เหรียญหล่อหลวงพ่อเก๋วัดแม้น้ำรูปลป.จันทร์ศรีหลังจีวรเกษาเหรียญหลังคาระเบิดลพแช่ม

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Jumbo A, 17 สิงหาคม 2022.

  1. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,778
    ค่าพลัง:
    +21,343
    ดร.พระครูไพศาลชัยกิจ หรือ "หลวงปู่
    ฤาษีตาไฟ" เจ้าอาวาสวัดเทพหิรัณย์(หนองทาระภู) ตำบลบ้านเชี่ยน
    อำเภอหันคา จังหวัดชัยนาทเหตุที่เรียก "หลวงปู่ฤาษีตาไฟ" เนื่องจากท่านเป็นพระที่เคยเป็นร่างทรงของฤาษีตาไฟ แล้วป่วยมาตลอด จึงได้อธิฐานจิตบวชเรียนในพุทธศาสนาและเคร่งครัดในพระธรรมวินัย จนจิตท่านนิ่งดร.พระครูไพศาลชัยกิจ(หลวงปู่ฤาษีตาไฟ)มีเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์เป็นอย่างสูงท่านเป็นองค์อุปถัมภ์สร้างสิ่งสาธารณะประโยชน์ให้แก่ประชาชนและชุมชนจำนวนมาก เช่น โรงเรียน โรงพยาบาลวัด อาคารของส่วนราชการต่างๆท่านได้สนับสนุนเรื่องงบประมาณในการสร้างมหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษมวิทยาเขตสรรคบุรี จังหวัดชัยนาท ทางสถาบันจึงถวายปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์เป็น ดร.พระครูไพศาลท่านได้สนับสนุนเรื่องงบประมาณในกา
    รสร้างมหาวิทยาลัยราชภัฎจันทรเกษม
    วิทยาเขตสรรคบุรี จังหวัดชัยนาท ทาง
    สถาบันจึงถวายปริญญาดุษฎีบัณฑิ
    ตกิตติมศักดิ์เป็น ดร.พระครูไพศาลชั
    ยกิจหลวงปู่ฤาษีตาไฟเคยออกธุดงค์ด้วย
    จิตสูง นั่งทางใน มโนภาพ หยั่งรู้อนาคต
    ของคนอื่นได้ตลอด ทักแม่น และพูด
    ตรงไปตรงมาภายในบริเวณวัดมีความร่มรื่น สะอาด มีเรือนเทวดาไว้ให้ผู้เลื่อมใสมากราบไหว้และว่ากันว่าใครมาจุดธูปขออะไรที่องค์ฤาษีตาไฟก็จะสัมฤทธิผล ซึ่งความเชื่อในเรื่องนี้ ทำให้หลวงปู่เป็นที่เคารพศรัทธา และมีลูกศิษย์อยู่ทั่วประเทศในทุกวงการปัจจุบัน ดร.พระครูไพศาลชัยกิจ(หลวงปูฤาษีตาไฟ) ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดเทพหิรัณย์ และดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าคณะตำบลบ้านเชี่ยนอีกด้วยข้อมล : ศนย์ข้อมลกลางวัฒนธรรม

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระผงรูปเหมือนหลังปู่ฤาษีตาไฟให้บูชา 150 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20231222_224044.jpg IMG_20231222_224104.jpg IMG_20231222_224023.jpg
     
  2. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,778
    ค่าพลัง:
    +21,343
    วันนี้ จัดส่ง
    1703320039921.jpg

    ขอบคุณครับ
     
  3. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,778
    ค่าพลัง:
    +21,343
    1703442719912.jpg


    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาวีดีโออย่างสูงครับ

    พระผงรูปเหมือนผสมเกศาหลวงปู่มหาโส
    ให้บูชา
    200 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20231225_012853.jpg IMG_20231225_012810.jpg
     
