การที่ฆารวาสมีจิตพระอรหันต์จะต้องตาย

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย แว๊ด, 9 พฤศจิกายน 2011.

  1. แว๊ด

    แว๊ด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    982
    ค่าพลัง:
    +509
    ธรรมะ คำสอน พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมย<WBR>าน

    “ตายเพื่อไปเสวยสุขในนิพพานน่ะ เป็นสุดยอดของความดีในพระพุทธศา<WBR>สนาทีเดียวนะคุณ

    และการที่ต้องตาย ก็เป็นเพราะจิตของพระอรหันต์นั้<WBR>นบริสุทธิ์ผุดผ่องเกินกว่าที่จะ<WBR>อยู่ในคราบของฆราวาสต่อไปได้ ทั้งนี้เพราะฆราวาสจะต้องเกลือก<WBR>กลั้วกับโลกียชน และสิ่งแวดล้อมต่างๆ ซึ่งฆราวาสที่มีจิตพระอรหันต์ ไม่สามารถจะยอมรับได้อีกต่อไปแล้<WBR>วนั้นเอง

    แต่ถ้าพระภิกษุสงฆ์ที่สำเร็จเป็<WBR>นพระอรหันต์ ก็จะยังมีชีวิตต่อไปได้นะ” พอเข้าใจหรือยังล่ะ? หลวงพ่ออธิบายแล้วย้อนถามข้าพเจ้<WBR>า

    สู่แสงธรรม...โดย พล.อ.ต. มนูญ ชมภูทีป


    [​IMG]
     
  2. ลมไหว

    ลมไหว สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +9
    จิตผู้บริสุทธิ์ ไม่ใช่เพชฌฆาตทำลายขันธ์๕
     
  3. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,647

    มิลินทปัญหา


    ฆราวาสเป็นพระอรหันต์แล้วก็ต้องบวชในวันนั้น


    ถ้ามีบางท่านไม่ได้บวชต้องมาตายเสียก่อน ด้วยเหตุผลใดๆ ก็ตาม

    วิเคราะห์เรื่องที่พระนาคเสนตอบพระเจ้ามิลินทร์ให้ดีอีกครั้ง



    พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน คำที่เธอว่า "ฆราวาสเมื่อ
    ได้เป็นพระอรหันต์ ย่อมมีคติเป็น ๒ คือบวชในวันนั้นอย่าง ๑ ถ้าไม่เช่นนั้น
    ก็นิพพานในวันนั้นอย่าง ๑" นั้น ก็ถ้าในวันนั้นบวชไม่ทัน โดยหาอุปัชฌาย์หรือ
    เครื่องบริขารไม่ได้ จะมินิพพานเสียหรือ


    -->> พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร ก็นิพพาน

    ม. ถ้าอย่างนั้น จะมิเป็นอันชื่อว่า พระอรหัตตผลบั่นทอนชีวิตของท่าน
    เหล่านั้นเสียหรือ

    น. ขอถวายพระพร การที่เป็นดังนั้นหาใช่เพราะพระอรหัตตผลบั่นทอนไม่
    เป็นเพราะเพศฆราวาสไม่สามารถจะทรงคุณธรรมอันสูงสุดนั้นได้

    ม. เธอจงหาตัวอย่างมาเปรียบให้ฟัง

    น. เหมือนผู้บริโภคอาหารอันบริสุทธิ์ แต่บริโภคมากเกินส่วน ไฟธาตุย่อม
    ไม่ไหว การบริโภคนั้นก็ย่อมให้โทษแก่ร่างกาย ขอถวายพระพร นี่จะจัดว่าเป็น
    โทษของอาหารนั้นจะได้หรือ

    ม. ไม่ได้สิเธอ เพราะอาหารเป็นของบริสุทธิ์ ต้องจัดว่าเป็นโทษของการ
    บริโภค เพราะมากจนไฟธาตุย่อยไม่ไหว

