หลวงปู่แหวนมาโปรดในนิมิตร(ฝัน)

สมควรอิจฉาครับท่านน้อง
ผมเองตั้งแต่เช้าวันอาสาฬหบูชาจนถึงบ่ายวันเข้าพรรษา...นอกจากจะได้รับฟังธรรมที่พ่อแม่ครูอาจารย์เทศนาโปรดหลายรอบแล้ว ก็ได้รับความอิ่มปีติในถ้อยธรรมดังกล่าวหลายต่อหลายรอบเช่นกัน

ในใจคิดว่าเป็นแต่เพียงเราที่ดูในสายตาคนทั่วไปอาจจะ over ไป ที่ไหนได้ หลายๆคนที่ได้ฟังด้วยกัน รวมทั้งท่าน dr.นนต์ ต่างก็ปีติสุขจนน้ำตามันไหลออกมาอย่างมากมายยิ่ง...

ปล: เนื่องจากหยุดไปตั้ง 4 วัน งานรอผมอยู่พอสมควร จึงขอ clear ให้เรียบร้อยก่อน ค่อยว่ากันครับ

 

เพื่อนผมฝากขอขมาต่อท่านผู้ทรงธรรมทั้งหลาย
ที่ขาดตกบกพร่องในหน้าที่และไม่ได้เตรียมการในระเบียบการต่างๆ
แม้จักรู้เต็มอกว่าไม่มีใครตำหนิ แต่ก็อดมิได้ในวิสัยประจำตัวของเขาเองครับ

และซาบซึ้งยินดีเสมอในการเตรียมตัวที่บ้าน ก่อนที่จะขึ้นเขาพบพ่อแม่ครูอาจารย์
ขอให้เขาได้รับใช้ท่านทั้งหลายตลอดไปจนกว่าจะถึงธรรมชั้นสูงเลยนะครับ

ภายในพรรษานี้แหละครับ คงได้เจอกันถ้วนหน้าอีกเช่นเคย

โมทนาสาธุครับ

 

กราบ กราบ กราบ
กราบ กราบ

ฝากแปะไว้ก่อนนะครับ

 

ขออนุญาตแนะนำตัว

ผมก็เป็นศิษย์ของ พ.สุรเตโช ปฏิบัติอุปฐากท่านที่ภูด่านไห ก็ขอขอบคุณ คุณ สมบัติ ดร.นนท์ คุณพิเชษฐ์ และญาติธรรมทั้งหลายที่ร่วมกันเสียสละทรัพย์เพื่อสร้างกุฏิ ทางเดินจงกรม ให้แก่พ่อมแม่ครูอาจารย์ ก็ขอให้ท่านทั้งหลายจงเจริญในธรรม มีสติในการพิจารณาธรรมจนถึงมรรคผลนิพานด้วยเทอญ...หากมีอะไรที่คนบ้านป่าอย่างเราที่ปฏิบัติต่อท่านที่เดินทางมาอาจจะด้วยความไม่สะดวกหรือความไม่รู้ประสีประสาของคนเพิ่งฝึกหัดปฏิบัติธรรมอย่างตัวกระผมก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี่ด้วย และหวังว่าท่านคงจะมาเยี่ยมเราอีก....

 

ปฐวีธาตุที่ใสเกือบจะกลายเป็นแก้วแล้ว เมื่อเทียบกับพลอยพญานาค(ดีทางลาภ)อายุนับxxปี

--- โปรดวางอุเบกขานะครับ ---

 

โอ้...ยินดีที่ได้รู้จักในบอร์ดแห่งนี้ครับคุณ naicharty
และขอโมทนาสาธุในกุศลที่ท่านได้อุปัฏฐากปฏิบัติธรรมร่วมกับพ่อแม่ครูอาจารย์เด้อ...

 

<TABLE style="TABLE-LAYOUT: fixed" cellSpacing=0 cellPadding=5 width="100%"><TBODY><TR><TD style="OVERFLOW: hidden" vAlign=top rowSpan=2 width="16%">Cleopatraptolemy ทีมงานพลังใจ
ขั้นสูงสุด


พลังใจ: 16
ออนไลน์

กระทู้: 522



เด็กน้อยอ่อนธรรม



</TD><TD height="100%" vAlign=top width="85%"><TABLE border=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center></TD><TD vAlign=center>Re: พระดีนอกกำมือเซียน
« ตอบ #102 เมื่อ: วันนี้ เวลา 08:23:12 AM »
</TD><TD style="FONT-SIZE: smaller" height=20 vAlign=bottom align=right>อ้างถึง แก้ไข ลบทิ้ง แยกหัวข้อ </TD></TR></TBODY></TABLE><HR class=hrcolor SIZE=1 width="100%">

