หลวงปู่แหวนมาโปรดในนิมิตร(ฝัน)

พระมหาเถระท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังษี

เป็นพระผู้เป็นดังพระโพธิสัตว์โปรดโลก ในสมัยที่ท่านมีชีวิตอยู่ในกาลที่ท่านจะสร้างพระสมเด็จ ที่เลื่องลือในพุทธบารมี
ท่านได้นิมิตพบท่านท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระ เมื่อจะทำพิธีการปลุกเสกพระสมเด็จให้ถูกต้องตามหลักแห่งโลกทิพย์ และท่านได้พบทางนิมิตกับท่านท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระเมื่อครั้งธุดงค์ไปที่กำแพงเพชร ท่านฯ ได้สอนคัมภีร์ธรรมศาสตร์ และพิธีการปลุกเสกพระสมเด็จให้ศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่เลื่องระบือไปทั่วทิศ พร้อมทั้งได้บอกเล่าตำนานพระแก้วมณีโชติ ให้ท่านสมเด็จโต ไปนำเอาพระแก้วมณีโชติมา 5 ไห เก็บรักษาไว้ ภายภาคหน้าจะช่วยเกื้อกูลบำรุงพระพุทธศาสนาให้ครบถ้วน 5000 พรรษา

ท่านสมเด็จโตพร้อมศิษย์ จึงเดินทางมายังเมื่องพิศดารมหานคร และได้พบกับพญานาค ที่เป็นผู้รักษาพระแก้วมณีโชติ พญานาคได้พ่นไฟพิษเข้าใส่ท่าน ท่านเจ้าประคุณสมเด็จจึงภาวนาแผ่เมตตา นึกถึงท่านท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระ ไฟพิษไม่อาจทำอันตรายท่านได้ ท่านได้บอกแก่พญานาคตนนั้นว่า ท่านท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระ ให้มาเอาพระแก้วมณีโชติ 5 ไห ถ้าท่านพญานาคไม่เชื่อก็ให้เอ่ยนาม "ชินนะปัญจะระ" เมื่อพญานาคฟังก็รู้ว่าท่าน ชินนะปัญจะระ ให้มาจริง
จึงได้มอบพระแก้วมณีโชติ ให้ 5 ไห สมเด็จโตท่านนำมาเก็บรักษาไว้ที่กุฏิท่าน ให้วิญญาณหญิงสาวเป็นผู้เฝ้าดูแล จึงไม่มีใครกล้าเข้าใกล้
ด้วยเกรงกลัวในอิทธิฤทธิ์ของวิญญาณหญิงสาวนั้นที่ชอบ ปรากฎตัวให้คนเห็น

ก่อนสมเด็จโตท่านจะมรณภาพท่านได้นำเอาไหทั้ง 5 ใบไว้บนเพดาลโบสถ์วัดระฆังโดยไม่มีใครรู้ จนเวลาผ่านไป 100 ปี สมเด็จโตได้นิมิตบอก ท่านหลวงปู่ทิพย์ ให้รับรู้ตำนานพระแก้วมณีโชติ และได้มอบพระแก้วมณีโชติทั้งหมดให้ ท่านหลวงปู่ทิพย์ เป็นผู้เก็บรักษา จนถึงกาลที่ท่านจะมรณภาพ ได้ให้ลูกศิษย์ใกล้ชิดเป็นผู้เก็บรักษา และอนุญาติให้เปิดเผยเรื่องราวตำนานพระแก้วมณีโชติ

พระแก้วมณีโชติ เป็นมหาปูชนียวัตถุสูงสุดประจำพระพุทธศาสนาเป็นที่เคารพกราบไหว้บูชาและเป็นที่พึ่งยึดเหนี่ยวของโลกทั้ง 3 มาแต่โบราณกาล ....

