หากนักการเมืองเจริญสติ จะเกิดอะไรขึ้น...?

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย aprin, 8 มิถุนายน 2011.

  1. aprin

    aprin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    7,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +22,514
    การเจริญสติ เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกคนในโลก และเป็นสิ่งจำเป็นในที่ทุกสถาน ในกาลทุกเมื่อ พอๆ กับที่อากาศและน้ำ จำเป็นสำหรับคนทุกคน....

    โดย...ว. วชิรเมธี ผู้อำนวยการสถาบันวิมุตตยาลัย

    ในอดีตกาลอันไม่ไกลนัก เคยมีตัวอย่างอยู่ว่า ในสมัยที่ บิล คลินตัน เป็นประธานาธิบดีแห่งประเทศสหรัฐอเมริกานั้น เคยมีนักศึกษาฝึกงานคนหนึ่งมาฝึกงานที่ทำเนียบขาว ชื่อของเธอ โมนิกา ลูวินสกี ตามปกติท่านประธานาธิบดีผู้มีความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ระดับโลก คงมีการเจริญสติอยู่เสมอ แต่วันหนึ่งเมื่อท่าน “ขาดสติ” ไม่ได้ตามดูความรู้สึกของตน (เวทนานุปัสสนา) อย่างเท่าทันอารมณ์ปัจจุบัน ท่านก็เลยพลาดจากปัจจุบันขณะ ตกเข้าไปสู่โลกแห่งความเย้ายวนของกามารมณ์ จนเกิดปฏิกิริยา “กิ๊ก” กับนักศึกษาฝึกงานสาวคนนั้น
    สิ่งที่ท่านทำลงไป นับเป็น “สัมพันธพ-ล-า-ด” ไม่ใช่ “สัมพันธภาพ” อย่างที่ควรจะเป็น ผลก็คือ ท่านตกเป็นข่าวคาวฉาวโฉ่ไปทั่วโลก และเกือบหลุดจากตำแหน่งประธานาธิบดี เพราะถูกรัฐสภาตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากการ “ขาดสติ” แม้เพียงชั่วขณะจิตเดียวคราวนั้น ทำให้เกิดเป็นรอยด่างในชีวิตของท่านมาจนทุกวันนี้

    เราลองคิดดูในทางกลับกันว่า หากท่านประธานาธิบดีเห็นนักศึกษาฝึกงานสาวสวยคนนั้นแล้ว ท่านมีการเจริญสติอยู่ในใจจนเป็นความเคยชิน เมื่อนักศึกษาสาวซึ่งเป็นอารมณ์ปัจจุบันปรากฏตัวขึ้นมาในห้องทำงานของท่าน ท่านเพียงแต่กำหนดว่า “เห็นก็สักแต่ว่าเห็น” ไม่เพิ่มการปรุงแต่งเข้าไปในสิ่งที่เห็น เหตุการณ์เลวร้ายในชีวิตของท่านคราวนั้นก็คงไม่เกิดขึ้น

    ในกรณีของท่าน ประธานาธิบดีบิล คลินตัน นั้น ท่านเผชิญกับอารมณ์ที่เป็นสิ่งเร้าให้เกิดอาการขาดสติสองอย่างพร้อมกัน นั่นคือ วัตถุกาม (นักศึกษาสาว) และกิเลสกาม (จินตนาการ) สำหรับคนที่ไม่ค่อยได้เจริญสติ การตกอยู่ท่ามกลางสถานการณ์เช่นที่ท่านประธานาธิบดีกำลังเผชิญอยู่ ย่อมเป็นเรื่องยากที่จะรับมือได้ แต่สำหรับผู้ที่ฝึกการเจริญสติมาเป็นอย่างดี เรื่องเลวร้ายก็คงไม่เกิดขึ้น เพราะสำหรับผู้เจริญสติอยู่เสมอนั้น ต่อให้กระทบกับอารมณ์ที่ยั่วยวนเพียงใด การปรุงแต่งต่อ (สังขาร) ก็คงไม่เกิดขึ้น

    [​IMG]

