รู้อะไร ให้รู้ตรงๆ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ขันธ์, 2 มกราคม 2012.

  1. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    คุณเก่ง คุณคิดไปถึงไหนหรือ จิตใจถึงวิ่งไปถึงหลวงตา และคุณก็เข้าใจผิด เพราะหลวงตาไม่เคยด่าใคร
    ท่านพูดแต่ธรรม และอีกประการหนึ่งคือ กระทู้นี้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับการด่าอะไร ไม่ได้มีอยู่ในประเด็น ตั้งสติหน่อย อย่าไปเอาอะไรในใจออกมา อ่านธรรมทำไมไม่รับธรรมแต่กลับพ่นกิเลสเล่า
     
  2. suthipongnuy

    suthipongnuy ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +1,428
    ชอบลีลาการตอบของท่านขันธ์ครับ

    เนื้อๆเน้นๆ แบบนี้กิเลสมันทนไม่ไหว

    เคยสนทนากับพระรูปหนึ่ง ท่านก็ว่า ด่าแรงๆแบบนี้

    ท่านบอกว่าด่ากิเลส ใครทนไม่ไหวก็กิเลสมันหนา :cool:
     
  3. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    สาธุด้วยครับ...
    การพิจารณาธรรมไม่ใช่การจำให้ขึ้นใจหรือนึกขึ้นเมื่อไหร่ก็หยิบนำมาใช้โดยส่วนตัวผมนั้นธรรมทั้งหลายอยู่ที่ใจพระศาสดาบัญญัติไว้เพื่อให้เราได้มองเห็นได้เข้าใจได้สร้างให้สถิตไว้ในใจเพื่อจะได้ส่งต่อให้กับชนรุ่นหลัง ภาษาเวลาเขียนแต่ละที่นั้นเขียนแปลไม่เหมือนกันแต่สิ่งที่เหสือนกันคือ ความรู้สึกที่เกิดขึ้นเอาง่ายๆผลจากการกินอาหาร เรากินกันด้วยสองอาการความอยากอาศัยสังขารทางใจเป็นตัวนำกับความหิวที่อาศัยสังขารทางกายเป็นตัวนำ เมื่อกินแล้วผลที่ได้หลักๆคือ อิ่มเหมือนกันแต่ทางเข้าหรือทางจะกินนั้นหากเลือกกินเพราะความอยากมันก็จะไม่มีวันสิ้นสุดจะมีต่อไปเรื่อยๆ พอพิจารณาเห็นแบบนี้กับเรื่องอื่นๆมันก็คล้ายๆกัน ก็เพียงจะบอกว่าไม่ว่ารูปลักษณะการกระทำความคิดและคำพูดมันจะแตกต่างกันอย่างไรแต่ความรู้สึกที่ได้นั้นต้องเป็นลักษณะเดียวกัน เพราะนั่นเป็นความพิเศษสุดของธรรมอันมีพระศาสดาสั่งสอนไว้...ส่วนตัวความรู้ที่ถูกถ่ายทอดไม่ใช่ความรู้จากการจดจำแต่ความรู้ที่ได้จากการพิจารณาเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งมันจึงจะสืบต่อกันไปได้(ต้องตรงกันด้วย)ไม่ใช่สักแต่ว่าจำ
    สาธุคั๊บ
     
  4. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    ผมอาจจะผิดหรือผิดเลยทีเดียว ผมก็ปรุงไปเรื่อยนั่นแหละครับ ก้อเห็นยกตัวอย่างคำว่าไอ้ควาย ผมก็เลยสำทับความซื่อสัตย์ต่อเจตนาของตนก็เท่านั้นส่วนเรื่องบางครั้งผมก็เคยได้ยินหลวงตาท่านสอนแต่ด้วยความที่ผมคิดว่าท่านสอนผมจึงไม่ได้ปรุงแต่งอะไรต่อไปหรือว่าลุงไม่เคยได้ยินก็ไม่เป็นไร ผมก็ฟังจากวิทยุนั่นแหละ ลุงก็ยังคงคิดว่าคนอื่นพ่นกิเลสตามเคย ผมว่าจะสอนหรือไม่สอนก็ต้องซื่อสัตย์ต่อเจตนาของตนเองผมก็สำทับให้เท่านั้น ที่กล่าวถึงหลวงตาเพราะว่าไม่ว่าท่านจะกล่าวสิ่งใดเจตนาท่านก็เพื่อสอนเพื่อคลายท่านก็ปรารภอยู่บ่อยๆ ลุงต่างหากที่ไม่เคยรับธรรมจากใครๆเลย อาจเพราะเห็นว่าไม่คู่ควรกับลุงก็สุดแล้วแต่เพราะผมก็กล่าวธรรมเช่นกันว่าด้วย...ความซื่อสัตย์ต่อเจตนาตนการตั้งตนในเจตนาที่ดีไม่ว่าจะคิดหรือพูดหรือกระทำเท่านั้นแหละครับ
    สาธุคั๊บ
     