จากการได้กล่าวถึงตำนานพระแก้วบารมีที่สำคัญต่าง ๆ มาแล้วนั้น

ก็จะกล่าวถึงความสำคัญแห่งแก้วบารมีกายสิทธิ์ ที่ท่านหลวงปู่สด แห่งวัดปากน้ำ ได้ให้ความรู้อันยอดยิ่ง ของแก้วกายสิทธิ์

กายสิทธิ์ ในวิชาธรรมกาย ท่านเรียกว่า ภาคผู้เลี้ยงมนุษย์ ซึ่งเป็นผู้เลี้ยงมนุษย์มีหน้าที่ เลี้ยงดูพิทักษ์รักษาพวกกายมนุษย์ กายสิทธิ์ มีรูปร่างคล้ายพระพุทธรูปทรงเครื่อง มีเรือนแก้วเป็นที่อาศัย กล่าวโดยย่อมี 3 ขั้น

1.จุลจักร พร้อมทั้งบริวาร มีหน้าที่เลี้ยงรักษากายมนุษย์ ที่มีบารมีอย่างต่ำ
2.มหาจักร พร้อมทั้งบริวารมีหน้าที่เลี้ยงรักษากายมนุษย์ ที่มีบารมีปานกลาง
3.บรมจักร พร้อมทั้งบริวารมีหน้าที่เลี้ยงรักษากายมนุษย์ ที่มีบารมีชั้นสูง

มนุษย์คนหนึ่ง ๆ มีจักรพรรดิทั้ง 3 พร้อมบริวารชุดหนึ่ง ๆ เป็นผู้เลี้ยงรักษาและอาจผลัดเปลี่ยนกันรักษาไปตามคราว ๆ เช่น คราวใดจุลจักรกับบริวารเลี้ยงรักษาก็มีทรัพย์สมบัติและความสุขน้อย
คราวใดมหาจักรกับบริวารเลี้ยงรักษา ก็จะมีทรัพย์สมบัติและความสุขปานกลาง
คราวใดบรมจักรกับบริวารเลี้ยงรักษา ก็จะมีทรัพย์สมบัติและความสุขบริบูรณ์ทุกประการ
ไม่ได้เลี้ยงรักษาเฉพาะกายมนุษย์เท่านั้น สิ่งไม่มีวิญญาณก็สมบูรณ์ไปด้วย
เมื่อถึงยุคสมัยของโลกก็เลี้ยงรักษาทั่วไปเป็นสาธารณะ ตามยุคสมัยแห่งความเจริญในธรรมของมนุษย์ และกาลเวลาแห่งพระศาสนาที่จะเจริญรุ่งเรือง กายสิทธิ์ จักรพรรดิ์ ก็จะดูแลโลกให้ได้รับสุขทุกประการ
<!-- / message -->

thanks ... apinya.com

 

ของดีต้องคู่กับคนที่มีบารมีสูงส่งครับ

คนที่ไม่ใช่ ก็จะมองข้ามไป (เหมือนไก่ได้พลอย)

พอวันหนึ่งมองเห็นเป็นเพชรขึ้นมา ก็ช้าไปแล้วครับท่าน

 

ความลับอีกอย่างครับ
ลองดูให้ดีครับ นี่คือรูปอะไร

 

หุหุหุ 9 ล้านเอง ... ถ้าความจริงเปิดเผยมากกว่านี้ ท่านผู้พันฯ ไม่เสียใจแย่เลยหรือครับ ...

จะโทษใครได้เล่าครับ เว้นแต่โทษตัวเองที่บำเพ็ญบุญบารมีมาทางนี้น้อยไปหน่อย

ที่จริงถ้ารู้ตัวตอนนี้ก็ยังไม่สาย ให้เร่งสร้าง เร่งบำเพ็ญบุญกุศลเข้าไว้ ภัยกำลังมา ...

