สติดีดออกจากสมาธิ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย dangcarry, 18 สิงหาคม 2010.

แท็ก:
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    ความคิด ไม่ใช่จิต แค่สังขารขันธ์ สังขารจิต..สมาธิก็ตัดได้ไม่จำเป็นต้องถึงอริยะครับ
     
  2. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    จิตละเอียด..สติกล้าแข็ง ควรใช้คำนี้ครับ ..สติละเอียด ผมไม่เคยเจอครับ ด้วยความเคารพ
     
  3. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    ถ้าสติกล้าแข็ง..จิตจะอิ่มตัวไม่อยากนั่งสมาธินักปฏิบัติบอกจิตมันเต็ม เขาจะวิปัสสนาแทนครับ
     
  4. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    ปัญญา..คือจิต ที่มีสมาธิ(สติจะเกิดพร้อมกัน) ใช้ดูจิต ดูสิ่งที่เกิดตามความเป็นจริงที่จิต ดูจนเป็นไตรลักษณ์ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 สิงหาคม 2010
  5. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    สติวิ่งเร็วกว่าจิต เรียกว่าปัญญา..ยังไงครับ..อาการที่เกิดกับจิตและบอกได้ เป็นยังไงครับ?
     
  6. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    ขออภัยครับ เนทผมมีปัญหา โพสต์ยาวๆส่งไม่ไป งงเลยผม ..!ผมจึงซอยข้อความครับ
     
  7. พลน้อย

    พลน้อย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +473
    ผู้เข้าใจธรรมะย่อมเข้าใจธรรมะตรงกัน

    พุทธะภูมิกับพระอรหันต์ เข้าใจธรรมะตรงกัน
    พุทธะภูมิจัดได้ว่า มีความละเอียดในธรรมะมากกว่าสาวกภูมิ หลายท่านอาจสงสัยว่าเป็นไปได้อย่างไร แค่เท่าพระอรหันต์ได้ก็เป็นไปได้ยากแล้ว เดิมที่ปีที่แล้วไม่เคยอ้างอ้งถึงท่านใด อธิบายแต่ธรรมะ เอาธรรมะมาอธิบาย หลายท่านก็ยังมองไม่เห็นธรรมะกันอีก เพราะปุถุชน มักยึดตัวบุคคล ต้องอ้างอิ้งคนโน้น ต้องอ้างอิ้งคนนี่ ไม่มีความสามารถที่จะพิจารณาธรรมะนั้นๆได้เอง แต่ระหว่างพุทธะภูมิกับพระอรหันต์ ไม่ต้องอ้างอิ้งใคร ไม่ต้องรู้จักกันมาก่อน เจอกันคุยกัน รู้ได้ว่าเข้าใจธรรมะตรงกัน

    จึงขอเล่าเรื่องให้ฟังซักเล็กน้อย เมื่อ 4-5 ปีที่แล้วมีคนรู้จักไปบวชกับ หลวงพ่อสงบ มนัสสันโต ที่วัดป่าสันติพุทธาราม ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี มีหลายท่านในรถสงสัยว่า หลวงพ่อสงบ มนัสสันโต เป็นพระดีหรือไม่ ได้แจ้งว่าเดี๋ยวดูว่าผมจะถามตอบธรรมะที่เป็นธรรมะปฏิบัติเกี่ยวกับ สมาธิ วิปัสสนา ถ้าพระไม่ดีรับรองจอด พระไม่ดีผมเคยนำเอาธรรมะที่ผิดมาอธิบายไว้ในเว็บนี้ เพราะไม่อยากให้หลอกใคร และเป็นการช่วยพระพุทธศาสนา


    เมื่อไปถึงประตูวัดยังปิดก็ลงมาเปิด เข้าไปเจอท่านหลวงพ่อสงบ มนัสสันโต ตอนนั้นมีเฉพาะกลุ่มผมเท่านั้น ก็เลยทำการกราบเรียนถาม ธรรมะการปฏิบัติ เริ่มถามตั้งแต่ง่ายสุด ไปถึงยากสุด ถามท่านบ้างครั้งท่านตอบแล้วท่านก็ถามย้อนกลับมา ย้อนกลับมาเพื่อ ดูธรรมะในใจผู้ถามว่ารู้จริงหรือไม่ ถามกันไปตอบกันมา ชอบใจกันทั้ง 2 ท่าน ทั้งท่านและผม เข้าใจตรงกันหมด ไม่มีอะไรขัดกันเลย ระหว่างที่ถามตอบอยู่นั้น ผมนั่งหน้าสุด หันหน้าตรงกับท่านหลวงพ่อสงบ มนัสสันโต ถามตอบอยู่นาน ผมหันหลังไปดูคนจำนวนมากนั่งพนมมือกันด้านหลัง เมื่อผมเห็นเช่นนั้นก็หยุด หยุดถามหยุดตอบ ก็มีท่านหนึ่งนั่งใกล้ผมบอกว่า คุยต่อไปเถอะอยากฟัง ผมก็เลยถามที่นั่งกันทั้งหมดว่ามีใครรู้เรื่องบ้างที่ผมกับหลวงพ่อสงบ มนัสสันโต คุยกันจะได้ชวนมาคุยด้วย สรุปที่นั่งพนมมืออยู่ด้านหลังทั้งหมด ไม่มีท่านใดเข้าใจเลยธรรมะของพระอริยะเจ้าซึ่งเป็นสิ่งละเอียด แม้แต่คนเดียว