  4. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,778
    ค่าพลัง:
    +21,343
    1703519274478.jpg
    หลวงปู่อวนนามเดิม ชื่อ อวน นามสกุล ปุเนติ เกิดวันอ้งคาร แรม4 ค่ำแดือน 6 ปีเถาะ ตรงกับวันที่ 3 พฤษภาคม2446 บิดาชื่อจันทร มารดาชื่อสิมอ.ยางตลาด จ.มหาสารคาม มีพี่น้องทั้งหมด 7 คน หลวงปู่อวนท่านเป็นคนที่5 ท่านบวชเป็นสามเณร ตอนอายุ9ขวบ ที่วัดบ้านโพนสว่าง จ.มหาสารคาม เมื่ออายุได้10 ขวบ พอออกพรรษาแล้วได้เดินทางไปกราบหลวงพ่อคำทีวัด บ้านโพนสว่าง จ.สุรินทร์ เพื่อศึกษาวิปัสสนากรรมฐานในป่าช้าผีดิบ ในเวลาต่อมาได้มาจำพรรษาอยู่กับ พระจันทร์ ที่วัดเหล่า แล้วได้ศึกษาธรรมอยู่นานถึง 2ปี โดยศึกษาจากหนังสือขอมลาว จนสำเร็จเข้าใจดี แล้วได้กราบลาพระครูจันทร์ ไปจำพรรษาที่วัดบ้านกุดปลาดุก อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม ต่อมาหลวงปู่ได้เดินทางไปกราบหลวงพ่อคำ ซึ่งเป็นอาจารย์องค์แรก ของหลวงปู่อวน หลวงพ่อคำได้พาเดิน ธุดงค์ ซึ่งในขนาดนั้นท่านเป็นสัมเณรอยู่ ได้พาธุดงค์ หลายจังหวัด เช่น อุบล.สกลนครและยังไปถึงประเทศ ลาว พม่า เขมร ท่านกล่าวว่าช่วงที่ท่านไปลาวได้ศึกษาปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานกับอาจารย์ที่อยู่ภูเขาควาย และวิชาเจริญกสินไฟ และวิชาอาคมต่างๆกับอาจารย์ที่ภูเขาควายหลายท่าน หลวงปู่อวนได้กล่าวอีกว่า มีอาจารย์ท่านหนึ่งอายุท่านมากแล้วแต่ท่านไม่แก่เลย หลวงปู่ก็เลยถาม พระอาจารย์ท่านนั้นว่าทำไมท่านอาจารย์ถึงไม่แก่เลย ทำยังไงครับ อาจารย์ท่านนั้นตอบว่า ..ถ้าอยากเรียนให้มาอยู่ด้วยกันที่ภูเขาควายจึงจะให้เรียน และเมื่อปีพ.ศ.2540 ท่านบอกว่าอาจารย์ของท่านยังไม่ตาย แสดงว่าอาจารย์ของท่านองค์นี้น่าจะอายุ สองร้อยกว่าปีแล้ว

    #️เมื่ออายุครบ20ปี บริบูรณ์ท่านได้ทำการบวชบรรพชาอุปสมบท ณ วัดเหนือ อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด โดยมีพระเทพเมธี เจ้าคณะมณฑล เป็นพระอุปัชฌาย์ และพระศาสนดิลก เป็นพระกรรมวาจาจารย์ เมื่อปี 2466 เมื่อบวชแล้วท่านได้เดินทางไปอยู่กับหลวงปู่คำอีกที่วัดท่าตูม จ.มหาสารคาม และท่านได้ศึกษาธรรมจนจบนักธรรมตรี แล้วท่านได้เดินมายัง กทม.เพื่อศึกษาธรรมแล้วได้ไปพักยังวัดปากน้ำ แต่ท่านก็ไม่ได้เรียน ได้แต่สวดมนต์ เมื่อครั้งอยู่วัดปากน้ำได้มีคนไข้ทับระดู มาหาท่านแล้วถามท่านว่ามียารักษาใหม หลวงปู่อวนจึงบอกตัวยาให้ไปซื้อมาต้มกินแล้วก็หายเป็นปรกติ แล้วก็ได้บอกกันต่อๆ ครั้งนั้นมีคนมาให้ท่านรักษามากขึ้น ชื่อเสียงของหลวงปู่อวนได้แพร่ขยายจนเป็นเหตุให้ท่าน ต้องออกจากวัดปากน้ำ ท่านได้เดินทางเพื่อหาที่เรียนหนังสือแล้วท่านได้ย้ายออกจากวัดปากน้ำ ไปอยู่ที่ วัดหนองน้ำสร้าง แล้วได้ข่าวว่าที่ วัดหนองพลับมีการเรียนการสอนนักธรรมท่านจึงอยากย้ายวัด แล้วท่านก็ย้ายวัดไปอยู่ที่วัดหนองพลับ สมัยนั้นหลวงพ่อบัว เป็นเจ้าอาวาส ท่านเรียนจนสอบนักธรรมโทและเอก แล้วเมื่อจบแล้วท่านก็ได้เป็นครูสอนพระปริยัติธรรมประจำวัดหนองพลับเรื่อยมา
    #️หลวงปู่อวน ท่านได้ติดตาม หาผู้ที่สืบวิชาปรอทของ พ่อเสือรอด จากวัดประดู่ทรงธรรม สืบอยู่หลายปีพอสมควร จึงได้ทราบว่ามีอยู่ท่านหนึ่งชื่อ ปู่ทรัพย์ จึงได้ไปขอเรียนวิชาปรอทจากปู่ทรัพย์ อยู่นานถึง8ปี เจ้าของวิชาจึงประสิทธิ์ให้ แล้วบอกวิธีและขั้นตอนในการฝึกจากนั้นจึงได้นำมาฝึกเองติดต่อกันอยู่ 8 เดือน จึงได้เข้าใจวิชาครูเฒ่าผู้ที่สืบทอดเหลืออยู่เพียงท่านเดียวแล้ว คือปู่ทรัพย์ ปู่ทรัพย์ก็ได้ถ่ายทอดวิชาให้ จนท่านสำเร็จวิชาปรอท แล้วได้นำวิชานี้มาสงเคราะห์คนจนถึงทุกวันนี้ หลวงปู่อวนท่านทำงานเพื่อพระศาสนา และผู้มากด้วยเมตตาต่อบรรดาศิษยานุศิษย์

