น่าเป็นห่วง หลักสูตรพุทธศาสนา จากบางอาจารย์ สอนตายแล้วสูญ ( หลักสูตร ม.1- ม.6)

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย WebSnow, 24 มกราคม 2006.

?
  1. ไม่เห็นด้วย (คิดว่าสอนผิด)

    0 vote(s)
    0.0%
  2. เห็นด้วย (คิดว่าสอนถูก)

    0 vote(s)
    0.0%
  1. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    คุณเตชะ คุณคิดเองหรือเปล่าครับ? ผมได้ตอบไปแบบชัดเจนแล้วว่า
     
  2. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    คุณผู้หญิงครับ คุณจะเป็นพวกหางเครื่องของใคร ผมไม่อาจทราบได้ครับ
    ผมเองไม่คิดจะแช่งชักหักกระดูกใครอยู่แล้วครับ แต่กรรรมเป็นเครื่องชี้เจตนาครับ
    ที่คุณอาจจะเห็นบางท่านพูดวาจาหยาบคายกับคุณเตชะนั้น
    คุณลองอ่านตั้งแต่ตอนต้นสิครับว่า
    คุณเตชะนั้นทำตัวเหมาะกับสมณะสารูปหรือเปล่า
    อย่ารู้เพียงเท่าที่ตาเห็นเท่านั้นครับ

    พระพุทธศาสนาสอนให้รักเหตุผล จึงวางหลักกาลามสูตรเพื่อให้ อย่าเพิ่งเชื่อ
    ให้ฟังแต่โดยดี แล้วน้อมนำมาสมาทานดู
    ถ้าเป็นสิ่งที่ดีมีประโยชน์ ยังกุศลให้เกิด ผู้รู้ไม่ติเตียน ค่อยเชื่อก็ยังไม่สาย

    เห็นหรือยังครับว่าเป็นยังไง คุณเตชะเองไม่เคยลองสมาทานในสิ่งผู้อื่นพูดให้ฟังเลย
    เพียรพยายามที่จะโปรปากานดาเพียงเวปไซด์ตนเอง
    เชื่อแต่ความคิดเห็นของตนเป็นที่พึ่ง เป็นสรณะเท่านั้น
    ทั้งที่ขัดกับพุทธพจน์อย่างชัดเจน ก็ไม่เคยคิดที่น้อมนำมาสมาทานเลย

    เอาแต่เรื่องเหตุผลทางโลกมาโจมตีผู้อื่นที่ไม่เห็นด้วยเท่านั้น
    ไม่เคยเอาเหตุผลในทางธรรม การอบรมจิตให้หมดจดจากเครื่องเศร้าหมอง
    ซึ่งเป็นวิทยาศาสตร์ทางจิตสามารถพิสูจน์ได้โดยไม่ยากเลย
    เพียงแค่ลงมือปฏิบัติเท่านั้น

    บุคคลที่มีความเป็นอัจฉริยะในสายตาคนในโลกนั้น ดูแล้วก็เท่ห์ดีครับ
    แต่เอาตัวไม่รอดก็มากมายถมเถไปครับ

    ผิดกับผู้ที่ได้การฝึกฝนอบรมจิตมาเป็นอย่างดี
    โดยน้อมนำเอาพุทธพจน์เป็นหลักในการปฏิบัติ
    ย่อมเป็นคนที่บุคคลทั่วไปรักใคร่ไม่เป็นพิษเป็นภัยกับคนรอบข้าง
    เป็นประโยชน์ต่อสังคมโดยรวม

    ความดีกับความเก่งย่อมแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงครับ
    คนเก่งที่จิตใจชั่วช้าลามกย่อมเป็นแต่เพียงสร้างภาพให้คนเชื่อเท่านั้น
    เมื่อความจริงปรากฏย่อมเสื่อมไปเอง

    ส่วนความดีและคนดีนั้นย่อมตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้
    ไม่ว่ากาลเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม

    ;aa24
     
  3. เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เตชปญฺโญ ภิกขุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +117
    ตอบข้อข้องใจ โดย เตชปญฺโญ ภิกขุ

