หลวงปู่พิศดู วัดเทพธารทอง และพระคณาจารย์สายต่างๆ (ข้อมูลวัตถุมงคล หน้า 1-8)....

เพิ่มเติมนิดนึงครับ พอดีมีเพื่อนผม เพิ่งนำไปลง ให้คนโหลดมาฟัง ได้แล้วครับ
เป็นประวัติและปฏิปทาท่าน พระอาจารย์ไม อินทสิริ

ธรรมเทศนา และประวัติ ท่านพระอาจารย์ไม อินทสิริ - Buddhism Audio

อนุโมทนาสาธุ

 

ท่านใดมีหลายองค์บ้าง แบ่งผมซักองค์ แหะๆๆ

 

ขอบคุณมากครับ ที่นำเรื่องราวมาลงไว้ เพื่อให้เนื้อหาสมบูรณ์ยิ่งขึ้นครับ

 

หวัดดีท่านเจ้าของกระทู้และสมาชิกทุกท่านครับ

 

กราบหลวงปู่พิศดู สวัสดีคุณทุเรียนทอดและสมาชิกทุกท่านครับ

 

สวัสดีครับเพื่อนๆ ขอเล่าประสพการณ์เก่าที่เคยเล่าแล้วหน่อย ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ได้พระปัจเจกรุ่นสมปราำถนาจากหลวงปู่พิศดูท่านตอนปีใหม่ที่หลวงปู่ท่านฝากมาให้หลังจากที่ไปทำบุญทางภาคอีสานตอนปีใหม่ ผมแปลกใจมากเลยครับตอนที่ได้รับพระที่ท่านฝากมาให้ด้วยความเมตตาอย่างสูงและเป็นพระคุณที่มีให้ต่อคนที่นับถือท่าน(ไม่ใช้คำว่า ศิทย์ เพราะว่ายังทำตนไม่ดีพอ)ท่านให้เป็นของขวัญปีใหม่ที่ไปทำบุญแล้วผมคิดถึงท่านตลอด ท่านทราบได้ว่าผมไปทำบุญถวายท่าน ชาญท่านสุดยอดมากเลยครับ ถือว่าโชดดีมากครับที่ได้ของขวัญจากปู่ ขอบคุณท่านทุเรียนทอดมากครับที่เอาประวัติพระปัจเจกมาลงเผยแพร่ให้ทราบกัน

 

กราบ กราบ กราบหลวงปู่พิศดู

และสวัสดีพี่น้องลูกหลานหลวงปู่ทุกท่านครับ

 

สวัสดีทุกท่านครับ เป็นอย่างไรกันบ้างครับ

 

เอาของมาลงโชว์อีกแล้ว ลบกวนท่านทุเรียนทอดด้วยครับกับของที่ติดตัวอยู่ กับรุ่นไถ่ชีวิตโคกระบือที่ได้มาคนละครั้งกันแต่เบอร์เดียวกันครับท่านๆ

 

สาธุ นับเป็นโชคดีของท่านหอยสังข์มากครับ ที่หลวงปู่ฝากพระผงปัจเจกโพธิมาให้ ท่านรู้หมดครับไม่ว่าใครทำอะไรที่ไหน ข่ายญาณอันใหญ่พิเศษครอบคลุมในโลกธาตุทั้งสามของท่าน ย่อมรู้ได้อย่างดีและมีความละเอียดสูง ขอเพียงนึกถึงท่านก็พอ ท่านบอกเสมอว่า เรามั่นใจว่า " เราคุ้มลูกศิษย์เราได้ทั้งหมด ผ่านมาแล้วมักจะไม่พลาด "

 

สวัสดีครับพี่พุธ เป็นอย่างไรบ้างครับ

 

กราบหลวงปู่พิศดู สวัสดีครับพี่ทุเรียนทอดและสมาชิกทุกท่าน ข้อมูลพระผงปัจเจกโพธิ์มีประโยชน์มากครับสำหรับคนที่ไม่รู้ข้อมูลอย่างผม แหะๆ

 

สวัสดีครับ คุณทุเรียนทอด คุณหอยสังข์ และสมาชิกเวปพลังจิตทุกคน

ขออนุญาติลง รูปหล่อ ธรรมธาตุ หลวงปู่พิศดู เป็น วิทยาทานได้ศึกษากันนะครับ

และถือเป็นการ ไว้อาลัยและลำลึกใน "พระธรรม" ของหลวงปู่ จากครูบากฤษดาและเหล่าลูกศิษย์ อย่างจริงใจ