    ผู้เข้าไม่ถึงธรรมะ ย่อมไม่สามารถอธิบายธรรมออกมาจากใจได้

    ผู้เข้าถึงพุทธะย่อมเข้าใจในความเป็นพุทธะเสมอกัน


    เมื่อไม่มีท่านใดรู้ความ ผมก็ขอหยุดถามตอบเพราะเกรงใจหลายๆ ท่านรอผมนานแล้ว เมื่อหยุดถามต่อธรรมะ หลวงพ่อสงบ มนัสสันโต ท่านบอก ว่า "เสียดายที่ไม่ได้อัดเทปเอาไว้ น่าจะนำเทปมาอัดไว้" ไม่มีใครรู้ว่าจะเป็นการถามตอบระหว่างพุทธะภูมิกับพระอรหันต์ และท่านก็ชวนหล่อพระ ท่านใดเป็นลูกศิษย์ หลวงพ่อสงบ มนัสสันโต น่าจะพอจำได้ เรื่องการหล่อพระเมื่อประมาณ 4-5 ปีที่ผ่านมานี้ ท่านชวนวันหล่อพระผมก็ไป แต่ไม่สามารถเข้าไปใกล้ท่านได้เพราะโยมรอบ ท่านไว้หมด


    ท่านที่คิดว่าเข้าถึงธรรมะจริง ลองไปถามตอบกับ หลวงพ่อสงบ มนัสสันโต ถ้าท่านเข้าไม่ได้ถึงจริง รับรองว่าท่านจอดอยู่ตรงนั้นแน่นอน หรือพวกเก่งตำรา พวกไม่รู้จริงลองไปอวดกับท่านดู รับรองท่านจะจอดอยู่ตรงนั้นแน่นอน


    ถ้าธรรมะใดที่ผมอธิบายไป ไม่เข้าใจ ก็รับฟังไว้ก่อน ยังไม่ต้องถึงขั้นปฏิเสธหรือเถียงใดๆ จะเอาให้บรรลุธรรมะหน้าเว็บไซต์ แบบไม่ต้องปฏิบัติ เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ถ้าไม่รู้ธรรมะก็รับฟังธรรมะให้มาก ปฏิบัติได้แล้วจะรู้เอง ว่าธรรมะถูกต้อง และธรรมะใดผิด

    การปฏิเสธธรรมะหรือเถียงธรรมะใดๆ ทั้งที่ตนไม่รู้จริง จัดได้ว่าเป็น ผู้ไม่มีปัญญา ในทางพระศาสนา โดยเฉพาะเป็นธรรมะที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติ ถ้าไป ปิดใจซะก่อนแล้ว โดยเฉพาะกับธรรมะที่ถูกต้อง โดยท่านไม่รู้ว่าถูกต้อง จะเป็นการปิดมรรคผลท่านเอง ด้วยใจท่านเองที่ปิด อันนี้เป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วง


    ขอบคุณครับ
     
  8. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    สาธุครับ ผมก็อ่านจนเหนื่อยเหมือนกันครับ ผมเปิดใจรับฟังแล้วครับ แต่ยังไงก็ไม่เข้าใจครับ
     
  9. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    ธรรมะ ของพระพุทธองค์
    ทรงตรัสไว้ชอบแล้ว
    จะยกมาเมื่อไหร่ ตอนไหน สถานที่ใด
    ไม่มีผิดมีพลาด ไม่ขาดไม่เกิน
    จะยกมากี่ครั้ง กี่รอบ ก็ชอบทุกครั้ง

    ที่คุณอัล...ยกธรรมะของพระพุทธองค์มานั้น เหมาะสมแล้ว

    แต่ที่ไม่ชอบ ไม่เหมาะ ก็คือหัวใจของนักปฏิบัตินั่นเอง
    ที่ดื้อด้าน หาญธรรม คอยปีนเกลียวกับธรรม อยู่ในปัจจุบันนี้
    คอยหลบ คอยหลีก คอยแซะ หาวิธีการหลีกเลี่ยงในธรรมของพระพุทธองค์
    เพื่อสนองความต้องการของกิเลสในใจตัวเอง