    ด้วยเหตุนั้น พระพุทธองค์จึงตรัสเตือนผู้มุ่งต่อการเจริญสติว่า “เมื่อเห็นก็สักแต่ว่าเห็น เมื่อได้ยิน ก็สักแต่ว่าได้ยิน เมื่อได้กลิ่นก็สักแต่ว่าได้กลิ่น เมื่อลิ้มรส ก็สักแต่ว่าลิ้มรส เมื่อซึมซับสัมผัส ก็สักแต่ว่าสัมผัส และเมื่อครุ่นคำนึงก็สักแต่ว่าครุ่นคำนึงเท่านั้น” และเมื่อใครทำเพียง “สักแต่ว่า...” ไม่มีการปรุงแต่งต่อไปให้มากกว่านั้น ผลก็คือ“...พญามาร (กิเลส) ก็จะมองไม่เห็นเขา และจะหาเขาไม่พบ”

    น่าเสียดายที่ บิล คลินตัน ไม่เคยเรียนรู้การเจริญสติในชีวิตประจำวัน ท่านจึงไม่รู้เท่าทันอารมณ์ของตัวเองซึ่งกำลังผุดพรายขึ้นมาในปัจจุบันขณะ และด้วยเหตุดังนั้น ทั้งๆ ที่ท่านสามารถควบคุมโลกทั้งใบได้ แต่ทว่าท่านกลับไม่อาจควบคุมโลกส่วนตัวของท่านได้

    เราลองจินตนาการดูว่า ถ้าหากนักการเมืองคนสำคัญๆ ของโลก เคยผ่านการเจริญสติและเป็นคนที่มีสติอยู่เสมอในชีวิตประจำวัน นโยบายทางการเมืองของโลกจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนขนาดไหน และโลกนี้จะน่าอยู่เพียงไร
    การเจริญสติ เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกคนในโลก และเป็นสิ่งจำเป็นในที่ทุกสถาน ในกาลทุกเมื่อ พอๆ กับที่อากาศและน้ำ จำเป็นสำหรับคนทุกคน คนที่ปฏิเสธการเจริญสติ ก็คือ คนที่ปฏิเสธการมีคุณภาพชีวิตที่ดีของตัวเองโดยแท้
    สำหรับนักปฏิบัติ การเจริญสติ ทำให้หลุดพ้นจากความทุกข์ในการเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏอันยาวนาน แต่สำหรับคนทั่วไป การเจริญสติ ทำให้หลุดพ้นจากความทุกข์ในชีวิตประจำวัน เป็นรายเรื่อง รายกรณี รายนาที รายชั่วโมง และรายวิกฤติ เป็นเปลาะๆ เป็นครั้งๆ ซึ่งเพียงแค่สามารถจัดการกับความทุกข์ในชีวิตประจำวันได้แม้เพียงชั่วครั้งชั่วคราวด้วยท่าทีที่เป็นนายเหนือกว่ากิเลสอย่างรู้เท่ารู้ทัน รู้กันรู้แก้ ก็นับว่า เป็นการเพียงพอแล้วสำหรับปุถุชนธรรมดาๆ คนหนึ่ง

    ภาวะที่เราแต่ละคนต่างก็มีสติครองใจในระหว่างวันเช่นนี้เอง ควรเรียกได้ว่า เป็น “นิพพานระหว่างวัน” สำหรับคนทั่วไป และภาวะเช่นว่านี้ ควรเป็นอุดมคติที่พึงประสงค์สำหรับคนทุกชั้นวรรณะอย่างไม่มีข้อยกเว้น ไม่ว่าจะเป็นพระราชาธิบดี ประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรี นักการเมือง นักธุรกิจ ปัญญาชน ประชาชน หรือยาจกวณิพก ถ้าหากเป็นคนแล้ว เราทั้งหมดทั้งมวลควรฝึกเจริญสติให้มีสติครองกาย ครองใจอยู่เสมอ เพราะคนมีสติ ก็คือ คนมีความสุข (=สติมา สุขเมธติ) ทั้งนี้ โดยไม่เกี่ยวว่าจะต้องรวยหรือจน ขอแค่เป็นคน ถ้าหากเป็นคนมีสติอย่างแท้จริง (อยู่กับปัจจุบันเป็น) ก็มีสิทธิ์มีความสุข และสติส่วนบุคคลนี้เอง ก็คือ รากฐานแห่งสันติภาพของโลก กล่าวอีกนัยหนึ่งว่า สันติส่วนบุคคล คือ สันติภาพสากลของมนุษยชาติ

