้านแล้ว คุณนกยูงได้เข้ามาทักทายและต้อนรับตามธรรมเนียมที่ดี ภายในร้านนั้นมีเครื่องประดับจำนวนมากที่ทำด้วยพลอยและเพ็ชรพญานาค ผมเองมองเห็นแหวนที่ทำด้วยแก้วโป่งข่ามอยู่วงหนึ่ง จึงขอออกมาดูพร้อมกับอธิษฐานจิตตามวิธีของผม แล้วยื่นกลับไปให้คุณนกยูงพร้อมกับบอกให้เธอลองสัมผัสดู ปรากฏว่ามือไม้ของเธอสั่น ขนลุกขนชันไปทั้งตัว ผมบอกเธอว่า "แก้วโป่งข่ามเปลี่ยนสีเข้มขึ้นแล้ว มีพลานุภาพมากมายแล้วนะ เก็บไว้ให้ดีๆนะ" เธอเกิดอาการปีติยกมือไหว้แล้วไหว้อีก พร้อมกับนำแหวนวงนั้นเข้าไปเก็บไว้หลังร้านทันที หลังจากนั้น ผมรู้สึกว่าผมจักต้องแผ่เมตตาให้กับเหล่าพญานาคที่สถิตย์อยู่ในลูกแก้วและเพ็ชรนาคาที่มีอยู่ในร้านนี้ (ร้านอื่นผมไม่รับรองว่าจะเป็นของแท้) ปรากฏว่ามีคลื่นของดวงจิตเข้ามามาก ผมจึงขออำนาจบารมีพระเบื้องบนโปรดสงเคราะห์ดวงจิตที่อยู่ในร้านนี้ทุกดวงตามวิธีของผม พร้อมกับอธิษฐานจิตขอให้เพ็ชรนาคาทั้งหลายจงมีพลานุภาพเพิ่มทวีขึ้น (จะจริงไม่จริงก็ชั่ง ผมกระทำไปด้วยจิตเมตตาอันบริสุทธิ์ที่อยากจะสงเคราะห์พวกเขา)

    คุณณีเธอเลือกแหวนเพ็ชรนาคาอยู่หลายวง แต่มีอยู่อีกหนึ่งวงเป็นเพ็ชรนาคาสีเขียวมีลักษณะพิเศษ เธอชอบจึงขอต่อราคา คุณนกยูงเจ้าของร้านเธอยิ้มหันกลับมาถามผมว่า จะให้เธอทำเช่นไร เพราะราคาที่คุณณีอยากได้นั้น เป็นราคาต่ำกว่าทุนมาก ผมจึงบอกเธอว่า หากจะทำบุญกับผู้มีศีล อย่าได้นึกถึงกำไรขาดทุน เพราะบุญที่เรามองไม่เห็นนั้น เงินทองไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบได้ เธอรับฟังพร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า เอาตามที่ผมบอก ผมจึงบอกให้คุณณีอวยพรให้เธอ หลังจากนั้นคุณนกยูงได้วิ่งไปที่หลังร้านพร้อมกับนำเอาแหวนอีกวงที่เหมือนกัน เธอบอกว่าเป็นแหวนที่เธอรักมากจึงเก็บไว้ส่วนตัว และขอให้ผมช่วยอธิษฐานจิตให้เธออีกครั้ง ก่อนจากกันเธอบอกว่า วันนี้มีบุญและปีติมาก หากใครไปหนองคาย ลองแวะไปที่ร้านนกยูง แล้วสอบถามเธอเอาเองนะครับ

    พบญาติพี่น้องในอดีตชาติ(โน้น...)