    ***เมื่อทุกสิ่งเกิดขึ้นมาจากเหตุ ก็แสดงว่า จิตก็ต้องเกิดมาจากเหตุ ไม่มีข้อยกเว้นใดๆทั้งสิ้น***

    ***จากความจริงที่มีอยู่จริงก็คือ จิตต้องอาศัยร่างกายมาเป็นเหตุให้เกิดขึ้นมา***

    ***ถ้าไม่มีร่างกาย ก็ย่อมที่จะไม่มีจิต***

    ***เมื่อร่างกายตาย จิตก็ย่อมดับตามไปด้วยทันที***

    ***เมื่อมีร่างกาย จึงจะเกิดจิตขึ้นมา***

    ***แล้วจะเอานรกใต้ดิน สวรรค์บนฟ้ามาจากไหน?***

    ***จะเอาจิตอะไรมาเวียนว่ายตายเกิดในร่างกายใหม่ๆได้***

    ***ทุกสิ่งเป็นอนัตตา(ไม่ใช่ตัวตนจริง) ถ้าไม่ยอมรับจุดนี้ก็แสดงว่าไม่ใช่คนจริง***

    (เวบไซต์สำหรับบุคคลอัจฉริยะ www.whatami.net - www.whatami.5u.com)<O:p></O:p>
     
  4. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ***เมื่อทุกสิ่งเกิดขึ้นมาจากเหตุ ก็แสดงว่า จิตก็ต้องเกิดมาจากเหตุ ไม่มีข้อยกเว้นใดๆทั้งสิ้น***<O:p</O:p
    *** จำเอาไว้นะคุณเตชะ เรื่องในโลกล้วนแล้วแต่มีข้อยกเว้นด้วยกันทั้งนั้น...โดยไม่มีข้อยกเว้น***<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ***จากความจริงที่มีอยู่จริงก็คือ จิตต้องอาศัยร่างกายมาเป็นเหตุให้เกิดขึ้นมา***<O:p</O:p
    ***ยอมรับความจริงมั้ย?ว่า เหมือนคนต้องอาศัยบ้านอยู่ ถึงบ้านไม่มีคนก็อยู่ได้โดยไม่จำเป็นต้องมีบ้าน***<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ***ถ้าไม่มีร่างกาย ก็ย่อมที่จะไม่มีจิต***<O:p</O:p
    ***ถ้าไม่มีคน ก็ย่อมที่จะไม่มีบ้านเป็นธรรดา***<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ***เมื่อร่างกายตาย จิตก็ย่อมดับตามไปด้วยทันที***<O:p</O:p
    ***เมื่อบ้านที่อาศัยพังไป(ตาย) คนก็ย่อมต้องหาที่อาศัยอยู่ใหม่***<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ***เมื่อมีร่างกาย จึงจะเกิดจิตขึ้นมา***<O:p</O:p
    ***เมื่อมีคน จึงมีการสร้างบ้านที่อยู่ขึ้นมาอาศัย***<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ***แล้วจะเอานรกใต้ดิน สวรรค์บนฟ้ามาจากไหน?***<O:p</O:p
    ***แล้วอะไรก็ตามแต่ที่ยังไม่เคยประจักษ์ด้วยตนเอง ก็อย่าเพิ่งรีบปฏิเสธว่าไม่มี...
    ทำตัวให้เป็นนักวิทยาศาสตร์ทางจิตหน่อย....กลับไปอ่านข้อหนึ่ง***<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ***จะเอาจิตอะไรมาเวียนว่ายตายเกิดในร่างกายใหม่ๆได้***<O:p</O:p
    ***ถ้าไม่เอาจิตเป็นผู้บันทึกกรรมแล้ว กรรมดีกรรมชั่วบันทึกลงที่ไหน<O:p</O:p
    คนที่ตายไปแล้วเกิดใหม่ระลึกชาติได้มีออกถมเถไป
    แม้นักวิทยาศาสตร์ยังยอมรับและได้มีการทำบันทึกไว้โดย ดร. เอียน สตีเวนสัน
    แสดงว่าคุณเชื่อว่าคนที่ทำแต่กรรมชั่วมาตลอดชีวิต
    ก็ไม่ต่างจากคนที่ทำความดีมาตลอดชีวิตใช่มั้ย? เพราะตายไปก็เหมือนกันหมด
    เมื่อตายไปแล้วไม่ต้องไปชดใช่หรือรับกรรมที่กระทำใช่มั้ย?***<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ***ทุกสิ่งเป็นอนัตตา(ไม่ใช่ตัวตนจริง) ถ้าไม่ยอมรับจุดนี้ก็แสดงว่าไม่ใช่คนจริง***<O:p</O:p
    ***ใครกันแน่ที่ไม่ใช่คนจริงเหรอ...
    คุณเตชะ ถ้าคุณใช่คนจริง คุณก็ควรต้องตอบคำถามทั้งหลายที่ผมถามไป
    ไม่ใช่ใช้วิธีแถเพื่อหลีกเลี่ยงการตอบคำถามอยู่แบบนี้
    ในเมื่ออนัตตาเป็นเพียงแค่คำปฏิเสธว่านั่นไม่ใช่บ้าน(ตัวตน)ของเรา
    แล้วที่ใช่ละ? ไม่ได้บอกเสียหน่อยเลยว่าเราไม่มีบ้าน...
    ถ้าเราไม่มีบ้าน(นิรัตตา=ไม่มีตน)ก็บอกตรงได้เลยว่าเราไม่มีบ้าน

    ถ้าจะบวชเพียงเพื่ออาศัยผ้ากาสาวพัตร์อยู่กินไปวันๆแล้วนั้น ควรสำนึกถึงบุญคุณพระศาสนาบ้าง
    และก็อย่าเอาปัญญาทางโลกและปัญญาทางธรรมมาปนเปจนมั่วไปหมด....***<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ปล. ถ้าจะมาเพียงอาศัยวางลิ้งค์เพื่อให้คนอื่นไปเยี่ยมเวปของตนเองแล้ว
    ก็ทำตัวให้มีประโยชน์หน่อย เช่นช่วยตอบคำถามคนอื่นที่ถามไปด้วย
    ไม่ใช่มาเที่ยวท้าทายคนอื่นเหยงๆอยู่แบบนี้ ทำให้สมณะสารูปเสียหายหมด...จำเอาไว้นะ