 

มีของแปลกมาโชว์กันอีกแล้วครับท่านหอยสังข์ สงกาสัยเป็นผู้นิยมของแปลก แต่ผมก็เป็นพวกชอบจำข้อมูล โดยเฉพาะของแปลกๆซะด้วย


พระรุ่นไถ่ชีวิตโค-กระบือ
- สร้างขึ้นในต้นปี พ.ศ.2553 โดยองค์หลวงปู่พิศดู เป็นผู้สั่งการให้สร้าง ด้วยเหตุที่มีโยมผู้หนึ่งเอาแก่นไม้พญางิ้วดำท่อนใหญ่มาถวายหลวงปู่ ตอนแรกหลวงปู่ท่านก็รับไว้แต่ยังไม่ได้สั่งอะไร ท่านก็อธิษฐานจิตเสกอยู่ทุกวัน แต่ต่อมาท่านจึงสั่งให้นำไม้พญางิ้วดำดังกล่าวไปแกะเป็นองค์พระ โดย ลูกศิษย์ทางจ.ตาก ที่มีความสามารถในเรื่องงานแกะอัญมณี จึงขอรับอาสาไปลองหาพิมพ์สวยๆแกะมาถวายหลวงปู่ท่าน ในตอนแรก แกะเป็นเนื้อหินแร่อัญมณี โดยใช้รูปแบบของเหรียญรุ่น6 สร้างศาลารวมใจ แกะมาเป็นลองพิมพ์ถวายหลวงปู่ก่อนจำนวน 100 องค์ โดยใช้เครื่องสปาร์ค หลวงปู่เห็นแล้วบอกว่า เข้าท่า ก็เลยให้ไม้พญางิ้วดำไปแกะ มีทั้งแบบ รูปเหมือนองค์หลวงปู่ กับรูป พระวิมุตตานังจันทบุรี (ปางนาคปรก) ซึ่งเป็นพระประธานในพระเจดีย์ใหญ่ที่วัดเทพธารทอง จำนวนสร้างทั้งหมดมีดังนี้
- รูปเหมือนหลวงปู่พิศดู เนื้อหินแร่อัญมณี 100 องค์ (มีรันหมายเลข)
- รูปเหมือนหลวงปู่พิศดู เนื้อไม้พญางิ้วดำ 200 องค์ (มีรันหมายเลข)
- รูปพระวิมุตตานังจันทบุรี(ปางนาคปรก) เนื้อไม้พญางิ้วดำ 144 องค์ (ไม่รันหมายเลข)

<!-- google_ad_section_end -->



เหรียญรูปไข่ที่เลี่ยมสามหูนั้น เป็นเหรียญสี่หูห้าตาที่ท่านครูบากฤษดา อธิษฐานจิต สร้างน้อยมากเพียงไม่กี่ร้อยองค์ และได้ข่าวว่าเอาไปหลอมสร้างวัตถุมงคลก็มาก ปัจจุบันหายากจริงๆ

ส่วนที่เป็นรูปดาวชุดนี้ คงต้องท้าวความกันสักนิดนึง..เนื่องจากเจ้าของสร้างเพื่อใช้เอง..
สิ่งที่เห็นนั้นคือพระราหูกะลาแกะ ด้วยเพราะว่าดวงชะตาของเจ้าของต้องบูชาพระราหูเพื่อเสริมดวงเสริมบารมี จึงอยากได้พระราหูที่มีพิธีการจัดสร้างที่ศักดิ์สิทธิ์และเชื่อถือได้ แต่ก็ด้วยความที่ไม่ค่อยทราบว่าที่สำนักใดที่สร้างพระราหูได้ขลังจริงๆ แบบเชื่อถือไว้เป็นสรณะ เพื่อไว้เป็นของมงคลคู่กาย จึงตัดสินใจหาพระราหูที่แกะจากกะลาตาเดียว และได้ขอความเมตตาต่อพ่อแม่ครูอาจารย์ที่ตนนับถือที่สุดช่วยทำให้ โดยมีท่านครูบากฤษดาเมตตาจารอักขระด้านหลังและจารตะกรุดเสริมดวงให้ โดยได้กระทำพิธีในวันข้างแรม 8 ค่ำ(แทนวันจันทรปราคา) พร้อมทั้งนำผงพุทธะมงคลขององค์หลวงปู่พิศดูมาอุดไว้ และฝากให้องค์หลวงปู่ช่วยอธิษฐานจิตให้อีกครั้ง เพื่อนำไปบูชาเสริมดวงเสริมบารมีของเจ้าของและคนในครอบครัว เท่านี้ก็มั่นใจได้สุดๆแล้วครับ..