    ขณะที่เดินอยู่ในตลาดอินโดจีน ผมได้รับการติดต่อมาจากคุณตุ๊กที่เดินทางมาจากกรุงเทพฯ เพื่อขอพบผมที่วัดโพธิ์ชัย ผมจึงไปตามนัด เราพบกันในราวหกโมงเย็นท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายลงมาเล็กน้อย เมื่อพบกันแล้ว เธอรู้สึกปีติ บางครั้งเธอก็รู้สึกแปรปรวนในธาตุขันธ์ บางครั้งเธอก็พูดออกมาเป็นภาษาเทพสลับกันไปมา ผมยืนดูเธอด้วยความเมตตา เธอบอกว่า เธอตามหาบ่วงนาคบาศอยู่นานหลายแห่งตามนิมิตและตามครูอาจารย์ (หลวงปู่...ที่หนองคาย)บอก เธอไม่นึกว่าจะมาเจอผม วันนี้เธอเดินทางมาจากกรุงเทพฯ พร้อมกับนำเอากำไลข้อมือบ่วงนาคบาศสัมฤทธิ์แบบโบราณมาให้ผมดู หลังจากนั้นผมได้ยื่นแหวนนาคบาศเนื้อนากของผมให้พี่สาวของเธอ(คุณติ๊ก) เมื่อเธอรับไปแล้ว ปรากฏว่าเธอมือไม้สั่น พร้อมกับพูดภาษาเทพขึ้นมา และมองมาที่ผมด้วยอาการตื่นเต้นพร้อมกับพูดขึ้นมาว่า "ท่านจะให้ใครแหวนวงนี้" เพราะน้องสาวของเธอเป็นผู้ตามหาอยู่ ผมรับกลับคืนมาพร้อมอธิษฐานจิตแล้วยื่นกลับไปให้เธอพร้อมกับเอ่ยว่า "ให้คุณนั้นแหละ คุณปรารถนาอยู่มิใช่หรือ" เธอตอบว่า แล้วน้องสาวเธอหละ ผมตอบกลับไปว่า "แล้วผมจะมอบสิ่งอื่นให้เธอ" เธอจึงรับไปด้วยน้ำตาและรำพึงรำพันเป็นภาษาเทพ

    หลังจากนั้น ผมจึงมอบลูกแก้วสีเขียวขนาดเล็กที่พึ่งได้รับมาจากบาตรหลวงปู่ใหญ่เทพโลกอุดร(จากพระอาจารย์ปรีชา)แก่คุณตุ๊ก เมื่อเธอเห็น เธอตกใจพร้อมกับยกมือไหว้ไปทางหลวงพ่อพระใสพร้อมกับกล่าวขึ้นมาว่า ผมรู้ได้อย่างไรว่า เธอกำลังตามหาลูกแก้วสีเขียวอยู่ (ความจริงผมไม่รู้หรอก แต่อยากจะให้เธอ) เธอเกิดอาการปีติขนลุกขนชันอยู่ตลอดเวลา บางครั้งก็พูดภาษาเทพขึ้นมา พวกเราสนทนากันอย่างกับเป็นญาติกันมาก่อน ก่อนที่จะจากกันคุณติ๊กผู้พี่สาวอดกลั้นความปีติของเธอไม่ไหว ขอเข้ามากอดผมทั้งน้ำตา พร้อมกับเอ่ยว่า "ฉันเคยเป็นลูกสาวของท่านใช่ไหม เพราะฉันรู้สึกอย่างนั้น" (เธออายุมากกว่าผม) ผมจึงตอบเธอว่า "ถ้าคิดว่าใช่ก็ใช่" ผมจึงเรียกคุณตุ๊กเข้ามากอดรวมกันอีกคน เหตุการณ์ทั้งหลายอยู่ในการรับรู้ของคุณหนุ่มและคุณณีตลอดเวลา จึงมิสามารถอธิบายไปได้มากกว่านี้ เฮ้อ...เรื่องแบบนี้ก็มีในโลกยุคปัจจุบันนี้หนอ...