    ;aa24<O:p</O:p
     
  5. เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เตชปญฺโญ ภิกขุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +117
    ตอบข้อข้องใจ โดย เตชปญฺโญ ภิกขุ

    กฏอิทัปปัจจยตา


    เมื่อสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี<O:p< font O:p<>
    เพราะความเกิดขึ้นแห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น<O:p< font O:p<>
    เมื่อสิ่งนี้ไม่มี สิ่งนี้จึงไม่มี,
    เพราะความดับไปแห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงดับไป. </O:p<>
    </O:p<>

    <O:p< font O:p<><O:p< font O:p<>********************</O:p<></O:p<>
    <O:p< font O:p<><O:p< font O:p<>***ยอมรับหรือไม่ว่า ทุกสิ่ง(ไม่เว้นสิ่งใดเลย) ต้องเกิดขึ้นมาจากเหตุ?***</O:p<></O:p<>
    <O:p< font O:p<><O:p< font O:p<>***แต่เมื่อมีการยกเว้น ก็แสดงว่า ไม่ยอกมรับกฏสูงสุดของธรรมชาติข้อนี้***</O:p<></O:p<>
    <O:p< font O:p<><O:p< font O:p<>***เมื่อไม่ยอมรับความจริง ก็ไม่มีอะไรต้องเสวนากันอีกต่อไป***</O:p<></O:p<>
    <O:p< font O:p<><O:p< font O:p<>***เพราะเปล่าประโยชน์ที่จะสนทนากับคนที่ไม่ยอมรับความจริง***</O:p<></O:p<><O:p< font O:p<><O:p< font O:p<>


    (เวบไซต์สำหรับบุคคลอัจฉริยะ www.whatami.net - www.whatami.5u.com)<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><O:p></O:p>

    </O:p<></O:p<>
     
  6. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,172
    ขอแจ้งความคืบหน้าให้ท่านผู้ใช้ชื่อว่า "เตชปญฺโญ ภิกขุ" ทราบ

    ขณะนี้ผมได้เตรียมหนังสือพร้อมเอกสารสำหรับส่งไปยังหน่วยงาน

    ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ตรวจสอบข้อความที่ท่านนำมาเผยแพร่และอ้างว่า

    ได้ทำเป็นหลักสูตรพระพุทธศาสนาสำหรับเด็ก ม.1 - ม.6 เสร็จเรียบร้อยแล้ว

    เมื่อผมส่งไปยังหน่วยงานต่างๆ แล้วจะมาแจ้งให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง



    .
     
  7. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,255
    เมื่อสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี
    (เมื่ออวิชชามีที่จิต ทุกข์จึงมีที่จิต)

    เพราะความเกิดขึ้นแห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น
    (เพราะความเกิดขึ้นแห่งอวิชชา สังขารจึงเกิดขึ้น
    เพราะความเกิดขึ้นแห่งสังขาร วิญญาณจึงเกิดขึ้น
    เพราะความเกิดขึ้นแห่งวิญญาณ...ฯลฯ...ทุกข์จึงเกิดขึ้น)

    เมื่อสิ่งนี้ไม่มี สิ่งนี้จึงไม่มี
    (เมื่ออวิชชาไม่มีที่จิต ทุกข์จึงไม่มีที่จิต)

    เพราะความดับไปแห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงดับไป
    (เพราะความดับไปแห่งอวิชชา สังขารจึงดับไป
    เพราะความดับไปแห่งสังขาร วิญญาณจึงดับไป
    เพราะความดับไปแห่งวิญญาณ ...ฯลฯ...ทุกข์จึงดับไป)


    (smile)
     
  8. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,255
    ยอมรับหรือไม่ว่า ทุกสิ่งในโลกต้องมีข้อยกเว้น
    เช่น คนส่วนใหญ่เค้าไม่เห็นด้วยกับคุณ ( ๘๙.๙๑%)

    แต่เค้ายกเว้นให้คุณ ถึงยอมให้เข้ามาแสดง คคห
    พร้อมกับยอมให้โฆษณาชวนเชื่อเวบของคุณเอง

    ถ้าไม่ยอมรับ ก็ไม่ต้องเข้ามาแสดงความคิดเห็นอีกก็ได้นะ
    ไม่มีใครว่าอะไรหรอก มีแต่จะโมทนา สาธุ ฯ

    (smile)

    </O:p<></O:p<>
     
  9. เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เตชปญฺโญ ภิกขุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +117
    ขอแจ้งความคืบหน้าให้ท่านผู้ใช้ชื่อว่า "เตชปญฺโญ ภิกขุ" ทราบ

    ขณะนี้ผมได้เตรียมหนังสือพร้อมเอกสารสำหรับส่งไปยังหน่วยงาน

    ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ตรวจสอบข้อความที่ท่านนำมาเผยแพร่และอ้างว่า

    ได้ทำเป็นหลักสูตรพระพุทธศาสนาสำหรับเด็ก ม.1 - ม.6 เสร็จเรียบร้อยแล้ว

    เมื่อผมส่งไปยังหน่วยงานต่างๆ แล้วจะมาแจ้งให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง (tamsak)