    โพสต์ทูเดย์ ธรรมะ-จิตใจ : หากนักการเมืองเจริญสติ จะเกิดอะไรขึ้น...?-
     
  2. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,647
    ผมว่านักการเมืองเขาก็เจริญสตินะ... คือ พรรคนุสสติ คือมีสติโดยเอาพรรคการเมืองเป็นอารมณ์....^-^

    รู้สึกว่าข้อมูลจะผิดบอร์ดไมครับ...
     
  3. เกศภัทร์

    เกศภัทร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    906
    ค่าพลัง:
    +732
    เอาแค่มี หิริโอตัปปะ และ ศีล๕ ให้ครบ ประเทศไทยก็เจริญแล้ว ... ไม่ต้องถึงกับเจริญ สติปัฏฐานหรอก
     
  4. เพชรกร

    เพชรกร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    290
    ค่าพลัง:
    +1,254
    <HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1>สติ มี สัมมาสติ กับ มิจฉาสติ ส่วนมากเป็น มิจฉาสติ มากกว่า
    คนปกติทั่วไปมี สติ ทุกคนเเหละ คนที่ไม่มีสติคือคนบ้าเท่านั้น
    ส่วน บิล คลินตัน ก็มี สติ ครับ เเต่เป็น มิจฉาสติ ที่บอกว่าไม่มีสติเป็นไปไม่ได้
    ถูกผิดอย่างไรผู้รู้ช่วยเเก้ให้ด้วยครับ
     
  5. paislam

    paislam เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +146
    การเจริญสติปัฎฐาน ช่วยทำให้เกิด หิริโอตัปปะ และศีล
    ได้สมบูรณ์แบบครับ การเจริญสติมากๆจะทำให้เกิดความละอายเกรงกลัวต่อบาป เกิดขึ้นในใจของผู้ปฎิบัติเองโดยอัตโนมัติและมีความซึ้งใจมากกว่าการท่องจำจากตำรา หรือการปฎิบัติโดยตามๆกัน ด้วยครับ

    ศีล5ในคนที่ไม่เจริญสติ กับคนที่เจริญสติแตกต่างกันครับ

    เพราะถ้าคนไม่เจริญสติ ให้ถือศีล 5 ศีลมักจะครบบ้าง พร่องบ้าง ขาดบ้าง

    เพราะมีแต่ความรู้ความเข้าใจ แต่ขาดความซึ้งใจ

    ศีล5 ในคนที่เจริญสติ ศีล5 จะไม่พร่อง ไม่ขาดเลย ด้วยมีทั้งความรู้

    ความเข้าใจ และมีความซึ้งใจด้วย และไม่เป็นการบังคับให้อยู่ในศีล

    แต่ศีลมันเกิดขึ้นเองเป็นปกติแก่ผู้เจริญสติมากๆแล้ว
     
  6. เกศภัทร์

    เกศภัทร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    906
    ค่าพลัง:
    +732
    จริงเหรอ ... ลองดูถ้าไม่มีศีล หรือศีลบกพร่อง แล้วภาวนาดูว่าจะไปได้แค่ไหน .. ยิ่งจิตใต้สำนึกพร้อมจะโกงกิน อย่างนักการเมืองทั่วไปแล้ว จะมีจิตใจเจริญสติ หรือไม่
    ก่อนจะทำอะไร พยายามรักษาศีลเป็นพื้นฐานก่อนจะดีกว่า

    สิ่งที่จะขนาบ นักการเมือง คงใช้ ศีล หรือ หิริ โอตัปปะ ไม่ได้ผล ... ควรใช้กฎหมายขั้นรุนแรง ในกรณี โกงกิน อยู่เบื้องหลัง เอื้อประโยชน์การโกงกิน รับสินบน หรือ ความผิดด้านจริยธรรมอื่นๆ ... ย้ำกฎหมายขั้นรุนแรง เท่านั้น !!!
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 9 มิถุนายน 2011
  7. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,188
    ค่าพลัง:
    +20,865
    อย่าไปคาดหวังในสิ่งที่ยากจะเป็นไปได้ ครับ