 

เอ...เห็นเขา-วงการฯ ว่ากันว่าโค๊ดเม็ดงานิครับ

ไอ้กระผมว่า โค๊ดนี้ก็ไม่ธรรมดานา มองข้ามกันอีกแย้ว ... หุหุ

ความหมายของท่านลึกซึ้งมากเลยนิท่าน พอผมทราบครั้งแรก ผมนึกแปลความหมายท่านไปทาง "โภคทรัพย์ ไม่อดไม่อยาก" ครับ หุหุ

มหัศจรรย์ ความลึกซึ้งแห่งอัจฉริยภาพท่านผู้ให้สร้าง ท่านผู้สร้าง ท่านผู้อธิษฐานจิต และผู้วิเคราะห์องค์พระเสียจริงๆ

สาธุ ...

 

โค๊ดนี้ ... ท่านมีวิญญาณ มีกาย สามารถเดินเหิรได้ หุหุ ... สุดล้ำ ...

แหม ... หาว่าท่านเป็นเพียงเม็ดงา ... ทำไรได้เล่า

 

มองให้ดีนะครับ

ผู้เชี่ยวชาญเขาเพิ่งบอกว่า " เป็นรูปพระอุ้มบาตร"

ลองคิดดูครับ ว่ากริ่งปวเรศ รุ่นแรก ปี 2434 มหัศจรรย์ขนาดไหน ?

 

ใช่ๆครับ เห็นด้วย ... งั้นขออนุญาตสรุปเป็นธรมทานดังนี้

• องค์พระ เป็นพระไภษัชยคุรุสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านทรงถือบาตรน้ำมนต์

• โค๊ต ด้านหลังองค์พระเป็น พระอุ้มบาตร (มี LINK)
• เม็ดกริ่งพิมพ์ธรรมดา เป็นเหล็กไหล
• เม็ดกริ่งพิมพ์ฐานทองคำ ท่านใช้โคตรพระธาตุเหล็กไหล
• เนื้อท่านเป็น นวโลหะ แท้เต็มสูตร สำคัญ 9 ประการ

อะไรกันเนี่ย ... มหัศจรรย์จริงๆเลย ลิซ่า ...

ท่านว่า ... แม้เอาเพชรน้ำเอกก้อนใหญ่ขนาดเท่ากำปั้นมาแลกกับพระกริ่งปวเรศ (หมุด-ก้นทองคำ) องค์ข้างบน ก็ไม่ย้อม หุหุ
9 ล้าน ล้อเล่นเปล่า?

 

ผมไม่มั่นใจว่า 9 ล้านจริงหรือเปล่าครับ?

แต่ที่แน่ๆ ผมว่าน่าจะประมาณไว้ว่า 29 ล้าน เอ่อว่าอีกอย่าง 555+

ต้องเข้าใจครับว่า บางครั้งเพื่อเป็นการ save ตัวเองจากมิจฉาชีพ

และพวกอิจฉาต่างๆ บอกแค่นี้พอแค่น้ำจิ้ม ตัวเลขจริงๆ ผมว่าของหายาก

อย่างนี้ผู้พันแดงเอง แกไม่ปล่อยตัวเลขนี้แน่นอนครับ นั่งยัน 555+

นี่แหละเซียนตัดเพชรครับ

 

ช่างล้ำลึกจริงๆครับท่าน หุหุ ขอคารวะ ... 555+

 

กลับบ้านก่อนนะท่าน

วันพรุ่งนี้คุยกันใหม่

ดูแลสุขภาพด้วยครับๆๆๆๆ

 

สวัสดีก่อนพักเที่ยงครับ ... ที่นี่ฝนตกตั้งแต่เช้ามืดแล้วครับ

 

ทราบมาว่าพระอาจารย์ท่านลงมา กท. ระหว่าง 15 นี้ ผมอยากไปกราบท่านนะ

สำหรับรูปพระกริ่ง จะพยายามหาวิธีถ่ายภาพให้อีกรอบครับ ใจเย็นๆ

 

<TABLE class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 2 คน ( เป็นสมาชิก 2 คน และ บุคคลทั่วไป 0 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>แหน่ง, IT Man </TD></TR></TBODY></TABLE>