ด้วยความยินดีครับท่าน Cleopatraptolemy ... คลื่นพลังงานจากองค์พระก็เหมือนกับคลื่นพลังงานต่างๆ เช่น อากาศหายใจ ที่เป็นสมบัติส่วนรวม ใครๆก็สามารถใช้ได้ พลังงานเป็นสิ่งที่มองไม่เห็นและจับต้องไม่ได้ จึงไม่ผิดศีลข้ออทินนาทานา(การลักขโมยในสิ่งของที่จับต้องได้) ดังนั้น จึงไม่ผิดศีลครับ... การที่ท่านสามารถสัมผัสพลังงานที่อยู่ในองค์พระได้นั้น นับว่าเป็นผู้มีบุญสะสมมามาก และต้องมีฌานสมาบัติทั้งของเก่าและของใหม่ติดตัวมาด้วย น้อยคนจะทำเช่นนี้ได้ ต้องขออนุโมทนากับท่านนะครับ... พลังจิตของพระสงฆ์ที่มีฌานสมาบัติชั้นสูงจะถูกเก็บในเนื้อมวลสารหรือโลหะต่างๆ ที่อยู่ในองค์พระ(Media) หากไม่มีองค์พระคลื่นพลังงานต่างๆจะไม่สามารถมีที่ยึดเกาะได้..เช่นเดียวกันกับพลังงานไฟฟ้าที่ต้องมีสายไฟเป็นตัวนำกระแสไฟ... เมื่อมีคนไปจับสายไฟที่รั่วกระแสไฟฟ้าจึงวิ่งไปยังที่ตัวผู้จับจนทำให้เกิดไฟฟ้าช็อดได้.... เช่นเดียวกันเมื่อท่านไปแตะองค์พระที่มีพลังจิตด้วยตัวของท่านมีคลื่นพลังงานละเอียดเช่นกัน จึงสามารถสัมผัสพลังงานที่วิ่งเข้ามาสู่ตัวท่านได้... แต่พลังงานที่อยู่ในองค์พระไม่ทำให้คนตายได้... แต่ก็ควรพึงระวังสำหรับผู้ชอบจับพลังพระ เพราะหากฌานสมาบัติทั้งของเก่าและของใหม่ของท่านไม่เข้มแข็ง อาจทำให้ธาตุภายในของท่านอ่อนแรงและอาจถึงตายได้.... ส่วนวิธีการดึงพลังจากองค์พระไปกักเก็บภายในตัวท่านนั้น ก็น่าจะทำได้ แต่ท่านควรเรียนรู้เสียก่อนว่า พระองค์ใดบรรจุพลังงานด้านใด เช่น คงกระพันชาตรี เมตตา แคล้วคลาด โชคลาภ หรือครอบจักรวาล พลังจะไม่เหมือนกัน บางองค์สามารถรักษาโรคได้ บางองค์สามารถซ่อมแซมพลังงานในตัวเราได้ พระบางองค์แค่เรามองเห็นก็มีพลังงานวิ่งมาที่ตัวเรา...มากมายครับ... หากท่านไม่รังเกียจก็ควรที่จะอัญเชิญพระท่านกลับบ้านด้วย เพราะพระบางองค์มีเทวดารักษาอยู่หลายองค์ ท่านทรงเลือกคนที่จะไปอยู่ด้วยครับ... ขอเจริญในธรรม


************


ขอกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์อย่างสูง ตัวไอเองนับว่าโชคดีที่ พระโพธิสัตว์กวนอิม และพระยูไล รวมทั้ง พระสมณโคดม และพระสาวกทั้งปวง รวมทั้ง พระคริสต์ พระอัลลาร์ พระอาจารย์ฤาษี ท่านประสิทธิ์ประสาท วิชา ต่อยอดให้ในชาติปัจจุบัน



ร่างกายของไอนี้ แสนประหลาด สามารถ ดูดพลังงานโดยรอบได้ มีหลายครั้งที่ ไม่มีลมหายใจ ก็ได้ท่านพญามาร มายื้อชีวิต ให้ใช้กรรม นาน นาน ปัจจุบัน ตั้งปณิธานว่า จะบำเพ็ญตบะเป็นเซียน ตามรับใช้ พระ ถังซำจั๋ง และพระ ยูไล เพื่อรักษาพระพุทธศาสนา ให้ครบ 5000 ปี



มีมารเข้ามาลองภูมิมากมาย กายเนื้อมีดัชนีค่าตับ ที่สูงกว่ามนุษย์ปกติหลายเท่า เมื่อวันเข้าพรรษาที่ผ่านมาก็ใกล้จะสิ้นใจ หากแต่มีภูติจิ้งจอก มายื้อสังขารไว้ เรียกได้ว่า เจริญมรณัสติรายวัน เลยค่ะ



หากชาตินี้ ไม่บรรลุ เซียน จะไม่ขอ สิ้นลมหายใจค่ะ ช่วงนี้ งานหนักคือ จักร 1 ได้รับบาดเจ็บ จากอาหาร/น้ำดื่ม แต่ก็ สู้ตายค่ะ \_/