    *************************

    http://www.onab.go.th/

    สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
    อาคารหอสมุดพระพุทธศาสนามหาสิรินาถ พุทธมณฑล
    25/25 หมู่ 6 ตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม
    งานประชาสัมพันธ์ โทรศัพท์ 0 2441 4515 , 0 2441 5140 โทรสาร 0 2441 4515
    ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศ โทรศัพท์ 0 2441 4585
    ส่วนคุ้มครองพระพุทธศาสนา โทรศัพท์ 0 2441 4547
    e-Mail : onab@onab.go.th


    ***ขอให้ช่วยกันแจ้งเข้าไปมากๆ เพื่อความบริสุทธิ์จะได้ปรากฏ***


    <FONT color=black><O:p(เวบไซต์สำหรับบุคคลอัจฉริยะ www.whatami.net - www.whatami.5u.com)<O:p></O:p></O:p
     
  10. เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เตชปญฺโญ ภิกขุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +117
    ตอบข้อข้องใจ โดย เตชปญฺโญ ภิกขุ

    <STRONG>กฏอิทัปปัจจยตา
    เมื่อสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com[​IMG]เพราะความเกิดขึ้นแห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น<O:p< O:p< font>
    </B>
    เมื่อสิ่งนี้ไม่มี สิ่งนี้จึงไม่มี,
    เพราะความดับไปแห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงดับไป.
    </O:p<></O:p<>
    <O:p< O:p< font><O:p< O:p< font>********************</O:p<></O:p<>
    <O:p< O:p< font><O:p< O:p< font>***ยอมรับหรือไม่ว่า ทุกสิ่ง(ไม่เว้นสิ่งใดเลย) ต้องเกิดขึ้นมาจากเหตุ?***</O:p<></O:p<>
    <O:p< O:p< font><O:p< O:p< font>***แต่เมื่อมีการยกเว้น ก็แสดงว่า ไม่ยอมรับหลักการที่พระพุทธองค์ทรงแสดงไว้***</O:p<></O:p<>
    <O:p< O:p< font><O:p< O:p< font>***แล้วอย่างนี้ใครกันแน่ที่บิดเบือนพุทธศาสนา***</O:p<></O:p<>
    <O:p< O:p< font><O:p< O:p< font>***ธรรมะของพระพุทธเจ้าจะต้องเฉียบขาด ไม่มีข้อยกเว้น***</O:p<></O:p<>
    <O:p< O:p< font><O:p< O:p< font>***ถ้าจะมีการยกเว้น พระพุทธเจ้าก็คงจะบอกเอาไว้แล้ว***</O:p<></O:p<>
    <O:p< O:p< font><O:p< O:p< font>***ดังนั้นถ้ามีข้อยกเว้นก็ไม่ใช่คำสอนที่แท้จริงของพระพุทธเจ้า***</O:p<></O:p<><O:p< O:p< font><O:p< O:p< font>


    (เวบไซต์สำหรับบุคคลอัจฉริยะ www.whatami.net - www.whatami.5u.com)<O:p></O:p>
    </O:p<></O:p<>​
     
  11. ลัก...ยิ้ม

    ลัก...ยิ้ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    3,409
    ค่าพลัง:
    +15,762
    ท่านโปรดจดจำ ... ขอท่านห่มเหลือง โปรดจำของท่านเอาไว้ให้ดี และแม่น ๆ นะค่ะ
     
  12. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,255
    อิทัปปัจจยตา หรือ ปฏิจจสมุปบาทธรรม​

    เมื่อสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี
    (เมื่ออวิชชามีที่จิต ทุกข์จึงมีที่จิต)

    เพราะความเกิดขึ้นแห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น
    (เพราะความเกิดขึ้นแห่งอวิชชา สังขารจึงเกิดขึ้น
    เพราะความเกิดขึ้นแห่งสังขาร วิญญาณจึงเกิดขึ้น
    เพราะความเกิดขึ้นแห่งวิญญาณ...ฯลฯ...ทุกข์จึงเกิดขึ้น)

    เมื่อสิ่งนี้ไม่มี สิ่งนี้จึงไม่มี
    (เมื่ออวิชชาไม่มีที่จิต ทุกข์จึงไม่มีที่จิต)

    เพราะความดับไปแห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงดับไป
    (เพราะความดับไปแห่งอวิชชา สังขารจึงดับไป
    เพราะความดับไปแห่งสังขาร วิญญาณจึงดับไป
    เพราะความดับไปแห่งวิญญาณ ...ฯลฯ...ทุกข์จึงดับไป)

    (smile)​
     
  13. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,255
    "เย ธัมมา เหตุปปะภะวา เตสัง เหตุง ตะถาคะโต<O:p</O:p
    เตสัญจะ โย นิโรโธจะ เอวัง วาที มะหาสะมะโณ"....<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ธรรมทั้งหลายเกิดแต่เหตุ<O:p</O:p
    พระตถาคตเจ้าตรัสบอกถึงเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น<O:p</O:p
    พร้อมทั้งความดับแห่งเหตุของธรรมเหล่านั้น<O:p</O:p
    พระมหาสมณเจ้ามีปกติตรัสสอนอย่างนี้.....<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ธรรมทั้งหลายเกิดแต่เหตุ<O:p</O:p
    จิตแส่ออกไปหาอารมณ์และยึดถืออารมณ์ไว้ ทำให้จิตกระสับกระส่าย เกิดทุกข์ขึ้น (ทุกข์)<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    พระตถาคตเจ้าตรัสบอกถึงเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น
    <O:p</O:pจิตเมื่อแส่ออกไปหาอารมณ์ ที่จะไม่ทุกข์เป็นไม่มี (สมุทัย-เหตุแห่งทุกข์)<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ความดับแห่งเหตุของธรรมเหล่านั้น<O:p</O:p
    จิตเมื่อระลึกรู้อยู่ที่ฐานกาย เวทนา จิต หรือ ธรรม<O:p</O:p
    ทำให้จิตไม่แส่ออกไปหาอารมณ์ จิตสงบ ทุกข์ดับลงได้ (นิโรธ-ความดับทุกข์)<O:p</O:p