    เพราะธรรมะของพระพุทธองค์
    บีบบี้สีไฟกิเลสในใจตน ให้ต้องจำนนต่อธรรม
    กิเลสในใจจึงหาวิธีหลบเลี่ยงธรรมะ
    เพราะถูกธรรมะบีบบี้สีไฟ ทำให้กิเลสในใจเร่าร้อน
    อยู่ในสภาพที่ไม่สามารถทนอยู่ได้

    สติวินโย ก็คือ สติวินัย
    วินัย คือ ข้อบังคับ
    สติวินัย คือ การมีสติเป็นข้อบังคับตน ให้อยู่ในกรอบของธรรม
    ไม่หลงไปในอำนาจของกิเลส
    เพื่อนำพาตนไปสู่ทางพ้นทุกข์โดยลำดับ

    กิเลสครองอำนาจบนหัวใจสัตว์โลกมานานแสนนาน
    มันจึงแสดงอำนาจของมันออกมาตลอดเวลา เป็นอกาลิโก เช่นเดียวกัน
    การจะบังคับตนให้อยู่ในกรอบของธรรม และ สามารถต่อสู้กับกิเลส
    ประเภทต่าง ๆ ได้นั้น
    จึงต้องมีสติเป็นข้อบังคับตน ตลอดเวลา เช่นกัน
    นี่คือ ความสำคัญของสติ
    สติวินโย จึงมีลักษณะเช่นนี้

    เมื่อมีสติเป็นพื้นฐาน
    จะสามารถสงบใจเข้าสู่สมาธิได้ทุกครั้งตามต้องการ
    นี่คือสมาธิธรรม

    เมื่อมีสติเป็นพื้นฐาน
    ปัญญาต้องคอยสอดแทรก พิจารณา กลั่นกรอง หาเหตุหาผล
    เพื่อการถอดถอนกิเลสอยู่ตลอดเวลา
    กิเลสจะไม่สามารถแทรกตัวขึ้นมาได้
    จนกระทั่งสติปัญญา กลมกลืน เป็นอันเดียวกัน
    ตัดฟันกิเลสให้ขาดสะบั้นเป็นลำดับ

    ดังพุทธพจน์ที่ว่า
    "สติ สัพพัตถ ปัตถิยา
    สติจำปรารถนาในที่ทั้งปวง"
    ความหมายคือ ไม่ว่า ที่ใด เวลาใด จะขาดจากสติไม่ได้เลย...

    อนุโมทนาสาธุ กับคุณอัลด้วย......
     
  10. ไมยราพ

    ไมยราพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2009
    โพสต์:
    495
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +201
    ในบอร์ดนี้เห็นจะมีท่านขันธ์ กับท่านทดสอบ1

    เชิญท่านทดสอบ1 แจกแจงอธิบายธรรมะต่อ
     
  11. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    การรู้ดีรู้ชั่วได้นั้นก็เรียกว่าสติ และสตินั้นเมื่อมีอยู่ความชั่วอันเกิดเพราะกิเลสก็จะไม่มี เพราะมีไม่ได้ มันไม่ได้มีอะไรวิเศษไปกว่าความปกติของจิตที่ปราศจากสิ่งรบกวนอันเป็นตัวนำพาให้จิตให้กายนั้นทำในสิ่งที่ชั่ว เรื่องสมาธิ ก็อีกเรื่องหนึ่ง การที่คนเราจะมีสมาธิที่ปราศจากสิ่งรบกวนได้นั้น ก็เป็นเรื่องที่เกิดด้วยความตั้งใจที่จะรับรู้สภาพความไม่มีกิเลส หรือว่างจากกิเลส เพื่อรวบรวมกำลังและใช้เป็นตัวเปรียบเทียบว่าจิตเมื่อในสภาวะนั้นมีความเหมือนและแตกต่างกับจิตในสภาวะปกติอย่างไร ดังนั้นหากคนเรารักษาจิตได้ในขณะสภาวพต่างๆได้ เหมือนหรือใกล้เคียงกับสภาวะในสมาธินั้น นี่ต่างหากคือ ผลการปฏิบัติและให้อานิสงค์มหาศาลเลยทีเดียว เพราะเรียกว่า เป็นผู้มีสติ และรักษาสตินั้นให้คงอยู่
    สาธุกั๊บผม อนุโมทนากับทุกท่านครับ
     
  12. พลน้อย

    พลน้อย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +473
    ท่านอ้อยทิพย์เข้าใจถูกต้อง ว่า สติกับสมาธิมันอยู่ด้วยกันตลอดเวลา แยกจากกันไม่ได้หรอก เข้าใจถูกต้อง