หากไอมีปัจจัยเยอะๆ ก็จะ อาราธนาพระเครื่องท่านกลับบ้านด้วย หากแต่เป็น มนุษย์เงินเดือน พ่วงลูกน้อยหอยสังข์ ต้องขอพลัดผ่อนไปก่อน



ต้องขอกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ที่ ชี้แนะ นะคะ ขอให้ท่านอาจารย์ และครอบครัว รวมทั้งท่านกัลยาณมิตรธรรมทั้งหลายในนี้ เจริญในธรรมยิ่งๆ ขึ้นไปค่ะ สาธุ _/\_

​

</TD></TR></TBODY></TABLE>ผมขออนุญาตนำข้อความจากเว็บพลังใจมาแปะไว้ในพื้นที่เว็บบอร์ดนี้ เผื่อจะเป็นประโยชน์ต่อทุกท่านครับ

 

<TABLE style="TABLE-LAYOUT: fixed" cellSpacing=0 cellPadding=5 width="100%"><TBODY><TR><TD style="OVERFLOW: hidden" vAlign=top rowSpan=2 width="16%">nontayan Moderator
ขั้นเซียน


พลังใจ: 13
ออนไลน์

กระทู้: 168





</TD><TD height="100%" vAlign=top width="85%"><TABLE border=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center></TD><TD vAlign=center>Re: พระดีนอกกำมือเซียน
« ตอบ #103 เมื่อ: วันนี้ เวลา 09:56:42 AM »
</TD><TD style="FONT-SIZE: smaller" height=20 vAlign=bottom align=right>อ้างถึง แก้ไข ลบทิ้ง แยกหัวข้อ </TD></TR></TBODY></TABLE><HR class=hrcolor SIZE=1 width="100%">
ขออนุโมทนากับท่าน Cleopatraptolemy กับบุญบารมีเก่าสะสมและแรงปณิธานในการบำเพ็ญตะบะต่อยอดในภพนี้... กาลอันควร สถานที่อันควร บุคคลอันควร และสภาวะเงื่อนไขอันควร จะนำพาท่านไปสู่ความเป็นเซียนได้ดั่งตั้งใจ... ในช่วงกึ่งกลางพระพุทธศาสนานี้ ผู้ใดปรารถนาเช่นใดก็จักประสบความสำเร็จดั่งนั้น แต่ต้องปฏิบัติอย่างจริงจังแบบทางสายกลาง... ผมเองก็เคยไปกราบพระโพธิสัตว์กวนอิมที่ฮ่องกงและได้พบกับสิ่งเหนือโลก ที่พระองค์ท่านได้ดึงหน้าผากและมือทั้งสองข้างของผมติดแนบกับหลังพระบาทของท่านนับเกือบสิบนาที จึงสามารถดึงออกมาได้ (ดังที่เขียนไว้ในกระทู้ทีมงานเว็บฯ)...เคยนิมิตว่าตัวเองมีร่างกายอ้วนท้วน มีชฎาคล้ายพระจีน มีบัวอาสน์รองรับ สามารถขยายตัวเองใหญ่จนเต็มท้องฟ้าได้....เคยนิมิตว่าตัวเองแปลงกายเป็นเฮ่งเจีย และเหาะไปในสถานที่หนึ่งจนพบต้นไม้รังอยู่ชายป่า ในจิตบอกว่า เป็นต้นไม้ที่เราใช้บำเพ็ญภาวนา...และอีกหลายๆอย่าง...จึงนำมาเล่าให้ท่านฟัง...ผมเองไม่ได้ติดใจในนิมิตนั้น...รู้แล้วก็ละวาง... จิตผุดรู้บางอย่างจึงเป็นคุณสมบัติเฉพาะตัว...


หลายคนไม่ทราบว่าตัวเองมีกรรมอะไร....แต่หลายคนทราบว่าตัวเองกำลังเผชิญวิบากกรรมอะไร...กรณีหลังนี้จึงมีโอกาสที่จะชดใช้กรรมให้หมดไป เป็นการตัดภพตัดชาติกับเจ้ากรรมนายเวร เพื่อการบำเพ็ญบารมีต่อไป...เมื่อรู้แล้วจะต้องไม่หลีกหนี ไม่ต่อรองในชะตากรรมนั้นๆ จงบำเพ็ญบุญบารมีเพื่อขออโหสิกรรมหรือยอมชดใช้ด้วยจิตสำนึกที่แท้จริง กรรมนั้นก็จะหลุดไปได้ เมื่อหลุดแล้ว ความสงบความว่างเปล่า ความสุขปีติจะบังเกิดขึ้นอย่างอัตโนมัติ แล้วเราจะเอ่ยปากระลึกถึงบุญคุณของพระพุทธองค์ที่ได้ตรัสชี้แนวทางให้เราปฏิบัติไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า... เมื่อไม่มีทุกข์(แสนสาหัส) แล้วจะปลดทุกข์ได้อย่างไร... พระพุทธองค์ไม่ได้ตรัสรู้ขึ้นมาลอยๆ พระองค์ตรัสรู้จากสิ่งที่มี ที่เห็น ทีเป็น ทั้งทุกข์ สุข อุเบกขา และสรรพสิ่งที่มีอยู่ในโลกและจักรวาล... จงเรียนรู้ในสิ่งที่เห็น ที่เป็น ที่กำลังเผชิญ เมื่อรู้แล้วก็ละวาง เมื่อเรื่องใหม่เข้ามาผจญ ก็ดำเนินสติอย่างเดิม รู้แล้วละวางไปเรื่อยๆ เมื่อเจริญสติจนเป็นอุปนิสัย ความวางเฉยต่อสิ่งที่มากระทบก็จะบังเกิดขึ้น วิมุตติก็จะบังเกิดขึ้น ความหลุดพ้นก็จะบังเกิดขึ้น...ท่านเป็นคนมีบุญบารมีมาก จึงต้องมีมารมาผจญ เป็นของคู่กัน...