.

 

สาธุครับ ผมดีใจนะครับที่มีผู้เห็นคุณค่าในการลงข้อมูลของผมครับ เพราะผมเองไม่อยากให้ข้อมูลดีๆที่ทราบมาต้องสูญหายไปกับกาลเวลา และสัญญาที่ไม่เที่ยงหนอ ครับ ขอบคุณคุณ จันท์คับมากที่ติดตามมาตลอดครับ

 

สวัสดีครับคุณ C-Path เยี่ยมมากๆครับ


รูปหล่อรุ่น พระธรรมธาตุ(ทันใจ)

จุดประสงค์หลักพระชุดนี้สร้างขึ้นมาเพื่อบูชาธรรมองค์หลวงปู่พิศดู ธัมมะจารี พระอาจาริยคุณผู้ประเสริฐผู้เปี่ยมล้นด้วยเมตตามหาบารมีธรรมอย่างที่สุดหาประมาณมิได้ พระผู้เป็นได้ยิ่งกว่าครูบาอาจารย์ของลูกศิษย์ทุกคน..
รูปหล่อรุ่นนี้สร้างได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์แบบที่สุด ทั้งเนื้อหาชนวนแบบนวโลหะครบสูตร ทั้งพิธีกรรม จัดเป็นรูปหล่อรุ่นสุดท้ายของหลวงปู่พิศดู ชื่อว่า รุ่นพระธรรมธาตุ(ทันใจ)
พระรุ่นนี้หลวงปู่พิศดูท่านได้มอบหมายให้ท่านครูบากฤษดาจัดสร้างขึ้นด้วยความตั้งใจขององค์ท่านทั้งสองเองจริงๆ โดยองค์หลวงปู่ได้สั่งการไว้เมื่อต้นปี พ.ศ.2553 พระรุ่นนี้พรั่งพร้อมทั้งชนวนมวลสารที่เป็นชนวนศักดิ์สิทธิ์ล้วนๆไม่มีเจือปนโลหะธาตุธรรมดาเลย โดยมีชนวนพระกริ่งธัมมะจารีเป็นเนื้อชนวนหลัก ผสมผสานกับชนวนมวลสารต่างๆเพิ่มเติมอีกจำนวนมากร่วม 100 กว่ากิโลกรัม ในแบบฉบับของเนื้อนวโลหะครบสูตรแก่ทองคำ เรียกได้ว่าลงแรงลงใจกันเต็มที่กับพระชุดนี้มากๆครับ น่าสรรเสริญและน่าอนุโมทนายิ่ง จำนวนสร้างทั้งหมด 789 องค์
และที่วงเล็บไว้หลังชื่อว่า(ทันใจ)นั้น ก็เพราะว่า พระชุดนี้สร้างตามแบบฉบับโบราณาจารย์แต่เก่าก่อน โดยได้หล่อหลอมเนื้อชนวน เททอง ตัดช่อ แต่งองค์พระ ตอกโค๊ตรูปกงจักร และอธิษฐานจิต ทั้งหมดนี้สร้างเสร็จภายในวันเดียว จึงเรียกว่า "ทันใจ" เพื่อเป็นเคล็ดมงคลในเรื่องของการทำอะไร หรือการบูชาขอพรก็จะสำเร็จผลได้อย่างทันใจ..
เรียกได้ว่าจัดเป็นผลงานชิ้นเอกขององค์พระอริยะทั้งสอง ฝากไว้เป็นสิ่งมงคลวัตถุคู่พระศาสนา เพื่อเป็นสังฆา+อาจาริยานุสติ ของลูกศิษย์ที่เคารพศรัทธาในครูบาอาจารย์ทั้งสองครับ.. สาธุ

 

ธรรมธาตุ (ที่สุดไม่ปรากฏ.. (นิพพาน)

ข้อมูลที่มาของ ชื่อ ความหมายของคำว่าธรรมธาตุ ขยายความจากคำเทศนาขององค์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโณ วัดป่าบ้านตาด จากหนังสือเรื่อง " ธรรมธาตุ "


หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด.. ธรรมชาตินั้นเรียกว่าธรรมธาตุ หรือนิพพาน

หลวงตามหาบัว เทศน์บ่อยๆว่า

" มหาวิมุตติ มหานิพพาน หรือธรรมธาตุนะ ...เป็นธรรมแท้ ธรรมธาตุ เป็นหนึ่งเดียวกัน.... พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ มาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้ยังไง ก็มันเป็นแล้วนั่นน่ะ มันมาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน..."