    #️จนวาระสุดท้ายก่อนที่หลวงปู่จะมรณภาพ ช่วงเวลาเช้าท่านได้เรียกหลานที่และพระอุปถากเข้าไปหา แล้วก็สั่งไว้ว่า ให้จัดงาน ให้เรียบร้อย ท่านย้ำถึงสองครั้งจนเมื่อเวลา 19.00 น. โยมที่คอยอุปถากท่านอยู่ เห็นท่านนอนเงียบผิดปกติจึงได้ตามพระและหลานชายท่านเข้ามาดูอาการ จึงได้ไปตามแพทย์ที่โรงพยาบาลหนองแซง มาตรวจดูอาการ แล้วแพทย์ได้บอกว่าท่านได้มรณภาพแล้วประมาณ หนึ่งชั่วโมง ด้วยอาการสงบในกุฎิของท่านเอง ด้วยอิริยาบถนอนตะแคงซ้าย หันศรีษะไปทางทิศเหนือ หันหน้าไปทางทิศตะวันออกตรงกับวัน เสาร์ แรม๙ เดือน๙ ปีเถาะ พศ.๒๕๔๒ รวมศิริอายุได้ ๙๖ ปี ๔เดือน ๑ วัน ๗๖ พรรษา
    พระสมเด็จ หลวงปู่อวน วัดหนองพลับ จ.สระบุรี หลวงปู่อวน วัดหนองพลับ จ.สระบุรี ท่านเป็นพระเถระที่มีวิทยาคมสูงโดยท่านได้ไปศึกษาอยู่กับพรอภิญญารูปหนึ่งที่ภูเขาควายได้รับการถ่ายทอดวิชากสิณไฟและวิทยาคมต่างๆ ตั้งแต่ท่านยังเป็นเณรพอบวชแล้วได้มาเรียนวิชากับ หลวงปู่คำ วัดบ้านโนนสวาย สุรินทร์และได้รับการถ่ายทอดวิชาปรอทสาย หลวงพ่อรอด (เสือ) ปฐมเจ้าอาวาสแห่งสำนักวัด
    ประดู่ทรงธรรม อยุธยา จากฆราวาส ชื่อ ปู่ทรัพย์จนท่านมีความรู้แตกฉานในการเล่นแร่แปรธาตุ ใช้วิชาปรอทรักษาคน
    ความเชี่ยวชาญในวิชาปรอทของ ลป.อวน วัดหนองพลับ นั้นโด่งดังมากท่านสามารถเรียกปรอทเข้าตัว และสามารถเพ่งปรอทด้วยอำนาจจิตจนกลายเป็นผงได้เกจิดังๆ ในยุคปัจจุบันที่มาเป็นศิษย์เรียนปรอทจาก ลป.อวน ก็มีหลายท่าน เช่นลป.โสฬส วัดโคกอู่ทอง อาจารย์ประสิทธิ์ วิวัฒน์ชาติสุคนธ์ (ลูกศิษย์ที่ขึ้นกรรมฐานห้อง
    ธาตุกับ ลพ.สละ วัดประดู่ทรงธรรม)
    พระสมเด็จหลวงพ่ออวนให้บูชา 200 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20231225_224322.jpg IMG_20231225_224400.jpg IMG_20231225_224232.jpg
     