    การปฏิบัติตามหลักอริยมรรค ๘ หรือสติปัฏฐาน ๔<O:p</O:p
    เป็นการอบรมจิต เป็นการฝึกจิต ทำให้จิตสงบ ทุกข์ดับลงได้ (มรรค-ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์)

    (smile) ปฏิบัติอริยมรรค ๘ -->ดับเหตุแห่งทุกข์ -->ทุกข์ดับไปจากจิต ไม่ใช่จิตดับ !!!<O:p</O:p
     
  14. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    (smile)
     
  15. โชเต

    โชเต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    285
    ค่าพลัง:
    +331
    คนไทยบางพวก หรือที่ไม่ใช่คนไทย ก็ยังแสงหาผลประโยชน์
    จากประเทศไทยโดยการ ทำลายศาสนาก็ยังมีอยู่ถมเถไป?


    ซึ่งในสมัยนี้ คนทั่วไป ก็ยังเป็นเพียงแค่คนที่นับถือศาสนาพุทธตามในกระดาษที่ได้จดไว้?
    ในสัมมโนครัวที่อำเภอ กันแค่นั้นหรือไง?


    แต่เราจะต้องยึดหลักของคำสอนของพุทธเจ้าเข้าไว้
    มิใช่แค่ว่า ประเทศไทยนับถือพุทธมากเท่านั้น ๆ ประเทศอื่นๆ นับถือ
    ศาสนาพุทธ เท่านี้ ๆ อย่างนั้นอย่างนี้

    แล้วทำไม ล่ะครับ ทำไมไม่สอนให้คนรุ่นหลังๆ รู้จักกับศาสนาพุทธ
    รู้จักพระพุทธเจ้าของเราก่อนล่ะครับ รู้จักซึ่งพระธรรมคำสั่งสอนของ
    พระองค์ท่าน ที่พระองค์ท่านได้ทรงบัญญัติไว้ละครับ

    หรือว่า พวกคุณ นับถือศาสนาพุทธ นับถือพระพุทธเจ้า
    ประกาศตัวเป็นพุทธธมามะกะ ลงในใบกระดาษเพียงแค่นั้นหรอ

    แล้วไปเอาคำพูดของศาสนาไหนมาพูดว่า
    "นรก ไม่มี สวรรค์ไม่มี เทวดาไม่มี ผี เปรต อสูรกายไม่มี"
    "เกิดมาหนเดียว ตายหนเดียว ชาติหน้าไม่มี นิพานไม่มี ตายแล้วเป็นศูนย์"
    หรือว่าที่พูดออกมา นับถือกันออกมา เป็นเพียงแค่ "ความเชื่อโบราณ"
    เท่านั้นเองใช่ไหม

    ถ้างั้นฆ่าเป็ด เชือดไก่ ล้มหมู ล้มควาย ทำกับข้าวกับปลาหุงหาอาหาร บวชลูก
    บวชหลาน สร้างกุฏิ สร้างศาลา วิหาร เจดีย์ มากันทำไม ก็ในเมื่อ ไม่เชื่อว่า
    ผลบุญที่ทำนั้น ไม่มีอยู่จริง ทำบาปก็ไม่ต้องตกนรก! เพราะว่านรกมันไม่มี?
    ทำบุญก็ไม่เห็นบุญของอานิสงฆ์ เพราะเทวดาไม่มี? ในเมื่อไม่มี ก็ไม่ต้องไปสวรรค์ เพราะสวรรค์ไม่มี นิพานไม่มี?

    แต่ในคำสอนของพระพุทธเจ้า ท่านบอกว่า"มี"
    ศาสนาอื่น เช่น คริสต์ อิสสลาม เขาก็บอกว่ามี

    ยกเว้นเพียงเสียแต่ พวก"คอมมิวนิสต์" ที่ไม่มีศาสนาเท่านั้นเอง

    ซึ่งพวกคอมมิวนิสต์ก็มีอยู่ถมไป ในใบสัมมโนครัวที่บางกลุ่มบางพวก
    โดยเฉพาะฆาราวาส ผู้ซึ่งประกาศตัวเองเป็น "พุทธมามะกะ" ถมไป
    จดสัมมโนครัวว่าตัวเองเป็น "พุทธ" เป็นใคร ใครเขาก็พูดได้ ว่า

    เป็นพุทธศาสนิกชน อย่างนั้น อย่างนี้ อย่างโน้น ใค๊ร มันก็พูดกันได้

    ซึ่งสามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่าว ในปัจจุบันนักหนา มากมาย
    ไม่เว้นแม้กระทั่ง นักบวชผู้ถือศีลบางรูป บางองค์ บางคณะ บางวัด เยอะแยะมาก
    และยังไม่นับพวกที่ปลอมเข้ามาบวชอีก พวกนี้ก็มากอยู่