"เมื่อจิตเราของเราระลึกถึงพุทโธได้ ก็เท่ากับระลึกถึงพระพุทธเจ้าได้ทุกๆพระองค์ที่ตรัสรู้มาแล้วมากมาย ระลึกธัมโม ก็เท่ากับระลึกธรรมพระนิพพานประจำพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ที่ไหลเข้าสู่ธรรมธาตุแล้วด้วยกัน สังโฆก็เหมือนกัน รวมเป็นพระนิพพานอันเดียว เป็นธรรมธาตุอันเดียวกัน"

"ธรรมเลิศโลกๆ เลิศเป็นธรรมธาตุ จิตบรรดาพระอรหันต์ตั้งแต่พระพุทธเจ้าลงมา เมื่อได้สำเร็จเป็นจิตที่บริสุทธิ์เต็มส่วนแล้ว เป็นธรรมธาตุด้วยกันหมด จิตที่เป็นธรรมธาตุนี้แลครอบโลกธาตุอยู่เวลานี้ เราทั้งหลายกราบไหว้บูชาจึงไม่ผิดหวัง กราบพระพุทธเจ้าก็ถูกธรรมธาตุ กราบพระธรรมก็ถูกธรรมธาตุ กราบพระสงฆ์ก็ถูกธรรมธาตุ เป็นมหามงคลแก่เราโดยถ่ายเดียว"

"คำว่านิพพานๆมีลักษณะยังไงนั่น นิพพานไม่มีลักษณะ ถ้ามีรูปร่างขึ้นมาก็ต้องมีลักษณะ นิพพานไม่มีรูปร่าง เป็นนามธรรม แต่นามธรรมพ้นจากความสมมุติโดยประการทั้งปวง ท่านจึงตั้งชื่อว่า นิพพาน นี่ก็เป็นสมมุติอันหนึ่งเหมือนกัน ธรรมธาตุ หลักธรรมชาตินั้นเป็นอันหนึ่ง อันนี้ตั้งชื่อขึ้นมา.."

"ธรรมชาติที่เป็นอยู่ในหัวใจนี้กับคำว่านิพพาน นิพพานนั้นรู้สึกว่าหยาบมากนะ ธรรมชาตินี้คาดไม่ได้เลย แต่ต้องเอาชื่อนั้นละมาใส่ มหาวิมุติมหานิพพานเลยกลายเป็นเรื่องหยาบไปหมดเลย ถ้าว่าธรรมธาตุอย่างนั้น เอ้อ เข้ากันได้สนิทนะ นี่มันประจักษ์ในหัวใจ พอว่าธรรมธาตุเท่านั้น เข้ากันได้สนิทหมด บรรดาพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ สาวกอรหัตอรหันต์ทั้งหลายทุกๆองค์ พอถึงขั้นนี้แล้วปั๊บเป็นธรรมธาตุด้วยกันหมด แต่ต้องใช้ชื่อ เพราะโลกนี้มีสมมุติ ก็ต้องชื่อว่านิพพาน มหาวิมุติ มหานิพพาน แต่ถ้าว่าธรรมธาตุไม่ค่อยมีใครพูด เราถอดออกมาพูดโดยไม่สงสัย อ๋อ ธรรมธาตุแล้วเป็นอย่างนี้ นี่ละ ผลของการปฏิบัติ"

"ธรรมประเภทธรรมธาตุนี้แลที่คุ้มครองรักษาโลกอยู่เวลานี้ ที่ว่าธรรมมีอยู่ๆ คือธรรมธาตุเป็นพื้นฐาน ท่านแยกออกเป็นธรรมมีอยู่ ก็มาเป็นพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ออกมา เป็นกิ่งของอันนี้ออกเพื่อรับสมมุติของโลก ให้โลกได้ปฏิบัติบูชาพอเป็นแนวทางเข้าไปสู่ถึงธรรมธาตุ พอเข้าไปถึงธรรมธาตุแล้ว คำว่า พุทโธ ธัมโม สังโฆ รวมเข้าไปในธรรมธาตุทั้งหมด"