  5. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    ครับเห็นด้วยแต่ต้องรู้จักกับกิเลสจริงๆเสียก่อนจึงจะกระทำได้หากยังไม่รู้จักก้ออาจจะพลาดได้...ยกตัวอย่างเช่น ไม่มีการพยากรณ์ว่าใครเป็นอย่างไรได้อะไรหากยังไม่รู้จักสิ่งนั้นเพราะสิ่งต่างๆนั้นไม่ได้เป็นไปตามคำพูดหรือความคิดแม้แต่การกระทำของคนอื่น...หมายถึง ความดีและความไม่ดีของตนเอง(กิเลส)
     
  6. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    สาธุอนุโมทนากับทุกท่านครับเจริญในธรรมตามอัธยาศัยนะครับ
    สวัสดีปีใหม่นะครับลุงขันธ์ ขออำนาจพระศรีรัตนตรัย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในไตรภพ ขอจงอำนวยอวยชัยให้ลุงและครอบครัวจงมีแต่ความสุขความเจริญยิ่งๆขึ้นไปในปีใหม่นี้
    ท่านอื่นก็เช่นกันครับ
    สาธุคั๊บ
     
  7. เสขะ บุคคล

    เสขะ บุคคล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,240
    กระทู้เรื่องเด่น:
    54
    ค่าพลัง:
    +4,023
    :-
    คือ...ต้องรู้ความจริงของสิ่งทั้งหลายตามสมมุติ และความจริงตามธาตุ ตามไตรลักษณ์ จึงสามารถเท่าทันความคิดปรุงแต่งของตนที่เห็นผิดไปจากความจริงนั้นๆ

    จึงเห็นโทษ ของสังขารความคิดปรุงทั่วโลกสงสาร ตามสังขารมาร
    และวางเฉยต่อสังขารได้ ด้วยจิตที่ตั้งมั่นไม่ปรุงแต่งออกไปไกลเกินกว่า...ธรรม

    จึงมีความรู้สึกตัว ย่นเข้ามาสู่ตน เวลาจิตออกรู้ทางอายตนะ ผัสสะ ก็จะเกิดเป็นแค่เวทนา หรือสังขารที่กระเพื่อมแล้วดับไปด้วยความรู้เท่าในความจริงและรู้เท่าในสังขาร ไม่ไปเกาะยึดในใจให้เป็นทุกข์ หรือปรุงแต่งจนเป็นภพเป็นชาติไม่มีที่สิ้นสุด.....

    จึงเรียกว่า รู้ตรง ในความหมายแบบนี้


    ไม่ทราบว่าเข้าใจแบบนี้ ผิดธรรมที่พี่ขันธ์แสดงอย่างไรบ้าง พี่ขันธ์อธิบายขยายความเพิ่มและชี้ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เห็นไม่ตรงให้ด้วยครับ ขอบคุณ
     
  8. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    ..ต้องมี "สติ".. ตัวเดียวเท่านั้นจึง จะกั้นการไม่ปรุงแต่งได้และรู้ตรงๆได้ใช่ไหมครับ ท่านขันธ์..สาธุครับ
     
  9. ฟางว่าน

    ฟางว่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,080
    ค่าพลัง:
    +968
    สาธุครับ

    รู้แล้วคือเรามีตัวกูของกูใช่เปล่าครับคุณขันธ์ ตามตำรา(ท่านพุทธทาส) ท่านก็สอนเรื่องตัวกู-ของกู ผมเข้าใจว่า ใจเราไม่มีอุปาทาน ทีนี้มันเป็นเรื่องยาก หลายต่อหลายคนจึงมีความยึดถือ ความยึดถือนั้นไม่ใช่ว่าใครมานั่งกอดอุปาทาน แต่มันเป้นมาแต่ไหนแต่ไร ถ้าเรามีสติ เราก้จะรู้ว่า นี่นะ รูปนามต่างๆเนี่ย แม้กระทั่งคำด่า มันไม่ใช่เรา เราอย่าไปยึดถือ รู้จักปล่อยวาง พระอรหันต์ท่านทำอะไรท่านทำด้วยปัญญา สัตว์โลกน่ะ ทำตามอุปาทานโดยไม่รู้ตัว ธรรมะจึงเป็นสิ่งคู่โลกมาแต่ยุคแต่สมัยไหน เป็นของเย็น ดับเย็น ดับสนิทไม่เหลือเชื้อ ธรรมะนั้นผู้กล่าวก็มีหลายท่าน ถ้าเราเป้นสัมมาทิฏฐิ เราย่อมได้ชื่อว่า มีอันจะไปสุคิตเวลาละสังขาร และทำอะไรเราก็สงัด! จากกิเลส นิพพานเป้นอันหวังได้ ในที่สุดเราย่อมนิพพาน นิพพานธรรมเป็นธรรมของผู้มีสัมมาทิฏฐิ อณุโมทนากับข้อความดีๆของคุณขันธ์ด้วยครับ ขอให้สุขภาพแข็งแรง รวยๆ เฮงๆ มีพระนิพพานเป้นที่ไปสำเร็จดีด้วยประการทั้งปวงด้วยครับ ทุกๆท่านแหละครับที่เข้ามาอ่าน..........
     