    [​IMG]

    แหวนนาคบาศเนื้อนากโบราณ ผู้มีญาณบอกว่ามาจากน้ำลึก ที่ผมมอบให้คุณติ๊ก


    ตอนที่ 3 สนทนาธรรมกับหลวงปู่เณร


    พวกเราเดินทางกลับสำนักสงฆ์ในราวทุ่มกว่าๆ ปรากฏว่าหลงทางเข้าป่าลึก ยิ่งไปยิ่งไกลออกไปเรื่อยๆ ดูวิเวกเปลี่ยวเปล่าน่าดู ฝนก็พรำๆ บรรยากาศก็ชวนขนลุก คุณหนุ่มโทรให้คนออกมารับจึงสามารถกลับเข้าสู่สำนักสงฆ์ได้ ก็ปาเข้าไปสองทุ่มกว่าๆ หลวงปู่เณรและญาติธรรมนับสิบกำลังรอพวกเราเพื่อสวดมนต์ทำวัตรเย็น หลังจากทำวัตรเสร็จแล้ว ท่านให้หญิงสาวคนหนึ่งที่ท่านเคยช่วยเหลือเธอไว้จากการถูกเล่นงานด้วยคุณไสย ประทับทรงปู่ตาซึ่งเป็นเทพทางลาวแถบภูเขาควายเพื่อสอบถามบางอย่าง ผมนั่งดูอยู่ห่างๆ ได้เรียนรู้และพิจารณาธรรมที่กำลังเกิดขึ้นอยู่เบื้องหน้า เห็นความทุกข์ของผู้คนที่เข้ามาหาหลวงปู่เพื่อให้ท่านช่วย มีสารพัดความทุกข์ มีการเสี่ยงทายโดยการยกขาปู่ผ่านขาของร่างทรงคล้ายกันกับการยกพระพุทธรูป คุณหนุ่มกับคุณณีได้ทดลองเสี่ยงทาย ปรากฏว่าหากสำเร็จให้ยกขาไม่ขึ้น ปรากฏหนักอึ้งไม่สามารถขยับเขยื้อน ทั้งที่ร่างทรงก็นั่งสบายๆ และหากสำเร็จให้สามารถยกขาขึ้นแบบสบาย ก็ปรากฏว่าเบาหวิวขึ้นมาเฉย เอ้อหนอ...แบบนี้ก็มีด้วย (ก็เคยเห็นแต่การเสี่ยงทายพระพุทธรูป)


    เมื่อญาติธรรมลากลับเกือบหมดแล้ว ผมจึงได้สนทนาธรรมกับหลวงปู่เณร ท่านเล่าให้ฟังว่า ท่านเคยเป็นทหารแล้วลาออกมาบวชเป็นพระในฝ่ายธรรมยุตเมื่อหลายปีมาแล้ว(ท่านไม่ได้บอกว่ากี่ปี) แล้วออกธุดงค์ไปตามป่าดงแถบภาคอีสาน เคยไปสร้างวัดแห่งหนึ่งที่อุบล(ถ้าจำไม่ผิด) จากไม่มีอะไรเลยสำเร็จภายในไม่นาน และเมื่อมีความเจริญแล้วท่านจึงได้หนีออกจากวัดนั้น และออกธุดงค์เรื่อยมาจนมาพบบริเวณสำนักสงฆ์แห่งนี้ ขณะที่ท่านบำเพ็ญโดยถือสัจจะเป็นเวลาหนึ่งเดือนนั้น ปรากฏนิมิตมากมายทั้ง การพบกับหลวงปู่ใหญ่เทพโลกอุดรในร่างบุรุษชุดขาวมีพญานาคเป็นพาหนะ หลวงปู่ศรีเอกวงศ์(ท่านบอกว่าเกี่ยวพันกันกับหลวงปู่โต เป็นภพหนึ่ง)ซึ่งเคยบำเพ็ญอยู่ในภูมิแห่งนี้ หลวงปู่มั่นและหลวงปู่ต่างๆก็เคยมาหา พญานาคที่มาในญาณของปู่ขาวและปู่ดำ และที่สำคัญบริเวณที่อยู่ใกล้ๆสำนักสงฆ์แห่งนี้ เป็นภูมิของพระอรหันต์สมัยพุทธกาล เป็นภูมิของคนสูงแปดศอก ท่านนิมิตเห็นบาตรพระขนาดใหญ่จำนวน 20 อันอยู่ใต้พื้นดินแห่งนี้ และอีกหลายๆเรื่อง รวมทั้งเรื่องไสยศาสตร์มนต์ดำและวิญญาณทั้งหลาย ก็เป็นหนึ่งในหัวข้อที่สนทนากันในค่ำคืนนี้