กายเนื้อและกายในของท่าน เมื่อประสานกันจะสามารถถ่ายทอดพลังงานออร่า (aura) ออกมา ซึ่งมีผลสืบเนื่องมาจากการบำเพ็ญตะบะแบบฤาษี แบบเซียนในอดีต จึงมีฤทธิ์มาก พลังงานของท่านเมื่อใช้นิ้วไปแตะที่เครื่งมือตรวจวัดพลังงานทางวิทยาศาสตร์ เข็มจะกระดิกไปจนสุด(แรงมากๆ) ผมเคยลองที่สถาบันของอาจารย์สถิตย์ธรรม เพ็ญสุข มาแล้ว บางคนที่มีองค์เทพองค์บารมีหรือมีสภาวะจิตที่ละเอียดบ้างจะอยู่ใกล้ตัวท่านไม่ได้ จะมีอาการปวดศรีษะ จะอาเจียน หรือรู้สึกหนักทั้งตัว ขนลุกขนพองได้ หากผู้นั้นมีสภาวะที่ต่ำกว่าท่าน...สิ่งเหล่านี้ท่านเองรู้ดีกว่าใคร... สิ่งที่ท่านมี ท่านเป็น จึงเป็นคุณสมบัติเฉพาะตนของท่าน...ผมจึงขออนุโมทนาอีกครั้งครับ..... ปล. พระเครื่องนั้น อยู่ที่ใจครับ เมื่อเราปฏิบัติดีปฏิบัติชอบแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ท่าน เพราะตัวเราก็เป็นพระแล้วครับ

</TD></TR></TBODY></TABLE>ผมขออนุญาตนำข้อความจากเว็บพลังใจดอทคอมมาแปะครับ

 

<TABLE id=post4892539 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->IT Man<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4892539", true); </SCRIPT>
สมาชิก



วันที่สมัคร: Dec 2010
สถานที่: ๑๕๙ ศรีสมบัติอรุณ
ข้อความ: 1,341
พลังการให้คะแนน: 156


</TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_4892539 class=alt1><!-- google_ad_section_start -->อ้างอิง:
<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ naicharty
ผมก็เป็นศิษย์ของ พ.สุรเตโช ปฏิบัติอุปฐากท่านที่ภูด่านไห ก็ขอขอบคุณ คุณ สมบัติ ดร.นนท์ คุณพิเชษฐ์ และญาติธรรมทั้งหลายที่ร่วมกันเสียสละทรัพย์เพื่อสร้างกุฏิ ทางเดินจงกรม ให้แก่พ่อมแม่ครูอาจารย์ ก็ขอให้ท่านทั้งหลายจงเจริญในธรรม มีสติในการพิจารณาธรรมจนถึงมรรคผลนิพานด้วยเทอญ...หากมีอะไรที่คนบ้านป่าอย่างเราที่ปฏิบัติต่อท่านที่เดินทางมาอาจจะด้วยความไม่สะดวกหรือความไม่รู้ประสีประสาของคนเพิ่งฝึกหัดปฏิบัติธรรมอย่างตัวกระผมก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี่ด้วย และหวังว่าท่านคงจะมาเยี่ยมเราอีก....
</TD></TR></TBODY></TABLE>
โอ้...ยินดีที่ได้รู้จักในบอร์ดแห่งนี้ครับคุณ naicharty
และขอโมทนาสาธุในกุศลที่ท่านได้อุปัฏฐากปฏิบัติธรรมร่วมกับพ่อแม่ครูอาจารย์เด้อ... <!-- google_ad_section_end -->
__________________
<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->ขอเชิญร่วมสร้างกุฏิ,ศาลาปฏิบัติธรรมถวายพ่อแม่ครูอาจารย์<!-- google_ad_section_end -->
</TD></TR></TBODY></TABLE>
ขอแสดงความยินดีและอนุโมทนาบุญกับท่านด้วยเช่นกันครับ สาธุ

 