  10. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    ตอบคุณ เสขะ และ สับสน

    ตอบว่าที่เข้าใจมานั่นแหละถูกแล้ว ด้วยการใช้สตินำ แต่การจะเข้าไปเห็นความจริง ยิ่งๆขึ้นไปจะต้องมี สมาธิ ประณีตขึ้น
    มีปัญญา อบรมมากยิ่งขึ้น
    จะทำให้เราดับไปจนถึง อายตนะเลยทีเดียว
    การมีสติรู้ เท่านั้นบางทีไม่พอกั้นกระแสแห่งความปรุงให้ได้ เพราะบางตัว รู้ทั้งรู้ว่ามันเป็นไตรลักษณ์ แต่ดับมันไม่ได้ เห็นมันก่อตัวนี่ก็ยากแล้ว และกั้นไม่ให้มันปรุง รวมถึงดับมัน นั้นยากไปตามลำดับ

    การดับให้ได้ นี่เมื่อถึงตัวละเอียดแล้ว เพียงแค่ขยับจิตนิดเดียวก็ดับได้ อุปมาว่า เวลาใจมันเกิดอาการต้อง
    การสิ่งใดสิ่งหนึ่งแต่หากมี อะไรทำให้เราตกใจ อาการอยากนั้นก็ดับไปได้ทันที นั่นแหละให้ดับกิสแบบนั้นแต่ดับด้วยการที่เรารู้ และ ดับมันได้ด้วยการควบคุมมันได้ดังใจ แต่ปัญหาคือ มันเหมือนยางเหนียวติด สลัดไม่ค่อยจะออก

    สรุปว่าเข้าใจกันถูก ที่เหลือคือ กั้นกระแสนั้น และ ดับกระแสนั้นให้เป็น ทำให้
    ละเอียดไปเรื่อยๆ
     
  11. ฟางว่าน

    ฟางว่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,080
    ค่าพลัง:
    +968
    อณุโมทนากับคุณขันธ์ครับ

    :cool::cool:
    เราวางเฉยนิ่งต่อคำด่า หลวงพ่อฤาษีท่านเคยสอนไว้ว่า เขาจะดีจะเลวก้เรื่องของเขา เราไม่ต้องไปฆ่าไปแกงใคร ไม่ฆ่าเขาก็จะตายเอง เราทำจิตใจให้นิ่ง เราปลงต่อความชั่วทั้งปวง จิตเราเอาให้สงัดจากกิเลส ใจว่าง ว่างเสมอๆ ไม่ยึดถือในอารมณ์กระทบที่ไม่พอใจ รู้ว่ามันไม่เที่ยง ทำให้เราทุกข์ นามธรรมเหล่านั้นมันไม่ใช่เรา ไม่ต้องให้มันแช่อยู่อย่างนั้น ละออก ไม่มีทิฏฐิ อ่อนน้อมถ่อมตน ปฏิบัติธรรมเป็นนิจ สตินั่นแหละระงับโกรธ เรื่องราคะ โทสะ โมหะก็ต้องละด้วยความเพียร ปราชญ์ทั้งหลายท่านสรรเสริญคนดีและมีความเพียร และไม่ประมาทนะครับทุกๆท่าน ตั้งใจนิพพานในชาตินี้เลย ปฏิบัติทาน ศีล ภาวนา อริยสัจจ์สี่แก้ทุกข์ได้จริง.........
     
  12. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    อนุโมทนา คีย์บอรด ที่อวยพรให้กัน

    ที่เข้าใจมานั่น ถูกแล้วแต่ให้อบรมให้ใจนั้นรับกระแสแห่งธรรมไปเรื่อยๆ เราจะย้อมใจเราด้วยธรรม เพราะที่ผ่านมามันย้อมด้วยกิเลส

    ความจริงมีอยู่ อยู่ที่เราย้อมใจเราด้วยอะไร เท่านั้น ดังนั้น พิจารณาให้มาก เมื่อธรรมเกิดในใจเรา เราจะซึ้งขึ้นมา ทั้งๆที่ธรรมนั้นก็เหมือนวันวานที่เราได้ยิน แต่ด้วยความที่เป็นปัจจัตตัง เราก็จะรับรู้ได้ชัดเจนมากขึ้น
    และจะเป็นเชื้อให้เราแจ้งมากขึ้น