    น. นั่นแลฉันใด นี่ก็ฉันนั้นเหมือนกัน จะว่าเป็นเพราะพระอรหัตตผลบั่น
    ทอนชีวิตไม่ได้ เพราะพระอรหัตตผลเป็นคุณธรรมอันบริสุทธิ์ ขอถวายพระพร
    การที่ท่านต้องนิพพานนั้น เป็นโทษของเพศฆราวาสซึ่งไม่มีกำลังสามารถจะ
    ทรงคุณธรรมอันสูงสุดนั้นได้

    ม. เธอว่านี้ชอบแล้ว

    อ้างจาก คิหิอรหัตตปัญหา
    มิลินทปัญหา

    http://palungjit.org/threads/ฆราวาสผู้สำเร็จเป็นพระอรหันต์.136223/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 พฤศจิกายน 2011
  4. ลมไหว

    ลมไหว สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +9
    ไม่ค้านคุณนะ แต่ฆราวาสที่บรรลุธรรมแล้วไม่ตายใน ๗ วัน ก็มีอยู่ พระอรหันต์ท่านมีวิธีรักษาขันธ์ของท่านแม้จะอยู่ในเพศฆราวาสก็ตาม จิตบริสุทธิ์แล้วจะไปเกี่ยวอะไรกับการห่มเหลืองหรือไม่ห่มเหลืองนั่นมันเป็นเพียงสมมติ นี่จิตวิมุุตติแล้ว จะมาขีดเส้นตาย ๗ วัน ๘ วันทำไม คนที่ตั้งใจจะปฏิบัติธรรมในเพศฆราวาสมีอยู่มาก จะไปขู่กันทำไม คัมภีร์คือ คำภีร์ ปฏิเวธ คือปฏิเวธ ลองศึกษา ประวัติลุงหวีด บัวเผื่อน แม่ชี แก้วเสียงล้ำ คุณยายจันทร์ โลหิตดี นั่นของจริงไม่หวั่นต่อ ๓ แดนโลกธาตุ
     
  5. deelek

    deelek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    6,696
    ค่าพลัง:
    +16,255
    กราบอนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ
    ในการเผยแพร่พระธรรมและผู้ปฏิบัติตามพระพุทธศาสนา
    นิพพานัง ปัจจโย โหตุ
     
  6. พรหมาวตาร

    พรหมาวตาร Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    99
    ค่าพลัง:
    +66
    แบ่งแยกเพศฆราวาสและเพศบรรพชิตได้อย่างไร
    เพศฆราวาส ถือศีล 5 และศีล 8
    เพศบรรพชิต ถือศีล 227 และธุดงควัตร 13

    ทั้งนี้ทั้งสองหาถือเพียงกายไม่ แต่ทั้งวาจา และใจก็บริบูรณ์ จึงได้ชื่อว่าถือศีล

    ดังนั้นหากกล่าวโดยนัยที่แท้จริงแล้ว ฆราวาสผู้มีเพียงการถือศีล5และศีล8 เท่านั้น สามารถบรรลุในนิพพานได้ หามีได้ไม่ในความเป็นจริง

    ฉะนั้นการดำรงสังขารไม่ได้หรือตายในที่นี้คือ ตายจากในนามเพศฆราวาส แต่สำหรับธาตุขันธ์จะแตกดับหรือไม่ขึ้นอยู่ปัจจัยต่างๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 9 พฤศจิกายน 2011
  7. ผู้มาใหม่

    ผู้มาใหม่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    302
    ค่าพลัง:
    +618
    ท่านกล่าวได้ถูกต้องแล้วครับ อนุโมทนาสาธุ
     
  8. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,647
    อันนี้ผมไม่รู้ได้หลอกนะครับว่าเป็นอย่างไร เพราะตอนนี้ผมก็ยังไม่ได้เป็นพระอรหันต์ ผมรู้เองไม่ได้เพราะไม่ได้สัมผัสเอง แต่ที่ผมยกมามันเจอเยอะไม่ว่าหลักฐานจากพระไตรปิฏก ครูบาอาจารย์ ตลอดจนคัมภีรย์หลายเล่มท่านก็กล่าวเอาไว้เช่นนั้น.....ผมเพียงแค่ยกมาแสดงให้ทราบ.....ท่านจะเชื่อหรือไม่เชื่อมันก็เป็นเรื่องของท่าน...