หวัดกีตอนเช้าครับท่านสมบัติ

เมื่อคืนไปศึกษา เรื่องเหล็กไหลมา

ต้องยอมรับว่าคนที่ได้ครอบครองเหล็กไหลจริงๆ นั้นเป็นคนที่มีบุญญาธิการ

หรือมีบุญบารมีจริงๆ ถึงได้ครอบครอง

แล้วยังมองนึกถึงว่ากริ่งปวเรศรุ่นแรก + เหล็กไหล มาบรรจบกันได้งัย มหัศจรรย์สุดๆๆ

เชื่อผมดิ ยิ่งข้อมูลเหล่านี้ออกไป การบูชากริ่งปวเรศ รุ่นแรก ปี 2434 คงกระหึ่มแน่

แต่คนที่เช่าบูชา ต้องแบ่งออก 2 ประเภท

ประเภทแรก คือต้องการสิ่งที่ถือว่าที่สุดของที่สุดมาครอบครองและเป็นพระประจำตระกูล
ประเภทสอง เซียนและนักธุรกิจทั้งหลายที่ต้องการเก็งกำไร ต้องเข้าใจครับว่าธุรกิจ
ซื้อขายพระเป็นธุระกิจที่ทำรายได้ดีที่สุด ไม่ต้องจ่ายภาษี และที่สำคัญ
กำไรเห็นๆ คอยดูนะครับ องค์แรกที่ผู้พันแดงปล่อยไป 9 ล้านตามที่ลง
เอาไว้ แต่ไม่ข้ามวัน อาจจะขึ้นถึง 18 ล้าน (แค่กำไร 200% เองครับ)
และก็จะมีคนกล้าเช่าซื้อซะด้วย 555+

 

เห็นแล้วบอกได้คำเดียวครับว่าอึ้ง ทึ่ง เสียว เสียวว่าคอพี่ท่านจะรับไหวไหมเนี่ย ผมชอบเดี่ยวๆครับ

 

ขอขอบพระคุณพี่สมบัติและพี่แหน่งที่คอบมอบความรู้ให้กับผู้ผ่านมาอ่านอย่างผม ได้กระจ่างแจ้งในบางเรื่อง ขอขอบพระคุณอย่างสูงนะครับพี่ท่านทั้ง2

 

มีของสำคัญอยู่สามอย่างที่ผมไม่อยากเชื่อในบุญญาธิการที่จักได้พบเจอท่านในชาตินี้หรือชาติไหนๆ ก็ตาม ...
1. พระแก้วมณีโชติ
2. เหล็กไหล จากเม็ดกริ่งพระกริ่งปวเรศ รุ่นแรก (พิมพ์ธรรมดา)
3. โคตรพระธาตุเหล็กไหล จากเม็ดกริ่งพระกริ่งปวเรศ รุ่นแรก (หมุด-ฐานทองคำ;จารยันต์นะหน้าหลัง-กลับ-พุทธซ้อน)