<TABLE style="TABLE-LAYOUT: fixed" cellSpacing=0 cellPadding=5 width="100%"><TBODY><TR><TD style="OVERFLOW: hidden" vAlign=top rowSpan=2 width="16%">Cleopatraptolemy ทีมงานพลังใจ
ขั้นสูงสุด


พลังใจ: 16
ออนไลน์

กระทู้: 524



เด็กน้อยอ่อนธรรม



</TD><TD height="100%" vAlign=top width="85%"><TABLE border=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center></TD><TD vAlign=center>Re: พระดีนอกกำมือเซียน
« ตอบ #104 เมื่อ: วันนี้ เวลา 10:11:58 AM »
</TD><TD style="FONT-SIZE: smaller" height=20 vAlign=bottom align=right>อ้างถึง แก้ไข ลบทิ้ง แยกหัวข้อ </TD></TR></TBODY></TABLE><HR class=hrcolor SIZE=1 width="100%">


กายเนื้อและกายในของท่าน เมื่อประสานกันจะสามารถถ่ายทอดพลังงานออร่า (aura) ออกมา ซึ่งมีผลสืบเนื่องมาจากการบำเพ็ญตะบะแบบฤาษี แบบเซียนในอดีต จึงมีฤทธิ์มาก พลังงานของท่านเมื่อใช้นิ้วไปแตะที่เครื่งมือตรวจวัดพลังงานทางวิทยาศาสตร์ เข็มจะกระดิกไปจนสุด(แรงมากๆ) ผมเคยลองที่สถาบันของอาจารย์สถิตย์ธรรม เพ็ญสุข มาแล้ว บางคนที่มีองค์เทพองค์บารมีหรือมีสภาวะจิตที่ละเอียดบ้างจะอยู่ใกล้ตัวท่านไม่ได้ จะมีอาการปวดศรีษะ จะอาเจียน หรือรู้สึกหนักทั้งตัว ขนลุกขนพองได้ หากผู้นั้นมีสภาวะที่ต่ำกว่าท่าน...สิ่งเหล่านี้ท่านเองรู้ดีกว่าใคร... สิ่งที่ท่านมี ท่านเป็น จึงเป็นคุณสมบัติเฉพาะตนของท่าน...ผมจึงขออนุโมทนาอีกครั้งครับ..... ปล. พระเครื่องนั้น อยู่ที่ใจครับ เมื่อเราปฏิบัติดีปฏิบัติชอบแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ท่าน เพราะตัวเราก็เป็นพระแล้วครับ






----------------






เข้ามา ตอกย้ำ เรื่องจริง ที่ท่านอาจารย์กล่าว ใครที่เคยอยู่ใกล้ไอ จะมีอาการคือ แตะเนื้อต้องตัวของไอไม่ได้ จะร้องว่า ร้อน ร้อน ร้อน







แรกเริ่มไอไปลดความอ้วนที่ร้าน สปาช่า แล้วมีเด็กนวดคนหนึ่ง มาทำการนวดเนื้อตัว สลายไขมันให้ เขามีอาการหอบ และร้องว่า โอย ร้อน ร้อน จากนั้น ก็ไม่มีเรี่ยวแรงที่จะนวดสลายไขมันต่อ ไอจึงพาไป ล้างอาถรรพณ์ เพราะเด็กสาวคนนี้ โดนของเสียที่เรียกว่า การปิดทองที่ทวาร จักร 1 โดยใช้ อวัยวะเพศของ หมอผีชื่อดังท่านหนึ่ง ลงปิดอุดเอาไว้ แล้วบอกให้ ใส่ตระกรุดห้อยเอวไว้ตลอดเวลา







เมื่อล้างอาถรรพณ์เสร็จ ของเสียทั้งหมด ก็กระหน่ำมาที่ตัวของไอ เข้ารพ. ห้องฉุกเฉินหลายรอบ ก็ไม่สามารถเอาตัว ไอ ไปได้ เพราะท่านท้าวเวสสุวรรณ และท่านพระโพธิสัตว์กวนอิม ท่านมาช่วยชีวิตไว้ เพราะ การตายของไอในห้องฉุกเฉินนั้น ผิดปกติ และมีเงื่อนงำ







ท่านพยายมราช ก็ปล่อยตัวออกมาซ่าส์ต่อ ก็ไปนั่งใกล้ใครๆ ไม่ได้ พวกบ่นว่า โอ๊ย ร้อน ร้อน ทำให้เกิดนิสัย ปลีกวิเวก และไม่สุงสิงกับคนอื่น เคยวางปณิธานจะเข้าป่าไป แต่ติดที่ ลูกน้อย วัย 3.7 ปี ต้องกลับมาใช้ชีวิต ปุถุชน คนแปลกประหลาด ไล่ผีให้เด็กน้อยต่างๆ จนกระทั่ง กลายเป็น นิสัยส่วนตัว เพราะ วางอุเบกขาต่อเด็ก สตรี และคนชราไม่ได้นั่นเองค่ะ