    ถามที่เถอะท่านรู้ได้อย่างไรว่าท่านที่กล่าวถึงนั้นเป็นพระอรหันต์แล้วยังดำรงค์ขันธ์อยู่.....ท่านอาจเป็นพระอริยบุคคลขั้นอื่นๆก็ได้....พอวันสุดท้ายท่านบรรลุอรหันต์แล้วก็สิ้นในวันนั้นก็อาจเป็นได้นิครับ.....ท่านไปอยู่กับท่านเหล่านั้นและถามท่านหรือไร....ท่านจึงรู้ได้ชัดเช่นนั้น....

    ปริยัติ นั้นผู้ที่ไม่ศึกษา ไม่มีวันถึงปฏิเวธหลอกครับ.....จะให้ปฏิเวธเลยไม่มีปริยัติ มันก็คงไม่มีได้....

    อย่าได้ลืมพุทธพจน์ "ธรรมวินัยนั้นจะเป็นศาสดาแทนเรา" นะครับ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 พฤศจิกายน 2011
  9. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,647
    ฆราวาสผู้สำเร็จเป็นพระอรหันต์

    ท่านทั้งหลายคงเคยได้ยินว่า ผู้ที่สำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้ว ถ้าเป็นฆราวาสที่สำเร็จเป็นพระอรหันต์จะต้องบวชภายใน ๗ วัน หรือปรินิพานภายใน ๗ วัน ก็พูดกันมานานแล้ว ท่านทั้งหลายคงเคยได้ยิน ตามหลักฐานในบาลีชั้นอรรถกถา จะเป็นในวันนั้นทั้งนั้น...? คือผู้สำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้ว นิพพานหรือบวชอย่างใดอย่างหนึ่งในวันนั้น




    ถ้าเป็นพระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี ก็อยู่ได้ในเพศคฤหัสถ์ได้ตลอดชีวิตของตนเท่าชีวิตของตน แต่ถ้าเป็นพระขีณาสพ เป็นพระอรหันต์แล้ว บรรลุอรหันตผลแล้ว จะต้องนิพพานหรือบวชในวันนั้นท่านใช้คำว่า ตํ ทิวสเมว ปพฺพชิตวา ปรินิพฺพาติวา บางแห่งก็ใช้คำว่า ปรินิพฺพายิตพฺพํ วา ปพฺพชิตพพํ วา โหติ คือพึงปรินิพพานหรือบวชในวันนั้น ตํ ทิวสเมว ไม่ใช่ ๗ วัน แต่ได้ยินได้ฟังมานานแล้วว่าจะต้องหรือนิพพานภายใน ๗ วัน พูดกันมาแต่ไม่มีหลักฐานที่อ้างอิง ไม่เคยพบหลักฐานที่ว่า ๗ วัน แต่ได้พบหลักฐานที่ว่าต้องบวชหรือปรินิพพานในวันนั้น เพราะฉะนั้นนี่ก็เป็นสิ่งที่เราต้องทำความเข้าใจกันใหม่เพื่อความถูกต้อง