    ในตอนหนึ่งหลวงปู่เล่าถึงว่า ทำไมท่านถึงต้องสึกจากความเป็นพระลงมาเหลือแค่การบวชเป็นเณร ทั้งที่ตัวท่านเองก็บำเพ็ญเพียรมาตามแบบอย่างพระกรรมฐาน แต่เมื่อได้มาพบกับหลวงปู่ใหญ่แล้ว ภาระหน้าที่บางอย่างจึงเปลี่ยนไป หน้าที่ปราบมารบังเกิดขึ้น การช่วยเหลือสงเคราะห์คนทุกข์สาหัสจากไสยศาสตร์มนต์ดำก็บังเกิดขึ้น การสร้างพระพุทธรูป การสร้างวัดก็บังเกิดขึ้นไปพร้อมๆกัน โอ้หนอ...การสร้างบารมีทำไมมันถึงยากเพียงนี้น้อ... เส้นทางพระอรหันต์ก็เห็นห่างกันเพียงเส้นผม แต่ก็ต้องกลับมาอีกเส้นทางหนึ่ง ไฉนเส้นทางหรือจริตในการบำเพ็ญจึงแตกต่างกัน... ท่านทั้งหลาย ผมเข้าใจแล้วว่า เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น ผมจึงไม่มีสิทธิ์ที่จะไปพิจารณาที่ผู้อื่น ผู้อื่นก็คือผู้อื่น การบำเพ็ญของคนอื่นก็เป็นของคนอื่น หน้าที่ของใครก็ของมัน อย่าได้เอามาปะปนกับของเรา ตัวเรายังมิใช่ของเรา ผมจึงได้แต่อนุโมทนาในบุญกุศลที่ท่านสร้างมาดีแล้ว


    หลวงปู่บอกว่า "ภูมิที่นี่ดี ด็อกเตอร์มาภาวนาเอาเด้อ มาสร้างบารมีช่วยกันเด้อ" เมื่อได้เวลาพักผ่อน พวกเราจึงได้อาศัยศาลาเป็นที่นั่งภาวนาและนอน ซึ่งกลดของหลวงปู่ก็อยู่ในศาลาแห่งนี้ เมื่อหลวงปู่ได้เข้ากลดภาวนาแล้ว ผมกับคุณหนุ่มก็อาศัยที่นอนนั้น เป็นที่นั่งภาวนาท่ามกลางเสียงฝนตกเป็นระยะๆ ผมได้อธิษฐานจิตขอพลังบารมีพระเบื้องบนได้โปรดแผ่ลงมาคลุมอาณาบริเวณสำนักสงฆ์แห่งนี้ ช่วยสะกัดกั้นสิ่งชั่วร้ายทั้งหลายอย่าได้กร้ำกรายเข้ามาได้เลย ขอให้มีแต่สิ่งมงคลเข้ามา ขอให้การสร้างวัดสร้างคนจงสำเร็จ ขอให้ผู้ที่มาบำเพ็ญเพียร ณ ที่แห่งนี้ จงสว่างไสว ขอหลวงปู่เทพเทวาทั้งหลายจงมีแต่ความสุขเกษมสำราญ มีญาณบารมีแผ่ไพศาลไปสู่อนันตจักรวาล ผมไม่รู้หรอกว่า ผมมีบารมีอยู่จริงหรือไม่ แต่จิตอันเป็นเมตตามันบังเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน จะจริงไม่จริงก็ชั่ง ขอกระทำไปด้วยจิตอันบริสุทธิ์ก็เพียงพอแล้วสำหรับการมาในที่แห่งนี้