    ยกตัวอย่างแบบง่าย ๆ

    "เลยเที่ยงคืน ไปแล้ว ให้นับเป็นวันใหม่ "
    นั่นมันของ ศาสนาคริต์เขา ของศาสนาพุทธเราต้องดูที่ยอดใบไม้อ่อน
    ยอดใบไม้แก่ ผลัดใบรับ กับแสงสีเงินที่ตกกระทบมาเมื่อไรแล้ว พูดง่ายๆ ก็คือ

    แสงอาทิตย์ตกกระทบกับยอดหญ้า จึงจะเป็นวันใหม่

    ถ้างั้นถามหน่อย ถ้าไม่จริงล่ะก็
    งั้นเลยเวลาเที่ยงคืนไปแล้ว ที่ว่าเป็นวันใหม่เนี่ย
    พระท่านฯ ก็ฉันท์ข้าวเช้าได้แล้วซิ ให้โยมประเคนตอนเลยเที่ยงคืนแล้วซิ

    ศาสนาพุทธไม่รู้จัก
    ประเพณีดั้งเดิมศาสนาพุทธได้ถูกบิดเบือนกันยกใหญ่ ตามค่านิยมของ วัฒนธรรมที่เจริญ

    แต่วัตถุนิยมทั้งหลาย ตกต่ำด้วยศึลธรรมอันดีงาน ถูดลดเลือนหายไปกับค่าของ
    ประเพณีดั้งเดิมที่บรรพบุรษเราได้ สานต่อกันมา

    เพื่อความสะดวกสะบาย โก้หรู มีกินมีใช้ ทำได้ทุกอย่างแม้กระทั่งผิดศีลธรรมอันดีงาม แลกได้ทุกสิ่งนั้นมาด้วยความเสื่อมทราม
    ของความละโมบ โลภมาก ดั่งกับขนมชั้นที่วางนึ่ง อังกับไฟอ่อน ๆ?

    แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรเล่า
    ที่ได้รู้ว่าประเทศไหนๆ นอกเหนือจากเมืองไทยที่ "ประกาศตัวว่าเป็นชาวพุทธ"
    นับถือศาสนาพุทธ อยู่เท่านั้น เท่าโน้น เท่านี้ เท่า...

    แต่จิตใจยังทำด้วยอะไรอยู่เนี่ย?


    ผิดเพี้ยนไปกันหมดแล้ว

    ต้องถามว่า ต้องการอะไร แล้วข้อเสนอที่ว่าตามที่ตกลงไว้ คุณได้เท่าไร
    เขาจ้างคุณมาเยอะไหม สะใจบ้างไหม ที่ได้ทำแบบนี้

    แล้วยังจะนับถือศาสนาพุทธอยู่อีกทำไม

    "ไม่รู้จักคุณของพระพุทธเจ้านี่ แถมยังจะมาโกหกพระองค์ท่านอีก"

    พิจารณาตัวเองด้วย สำรวจตัวเองให้ดีๆ ก็แล้วกัน
     
  16. เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เตชปญฺโญ ภิกขุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +117
    ตอบข้อข้องใจ โดย เตชปญฺโญ ภิกขุ

    คำสอนเหล่านี้เป็นของพระพุทธเจ้าหรือเปล่า?
    ๑. อย่าเชื่อเพียงเพราะเหตุว่า ฟังจากคนอื่นเขาบอกต่อๆกันมา
    ๒. อย่าเชื่อเพียงเพราะเหตุว่า เห็นเขาทำตามๆกันมา
    ๓. อย่าเชื่อเพียงเพราะเหตุว่า ผู้คนกำลังเล่าลือกันอยู่อย่างกระฉ่อน
    ๔. อย่าเชื่อเพียงเพราะเหตุว่า มีตำราอ้างอิง
    ๕. อย่าเชื่อเพียงเพราะเหตุว่า มีเหตุผลตรงๆมารองรับ(ตรรกะ)
    ๖. อย่าเชื่อเพียงเพราะเหตุว่า มีเหตุผลแวดล้อมมารองรับ(นัยยะ)
    ๗. อย่าเชื่อเพียงเพราะเหตุว่า นึกเดาเอาตามสามัญสำนึกของเราเอง
    ๘. อย่าเชื่อเพียงเพราะเหตุว่า มันตรงกับความเห็นที่เรามีอยู่
    ๙. อย่าเชื่อเพียงเพราะเหตุว่า ผู้พูดผู้สอนนั้นอยู่ในฐานะที่น่าเชื่อถือ
    ๑๐.อย่าเชื่อเพียงเพราะเหตุว่า ผู้พูดผู้สอนนี้เป็นครูอาจารย์ของเราเอง
    เมื่อเราพบคำสอนใด ก่อนอื่นก็ให้นำมาพิจารณาดูก่อน ว่ามีโทษหรือมีประโยชน์ถ้าเห็นว่ามีโทษก็ให้ละทิ้งเสียแต่ถ้าเห็นว่าไม่มีโทษและมีประโยชน์ ก็ให้นำมาทดลองปฏิบัติดูก่อนถ้าปฏิบัติเต็มความสามารถแล้วความทุกข์ไม่ดับลงหรือลดลงจริง ก็ให้ละทิ้งอีกเหมือนกันแต่ถ้าปฏิบัติแล้วมีผลเป็นความทุกข์ดับลงหรือลดลงจริงจึงค่อยปลงใจเชื่อและให้รับเอามาปฏิบัติให้ยิ่งๆขึ้นต่อไป
    ********************************
    สัพเพ ธัมมา อนัตตา - ทุกสิ่ง(ไม่เว้นสิ่งใด) ไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริง
    (www.whatami.net - www.whatami.5u.com -เวบไซต์นี้อาจเป็นอันตรายต่อความโง่ของคุณ)​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 เมษายน 2009
  17. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,255
    กาลามสูตร
    เป็นพระสูตรที่พระพุทธองค์ทรงโปรดกาลามชน ชาวเกสปุตตนิคม
    ซึ่งทูลถามปัญหาเกี่ยวกับสมณพราหมณ์ว่า
    แต่ละพวกมักเชิดชูคำพูดของตนว่าถูก และคัดค้าน ดูหมิ่น ปรักปรำ คำพูดของพวกอื่นว่าผิด
    จนพวกเขาไม่รู้ว่าจะเชื่อฝ่ายไหนดี ว่าฝ่ายไหนพูดจริง ฝ่ายไหนพูดเท็จ
    พระพุทธองค์จึงตรัสตอบแก้ความสงสัย ดังนี้