    การปฏิบัติธรรมเมื่อเดินตามมรรค เราจะมีทุกข์น้อยลงไปทุกวัน เจริญขึ้นใน ศีล สมาธิ ปัญญา มากขึ้น มีพละมากขึ้น นั่นแหละให้สังเกตุตรงนี้
     
  13. สุรีย์บุตร

    สุรีย์บุตร https://youtu.be/8qf8khXqUjU

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +2,122
    เมื่อธรรมเกิดในใจเรา เราจะซึ้งขึ้นมา ทั้งๆที่ธรรมนั้นก็เหมือนวันวานที่เราได้ยิน

    ลุงขันธ์เรียกว่าเมื่อธรรมเกิดที่ใจ แต่ถ้าเรียกว่าเมื่อปัญญาถึงพร้อมได้ใหมครับ

    ธรรมนั้นก็เหมือนเดิมทุกวัน เรื่องเดิมๆ แต่ซึ้งกว่าเดิม เวลามันปล่อยมันก็ปล่อยเพราะเรื่องเดิมๆด้วยใช่ใหมครับ:cool:
     
  14. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    เรียกว่าปัญญาถึงพร้อมก็ได้ ปัญญาแจ้ง ก็ได้ เรียกว่าญาณก็ได้
     
  15. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    จิตก็เป็นนามนะครับ ขณะรู้นั้นก็ไม่มีความเป็นเรา เป็นแต่ธรรมชาติรู้ที่ปรากฏอยู่

    ทีนี้ การเห็นรูปนาม เป็นปัญญาละอกุศลนะครับ ยังไม่เห็นมรรคจิตแต่อย่างใด

    เจตนามีอยู่เป็นปกติ เกิดขึ้นกับจิตทุกดวงดีอยู่นี่ครับ

    พึงทราบว่า เจตนาเกิดได้กับกุศล และอกุศล

    สังเกตุ เวลาเห็นวัตถุ แล้วมือเอื้อมไปหยิบวัตถุนั้น

    การที่ตากระทบวัตถุ จิตที่ประมวลจงใจจะเอื้อมนั้น คือ ลักษณะเจตนา เป็นนามธรรม

    คงไม่ได้หมายถึง มีการขบคิดเรื่องราวให้ปรากฏในใจ ว่าตั้งใจจะทำอย่างนี้ ไม่ทำอย่างนี้ เพี่ยงอย่างเดียว

    ขณะที่รู้รูปนามนั้น ปัญญาเกิด เป็นกุศลจิต

    อาการที่รู้สึกในขณะเป็นกุศลจิต คือ โล่ง เบากาย เบาใจ ตัวเบา สงบสุข ช่วงสั้นๆ

    อารมณ์ ประมาณทำบุญอะไรซักอย่าง แล้วจิตเป็นกุศล

    แต่ต่างตรงไม่มีปัญญาเกิดร่วม


    คำตอบตรงที่ต้องการรึเปล่า ^^
     
  16. สุรีย์บุตร

    สุรีย์บุตร https://youtu.be/8qf8khXqUjU

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +2,122
    คำตอบไม่ตรงกับที่ต้องการครับ แต่ไม่สำคัญหรอกครับอาหลง:cool:
     
  17. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    ลักษณะนรชนผู้มักโกรธ

    ความหยาบแห่งจิต ความเผาไหม้ใจ ความประทุษร้าย กิริยาที่ประทุษร้าย ความเร่าร้อน ความเผาใจ

    เป็นลักษณะ โทสะ ร่วมกับ โทสะมูลจิต

    มักแสดงออกด้วยทาง กายวิญญัติ วจีวิญญัติ

    หมายความว่า จะคิดสิ่งใด เห็นสิ่งใด ทำสิ่งใด พูดสิ่งใด

    ก็ขาดความปราณีต ละเอียดอ่อน ไม่แยบคาบ

    ชีวิตจะเจออะไร ตัดสินอะไร ด้วยความหยาบแห่งจิต

    นี่ยังไม่รวม กุศลกรรมบถ เรื่องวาจา เพราะมันเนื่องกันอยู่


    ถือว่าเป็นพรปีใหม่นะครับ

    เห็นลักษณะการทักทาย พูดคุยกับเพื่อนร่วมสนทนาของท่านเตชพโลแล้ว

    รู้เลยว่าอยู่คนเดียวโดดๆ ^^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 4 มกราคม 2012
  18. เสขะ บุคคล

    เสขะ บุคคล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,240
    กระทู้เรื่องเด่น:
    54
    ค่าพลัง:
    +4,023

    รับไปพิจารณาครับ ขอบคุณครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...