    นักการเมืองไม่มีทางเจริญสติพิจารณาธรรมหรอก ครับ
    เพราะพวกเค้าไม่มีพื้นฐานทางด้านนี้ หิริ โอตัปปะ ก็ไม่มี
    หรือถ้ามีจริงเค้าก็อยู่ในวงการเมืองไม่ได้ เพราะสิ่งแวดล้อมไม่เอื้ออำนวย

    เอาแค่หวังว่าเลวน้อยลงแล้วทำงานให้ส่วนรวมมากขึ้น ก็พอใจแล้วละครับ
     
  8. กรวุฒิ

    กรวุฒิ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2011
    โพสต์:
    143
    ค่าพลัง:
    +17
    โลกไม่มีสงครามครับ เพราะคนจะเจริญสติได้ต้องมีศิล และคนมีศิลไม่กล้าคิดทำร้ายใครหรอกครับ กลัวบาป
     
  9. ๛❀ชัยกฤต❀๛

    ๛❀ชัยกฤต❀๛ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +9
    มาเลย์เซีย สิงคโปร์.อินโด .ทำไมบ้านเมืองเขาสะอาดเป็นระเบียบ และ พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ...ไม่ค่อยจะมีลักเล็ก ขโมยน้อย..เพราะเหตุใดหรือ...ทั้งทีเมืองเขาประชากรส่วนใหญ่เป็นมุสลิม....
     
  10. ขมิ้นชัน

    ขมิ้นชัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2008
    โพสต์:
    508
    ค่าพลัง:
    +141
    กับประเทศไทย ถ้าทำได้ทุกคนทุกพรรคนโยบายที่ใช้ตอนหาเสียงจะเป็นจริงได้อย่างรวดเร็วสิ่งดีๆสำหรับประเทศชาติจะตามมาอย่างรวดเร็ว
    ตั้งประเด็นที่เป็นไปได้ยากมาให้อ่านเนาะ.......
    การสร้างความเป็นไปได้น่าจะทำได้ โดยการใส่วิชาพุทธศาสนาเข้าไปในหลักสูตรเน้นแนวปฏิบัติในการศึกษาน่าจะดี ตั้งแต่ประถมจนปริญญาไปเลย แต่ที่ผ่านมาเป็นแบบท่องจำเอาคะแนน เลยไม่ค่อยได้ผล รุ่นผมสมัยเรียนประถม ครูที่โรงเรียนจะให้สวดมนต์ไหว้พระหัดทำสมาธิ ตอนเย็นวันศุกร์ก่อนกลับบ้าน เป็นผลสืบเนื่องให้สนใจธรรมะมาตั้งแต่นั้น เสียดาย โครงการนั้นทำไปได้แค่ปีเดียว..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มิถุนายน 2011
  11. นาย สมพล

    นาย สมพล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2007
    โพสต์:
    866
    ค่าพลัง:
    +905
    ผมว่าการศึกษาเป็นแบบหมาหางด้วนนะ ทำให้คนมีความรู้ความสามารถขาดคุณธรรมจริยธรรม ต้องเริ่มจากการศึกษาที่เอากรรมฐานเข้าไปสอนเป็นพื้นฐาน ลำพังศีลห้าไม่พอหรอกครับ ต้องเอากรรมฐานเชิงปฏิบัติเข้ากล่อมเกลาให้เกิดปัญญาจริงๆถึงจะพอหวังได้ว่าคนจะมีคุณธรรมและปัญญาสูงขึ้น
     
  12. 5314786

    5314786 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    737
    ค่าพลัง:
    +3,801
    คติธรรมคำสอน จากเรื่องเล่า หลวงปู่ดู่ แห่งวัดสะแก