  5. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,778
    ค่าพลัง:
    +21,343
    1703520820732.jpg
    ผ้ายันต์เกราะเพชร หลวงพ่อสัญญา วัดบูรพาคำมะโฮ กาฬสินธุ์
    ผมจำไม่ได้ ว่าผืนนี้ เสก๑ปี หรือ ไตรมาส ทำบุญมา จากวัด ใส่ซองเดิม ขนาดประมาณ กว้าง12นิ้วยาว15นิ้ว โดยประมาณ จารมือ ทั้งผืน
    ให้บูชา 450 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20231225_231853.jpg
    IMG_20231225_232421.jpg
     
  6. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,778
    ค่าพลัง:
    +21,343
    1700543566145-jpg.jpg

    เหรียญสิริปัญโญหลวงพ่อเทียมวัดกษัตรา
    ให้บูชา 150 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับเป็นเหรียญที่ออกแบบสวย เนื้อโลหะทองเหลือง สมัยก่อน มักเรียกทองฝาบาตรเหรียญนี้ หูหัก
    IMG_20231226_235736.jpg IMG_20231226_235804.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 ธันวาคม 2023
  7. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,778
    ค่าพลัง:
    +21,343

    ประวัติ หลวงปู่ฤทธิ์ รตุนโชโต วัดชลประทานราชดำริ จ.บุรีรัมย์
    หลวงปู่ฤทธิ์เกิดวันอาทิตย์ที่ 13 เดือน 6 (พฤษภาคม) แรม 8 ค่ำ ปีมะเส็ง พ.ศ. 2460 ณ ตำบลทุ่งมน อำเภอประสาท จังหวัดสุรินทร์ ท่านบวชเณรเมื่อปี 2482 และบวชเป็นพระที่วัดเพชรบุรี ต.ทุ่งมน จ.สุรินทร์ เมื่อปี 2483 โดยมีหลวงพ่อแปะ วัดปราสาทธนาพร(บ้านพลวง) อำเภอประสาท เป็นพระอุปปัชฌาย์ หลังจากนั้นท่านมาจำพรรษาที่วัดปราสาทธนาพร เพื่อศึกษาพระธรรมกับหลวงพ่อแปะอยู่ 3 ปี ฃจึงได้ย้ายไปจำวัดอยู่ที่วัดพลับ ตำบลทุ่งมน อีก 4 ปี หลวงปู่ฤทธิ์ย้ายไปอยู่ วัดบ้านกระนัง ตำบลปรือ อำเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อปี 2490 ระหว่างที่อยู่วัดนี้หลวงปู่ฤทธิ์ได้ออกธุดงค์ไปเสาะแสวงหา ความรู้ทั้งทางธรรมและทางไสยศาสตร์ทั่วเขตอีสานจนตลอดเข้าไปในประเทศลาวและเขมร ท่านได้พัฒนาวัดบ้านกระนังจนเจริญ มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย
    ในปี พ.ศ.2535 หลวงปู่ฤทธิ์ จึงได้ย้ายมาสร้างวัดชลประทานราชดำริที่บ้านกระทุ่ม ตำบลสูงเนิน อำเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์ ตามพระราชดำริและได้จำพรรษาอยู่ที่นี่