    แต่สติปุถุชน ไม่ได้ตั้งอยู่บนความสงบจิตจริง จึงเข้าไม่ถึง สติที่สมบูรณ์ของพระอริยะเจ้าพระอรหันต์ เป็นเหตุให้คนเข้าฌานที่ 4 ได้ไม่ใช่พระอรหันต์ ก็มีมากมาย

    ที่ผมกดไม่เห็นกด เพราะว่า ท่าน dangcarry กำลังอธิบาย สภาวะจิต ในการปฏิบัติที่เป็นวิปัสสนา ซึ่งเป็นพื้นฐานที่ถูกต้อง วางสติ บนสมาธิ อุเบกขา ลำดับของจิตเกิดขึ้นเป็นอย่างไร ท่านอ้อยทิพย์ อาจมาคนละเรื่องกัน
    ขอยก พุทธวจนะขององค์สมเด็จพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธะเจ้า ที่ท่านธรรมภูต เคยโพสไว้ซึ่งถูกใจ ตรงใจผู้อธิบายอย่างมาก คือ


    เธอมีอุเบกขา มีสติ มีสัมปชัญญะ เสวยสุขด้วยนามกาย เพราะปีติสิ้นไป บรรลุตติยฌาน
    ถึงตรงนี้เกิดปัญญาญาณ มีอุเบกขา มีสติ มีสัมปชัญญะกำกับอยู่
    ที่พระอริยทั้งหลาย สรรเสริญว่า ผู้ได้ฌานนี้ เป็นผู้มีอุเบกขา มีสติอยู่เป็นสุข

    เมื่อล่วงเข้าสู่ฌานที่๔นั้น เธอบรรลุจตุตถฌาน ไม่มีทุกข์ไม่มีสุข

    เพราะละสุขละทุกข์ และดับโสมนัสโทมนัสก่อนๆได้(เกิดนิพิททาญาณ)
    มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่ อันนี้เรียกว่า สัมมาสมาธิ ฯ
    (....พระบาลีจากมหาสติปัฏฐานสูตร)

    ลองดูข้างบน ฌานสมาธิของพระอริยะเจ้า ของพระอรหันต์ ของผู้เข้าถึงพุทธะเป็นแบบนี้ แตกต่างกับสมาธิ ที่เป็นสมถะ

    กำลังจะอธิบาย สภาวะจิตของพระอริยะเจ้าของการดำเนินจิตของท่าน dangcarry ก็มาตอบกันอยู่นี่ไม่ได้อธิบายซักที ไม่ได้โกรธนะ ไม่อยากให้เข้าใจการปฏิบัติของ ท่าน dangcarry ว่าผิด ท่านเองอาจจะปฏิบัติได้ไม่ถูกต้องก็เป็นไปได้

    ไม่ต้องไปบอกท่าน dangcarry ปฏิบัติผิด บอกผิด แล้วเพราะภูมิธรรมต่างกัน ความเข้าใจต่างกัน ถ้าท่าน dangcarry เกิดเป็นพระอริยะเจ้าเบื้องต้น ผู้ไม่รู้ ไม่ยิ่งแย่ไปใหญ่หรือครับ

    ถ้าไม่รู้ก็เข้ามาดูผมกำลังจะอธิบาย สภาวะจิตท่าน dangcarry นี้ ดูให้จบก่อน เข้าใจ ไม่เข้าใจก็เรื่องของท่านแล้วครับ

    แต่ถ้าปฏิเสธกันมาก ผมอาจจะ PM เข้าไปสอน ให้ท่าน dangcarry ทราบคนเดียวก็อาจเป็นไปได้