    เอถ ตุเมฺห กาลามา--ดูก่อน กาลามชน
    มา อนุสฺสเวน--ท่านอย่าได้ถือโดยฟังตามๆกันมา
    มา ปรมฺปราย--อย่าได้ถือโดยเข้าใจว่าเป็นของเก่าๆสืบกันมา
    มา อิติกิราย--อย่าได้ถือโดยตื่นข่าว
    มา ปิฏกฺสมฺปทาเนน--อย่าได้ถือโดยอ้างตำรา (ปิฎก)
    มา ตกฺกเหตุ--อย่าได้ถือโดยเหตุนึกเดาเอา
    มา นยเหตุ--อย่าได้ถือโดยใช้คาดคะเน
    มา อาการปริวิตกฺเกน--อย่าได้ถือโดยความตรึกตามอาการ
    มา ทิฏฺฐินิชฺฌานกฺขนฺติยา--อย่าได้ถือโดยชอบใจว่าต้องกันกับลัทธิของตน
    มา ภพฺพรูปตาย--อย่าได้ถือโดยเชื่อว่า ผู้พูดควรเชื่อได้
    มา สมโณ โน ครูติ--อย่าได้ถือโดยนับถือว่า สมณะผู้นี้เป็นครูของเรา

    หลักที่ไม่เชื่อถือ ๑๐ ประการนี้
    พระพุทธองค์ทรงชี้หลักเกณฑ์สอนชาวกาลามะ
    ให้พิจารณาดูคำสั่งสอนหรือธรรมที่สมณพรหมณาจารย์ทั้งหลายแสดงให้ฟังว่า

    ถ้าเป็นอกุศล มีโทษ ผู้รู้ติเตียน ใครสมาทานให้เต็มที่แล้ว
    ย่อมเป็นไปเพื่อสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ เพื่อทุกข์ จึงจะไม่เชื่อถือต่อไป

    แต่ถ้าเป็นกุศล มีประโยชน์ ผู้รู้สรรเสริญ ใครสมาทานให้เต็มที่แล้ว
    ย่อมเป็นไปเพื่อสิ่งที่เป็นประโยชน์ เพื่อสุข จึงจะเชื่อถือ และสมาทานให้เต็มที่ต่อไป
     
  18. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,255
    โดยเฉพาะข้อ ๑๐ ซึ่งเป็นข้อสุดท้ายของหลักความเชื่อถือ ที่ว่า
    มา สมโณ โน ครูติ--อย่าได้ถือโดยนับถือว่า สมณะผู้นี้เป็นครูของเรา

    ในปัจจุบัน ได้บิดเบือนแปลคำสมณะว่า พระพุทธเจ้า
    และได้มีการสอนผิดเพี้ยนไปว่า พระพุทธเจ้าตรัสก็อย่าเชื่อถือ
    นับเป็นความผิดพลาดอย่างอุกฤษทีเดียว

    เพราะว่าผู้ที่นับถือพระพุทธศาสนาทั้งหลาย ย่อมรู้แก่ใจว่า
    การที่ตนเข้ามานับถือคำสั่งสอนของพระพุทธองค์นั้น
    ตนได้เชื่อในความตรัสรู้ของพระองค์ (ตถาตาโพธิเสทฺธา)
    และได้พิจารณาโดยถ่องแท้แน่นอนเสียก่อนแล้วว่า
    คำสั่งสอนเป็นกุศล มีประโยชน์ ผู้รู้สรรเสริญ ใครสมาทานให้เต็มที่แล้ว
    ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์ เพื่อความสุขของผู้นั้นเอง
    จึงได้ยอมรับนับถือว่า เป็นที่พึ่งทางจิตใจตลอดมา