แต่ยังไม่เคยใช้เครื่องทางวิทยาศาสตร์ ตรวจวัดอะไร แค่อยู่ใกล้ๆ ใคร เขาบ่น ร้อน บ่นว่า สมองเสื่อม ไม่มีเรี่ยวแรงจะเดิน เท่านั้นค่ะ







ไอขอขอบพระคุณท่านอาจารย์ที่เอาความรู้มาเล่าให้ฟังค่ะ


</TD></TR></TBODY></TABLE>ขออนุญาตนำมาแปะเพื่อเป็นความรู้ครับ

 

สวัสดีครับ พี่สมบัติ ท่านอาจารย์นนต์ คุณสมาชิกธรรม แล้วก็ผู้ร่วมเดินทางบนเส้นทางสายบุญสายนี้ ทุกคนครับ เพียงไม่กี่วันเวปแห่งนี้กลายเป็นแหล่งที่รวม ของผู้ปฏิบัติที่อยู่บนทางเดียวกันมากขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ เหมือนมีอะไรดลใจให้ได้มาพบกัน ณ.ที่แห่งนี้ เวลานี้ เพื่อที่จักกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่ง ในอนาคตอันใกล้นี้ (รู้สึกอย่างนั้นครับ) ต้องเป็นเรื่องที่เป็นบุญกุศล อย่างยิ่งเลยครับ
ยินดีที่ได้รู้จักญาติธรรมทุกคนครับ

 

<TABLE class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 6 คน ( เป็นสมาชิก 4 คน และ บุคคลทั่วไป 2 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>nontayan, พิมพ์แพร, ซึ้งบน, IT Man </TD></TR></TBODY></TABLE>สวัสดีทุกท่านครับ กำลังรอท่านสมบัติถ่ายทอดเรื่องราวให้ทุกท่านทราบ คงออกมาเป็นระยะๆ ด้วยความปีติครับ

 

ด้วยความยินดีครับ...เราคงได้ร่วมบุญกันอีกครั้งภายในพรรษานี้

 

แสวงบุญภูดานไห โดยกลุ่มนักรบธรรม

ผมขออนุญาตเริ่มออกเดินทาง ณ หน้านี้เรื่อยๆ จนกว่าจะครบทั้งสามวัน (15-17 ก.ค. 2554) โดยแบ่งรายละเอียดภาพปลีกย่อยดังนี้

วันที่หนึ่ง ศุกร์ที่ 15 ก.ค. 2554 ตรงกับวันอาสาฬบูชา :
เช้า - ทำพิธีถวายกุฏิ,ทางเดินจงกรม,แผงพลังงานแสงอาทิตย์และภัตตาหารเช้า
บ่าย - การอัญเชิญย้ายพระบรมฯ พระธาตุ จากกุฏิเก่าขึ้นกุฏิใหม่
เย็น - สนทนาธรรมนอกรอบ เฉพาะกลุ่มนักรบธรรม
ค่ำ - ถวายพระพิมพ์สำคัญๆ พระพุทธรูป ฟังธรรมะ ปฏิบัติธรรมร่วมกับพ่อแม่ครูอาจารย์

วันที่สอง เสาร์ที่ 16 ก.ค. 2554 ตรงกับวันเข้าพรรษา:
เช้า - ตักบาตร ถวายภัตตาหารเช้า
สาย - ชมอาณาบริเวณภายในสำนักปฏิบัติธรรมภูดานไห
บ่าย - ร่วมฟังธรรม ก่อนออกเดินทางไปมหาสารคาม
เย็น - ภายในวัดป่ารัตนพรชัย วาปีประทุม
ค่ำ - ภายในวัด อ.บุญสวน บรบือ

วันที่สาม อาทิตย์ที่ 17 ก.ค. 2554 :
เช้า - ชมสถานที่บำเพ็ญภาวนาของพ่อแม่ครูอาจารย์
สาย - ฟังธรรมะ
บ่าย - เดินเท้าขึ้นภูเขาร่วมกับพ่อแม่ครูอาจารย์
บ่ายแก่ๆ - สนทนาธรรมะนอกรอบพิเศษระหว่างการเดินเท้า
ค่ำ - ขออนุญาตพ่อแม่ครูอาจารย์เดินทางกลับ โดยสวัสดิภาพ

ภาพเก็บตกต่างๆ

 

ยินดีที่ได้พบปะสนทนาและร่วมบุญครับ....คงจักได้พบกันนะครับ

 

อ้างถึง : แสวงบุญภูดานไห โดยกลุ่มนักรบธรรม

ผมออกเดินทางประมาณ 5 โมงเย็นของวันพฤหัสฯที่ 14 ก.ค ไปถึงบ้านครูร่วมชาติ ราวๆ 6 โมงเช้า นอนพักนิดหน่อยก็ขึ้นภูดานไห