    ขอบคุณครับ
     
  13. 2ชาติตรัสรู้

    2ชาติตรัสรู้ គ្រប់គ្រាន់ รักษาดวงใจ.គ្រប់គ្រាន់

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +1,558
    พุทธภูมิ​



    พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต<O:p</O:p


    เพราะว่าพุทธภูมินี่นะ มันเป็นไปได้เฉพาะฌานโลกีย์ ทำฌานโลกีย์นี่พุทธภูมิ แต่พอเข้าโลกุตตรธรรมนี่ ไม่รู้จักแล้ว เพราะรู้จักไม่ได้ พุทธภูมินี่ไม่เข้าโลกุตตรธรรม ไม่เข้าอริยสัจ เพราะเข้าอริยสัจแล้วมันจะเข้าโสดาบัน สกิทาคา อนาคาไปเลย ถ้าเข้าโสดาบัน สกิทาคา อนาคา ก็เข้าไม่ได้ เพราะปรารถนาพุทธภูมินี่ ถ้าเข้าอย่างนี้ปั๊บนี่มันขัดแย้ง มันแตกต่างกันไง ถ้าเป็นพุทธภูมินี่มันจะเกิดตายไปเรื่อยๆ เกิดตายเพื่อสร้างบุญบารมีไปเรื่อย เพราะปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าใช่ไหม แต่พอเข้าอริยสัจปั๊บ พอเข้าโสดาบันปั๊บนี่ มันอีก ๗ ชาติมันสิ้นนะ ffice:eek:ffice" /><O:p></O:p>
    นี่ปรารถนาพุทธภูมิมันเป็นอย่างนี้ ปรารถนาพุทธภูมินี่มันจะเป็นฌานโลกีย์ตลอด คือจะเป็นฌาน เป็นเรื่องของโลกๆ เป็นเรื่องของความเห็นของโลกไง มันจะไม่เข้าอริยสัจ เข้าอริยสัจไม่ได้ ถ้าจะเข้าอริยสัจได้ หลวงปู่มั่นนี่ต้องลาพุทธภูมิ พุทธภูมินี่มันกั้นเลยนะ มันกั้นไม่ให้เข้าอริยมรรค มันจะเป็นเรื่องโลก มันจะเข้าอริยมรรคไม่ได้ ถ้าเข้าอริยมรรคปั๊บมันก็จะไม่หมุนไปตามกระแสที่จะต้องสร้างบารมีไง มันแบบว่ามันจะจบกัน ทีนี้มันจะจบกัน มันทำไม่ได้ นี่พูดถึงข้อขัดแย้งมันเป็นตรงนี้
    <O:p>ฉะนั้นถ้ามันเป็นความจริง ถ้าเป็นพุทธภูมิจริงอะไรจริงนี่ เพราะพุทธภูมิจริงนี่เขา ประสาเราว่าพุทธภูมิไม่รู้เรื่องโสดาปัตติมรรค ไม่รู้เรื่อง พุทธภูมิเข้าโสดาปัตติมรรค ไม่ได้ พุทธภูมิเข้าได้แค่ฌานโลกีย์ พุทธภูมิทำสมาธิได้ พอทำสมาธิปั๊บ พอเข้าสมาธิก็ดูเลย ดูเรื่องอดีตชาติ เพราะอดีตชาตินี่รู้ได้ ถ้าพุทธภูมิใช่ไหม ก็ทำจิตสงบเข้ามา แล้วก็ดูวาระจิต พอดูวาระจิตแล้วก็แก้ตามวาระจิตนั้น เพื่อรื้อสัตว์ขนสัตว์ไง ใครมีกรรมก็แก้กรรม เพื่อให้สัตว์นั้นมีความสุข เท่านั้นเอง<O:p></O:p>
    พุทธภูมิเข้าด้วยฌานโลกีย์ แต่พุทธภูมิเข้าโสดาปัตติมรรคไม่ได้ พุทธภูมิไม่รู้จักโสดาปัตติมรรค ฉะนั้นเวลาพูดถึงโสดาปัตติมรรค สกิทาคามิมรรค อนาคามิมรรค อรหัตตมรรคพุทธภูมิไม่มีสิทธิรู้ ไม่มีสิทธิ พุทธภูมิจะไปรู้เอง ต่อเมื่อตัวเองเสวยชาติสุดท้ายเป็นพระพุทธเจ้า แต่สาวก สาวกะนี่มันได้ยินได้ฟังพระพุทธเจ้ามานี่ เรียนตามไป แล้วทำตามไป พอทำตามไปนี่ พอคนทำได้แล้ว พุทธภูมิกับพวกเราที่ยังปฏิบัติใหม่ๆ นี่เหมือนกัน โง่เหมือนกัน คือไม่รู้เรื่องเหมือนกัน<O:p></O:p>
    พุทธภูมิก็โง่ ถ้าปฏิบัติยังไม่ถึงนะ สาวก สาวกะก็โง่ถ้ายังปฏิบัติไม่ได้ แต่พอเป็นโสดาบัน หายโง่ไปนิดหนึ่ง เป็นสกิทาคาหายโง่เยอะขึ้นมาหน่อย เป็นพระอนาคานี่ หายโง่ไป ๗๕ เปอร์เซ็นต์ เป็นพระอรหันต์นี่ฉลาดหมดเลย ฉะนั้นพุทธภูมิกับสาวกสาวกะ โง่เหมือนกัน โง่ทั้งหมด ผิดพลาดได้ทั้งหมด
    </O:p>

    ในวงการพระเขารู้กันว่าใครปรารถนาพุทธภูมิ พุทธภูมินี่มีบารมีอย่างไร แล้วถ้าเป็นสาวกภูมิผู้ที่จะสิ้นกิเลสนี่ มันจะมีความรู้ความเห็นอย่างใด ความรู้ความเห็นมันแตกต่างกัน เพราะพุทธภูมินี่มันเป็นเรื่องของการสร้างบารมี

    พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
     
  14. อภิราม

    อภิราม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    532
    ค่าพลัง:
    +9,005
    ตัวผมเองคงไม่มีความรู้ความสามารถ ที่จะอธิบายเรื่องจิตหรือสติได้หรอกครับ

    แต่ผมเคยอ่านพระธรรมคำสอนจาก หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี ท่านได้กล่าวเรื่องสติ ไว้ดังนี้

    "จิต คือ ผู้คิดผู้นึกในอารมณ์ต่างๆ ที่รวมเรียกว่ากิเลส อันป็นเหตุทำให้จิตเศร้าหมองนั่นเอง

    จึงต้องฝึกหัดให้มีสติระวังควบคุมจิต ให้รู้เท่าทันจิต ซึ่งคำนี้เป็นโวหารของพระกรรมฐานโดยเฉพาะ

    คำว่า "รู้เท่า" คือ สติรู้จิตอยู่ ไม่ขาดไม่เกินยิ่งหย่อนกว่ากัน สติกับจิตเท่าๆกันนั่นเอง

    คำว่า "รู้ทัน" คือ สติทันจิตว่าคิดอะไร พอจิตคิดนึก สติก็รู้สึกทันที เรียกว่า "รู้ทัน"

    แต่ถ้าจิตคิดแล้วจึงรู้นี้เรียกว่า "รู้ตาม" อย่างนี้เรียกว่าไม่ทันจิต

    ถ้าทันจิตแล้ว พอจิตคิดนึก สติจะรู้ทันที ไม่ก่อนไม่หลัง ความคิดของจิตก็จะสงบทันที"

    จาก เทสรังสีอนุสรณาลัย เรื่อง"สิ้นโลก เหลือธรรม (นัยที่สอง)"
    โดยหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี (หน้า๙๓)
     
  15. พลน้อย

    พลน้อย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +473

    ในวันที่ถามตอบผมไม่ได้บอกให้ท่านหลวงพ่อสงบ มนัสสันโต ทราบว่า ผมเป็นผู้ปรารถนาเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธะเจ้าในอนาคต

    สาวกภูมิ ไม่สามารถคาดเดาได้เลยเกี่ยวกับ พุทธะภูมิ


    แต่ที่หลวงพ่อสงบ มนัสสันโตอธิบายอยู่ นั้น เป็นเพียงปรารถนาพุทธะภูมิ จะถูกต้องทั้งหมด


    เคยเห็นพระอริยะเจ้าเบื้องต้นอธิบายภูมิพระอรหันต์ไหมครับ อธิบายอย่างไร ก็ไม่ตรง เหมือนกัน พุทธภูมิ บำเพ็ญบารมี มากกว่า สาวกภูมิ สาวกภูมิ จะอธิบายภูมิของพุทธะได้ถูกต้องอย่างนั้นหรือ ไม่ขัดความเป็นจริงไปหน่อยหรือ


    เพราะผู้ปรารถนาพุทธะภูมิ กับพุทธะภูมินั้น ต่างกัน

    พุทธะภูมิ คือ พระมหาโพธิสัตว์

    ผู้ปรารถนาพุทธะภูมิ คือ พระโพธิสัตว์

    ท่านว่า หลวงพ่อสงบ กำลังอธิบาย พระโพธิสัตว์ หรือ พระมหาโพธิสัตว์ ลองคิดเอาเอง

    ในพุทธะทำนายกึ่งพระศาสนา จะมี พระมหาโพธิสัตว์ ลง มาเืพื่อให้พระศาสนาสืบต่อไปอีก 2500 ปีจนครบ 5000 ปี ถ้าพระสาวกที่เป็น สาวกภูมิ มีความรู้มากกว่า พุทธภูมิแล้ว พระมหาโพธิสัตว์ ท่านต้องลงมาทำไหม พระมหาโพธิสัตว์ ที่เป็นฆราวาส 1 บวชในพระพุทธศาสนา 1 ไม่อย่างนั้น ให้สาวกภูมิเป็นผู้ให้ยกพระศาสนาสืบต่อไปไม่ดีกว่าหรือ ก็เพราะบารมี ต่างกัน ความรู้ ต่างกัน ภูมิธรรม ต่างกัน พระมหาโพธิสัตว์ จัดได้ว่าเป็นท่านที่ อธิบายธรรมะ ได้ใกล้เคียงองค์สัมเด็จพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธะเจ้ามากที่สุด