สรุปสาระสำคัญของพระกริ่งปวเรศ รุ่นแรก 2434 ดังนี้

• องค์พระ : เป็นพระไภษัชยคุรุสัมมาสัมพุทธเจ้า ปางมารวิชัย ทรงถือบาตรน้ำมนต์ แทนความร่มเย็นเป็นสุข ปกป้องคุ้มครอง ครอบจักรวาล ตามคำอธิษฐาน ไม่เกินกรรมดี
• หน้าผาก/ฐาน ทองคำ : แผ่นทองใต้ฐาน จารอักษรขอม อ่านว่า นะ อะ นะ (กลับ) และยันต์ พุทธะ ธรรมะ สังฆะ ซ้อนกัน -ทำขึ้นในวาระเดียวกัน!
• องค์ผู้อธิษฐานจิต : คณะหลวงปู่องค์อภิญญาใหญ่ มีหลวงปู่กรมพระยาปวเรศฯ ,หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน , หลวงปู่ภู วัดอินทร์ฯ,หลวงปู่สุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า เป็นอาทิ ซึ่งท่านจะอัญเชิญครูบาอาจารย์พระองค์ใดลงมาช่วยโมทนา ก็ยากจะหยั่งถึงได้ แต่คิดว่า ...
  [*]สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่คาดว่าน่าจะลงมาอนุโมทนาด้วย คือ พระไภษัชยคุรุสัมมาสัมพุทธเจ้า ... พระองค์ท่านทรงมีพระวรกายเป็นสีน้ำเงิน!
• เม็ดกริ่งพิมพ์ธรรมดา เป็นเหล็กไหลธาตุกายสิทธิ์ ทรงกลม อิทธิคุณ 108 ประการ ยากจะได้ครอบครอง เพราะต้องมีบุญหนุนนำร่วมกันมา หรือสะสมบุญบารมีมาทางด้านนี้ ผู้ที่เป็นเจ้าของ จักได้ท่านมาโดยง่าย
• เม็ดกริ่งพิมพ์ฐาน-หมุดทองคำ เป็นโคตรพระธาตุเหล็กไหลกายสิทธิ์ ทรงกลม ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นเทพฯชั้นสูงหรือพรหม ท่านเสด็จลงมาบำเพ็ญบุญบารมีร่วมกับผู้ครอบครอง ให้พูดเป็นภาษาชาวบ้าน..ท่านน่าจะเป็นระดับปู่ของเหล็กไหล เท่าที่ประเมินกันดูน่าจะมีไม่เกิน 20 องค์ในโลก (เฉพาะพิมพ์ตามภาพเท่านั้น) ทั้งนี้คงต้องสืบค้นกันต่อไป
• โค๊ต ด้านหลังองค์พระเป็นรูปพระอุ้มบาตร (มี LINK) ดูดีๆมองกลับหัว เป็นได้ทั้งทรงนั่งหรือทรงยืน สื่อความหมายทางด้านโภคทรัพย์โดยตรง
• เนื้อท่านเป็น นวโลหะ แท้เต็มสูตร สำคัญ 9 ประการ : 1. ชิน (ดีบุก+ตะกั่ว) 2. จ้าวน้ำเงิน(พลวงเงิน) 3. เหล็กละลายตัว 4. ตะกั่วเถื่อน 5. ปรอท 6. สังกะสี 7. ทองแดง หรือ บริสทธิ์ 8. เงิน 9. ทองคำ
• การสร้าง : ปี 2434 ไม่ได้สร้างเพียงปี 2434 เท่านั้น สร้างก่อนหน้านี้ในวาระสำคัญมากๆก็มี *** ตามหาท่านให้เจอ ***
• พระฉัพพรรณรังสี : คือสีที่แผ่ออกจากพระวรกายขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามี 6 สี คือ 1.โอตาทะกัง ขาว 2. ปีตัง เหลือง 3. โลหิตัง แดง 4. นีลัง เขียว 5. มัญเญถ ชมพู 6. ปภัสสร สีม่วงฟ้า (อัญชัน) แสงเหล่านี้เรียกอีกอย่างว่า วรรณรังสี (แสงออร่า) ซึ่งทั้ง ๖ สีถือว่า เป็นสีมงคลของชาวพุทธเรา

กราบขอบพระคุณท่านผู้ทรงให้สร้าง,คณะผู้สร้าง,คณะองค์ผู้อธิษฐานจิต,คณะผู้เผยแผ่พระพุทธศาสนา,เทพเทวา-พรหมมาประจำองค์พระ,ท่านผู้ทรงอภิญญากรุณาสอบถามองค์พระฯ ช่วยสงเคราะห์เผยความลับแห่งสวรรค์,คหบดีผู้รู้ ที่มอบข้อมูลสำคัญ,พี่ผู้มอบพระกริ่งฯให้เป็นเชื้อในการตามหาพระองค์สำคัญข้างต้นเป็นอาทิ ... สิ้นความอยาก สิ้นความสงสัยแล้ว พระพุทธเจ้าข้า สาธุ สาธุ สาธุ...