    หลวงปู่ฤทธิ์เป็นพระเกจิดังเชื้อสายเขมรที่มีความเชี่ยวชาญด้านคาถาอาคมทั้งของไทย ลาว และเขมร อย่างหาผู้เทียบเคียงได้ยากท่านนึง หลวงปู่ฤทธิ์เป็นพระสงฆ์ที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตาอย่างสูง ไม่ว่าจะเป็นใครมาจากไหนฐานะ เป็นอย่างไร หลวงปู่ท่านจะให้การต้อนรับพูดคุยด้วยเป็นอย่างดี ไม่จำเป็นต้องนั่งรถยนต์ราคาแพงๆ ไปกราบท่านแล้วถึงจะได้พบหลวงปู่ นอกจากจะได้รับการต้อนรับที่ดีจากท่านแล้ว หลวงปู่ฤทธิ์ยังจะปลุกเสกวัตถุมงคลในมือของท่านอีกอย่างดีก่อนมอบให้ บางครั้งท่านก็จะจารเป็นยันต์ให้ บางครั้งท่านก็จะพรมน้ำมนต์ให้ วัตถุมงคลของท่านถือว่าเป็นสุดยอดไม่ว่าจะได้โดยตรงจากมือหรือที่ศูนย์พระเครื่องต่างๆ ก็ตาม ยังไม่พบว่าวัตถุมงคลของท่านมีของปลอมหรือเสริมโดยที่หลวงปู่ยังไม่ได้ปลุกเสก บรรดาผู้ที่บูชาวัตถุมงคลของท่าน ต่างก็พบกับอภินิหารแบบพลิกชะตาชีวิตให้อย่างทันตาเห็น ไม่ว่าจะเป็นทางด้าน เมตตา มหานิยม โชคลาภ ค้าขาย เรียกเงินเรียกทอง เป็นต้น แม้ว่าทุกวันนี้จะเป็นยุค ที่เศรษฐกิจฝืดเคือง ทำมาหากินลำบากกันถ้วนหน้า แต่คนที่บูชาวัตถุมงคลหลวงปู่ฤทธิ์มักจะได้พบกับสิ่งแปลกประหลาด เช่น ค้าขายดีขึ้นอย่างผิดปกติ มีโชคได้ลาภ ลองปืนไม่ออก เป็นต้น
    ประสบการณ์ของวัตถุมงคล
    ประสบการณ์ของวัตถุมงคลรุ่นก่อนๆ ของหลวงปู่ฤทธื์ที่มีประสบการณ์เป็นที่กล่าวขานทั้งในหมู่ลูกศิษย์และบุคคลที่ได้ บูชาวัตถุมงคลของหลวงปู่ไปแล้ว ผ้ายันต์กิ่งแก้ว เป็นผ้ายันต์ที่มีผลในหลายๆ ด้าน ตามลักษณะการพับผ้ายันต์ ซึ่งรวมทั้ง เมตตา/มหานิยม คุ้มครองใน ด้านการเดินทาง โชคลาภ มหาอำนาจและอื่นๆ อีกมากมาย จะเน้นมากทางด้านโชคลาภและเมตตามหานิยมคนที่ใช้แล้ว พบว่ามีคนมาติดพันมากมายเป็นต้น
    มรณะภาพ
    เมื่อวันนี้ 1 มิ.ย. 2548 เวลา 04.00 หลวงปู่ฤทธิ์ รัตนไชโย เจ้าอาวาสวัดชลประทานราชดำริ ต.สูงเนิน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ ได้มรณภาพอยู่ภายในกุฏิที่พักของวัดอย่างสงบ

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    รูปหล่อรุ่น 1 หลวงพ่อฤทธิ์ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)
    IMG_20231227_001302.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 ธันวาคม 2023
  8. Nantana

    Nantana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +212
    รูปหล่อรุ่น 1 หลวงพ่อฤทธิ์
    ขอจองค่ะ
     
  9. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,778
    ค่าพลัง:
    +21,343
    ประวัติท่านพระครูอุทุมพราศัย (ชม กัสโป)
    วัดวรนายกรังสรรค์เจติบรรพตาราม (วัดเขาดิน)
    ต.เขาดิน อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา

    หลวงพ่อชม กัสโป เดิมชื่อ ชม เป็นบุตรคนสุดท้องในจำนวน ๕ คน ของโยมบิดา นิ่ม และ โยมมารดา เชย ไม่ทราบด้วยเหตุใดจึงทำให้ในตระกูลของท่านไม่ปรากฏนามสกุล (ณ ตอนนั้น) ท่านเกิดเมื่อวันจันทร์ เดือน ๔ ปีมะเส็ง พ.ศ. ๒๔๖๐
    แม้ท่านจะเป็นคนบางเดื่อ คือเกิดที่บ้านบางเดื่อ ต.บางเดื่อ อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา แต่ท่านก็อยู่ไม่ไกลจาก วัดสะแก ต.ธนู อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อยังเล็กท่านจึงได้มาเรียนหนังสือที่วัดสะแกจนจบ ป.๔ ซึ่งในสมัยนั้นถือว่ามีวิทยฐานะดีแล้ว จึงได้ออกมาช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพ
    ต่อมาเมื่ออายุได้ ๑๖ ปี ท่านจึงได้บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดสะแกนั่นเอง และนี่คือการบวชครั้งแรกในชีวิต ซึ่งท่านไม่อาจหยั่งรู้ได้เลยในขณะนั้นว่าท่านจะไม่ได้สึกอีกตลอดไป
    ขณะเป็นสามเณรอยู่ที่วัดสะแก ช่วงนั้นเป็นยุครุ่งเรืองของปรมาจารย์ทางไสยเวทย์ที่หาตัวจับยากในอยุธยาคนหนึ่ง คือ ท่านอาจารย์เฮง ไพรวัลย์ ตอนที่เด็กชายชมเป็นสามเณรก็ให้บังเอิญที่อาจารย์เฮงกำลังบวชพระอยู่พอดี ท่านจึงได้เห็น ได้รู้ ถึงความขลังความศักดิ์สิทธิ์ของพระภิกษุเฮงตลอดมา
    วันทั้งวันจะมีคนเข้านอกออกในมากราบพระอาจารย์เฮงตลอด ตั้งแต่เจ้าขุนมูลนายทั้งในบางกอกและโดยรอบปริมณฑลล้วนเดินทางมาหาพระอาจารย์เฮงเพื่อมุ่งหาของดี สามเณรชมได้เห็นอภินิหารที่พระอาจารย์เฮงแสดงอยู่บ่อย ๆ อาทิ ให้ศิษย์ชักยันต์ชาตรีแล้วเอาหินขนาดสองคนยก ทุ่มลงไปบนหัวจนหน้าคะมำดิน เมื่อเงยขึ้นมาก็ไม่เจ็บ ไม่แตก ไม่ตาย ท่านรู้สึกอัศจรรย์ใจในวิชาของพระอาจารย์เฮงเป็นยิ่งนัก ทำให้อยากเรียนด้วยเป็นกำลัง แต่ท่านก็กลัวพระอาจารย์เฮงจนไม่อาจเข้าไปขอถวายตัวเป็นศิษย์ได้ ท่านเล่าว่าพระอาจารย์เฮงนั้นอารมณ์ไม่ค่อยอยู่กับร่องกับรอย เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เวลาดีก็ดีใจหาย เวลาจะดุขึ้นมาก็ราวกับเสือมาอยู่ต่อหน้า ทำให้ท่านประหวั่นเกรงจนไม่กล้าเข้าไปหาทั้ง ๆ ที่อยากเรียนด้วยใจแทบขาด
    ต่อมาก็ได้สังเกตเห็นการทดลองคงกระพันชาตรี โดยการที่บรรดาศิษย์หามีดดาบที่แหลมคมมาฟัน มาทิ่มแทงกัน แต่ก็ไม่เคยมีบาดแผลหรือมีเลือดออกให้เห็นแม้สักแมลงวันกินอิ่ม
    เหล่านี้ล้วนเป็นเหตุให้ท่านเกิดความมุมานะหมั่นเพียรแอบศึกษาค้นคว้าจากตำรับตำราโบราณในวัดสะแกมาแต่ครั้งยังเป็นสามเณร