    ไม่เกิน 4 ปีจากนี้ไป ท่านจะได้เห็นพระมหาโพธิสัตว์ตามพุทธะคำทำนาย


    ประโยค ท่านนะ ถ้าเป็น ผู้ปรารถนาพุทธะภูมิ จะถูกต้องทั้งหมด "พุทธภูมินี่นะ มันเป็นไปได้เฉพาะฌานโลกีย์ ทำฌานโลกีย์นี่พุทธภูมิ แต่พอเข้าโลกุตตรธรรมนี่ ไม่รู้จักแล้ว เพราะรู้จักไม่ได้ พุทธภูมินี่ไม่เข้าโลกุตตรธรรม ไม่เข้าอริยสัจ"



    ผมกำลังจะอธิบาย โลกุตตรธรรม ฟังให้จบก่อนดีไหมครับ


    ถ้าผู้ที่จะตรัสรู้เป็นองค์สมเด็จพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธะเจ้า ไม่รู้ โลกุตตรธรรม หรือ รู้โลกุตตรธรรม ผิด จะตรัสรู้เองโดยชอบได้อย่างไร จะมีใครไปนั่งสอนตรงนั้น หรือไง ท่านลองพิจารณาดูว่าสิ่งใด ควรจะถูกต้องมากกว่า


    ขอบคุณครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 28 สิงหาคม 2010
  16. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    ตรงนี้น่าจะเข้าใจผิดนะครับ
    พระมหาโพธิสัตว์ที่จะมาสืบทอดศาสนาให้ถึง 5,000 ปี นี่

    ท่านมาในลักษณะที่ท่านลาพุทธภูมิ เพื่อเป็นสาวกภูมิ ครับ
    เพราะถ้าไม่ใช่พระอรหันต์ผู้สิ้นกิเลสแล้ว
    จะมาสอนมาชี้ทางให้ผู้อื่นสิ้นกิเลสได้อย่างไร

    ท่านจึงตั้งความปรารถนา มาเกิด
    เพื่อลาพุทธภูมิ เปลี่ยนมาเป็นสาวกภูมิ
    ศาสนาจะได้สืบทอดต่อไปอีก 5,000ปี

    และส่วนหนึ่งผู้ปรารถนาพุทธภูมิ
    ท่านสร้างบารมีมาเพื่อรื้อขนสัตว์โลก
    บารมีที่ท่านสร้างมา
    ถึงแม้จะไม่ได้เป็นพระพุทธเจ้าตามที่ตั้งความปรารถนาไว้แต่เดิมก็ดี
    บารมีที่สร้างมายังส่งผลอยู่
    เมื่อท่านเปลี่ยนเป็นสาวกภูมิ
    ก็ยังสามารถรื้อขนสัตว์โลกได้ตามบารมีที่ตนสร้างมา
    ถึงแม้จะได้ไม่มากเท่าการเป็นพระพุทธเจ้า
    แต่ก็ยังได้....ครับ
     
  17. dangcarry

    dangcarry เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +4,307
    จำเป็นค่ะ..เพราะถ้ามีเพียงแค่สมาธิไม่มีสติ ปัญญาไม่เกิด พิจารณาไตรลักษณ์ไม่ได้ คนที่ติดอยู่ในสมาธิแบบนี้มีมากมายเพราะเป็นฌานเท่านั้น แต่ถ้ามีสติแนบกับสมาธิจะไม่ติดแค่กำลังของสมาธิหรือฌาน ท่านไม่เห็นหรือว่ามีบุคคลจำพวกที่ได้ฌานแต่ไม่เจริญสติ ปล่อยให้อารมณ์ธรรมดาของจิตเกิดขึ้นตลอดเวลา เหมือนที่เขาเคยกล่าวไว้ว่าเหมือนหินทับหญ้างัย! แต่ถ้าเจริญสติ ถึงซึ่งปัญญาสามารถถอนได้โล่งเตียนคำว่าพระอริยะ กล่าวว่าตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไปจนถึงพระอรหันต์ พระโสดาบันมีสมาธิเพียงเล็กน้อย แต่คุณอย่าลืมน่ะคำว่าเล็กน้อยสำหรับพระอรหันต์มากมายคะณานับไม่ได้สำหรับปุถุชน แน่นอนพระโสดาบันต้องมีสติแน่นอน ถึงพิจารณาไตรลักษณ์ได้ถ้ามีแค่สมาธิไม่น่าจะละสังโยนช์ 3 ได้ ถ้าปฏิบัติกันให้จริงน่าจะรู้ในองค์ประกอบที่อยู่ข้างในธรรมมันเป็นปัจจัตตังอย่างแน่นอน ถูหรือเปล่าค่ะท่านลุงมหา ท่านทดสอบ1 ท่านเตชพโลและท่านอื่นๆ อันนี้เราไม่ได้ถือตำรา.. แต่ถือปัญญาเท่าที่มีมากน้อย
     