    ในช่วงเช้าต่อมา หลวงปู่บอกคุณอารีว่า เมื่อคืนได้ยินคนสนทนาธรรมกัน แต่ผมไม่รู้เรื่องหรอก แต่ที่รู้กันก็คือ ขณะที่นั่งภาวนาอยู่นั้น มีวัตถุหล่นใส่หลังคาดังลั่น

    ตอนที่ 4 อจินไตยเรื่องมนต์ดำ

    ตอนที่ 5 พระพุทธปฐวีธาตุแสดงอภินิหาริย์

    ตอนที่ 6 ข้ามฝั่งโขงสู่เขตภูเขาควายประเทศลาว

    โปรดติดตาม
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มีนาคม 2012
  18. sarutha

    sarutha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2008
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +180
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=549 bgColor=#ffffff align=center><TBODY><TR><TD colSpan=4>อิทธิบาท 4



    </TD></TR><TR><TD width=12></TD><TD colSpan=4>คำว่า อิทธิบาท แปลว่า บาทฐานแห่งความสำเร็จ หมายถึง สิ่งซึ่งมีคุณธรรม เครื่องให้ลุถึงความสำเร็จตามที่ตนประสงค์ ผู้หวังความสำเร็จในสิ่งใด ต้องทำตนให้สมบูรณ์ ด้วยสิ่งที่เรียกว่า อิทธิบาท ซึ่งจำแนกไว้เป็น ๔ คือ
    ๑. ฉันทะ ความพอใจรักใคร่ในสิ่งนั้น
    ๒. วิริยะ ความพากเพียรในสิ่งนั้น
    ๓. จิตตะ ความเอาใจใส่ฝักใฝ่ในสิ่งนั้น
    ๔. วิมังสา ความหมั่นสอดส่องในเหตุผลของสิ่งนั้น
    ธรรม ๔ อย่างนี้ ย่อมเนื่องกัน แต่ละอย่างๆ มีหน้าที่เฉพาะของตน
    ฉันทะ คือความพอใจ ในฐานะเป็นสิ่งที่ ตนถือว่า ดีที่สุด ที่มนุษย์เรา ควรจะได้ ข้อนี้ เป็นกำลังใจ อันแรก ที่ทำให้เกิด คุณธรรม ข้อต่อไป ทุกข้อ
    วิริยะ คือความพากเพียร หมายถึง การการะทำที่ติดต่อ ไม่ขาดตอน เป็นระยะยาว จนประสบ ความสำเร็จ คำนี้ มีความหมายของ ความกล้าหาญ เจืออยู่ด้วย ส่วนหนึ่ง
    จิตตะ หมายถึงความไม่ทอดทิ้ง สิ่งนั้น ไปจากความรู้สึก ของตัว ทำสิ่งซึ่งเป็น วัตถุประสงค์ นั้นให้เด่นชัด อยู่ในใจเสมอ คำนี้ รวมความหมาย ของคำว่า สมาธิ อยู่ด้วยอย่างเต็มที่
    วิมังสา หมายถึงความสอดส่องใน เหตุและผล แห่งความสำเร็จ เกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ ให้ลึกซึ้งยิ่งๆ ขึ้นไปตลอดเวลา คำนี้ รวมความหมาย ของคำว่า ปัญญา ไว้อย่างเต็มที่


    </TD></TR></TBODY>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 13 มีนาคม 2012
  19. สาวกธรรม1

    สาวกธรรม1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    341
    ค่าพลัง:
    +173
    ขออนุโมทนาสาธุกับท่านอาจารย์และคณะบุญด้วยครับ
     
  20. ซึ้งบน

    ซึ้งบน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    225
    ค่าพลัง:
    +377
     

แชร์หน้านี้

Loading...