    เรื่องแปลกอยู่อันหนึ่ง พระพาหิยะสำเร็จเป็นพระอรหันต์ตั้งแต่ยังเป็นคฤหัสถ์ เมื่อได้ฟังธรรมของพระพุทธเจ้าเพียงเล็กน้อย ก็ได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ ขอบวช ไปหาบริขารที่จะมาบวช ปรากฏว่าถูกโคขวิดเสียชีวิต ก็ปรินิพพาน พระพุทธเจ้าท่านตรัสกับภิกษุทั้งหลายว่า สพรหมฺจารี โว ภิกฺขเว กาลกโต ภิกษุทั้งหลายเพื่อนพรหมจรรย์ของเธอทำกาลแล้ว ใช้คำว่าเพื่อนพรหมจรรย์ของเธอ สพรหมจารี ซึ่งโดยปกติใช้กับพระด้วยกัน แต่สำหรับท่านพาหิยะเมื่อบรรลุเป็นพระอรหันต์ แม้ยังไม่ได้บวช เป็นฆราวาสอยู่ พระพุทธเจ้าทรงเรียกว่า... สพรหมฺจารี โว ภิกฺขเว กาลกโต เพื่อนพรหมจรรย์ของเธอสิ้นชีวิตแล้วและรับสั่งให้นำกระดูกไปบรรจุไว้ เป็นที่สักการบูชา แล้วยังมาเป็นพระอสีติมหาสาวกที่เป็นเอตทัคคะ เป็นผู้ตรัสรู้เร็ว อยู่ในกลุ่มพระไม่อยู่ในกลุ่มของฆราวาส ทั้งที่ยังไม่ได้บวช เพราะสิ้นชีวิตเสียก่อนที่จะบวช เรื่องนี้เป็นเรื่องแปลกที่ยกขึ้นมาเพื่อให้ท่านทั้งหลายได้พิจารณาดูว่าเป็นอย่างไร ถ้าพิจารณาตามนี้ พระพุทธเจ้าท่านเล็งเอาคุณสมบัติของบุคคล




    มีอีกท่านหนึ่งคือ ท่านสันตติมหาอำมาตย์ ท่านสำเร็จเป็นพระอรหันต์ตั้งแต่เป็นฆราวาส ภิกษุทั้งหลายก็ทูลถามถึงเรื่องเหล่านี้ พระพุทธเจ้าตรัสว่าจะเรียกว่าบรรพชิตก็ได้ จะเรียกว่าสมณะก็ได้ จะเรียกว่าภิกษุก็ได้ หมายถึงสันตติมหาอำมาตย์ก็ไม่ได้บวชเหมือนกัน ขอยกขึ้นมาเพื่อเป็นการพิจารณา และต้องการให้ทำความเข้าใจให้ถูกต้องเรื่องปรินิพพาน คือบวชภายในวันนั้น ไม่ใช่ภายใน ๗ วัน สำหรับผู้ที่สำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้ว




    มีหลายคนที่สำเร็จเป็นพระอรหันต์ตั้งแต่ยังเป็นฆราวาส พระเจ้าสุทโทธนะพระพุทธบิดา ก็สำเร็จเป็นผู้หนึ่งเหมือนกันที่สำเร็จเป็นพระอรหันต์ตอนเป็นฆราวาส...



    *************************************************************


    ข้อมูลจาก : "สิ่งที่ควรทำความเข้าใจกันใหม่ เพื่อความถูกต้อง" โดย วศิน อินทสระ
     
  10. พรหมาวตาร

    พรหมาวตาร Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    99
    ค่าพลัง:
    +66
    นอกจากหน้าตาที่เหมือนกันแล้วความอ่านยังไม่ผิดเลย แน่มาก
     
  11. dooddd

    dooddd เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    1,008
    ค่าพลัง:
    +4,855
    โมทนาสาธุธรรมครับ ผมขออนุญาติรู้จำเป็นสัญญานะครับ
    ถ้าวันใดผมสามารถปฏิบัติได้ถึงผมก็จะได้ทราบว่าเพราะเหตุใด

    สาธุธรรมครับ
     
  12. เฮียเครียด

    เฮียเครียด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2011
    โพสต์:
    877
    ค่าพลัง:
    +332
    ตรัสรู้เองเท่านั้นถึงจะรู้เองรู้แจ้งเห็นแจ้ง................
     