  18. พลน้อย

    พลน้อย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +473
    ได้อ่านกระทู้ ท่าน dangcarry ในการปฏิบัติซึ่งเป็นตัวอย่าง อย่างดีในการปฏิบัติสำหรับผู้ปฏิบัติทั่วไป

    ในบ้างกระทู้ท่าน dangcarry ยังบอกว่าตัวเองโง่อยู่ อ่านแล้ว ขำ ถ้าท่านโง่แล้วจะเหลือคนฉลาดกี่คน ได้อ่านในทุกกระทู้ท่าน dangcarry ไม่ได้ถือตัวใดๆจริงๆ

    การไม่ได้ถือตัวอะไรเลย เพราะ ท่านไม่หลงใน สักกายทิฏฐิ

    ท่าน dangcarry เคารพในพระรัตนตรัย อย่างมาก มิกล้าล่วงเกินผู้มีธรรม จัดได้ว่า เป็นผู้ หมดความสงสัยในพระรัตนตรัย

    ท่าน dangcarry ท่านกล่าวว่า "เราเป็นโรคกลัวบาปไม่อาจก้าวล่วงคนที่มีศีล มีธรรม เพราะตั้งใจแล้วว่าชีวิตที่เหลือในชาตินี้จะขอบำเพ็ญเพียรสร้างกุศลผลบุญ ไม่ขอเบียดเบียนผู้ใด ด้วยกาย วาจา ใจ ถึงจะต้องใช้ความพยายามอย่างมาก" โรคกลัวบาปไม่อาจก้าวล่วงคนที่มีศีล มีธรรม นี้ คงจะมีแต่กับพระอริยะเจ้าละมั่ง

    ท่านดูว่าท่าน dangcarry ละสังโยชน์ได้ 3 ข้อหรือไม่ ผมไม่ได้บอกว่าละได้หรือไม่ท่านดูเอาเอง

    สังโยชน์ มี 10 อย่าง
    ข้อ 1. สักกายทิฏฐิ
    ข้อ 2. วิจิกิจฉา
    ข้อ 3. สีลัพพตปรามาส


    ผู้ที่ละสังโยชน์ได้ ไม่ต้องรู้อะไรมากมาย ปฏิบัติได้ถูกต้องได้ จิตละเอียดสังโยชน์ได้


    คนที่จิตหยาบก็ไม่มีท่านเข้าไม่ถึง สมาธิที่ละเอียดได้ ตรงนี้สำคัญ เพราะคนจิตหยาบจะถูกกั้น ด้วยจิตตนเอง ทำให้ไม่มีทาางเข้าถึงธรรมะได้ท่านที่เป็นผู้หญิงที่ดูแล้วน่าจะเข้าทางธรรมะได้ง่าย ในเว็บนี้ ก็มีหลายท่าน


    ผมอาจจะ PM ไปสอนการปฏิบัติแล้วกัน เพราะดูจากอธิบายครั้งหนึ่ง ก็มีผู้สงสัยที่ไม่ใช่การปฏิบัติมาก เสียเวลาผมอธิบายขยายความไปมากแล้ว


    ขอบคุณครับ
     
  19. dangcarry

    dangcarry เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +4,307
    สาธุ..สุดยอดสั้นๆ แต่ได้จัยความมหาศาล
     
  20. dangcarry

    dangcarry เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +4,307
    ขอเรียนท่านทดสอบ1ด้วยความตั้งใจจริง ขอขอบพระคุณท่านมากที่ได้ให้ธรรมมายาวนานได้ความรู้จากการแตกกระทู้มากมายในด้านการปฏิบัติซึ่งก็ต้องบอกว่าเป็นพระคุณอย่างสูง และต้องขอกล่าวขอบคุณแทนทุกท่านที่ได้รับความรู้กันไปทั้งหมดทั้งสิ้น จึงอยากให้ท่านเมตาแสดงความคิดเห็นต่อไปเพื่อประโยชน์ถึงจะมีความขัดแย้งบ้างแต่เราก็ยังเชื่อว่าทุกท่านคงไม่ละทิ้งสิ่งดีๆที่ท่านมอบให้ในเว็ปพลังจิตแห่งนี้ ถ้ามีโอกาสเราก็จะขอเป็นตัวแทนเพื่อนๆเพื่อความรู้ในธรรมยิ่งๆขึ้นไป ของแท้นั้นสุดแสนหายาก หวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านจะรับพิจารณาค่ะ สุดท้ายเราขอกราบคุณพระศรีรัตนไตร ขอกุศลผลบุญที่ข้าพเจ้าได้สร้างสมมาดีแล้วตั้งแต่อดีตชาติโปรดเป็นกำลัง ปัจจัยให้คุณทดสอบ1 สมความปราถนาทั้งทางโลกและทางธรรม ยิ่งๆขึ้นไป เทอญ สาธุ;ปรบมือ
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...