ภาพเก็บตกระหว่างทาง หาโอกาสถายได้ยาก หากเรามองดูดีๆจะเหมือนคนนอนขวางถนนไว้

คนแม่สอดเชื่อว่าเป็นเจ้าพ่อพะวอ ซึ่งเป็นนักรบชาวกระเหรี่ยงในยุคสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ท่านเป็นนายด่านเมืองแม่สอด ป้องกันข้าศึกคือพม่าจนตัวตายในสนามรบ ที่ด่านแม่ระเมา ชาวแม่สอดได้มีการสร้างศาลเจ้าพ่อพะวอที่หุบเขาเจ้าพ่อพะวอแห่งนี้ ใครผ่านไปผ่านมาก็ขอให้เคารพท่านด้วยนะครับ ท่านเป็นเทพที่ใหญ่ที่สุดในนครแม่สอด เผลอๆอาจจะทั้งจังหวัดตากก็ว่าได้

ในตำนานกล่าวว่า ระหว่างการพักรบในตอนค่ำ มือที่ท่านจับดาบสองข้างแกะออกไม่ได้ เพราะเกลอะกลังเต็มไปด้วยเลือดของข้าศึก ควรที่พวกเราท่านทั้งหลาย ได้เทอดทูนท่านไว้ ณ ที่แห่งนี้ครับ

 

- ทางขึ้นภูดานไห ยามหน้าฝน เช้านี้ (15 ก.ค. 54) ฝนตกไม่หนักเท่าไรนัก
- พอขึ้นไปก็ได้เห็นว่าทางเดิน ท่านลาดด้วยหินสระบุรีโดยรอบๆ รวมๆแล้วคงเป็นกิโลเมตรกระมัง
น่าอัศจรรย์ใจแท้หนอ ด้วยกำลังแรงคนเพียงไม่กี่คนจริงๆ
- เดินเข้าไปเรื่อยๆจะเจอศาลาฯหลวงปู่ศรีสุทโธ
- แหล่งพลังงานแสงอาทิตย์ที่พึ่งติดตั้งเสร็จ
- ทางเดินจงกรม ที่คลุมด้วยโครงเหล็กกับสังกะสี
- จากนั้นก็พบกุฏิงามเด่นมาแต่ไกล ไม่น่าเชื่อว่าจะเสร็จใน 13 วัน ครบตามธุดงควัตร 13 พอดี (พ.สุรเตโช)
- ใต้ถุนเป็นคุณพ่อและญาติๆของพระอาจารย์ที่เดินทางไกลมาจากหนองคายและขอนแก่น
- บ่อล้างเท้าน้อยๆข้างบันได เหมาะดีหนอ
- ครูชาติกะญาติธรรมกำลังขมีขมันขนภัตตาหารขึ้นมา

 

​

โยมคุณพ่อของพ่อแม่ครูอาจารย์ทำพิธี : ถวายกุฏิ,ทางเดินจงกรม,แผงพลังงานแสงอาทิตย์,ผ้าไตรจีวร,ผ้าอาบน้ำฝน,เทียนจำนำพรรษา,ปัจจัยไทยธรรมและภัตตาหารเช้า

จากนั้นพ่อแม่ครูอาจารย์ พ.สุรเตโช ได้เทศนาโดยย่อๆ และให้พร ปีตินักแล

รวบรวมปัจจัยได้ดังนี้
- ผ่านผมกับเพื่อนๆธรรมทั้งหลาย 118,993 (ณ. 19 ก.ค. 54)
- โยมคุณพ่อพ่อแม่ครูอาจารย์ ถวาย 10,000
- โยมพี่เขย-พี่สาวพ่อแม่ครูอาจารย์ ถวาย 20,000
- ผู้มาร่วมงาน (โดยประมาณ) 2,500

ค่าสร้างกุฏิ,ทางเดินจงกรม,แผงพลังงานแสงอาทิตย์,ห้องน้ำ...โดยคร่าวๆ
- ค่าก่อสร้างกุฏิ รวมค่าช่าง 80,000
- ค่าประตู-หน้าต่าง 6,000 - มีเจาภาพ
- ค่ากระเบื้องมุงหลังคา 18,000 - มีเจ้าภาพ
- ค่าทำทางเดินจงกรม,ค่าหินปูทางเดินในวัด,และอื่นๆ ประมาณ 60,000
- ค่าแผงวงจรพลังงานแสงอาทิตย์ - มีเจ้าภาพ
- ค่าห้องน้ำ (สร้างไม่ทัน) - มีเจ้าภาพ

ถวายผ้าไตร 5,600 บาท
ถวายปัจจัยพ่อแม่ครูอาจารย์ ใช้สอยในวัด 6,400

ปล: ระหว่างนี้คงต้องเริ่มหยอดกระปุกออมสิน เพื่อร่วมสร้างศาลาปฏิบติธรรม,หอฉัน ในอีก 3 เดือนข้างหน้าครับผม


โมทนาสาธุร่วมกันครับ

 

คณะญาติๆพ่อแม่ครูอาจารย์ถ่ายรูปร่วมกันครับ

เสร็จพิธีกรรมช่วงเช้าของวันอาสาฬบูชา

 