  13. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,509
    ค่าพลัง:
    +1,817
    ขออภัยนะขอรับ ถ้าข้าพเจ้าจะกล่าวว่า
    เพ้อเจ้อ ไร้สาระ ไม่รู้หลัก ตรรกวิทยา ไม่รู้หลักวิทยาศาสตร์ และไม่รู้หลักทางพุทธศาสนา
    ตัวผู้เขียน ตัวผู้พูด เคยเห็น เคยประสบ พระอรหันต์ที่เป็น ฆราวาสกันมาหรืออย่างไร หลอกลวง โฆษณาชวนเชื่อชัดๆ
    หลักธรรม นะขอรับ ไม่ใช่ ยา รักษาอาการป่วย ที่จะต้องใช้รักษาเฉพาะบุคคลนั้นๆ
    ฆราวาส สามารถบรรลุนิพพานได้ด้วยซ้ำไป
    ท่านทั้งหลายลองใช้สมองคิด พิจารณาให้ดีว่า เมื่อบุคคลปฏิบัติธรรม แล้วหลักธรรมทางศาสนาจะทำให้บุคคลเหล่านั้นตายได้หรือ พวกคนเขลานะขอรับ
    ทำอย่างกับว่า พวกพระสงฆ์(กราบขออภัยพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ)ไม่ใช่มนุษย์อย่างนั้นแหละ เขาก็มนุษย์ธรรมดา เท่านั้นเอง
    ถ้า ฆราวาส บรรลุอรห้นต์แล้วตาย ,พระสงฆ์จะมีเหลือหรือ ศีลธรรมใดใดที่จะยับยั้งได้
    ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 พฤศจิกายน 2011
  14. constantin4115

    constantin4115 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    32
    ค่าพลัง:
    +22
    สาธุ..ท่านกล่าวได้ชอบแล้ว
    ข้าพเจ้าเคยศึกษามาจากพระไตรปิฏก ข้าพเจ้าก็มีความคิดเห็นเช่นนี้เหมือนกัน ( เป็นความคิดเห็นส่วนตัว แต่จะจริง หรือไม่จริง เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ข้าพเจ้าไม่ใช่พระอรหันต์ จึงไม่สามารถยืนยันได้ เพียงแค่เห็นชอบด้วย )
     
  15. เนตรอิศวร

    เนตรอิศวร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2011
    โพสต์:
    160
    ค่าพลัง:
    +425
    เราขออนุโมทนาในคำกล่าวของพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่าน.
    ...อันเราจักขอขยายความตามความเห็นของเราดังนี้. อันผู้ที่สำเร็จพระอรหันต์แล้วนั้นทำไมถึงจะต้องกล่าวว่าหากยังไม่บวชแล้วจะต้องตาย ก็ด้วยเหตุผลตามเหตุปัจจัยที่ว่า ท่านผู้ที่สำเร็จอรหันต์แล้วนั้นหากยังไม่ออกบวชย่อมมีชีวิตอยู่ต่อในโลกมนุษย์ไม่ได้ ด้วยดวงจิตแห่งพระอรหันต์นั้นคือดวงจิตที่ละแล้วในสรพสิ่งแห่งโลก คือ ละแล้วซึ้งการเบียดเบียนในทุกสรรพสิ่งทั้งทางกาย วาจา และใจ ด้วยเหตุแห่งว่า หมู่มนุษย์ยังเป็นผู้ที่เบียดชีวิตสรรพสัตว์เพื่อนำมาเป็นอาหารของตน และที่สำคัญยังเบียดเบียนความทุกข์ยากให้เกิดเป็นกรรมซึ่งกันและกัน จึงทำให้ผู้ที่สำเร็จพระอรหันต์จำต้องเกิดความฝืนทนจนถึงแก่ความตาย เปรียบประดุจดังหมู่ปลามิอาจมีชีวิตอยู่ในน้ำที่เน่าได้ฉันท์ใด ดวงจิตแห่งมนุษย์ที่สำเร็จพระอรหันต์ย่อมไม่สามารถมีชีวิตอยู่ในโลกมนุษย์ที่เต็มไปด้วยเพลิงแห่งกามกิเลสได้ด้วยฉันท์นั้น ...เพราะไม่ว่าการจะกิน จะนอน จะนั่ง จะยืน หรือแม้แต่จะทำการใดๆ ย่อมเกิดผลที่อาจจะทำได้ด้วยเหตุว่าจะเป็นเป็นการผิดไปเสียหมด เมื่อเห็นเป็นความผิดไปเสียหมดจึงมิอาจมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ เช่นการจะประกอบอาหารก็จะหลีกหนีไม่พ้นจากการพรากชีวิต หรือแม้แต่การจะอยู่แยกตัวออกจากสังคมก็จะไม่บังเกิดผลเพราะสุดท้ายก็จะต้องตายในที่สุด ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ผู้ที่สำเร็จพระอรหันต์นั้นจึงจำเป็นจะต้องออกบวช เพื่อดำรงชีวิตในทางธรรมและมรรคแห่งธรรม อันได้แก่ การบิณฑบาตรเลี้ยงชีพ การอยู่ตามที่สงัดสงบ เพื่อลดการเบียดเบียนสรรพชีวิตนั่นเอง ซึ่งท่านทั้งหลายจะพิจารณาได้จากศีลทั้ง227ข้อของภิกษุที่ล้วนแล้วแต่มีแต่บทข้อห้ามโดยทั้งสิ้น ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้เห็นว่าผู้ที่สำเร็จพระอรหันต์แล้วทำไมจึงจำเป็นจะต้องออกบวช และหากไม่ออกบวชแล้วจะต้องตาย ขอท่านทั้งหลายพิจารณา.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 พฤศจิกายน 2011
  16. naroksong