    ผู้มีสติชอบ
    นักปฏิบัติธรรมทุกคนที่หวังพ้นทุกข์ มักมีอุปสรรคจากการปฏิบัติไม่มากก็น้อย สิ่งที่ต้องนำมาใช้อยู่เสมอคือ ธรรมที่มีอุปการะมาก ได้แก่ สติ และสัมปชัญญะ แต่มักเรียกสั้นๆ ว่า สติ มีผู้ปฏิบัติท่านหนึ่งได้กราบเรียนหลวงปู่ว่า
    ผู้ปฏิบัติ "หลวงปู่ครับ ทำอย่างไรจึงจะมีสติอยู่ตลอดเวลาครับ"
    หลวงปู่ "ผู้มีสติอยู่ตลอดเวลา เห็นมีแต่พระพุทธเจ้าและพระอรหันต์เท่านั้น มีสติแม้กระทั่งเวลาหลับ ปุถุชนอย่างเราจะทำได้อย่างไร ยากต้องค่อยๆ ทำไป"
    คำพูดของหลวงปู่คือ หมั่นเจริญสติจนในที่สุดจะได้มหาสติเหมือนกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระอรหันต์ทั้งหลาย


    ขอบคุณที่มา http://www.dharma-gateway.com/monk/preach/lp_doo/lp-doo-05.htm]37




    สติเป็นธรรมชั้นสูงสุด สติยิ่งมีมากเท่าไหร่ยิ่งดี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มิถุนายน 2011
  13. 5314786

    5314786 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    737
    ค่าพลัง:
    +3,801
    สั้นๆ ก็มี

    เคยมีผู้ปฏิบัติกราบเรียนถามหลวงปู่ดู่ว่า
    “หลวงพ่อครับ ขอธรรมะสั้นๆ ในเรื่องวิธีปฏิบัติเพื่อให้กิเลส
    ๓ ตัว คือ โกรธ โลภ หลง หมดไปจากใจเรา จะทำได้อย่างไรครับ”

    หลวงพ่อตอบเสียงดังฟังชัด จนพวกเราในที่นั้นได้ยินกัน
    ทุกคนว่า “สติ”


    ข้อมูลจากหนังสือ 101ปี หลวงปู่ดู่ในดวงใจ
     
  14. marine24

    marine24 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    2,223
    ค่าพลัง:
    +15,634
    นักการเมืองประเทศสารขันธ์ ส่วนมากมาจาก ลูกหลานนักการเมือง นักธุรกิจ นักเลง มาเฟีย อังยี่ เจ้าพ่อ นักค้ายาเสพติดและ ของเถื่อน จึงหาคนดีมีคุณธรรมอยากมาก เพราะมีกฏของพรรค ต้องทำตามนโยบายของพรรคการเมือง ไม่ทำตามถูกขับออกจากพรรค ต้องหาเงินเข้าพรรค เข้าตัวเอง ลูกน้อง จะเอาเงินมาจากไหน 100 ชัก20 % สร้างถนน 100 ล้านบาท ต้องจ่าย 20-30 ล้านบาทให้ รมต. กรรมการ 10 ล้าน เหลือสร้างถนน 70 ล้านบาท กำไรบริษัท 10 ล้าน เหลือสร้างถนนจริง 60-50 ล้าน คุณภาพถนนจึงเหลือ แค่ 60% สร้างได้ปีเดียวถนนพัง
     
  15. paislam

    paislam เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +146
    ไม่ต้องไปหาศีลที่ไหนครับ การปฏิบัติธรรมเจริญสติ มันได้ครบหมดแล้ว ศีล สมาธิ ปัญญา

    ขณะปฏิบัติไม่ได้เบียดเบียดใครนั่นคือ ศีล

    ขณะปฎิบัติ ใจมีความตั้งมั่น นั่นก็คือสมาธิ

    ขณะปฏิบัติ ใจเห็นรูปนามเกิดดับนั่นก็เป็นตัวปัญญาครับ

    มันมีตัวอย่างอยู่ครับ แต่ไม่ใช่นักการเมืองแต่เป็นนักโทษติดคุก

    มีทั้งก่อคดี ลักทรัพย์ ฆ่าคน ท่านเจ้าคุณโชดก วัดมหาธาตุ

    เคยเทศน์สอนในเรือนจำโดยเริ่มแรก

    ก่อนที่จะพ้นโทษก็ให้ศีลให้พร เทศน์สอนธรรมะกับนักโทษ

    แต่ไม่มีการปฏิบัติรรม ผลสุดท้ายพอออกไปได้ไม่นาน นักโทษหน้าเก่าก็กลับเข้ามาติดคุกตามเดิมอีก ทำไมถึงเป็นเช่นนั่น