    ก็เมื่อปฏิเสธว่า ไม่เชื่อสิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสสั่งสอนเสียแล้ว
    ก็ย่อมเท่ากับว่า ตนไม่ใช่ผู้ที่นับถือ พระพุทธศาสนาอีกต่อไป
    นับตั้งแต่เวลาที่เริ่มปฏิเสธนั้นทีเดียว

    (smile) คัดลอกจาก ธรรมประทีป ๙ หน้า ๔๗-๔๘
     
  19. kai5665

    kai5665 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2006
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +95
    มิจฉาทิฏฐิ 10
    1.นตฺถิ ทินฺนํ เห็นว่าทานที่ให้ไม่มีผล
    2.นตฺถิ ยิฏฺฐํ เห็นว่าการบูชาไม่มีผล
    3.นตฺถิ หุตํ เห็นว่าการสักการะไม่มีผล
    4.นตฺถิ สุกทุกฺกฏานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก เห็นว่าไม่มีผล แห่งกรรมดี-กรรมชั่ว
    5.นตฺถิ อยํ โลโก เห็นว่าไม่มีโลกนี้
    6.นตฺถิ ปรโลโก เห็นว่าไม่มีโลกอื่นหรือชาติหน้า
    7.นตฺถิ มาตา เห็นว่าพระคุณของแม่ไม่มี
    8.นตฺถิ ปิตา เห็นว่าพระคุณของพ่อไม่มี
    9.นตฺถิ สตฺตา โอปปาติกา เห็นว่าไม่มีสัตว์ที่จะผุดเกิด เชื่อว่าตายแล้วสูญ
    10.นตฺถิ โลโก สมณพฺราหฺมณา สมฺมาปฎิปนฺนา เห็นว่าไม่มีสมณพราหมณ์ผู้ปฏิบัติจนบรรลุมรรผลเป็นพระอริยะ

    อ้างอิง:http://www.larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/009756.htm
    และ

    http://84000.org/tipitaka/pitaka_it...%CB%D2%A8%D1%B5%B5%D2%C3%D5%CA%A1%CA%D9%B5%C3
    พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๔ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๖
    มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์

    พระเจ้าปายาสิ ผู้มีมิจฉาทิฏฐิ
    http://www.youtube.com/watch?v=jdqKxN8g2Eg&feature=related
     
  20. เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เตชปญฺโญ ภิกขุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +117
    ตอบข้อข้องใจ โดย เตชปญฺโญ ภิกขุ

    ***แล้วพระพุทธเจ้าไม่ใช่สมณะหรือ?***​

    ***แล้วใครเป็นครูของภิกษุในสมัยนั้น? ไม่ใช่พระพุทธเจ้าหรือ?***​

    ***แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าในปัจจุบันคำสอนจากที่ใดเป็นคำสอนที่แท้จริงของพระพุทธเจ้า?***​

    ***ถ้าตำราเขียนไว้ผิด เรามิโง่โดยไม่รู้ตัวหรือ?***​

    ***ถ้าครูอาจารย์สอนผิด เรามิโง่ตามท่านหรือ?***​

    ***คนไม่รู้จริงเท่านั้นที่จะสอนให้เชื่อตำรา ให้เชื่อครูอาจารย์ พระพุทธเจ้าไม่ทำแน่***

    ***พุทธศาสนาในเมืองไทยเจริญ แต่ทำไมจึงมีแต่ปัญหามากมาย?***​

    ***บางประเทศที่เขาไม่นับถือพุทธศาสนา ทำไมเขาถึงได้สงบกว่าประเทศเรา?***​

    ***คนยากคนจนกำลังจะอดตาย ชาวพุทธก็นิ่งเฉย เพราะเชื่อว่านั่นเป็นเวรกรรมของเขาจากชาติปางก่อน ที่เขาต้องรับผลกรรมนั้น ใครก็ช่วยไมได้***​

    ***ชาวพุทธเราก็เลยกลายเป็นคนใจดำ เห็นแก่ตัวกันไปหมด เพราะคำสอนผิดๆ***​

    ***พุทธศาสนาในเมืองไทยช่วยอะไรสังคมได้บ้าง? เห็นมีแต่เรี่ยไร และสร้างวัตถุมงคลขาย กับสร้างโบสถ์ ศาลา วิหาร ฯ มากมาย?***

    ***ก็มีแต่เอา "นรกมาขู่ เอาสรรค์มาล่อ" ไม่เห็นช่วยอะไรสังคมได้เลย***​

    ***เขาว่า "คนไทยคิดไม่เป็น" ก็คงจะจริงเพราะถูกครอบงำมาตั้งแต่ยังเด็กๆจนแก้ได้ยาก***​

    ***ขอให้ใช้ความคิดกันให้มากกว่านี้ ไม่อย่างนั้นจะเสียชื่อพุทธบริษัทหมด***​

    ******************************
    ใครที่ต้องการศึกษาพุทธศาสนาในระดับเริ่มต้นก็อ่านได้จากหนังสือ "พุทธศาสนาระดับผู้เริ่มต้น"
    http://www.whatami.net/for/bud.html

    ******************************​

    (www.whatami.net - www.whatami.5u.com -เวบไซต์นี้อาจเป็นอันตรายต่อความโง่ของคุณ)​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 เมษายน 2009

แชร์หน้านี้

Loading...