    naroksong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    412
    ค่าพลัง:
    +1,135
    ผู้ที่เป็นพระอรหันต์ต้องประกาศให้โลกรู้ว่าตนเองเป็นสมณะด้วยการออกบวชเท่านั้น ถ้าไม่บอกใครจะไปตรัสรู้ ในพระไตรปิฎกมีหญิงคนหนึ่งไม่ชอบพระภิกษุที่บรรลุอรหันต์จึงเพ่งมองด้วยความโกรธเท่านั้น ชาติถัดไปจึงพิการมี มือ เท้า ปาก ตา จมูก ๕ แห่ง วิกลวิปริตไป

    ถ้าเกิดมีคนไม่รู้ว่าคนๆนั้นเป็นพระอรหันต์แล้วไปจิกหัวใช้ท่าน มีหวังได้บรรลัยแน่

    และการออกบวชก็เป็นการอนุเคราะห์สัตว์โลกทั้งปวง ซึ่งเพศฆราวาสไม่สามารถอนุเคราะห์สัตว์โลกได้เท่ากับสมณเพศ

    (ท่านทีฆะ ได้สรรเสริญพระอรหันต์ 3 ท่าน คือ พระอนุรุทธะ พระนันทิยะและพระกิมิละ)
    "...ดูกรทีฆะ ข้อนี้เป็นอย่างนั้น ดูกรทีฆะ ข้อนี้เป็นอย่างนั้น กุลบุตรทั้ง ๓
    นี้ ออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต จากสกุลใด ถ้าสกุลนั้นมีจิตเลื่อมใส ระลึกถึงกุลบุตรทั้ง ๓ นี้ ข้อนั้น จะพึงเป็นไปเพื่อประโยชน์ เพื่อความสุขแก่สกุลนั้น ตลอดกาลนาน

    กุลบุตรทั้ง ๓นี้ ออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต จากวงศ์สกุลใด ถ้าวงศ์สกุลนั้น มีจิตเลื่อมใส ระลึกถึงกุลบุตรทั้ง ๓ นี้ ข้อนั้น จะพึงเป็นไปเพื่อประโยชน์ เพื่อความสุขแก่วงศ์สกุลนั้น ตลอดกาลนาน

    กุลบุตรทั้ง ๓ นี้ ออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต จากบ้านใด ถ้าบ้านนั้นมีจิตเลื่อมใส ระลึกถึงกุลบุตรทั้ง ๓ นี้ ข้อนั้น จะพึงเป็นไปเพื่อประโยชน์ เพื่อความสุขแก่บ้านนั้น ตลอดกาลนาน