"สามแดนโลกธาตุนี้ไม่มีอะไรที่จะเลิศเลอหรือเป็นคู่แข่งของธรรมไม่มี ธรรมครอบโลกธาตุ ถ้าว่าเลิศ มันก็เหนือโลกสมมุติไปเสีย อะไรๆเหนือไปหมด เช่นความสว่างไสว จ้าอยู่ภายในจิตใจ มันไม่ได้สว่างจ้าเหมือนดวงไฟเรานี้ ดวงไฟเรานี้เป็นดวงไฟสมมุติ เป็นสมมุติ ดวงไฟของวิมุตติธรรม วิมุตติจิตนั้นไม่ได้เป็นอย่างนี้ จะพูดว่าอย่างไง พูดไม่ได้ แต่เจ้าของไม่สงสัย ยอมรับแต่ว่าอัศจรรย์เท่านั้น ไม่มีอะไรเหมือน ฟังซิน่ะ ทุกสิ่งทุกอย่างที่มีอยู่ในโลกนี้ไม่ได้เหมือนกับธรรมธาตุหรือวิมุตติจิต วิมุตติธรรมของผู้บรรลุนั้นเลย ไม่มีอะไรเหมือน"

"ธรรมธาตุนี้ เรียกว่า ตายตัวแล้ว เรียกว่า ธรรมธาตุ หรือนิพพาน หรือว่าวิมุตติ 3 ประเภทเหล่านี้เรียกเป็นไวพจน์ของกัน ใช้แทนกันได้"

"พระพุทธเจ้าทุกพระองค์เป็นธรรมธาตุหมด พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์เป็นธรรมธาตุเหมือนกันหมด จิตของท่านเป็นธรรมธาตุ ทีนี้สาวกของพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ สาวกเป็นอรหันต์มากขนาดไหน นั่นแหละเป็นธรรมธาตุทั้งนั้น"

"คิดดู ตั้งแต่นับพระพุทธเจ้าพระองค์เดียว สององค์ สามองค์ นับตั้งแต่วันเกิดจนกระทั่งถึงวันตายนับไม่ครบ นี่ล่ะ พระพุทธเจ้ามากขนาดไหน แล้วสาวกของพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ๆนั้นมากขนาดไหน เอ้า! เทียบเข้าไปอีก นี่ละ เป็นธรรมธาตุล้วนๆ อันนี้หาประมาณไม่ได้ เพราะเลยสมมุติไปหมดแล้ว เรียกได้แต่ชื่อว่าธรรมธาตุ คือท่านผู้บริสุทธิ์ถึงวิมุตติพระนิพพานแล้ว ใจเป็นธรรมธาตุด้วยกันหมด"

"บรรดาพระอรหันต์ทั้งหลายท่านตรัสรู้ธรรมแล้ว ท่านก็ครองขันธ์ไปจนกระทั่งถึงอายุขัยของท่าน จิตดวงนี้ก็เป็นจิตธรรมธาตุ จิตที่บริสุทธิ์ครองขันธ์อยู่ จนกว่าว่าขันธ์นี้หมดสภาพแล้ว จิตดวงนี้ก็ออก เป็นอนุปาทิเสสนิพพาน เป็นนิพพานล้วนๆ เป็นธรรมชาติที่วิมุติหลุดพ้นล้วนๆ เป็นธรรมธาตุล้วนๆ ส่วนสมมุติแม้ละเอียดเท่าเม็ดหินเม็ดทรายไม่มีเลย นี่เรียกว่าธรรมธาตุ ไม่ได้สูญไปไหน.."








.

 

กราบหลวงปู่พิศดู สวัสดีคุณทุเรียนทอดและสมาชิกทุกท่าน......ขอบคุณครับสำหรับบทความดีๆสำหรับเช้านี้

 

กราบหลวงปู่พิศดู นะโมวิมุตตานัง นะโมวิมุตติยา
และสวัสดีพี่ๆ ทุกท่านครับ

 

หวัดดีคุณทุเรียนทอดและสมาชิกทุกท่านครับ