    จวบจนอายุครบ ๒๐ ปีบริบูรณ์ ท่านก็ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ อุโบสถวัดแก โดยมี ท่านพระครูอุทัยคณารักษ์ (แด่) วัดสะแก เป็นพระอุปัชฌาย์ พระโบราณคณิสสร (ใหญ่ ติณณสุวัณโณ) วัดสะแก เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ พระอาจารย์วัดไผ่ ฯ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ หลังจากบวชพระแล้วท่านก็อยู่จำพรรษาที่วัดสะแกดังเดิม
    วัดสะแกยุคนั้นแม้จะเลื่องชื่อลือชาในกิตติคุณของพระอาจารย์เฮง แต่ก็ใช่ว่าจะกลบกลิ่นหอมของคนดีไปเสียจนหมดสิ้น นามหนึ่งที่ใครหลายคนรู้จักดีก็คือ พระอาจารย์สี พินทสุวัณโณ ซึ่งเป็นสัทธิวิหาริกในหลวงพ่อพระอุปัชฌาย์กลั่น วัดพระญาติการาม เหมือนกัน และท่านพระอาจารย์สีนี้ก็ยังเป็นศิษย์น้องและศิษย์จริงของพระอาจารย์เฮงอีกด้วย
    เมื่อเป็นดังนี้ พระภิกษุนวกะอย่างพระชม จึงคิดเข้าหาพระอาจารย์สีมากกว่า เหตุหนึ่งเพราะท่านพระอาจารย์สีนี้ใจดีกว่า ดุน้อยกว่าพระอาจารย์เฮง
    ครั้งพระชมเข้าไปนมัสการพระอาจารย์สีขอถวายตัวเป็นศิษย์ องค์อาจารย์ก็เมตตารับโดยไม่รังเกียจ และเริ่มปฐมบทแห่งขลังด้วยการสอนให้พระใหม่ฝึกนั่งสมาธิภาวนา แรกนั่งท่านก็รู้สึกอึดอัดเบื่อหน่าย ด้วยใจท่านคิดว่าเรามาขอศึกษาวิทยาคุณกับหลวงพ่อท่าน แต่เหตุไฉนท่านจึงให้มานั่งหลับหูหลับตาอยู่อย่างนี้ไม่เห็นจะได้อะไร คาถาสักตัวก็ยังไม่ได้ น่าเบื่อเหลือเกิน
    ก็ไม่ทราบหลวงพ่อสีทราบได้อย่างไร จึงสอนท่านว่า “ท่านชม วิชาไสยศาสตร์ใด ๆ ก็ดีล้วนมีพื้นฐานอยู่ที่สมาธิทั้งสิ้น วิชาที่จะทำแล้วมีความขลังก็ต้องอาศัยสมาธิจึงจะทำได้ผล”
    ด้วยคำแนะนำเชิงปลอบประโลมเช่นนี้ จึงทำให้พระภิกษุชมเกิดความตั้งอกตั้งใจในการบำเพ็ญกัมมัฏฐานยิ่ง ๆ ขึ้น ต่อมาเมื่อหลวงพ่อสีเล็งเห็นว่าพระชมมีสมาธิดีในระดับหนึ่งแล้ว ท่านจึงเริ่มสอนเวทย์มนต์คาถาต่าง ๆ ให้เป็นลำดับ ๆ ไป และเมื่อการนั่งภาวนาของท่านมีผลแปลก ๆ บังเกิดขึ้น ถ้าไม่ถามเอาจากหลวงพ่อสี พระชมก็จะไปกราบเรียนถาม หลวงพ่อดู่ พรหมปัญโญ แทน เพราะท่านได้ขึ้นกัมมัฏฐานกับหลวงพ่อดู่ไว้ด้วย
    ภายหลังท่านพระอาจารย์เฮงก็ลาสิกขาบทออกมามีภรรยาและลอยเรืออยู่ที่หน้าวัดสะแก อันเรือประทุนลำนี้อาจารย์เฮงห้ามขาดมิให้ผู้หนึ่งผู้ใดลงไปได้เลย เหตุเพราะอาจารย์เฮงมีภรรยาที่สาวและสวยมาก ๆ ท่านจึงไม่ต้องการให้ใครได้พบเห็น คงอนุญาตอยู่เพียงผู้เดียวให้ลงไปกินเหล้ากับท่านในเรือได้อย่างเป็นกันเองที่สุด นั่นก็คือ อาจารย์ก้าน บำรุงกิจ น้องชายแท้ ๆ ของหลวงปู่สี พินทสุวัณโณ ซึ่งอาจารย์ก้านนี้สมัยบวชเป็นภิกษุก็มีพระอุปัชฌาย์เดียวกันกับอาจารย์เฮง คือ หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ ฯ และต่อมาอาจารย์ก้านก็ได้เป็นศิษย์ของอาจารย์เฮงอีกด้วย