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#99cc00 height=23 align=center>ธุดงควัตร 13 ประกอบด้วย</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 width="100%" height=20><TBODY><TR><TD>

​

</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 width="94%" align=center><TBODY><TR><TD>1. ถือการนุ่งห่มผ้าบังสุกุลเป็นวัตร
2. ถือการนุ่งห่มผ้าสามผืนเป็นวัตร
3. ถือการบิณฑบาตเป็นวัตร
4. ถือการบิณฑบาตไปโดยลำดับแถวเป็นวัตร
5. ถือการฉันจังหันมื้อเดียวเป็นวัตร
6. ถือการฉันในภาชนะเดียวคือฉันในบาตรเป็นวัตร
7. ถือการห้ามภัตตาหารที่เขานำมาถวายภายหลังเป็นวัตร
8. ถือการอยู่ป่าเป็นวัตร
9. ถือการอยู่โคนต้นไม้เป็นวัตร
10. ถือการอยู่อัพโภกาสที่แจ้งเป็นวัตร
11. ถือการอยู่ป่าช้าเป็นวัตร
12. ถือการอยู่ในเสนาสนะตามมีตามได้เป็นวัตร
13. ถือเนสัชชิกังคธุดงค์ คือการไม่นอนเป็นวัตร
การถือธุดงคบำเพ็ญได้ด้วยการสมาทานคือด้วยอฐิษฐานใจ หรือแม้นด้วยการเปล่งวาจา คุณประโยชน์ของธุดงควัตร คือ การยังชีพโดยบริสุทธิ์ มีผลเป็นสุข เป็นของไม่มีโทษ บำบัดความทุกข์ของผู้อื่นเสีย เป็นของไม่มีภัย เป็นของไม่เบียดเบียน มีแต่เจริญฝ่ายเดียว ไม่เป็นเหตุให้เสื่อม ไม่มีมารยาหลอกลวงไม่ขุ่นมัว เป็นเครื่องป้องกัน เป็นเหตุให้สำเร็จสิ่งที่ปรารถนา กำจัดเสียซึ่งศัสตราทั้งปวง มีประโยชน์ในทางสำรวมเป็นเครื่องสมควรแก่สมณะ ทำให้สงบยิ่ง เป็นเหตุให้หลุดพ้น เป็นเหตุให้สิ้นราคะ เป็นการระงับเสียซึ่งโทสะทำโมหะให้ พินาศไปเป็นการกำจัดเสีย ซึ่งมานะ เป็นการตัดเสีย ซึ่งวิตกชั่ว ทำให้ข้ามความสงสัยได้ กำจัดเสียซึ่งความเกียจคร้าน กำจัดเสีย ซึ่งความไม่ยินดีในธรรม เป็นเหตุให้มีความอดทน เป็นของชั่งไม่ได้เป็นของหาประมาณมิได้ และทำให้สิ้นทุกข์ทั้งปวง

อานิสงส์ การปฏิบัติธุดงควัตร ทำให้พระป่าที่จาริกไป ตามป่าเขา พำนักตามโคนไม้ เพิงผาและ ตามถ้ำเป็นอยู่อย่างสมถะ เสียสละ ลดละอุปโภคบริโภค ทำให้จิตของท่าน เป็นอิสระพ้นจาก พันธนาการเครื่องร้อยรัดขัดขวาง สู่ความเบาสบาย สงบเอื้อต่อการเจริญสมาธิภาวนา บำเพ็ญความเพียร การท่องไป ในป่าที่ดารดาษ ไปด้วยสิงสาราสัตว์ ภัยอันตราย เป็นการฝึกจิต หลอมใจ ให้เข้มแข็ง มีสติระลึกรู้ มีบทบริกรรม พุทโธ อยู่กับสายลมหายใจ การเจริญสติ ก่อให้เกิดสมาธิ และจิตตานุภาพ พระธุดงคกรรมฐาน สายท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโตจะผ่านการประหารกิเลส ด้วยธุดงควัตร จิตของพระคุณเจ้า จึงมั่นคง เข้มแข็งด้วย ศีลสมาธิปัญญาศรัทธาความเพียร

พระป่า สายท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ผู้มอบกายถวายชีวิต ในพระพุทธศาสนา ดำเนิน เดินตามทางรอยธรรม พ่อแม่ครูอาจารย์ ธุดงคจาริกไป ตามวนาป่าเขา เพื่อผลานิสงส์ ในการเพิ่มพูน บารมีธรรมแห่งพระบรมศาสดา สัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อมรรคผล นิพพาน เพื่อสงเคราะห์โลก แลสรรพสัตว์ เป็นเนื้อนาบุญของพระพุทธศาสนา เป็นขุนพลกล้า แห่งกองทัพธรรมพระกรรมฐาน ที่มีคุณูปการ อเนกอนันต์ ตราบนิรันดร์สมัย
</TD></TR></TBODY></TABLE>