    กุลบุตรทั้ง ๓ นี้ ออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต จากนิคมใด ถ้านิคมนั้นมีจิตเลื่อมใส ระลึกถึงกุลบุตรทั้ง ๓ นี้ ข้อนั้น จะพึงเป็นไปเพื่อประโยชน์ เพื่อความสุขแก่นิคมนั้น ตลอดกาลนาน

    กุลบุตรทั้ง ๓ นี้ ออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต จากนครใด ถ้านครนั้นมีจิตเลื่อมใส ระลึกถึงกุลบุตรทั้ง ๓ นี้ ข้อนั้น จะพึงเป็นไปเพื่อประโยชน์ เพื่อความสุขแก่นครนั้น ตลอดกาลนาน

    กุลบุตรทั้ง ๓ นี้ ออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต จากชนบทใด ถ้าชนบทนั้นมีจิตเลื่อมใส ระลึกถึงกุลบุตรทั้ง ๓ นี้ ข้อนั้น จะพึงเป็นไปเพื่อประโยชน์ เพื่อความสุขแก่ชนบทนั้น ตลอดกาลนาน

    ถ้ากษัตริย์ทั้งมวลมีจิตเลื่อมใส ระลึกถึงกุลบุตรทั้ง ๓ นี้ ข้อนั้น จะพึงเป็นไปเพื่อประโยชน์
    เพื่อความสุขแก่กษัตริย์ทั้งมวล ตลอดกาลนาน ถ้าพราหมณ์ทั้งมวล ... ถ้าแพศย์ทั้งมวล ... ถ้าศูทรทั้งมวลมีจิตเลื่อมใส ระลึกถึงกุลบุตรทั้ง ๓ นี้ ข้อนั้น จะพึงเป็นไปเพื่อประโยชน์ เพื่อความสุขแก่ศูทรทั้งมวล ตลอดกาลนาน ถ้าโลก พร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก หมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ เทวดาและมนุษย์ มีจิตเลื่อมใส ระลึกถึงกุลบุตรทั้ง ๓ นี้ ข้อนั้น จะพึงเป็นไปเพื่อประโยชน์ เพื่อความสุขแก่โลก พร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก แก่หมู่สัตว์พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ เทวดาและมนุษย์ ตลอดกาลนาน

    ดูกรทีฆะ ท่านจงเห็นเถิด กุลบุตรทั้ง ๓ นี้ ปฏิบัติแล้วก็เพียงเพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่ชนเป็นอันมาก เพื่อความสุขแก่ชนเป็นอันมาก เพื่ออนุเคราะห์โลก เพื่อประโยชน์ เพื่อเกื้อกูล เพื่อความสุข แก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย"

    ขอให้เจริญในธรรมครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 5 กุมภาพันธ์ 2012
  17. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    หลวงตามหาบัวท่านเคยกล่าวว่า ภูมิพระอรหันต์ ไม่ใช่ภูมิที่เป็นเพชรฆาต ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องตาย

    ส่วนที่ว่าจิตบริสุทธิ์ แล้ว กายหยาบรับไม่ได้ก็ไม่จริง เพราะพลังพระอรหันต์เป็นพลังสงบ และดับกิเลส ไม่ใช่พลังระเบิดแบบอวิชชา

    แต่ที่ตายนั้น คือ ตายไปจากกองกิเลส ไม่ใช่ตายแบบโลกๆ
     
  18. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    เคยมีคนไปเรียนถามครูบาอาจารย์เกี่ยวกับเรื่องนี้เหมือนกัน ท่านตอบว่า อยู่ที่วิบากกรรม...
     
  19. <Q>

    <Q> Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,907
    ค่าพลัง:
    +80
    อานาคาริก แปลว่า ผู้ไร้บ้าน
     

แชร์หน้านี้

Loading...