    พอหลังจากนั่นได้ปรับปรุงเพิ่มให้มีการปฏิบัติธรรมเจริญสติ สอนในเรือนจำ

    เพิ่มเข้าไปผลปรากฏว่านักโทษก่อคดีส่วนใหญ่ ออกไปแล้วไม่กลับมาในคุกอีกเลย ออกไปประกอบสัมมาอาชีพโดยชอบ มีนักโทษบางรายเจริญสติ
    ไปแล้วน้ำตาร่วง เพราะรู้สึกละอายแก่ใจในความชั่วที่ทำไป
    เพราะฉะนันยืนยันได้เลยว่า หากถือศีลแต่ไม่มีการปฎิบัติธรรมเจริญสติ
    คู่กัน จะไม่ได้ผล และได้ผลน้อยมากด้วยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มิถุนายน 2011
  16. wee2010

    wee2010 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2010
    โพสต์:
    190
    ค่าพลัง:
    +122
    เอาเจริญสติเลยหรอ ไกลไปไหม เอาแค่เลิกทุจริตคอรัปชั่นก่อนไหม
     
  17. สวนพลู

    สวนพลู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    6,596
    ค่าพลัง:
    +18,651
    การเมืองเรื่องมันเศร้า ส่วนใหญ่นรกกำลังรออยู่ทั้งนั้นสำหรับนักการเมืองไทย

    ศีลต้องมาก่อนอยู่แล้วครับ ถ้าศีลไม่มี ภาวนาไม่ต้องพูดถึงเลยครับ แค่สวดมนต์ตรวจศีลตัวเองก็จบแล้ว ภาวนาไม่คืบหน้าหรอกครับ

    แต่ว่าเขาไม่เคยแม้จะมองกลับมาดูที่ตัวเอง ไม่ดูตัวเองไม่สำรวจตัวเอง มัวแต่ด่ากันไปด่ากันมา แล้วก็จะมาปรองดอง(เค็ม) จะไปได้เรื่องอะไร ใครได้เป็นก็เกณท์คนมาไล่กัน คนที่ไปก็เป็นเครื่องมือ ตายฟรี ทุกฝ่าย สุดท้ายบ้านเมืองเสียหาย ไม่มีใครได้อะไรเลย
     
  18. deity

    deity เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,139
    ค่าพลัง:
    +1,645
    กระทู้นี้มีประโยชน์มากครับ

    ถ้าสามารถนำมาใช้ในทางปฏิบัติได้จริงๆ


    แต่ถ้าเราทำให้คนทุกๆสาขาอาชีพ ทุกๆวงการ ฯลฯ มีจิตใจที่ใสสะอาดจากการ

    เจริญสติ


    มันไม่ยิ่งเป็นผลดีต่อประเทศของเรามากกว่าหรือครับ

    ไม่เน้นแต่นักการเมืองและข้าราชการประจำเท่านั้น ฯลฯ
     
  19. turtohnual

    turtohnual เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    138
    ค่าพลัง:
    +232
    นักการเมือง คำๆนี้แค่คิดผมยังไม่อยากคิดถึงเลย
    และก็ไม่อยากพูดถึง เพราะการทำงานการเมือง
    ก็ไม่ต่างอะไรกับการร่วมกันโกงกินประเทศครับ
    จะมีซักหนึ่งในร้อยไหมครับที่ทำเพื่อบ้านเมืองจริงๆ
    ถ้าหากผมพูดผิดก็ขออภัยกับนักการเมืองดีๆด้วยครับ
    แต่ผมว่าเรื่องนี้ไม่น่านำมาพูดในเวปนี้ด้วยซ้ำ
     
  20. ต้นไทร

    ต้นไทร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    916
    ค่าพลัง:
    +666
    อนุโมทนา ครับ .... ถ้านักการเมืองมี ศีลและสติได้ ชาติเราจะเจริญสุดๆ เลย ครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...