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ ฯ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ ฯ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ ฯ

สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ทวารัตตะเยนะ กะตัง สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ขะมามิ ภันเตฯ

นโม ภควเต ไภษชฺยคุรุไวฑูรฺยปฺรภราชาย ตถาคตาย อรฺหเต สํมฺยกฺสมฺพุทฺธาย ตทฺยถา โอม ไภษชฺเย ไภษชฺเย ไภษชฺย สมุทฺคเต สฺวาหา
นโม ภควเต ไภษชฺยคุรุไวฑูรฺยปฺรภราชาย ตถาคตาย อรฺหเต สํมฺยกฺสมฺพุทฺธาย ตทฺยถา โอม ไภษชฺเย ไภษชฺเย ไภษชฺย สมุทฺคเต สฺวาหา
นโม ภควเต ไภษชฺยคุรุไวฑูรฺยปฺรภราชาย ตถาคตาย อรฺหเต สํมฺยกฺสมฺพุทฺธาย ตทฺยถา โอม ไภษชฺเย ไภษชฺเย ไภษชฺย สมุทฺคเต สฺวาหา


กราบ กราบ กราบ
กราบ กราบ

IT Man
12/01/11

 

อืม ... เมื่อพิเคราะห์ดูดีๆแล้ว 9 ล้าน น่าจะเป็นหลักที่สองจริงๆครับท่าน ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของทั้งผู้ปล่อย (คิดว่าตอนนี้ท่านน่าจะนอนเสียดายองค์พระอยู่) และผู้รับ

อันว่า...ผู้รับ ผมเชื่อว่า นอกจากท่านจะรวยเหลือล้นแล้ว ... ท่านคงไม่ธรรมดาหรือมีครูบาอาจารย์ดีไว้คอยชี้แนะเป็นแน่

ความคิดเห็นส่วนตัวคร๊าบ ...

 

โมทนาสาธุครับ

ท่านสมบัติ ท่านนี่สุดยอดจริงๆ วิเคราะห์ได้ ชัด คม ลึก

และที่สำคัญไม่หวงวิชาความรู้ด้วย

นับถือ นับถือ

(เดี๋ยวความลับสวรรค์จะออกมาเรื่อยๆ)

 

ผมว่าแน่นอนครับ

อยู่ๆ พระกริ่งปวเรศรุ่นแรก พ.ศ.2434ที่ครั้งแรกบรรดาเรียกตัวเองว่าเซียนกลับเมินหน้า

ไม่เล่นกัน แต่กลับไปเล่นพิมพ์ที่เซียนดังๆ เขายกเมฆมาบอกว่าประวัติอย่าง

นั้นอย่างนี้บ้างก็เชื่อโดยซะสนิทใจยอมซื้อยี่สิบสามสิบล้าน โดยไม่มีการพิสูจน์

ใดๆเลย เวลาซื้อขายกันก็ชอบลงข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์เพื่อ up ราคา

ให้สูงขึ้น

คนที่เช่าบูชากริ่งปวเรศ รุ่นแรก ปี 2434 ไป คนแรกนี้ ผมว่าเขาไม่ธรรมดา

แน่นอนครับ เขากล้าได้กล้าเสียเพราะว่าเขาเชื่อในประวัติการสร้างที่ชัดเจนกว่าทุกรุ่นที่เขาเล่นหากัน

และพุทธคุณของพระกริ่งปวเรศรุ่นแรก ปี 2434 เอง ก็สุดยอดในแผ่นดิน (นี่คือจักพรรดิพระกริ่งตัวจริงเสียงจริง)

ลองไปถามหน่อยตอนนี้ให้กำไรเขาซักสิบล้านเขาจะยอมปล่อยไหม

ผมว่าคนอย่างนี้ยากส์ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

เพราะอีกไม่เกิน 2 เดือน คนที่ต้องการครอบครองกริ่งปวเรศ รุ่นแรก 2434

หมุดทองคำ ก้นทองคำ อาจต้องหยอดกระปุกออมสินให้ได้ซัก 35 ล้าน

เป็นอย่างน้อยครับ ถึงจะได้ท่านเป็นพระประจำตระกูลต่อไป

ความคิดเห็นส่วนตัวครับ