    อันความขลังในเรื่องเมตตามหานิยมของอาจารย์เฮงนั้นบรรดาหนุ่ม ๆ ยุคกระนั้นล้วนทราบดี ต่างอยากได้ของดีในทางมหานิยมมาใช้กับสาวที่ตนรัก วิชาหนึ่งที่ขึ้นชื่อคือการหุงสีผึ้ง แต่อาจารย์เฮงก็ยังไม่ได้ถ่ายทอดให้ใครนอกจากหลวงปู่สี เมื่อพระชมต้องการเรียนวิทยาคุณ อย่างแรกที่ท่านขอศึกษาจากหลวงปู่สีคือการเสกสีผึ้ง
    หลวงปู่สีก็เมตตาถ่ายทอดวิชาและเคล็ดลับต่าง ๆ ให้พระชมโดยไม่ปิดบัง และยังบอกอีกว่าหากทำทุกอย่างได้สำเร็จครบตามตำรา ขณะทำการเสกอยู่นั้นจะได้ยินสีผึ้งระเบิดแตกดัง เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ ถ้าเป็นอย่างนี้ก็ชื่อว่าบรรลุผลใช้ได้ทันที
    พระภิกษุชมเพียรเสกสีผึ้งด้วยพระเวทย์ศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกอบรมมาอย่างยาวนานถึง ๑๐๘ คาบ สีผึ้งก็ไม่เกิดอะไรขึ้น ๑๐๘ คาบที่สองก็ไม่มีปฏิกิริยา ท่านจึงรำพึงในใจว่า ชะรอยคงจะไม่สำเร็จ ดูแล้วน่าจะเสียเวลาเปล่า แต่แล้วท่านก็ฉุกใจคิดขึ้นมาได้ว่า ตลอดเวลาที่ทำการเสกจิตท่านคอยพะวงอยู่ว่าเมื่อไรสีผึ้งจะแตกให้ได้ยินเสียที เหล่านี้คงเป็นตัวการที่ทำให้จิตไม่สงบโดยแท้จริง จึงยังไม่ปรากฏผลใด ๆ ขึ้นมา
    ครั้งที่สามของการเสกนี้ พระชมจึงไม่สนใจกับตัวสีผึ้งเลย หากกำหนดจิตให้แน่วแน่อยู่กับตัวพระคาถา กดใจนิ่งบริกรรมภาวนากระทั่งจิตรวม ไม่นานท่านก็ได้ยินเสียงสีผึ้งระเบิดติดต่อกันถึง ๓ ครั้ง ทำให้ท่านมั่นใจว่าสำเร็จแล้ว เพราะหลวงปู่สีสั่งไว้ว่าถ้าได้ยินเสียงสีผึ้งแตกก็เพียงนับว่าพอใช้ได้ แต่ถ้าได้ยินติดต่อกันถึง ๓ ครั้งนั้นหมายถึงว่าสีผึ้งตรงหน้าบรรลุผลเต็มอัตรา เป็นของมหาวิเศษ มหานิยม อย่างยิ่งทีเดียว
    ต่อมาพระอาจารย์ชมก็ยินชื่อเสียงของ ปู่สอน หรือ อาจารย์สอน ซึ่งเป็นฆราวาสชาวอำเภออุทัย นามปู่สอนกระเดื่องไปก้องทุ่งด้วยเรื่องที่วัยเข้าขั้นปู่แต่มีภรรยาคราวลูกที่สวยสะคราญถึง ๗ นางด้วยกัน และทุกคนอยู่กินในเรือนเดียวกันอย่างมีความสุขไม่เคยทะเลาะตบตีกันแต่อย่างใด
    และเมื่อพระอาจารย์ชมได้พบปู่สอน ก็ปรากฏว่าปู่สอนรู้สึกถูกอัธยาศัยกับพระอาจารย์ชมเป็นอย่างยิ่ง จึงปรารภว่าที่ได้เมียสาวและสวยนี้เพราะวิชาอาคมที่ร่ำเรียนมาจากอาจารย์ ถ้าอยากเรียนก็ยินดีจะถ่ายทอดให้ เป็นวิชาทางมหานิยม มหาเสน่ห์อย่างเยี่ยมยอด นั่นคือการ “เสกแป้งแปลงหน้า” โดยเมื่อปลุกเสกแป้งนี้แล้วครบถ้วนตามตำรา ครั้นนำมาผัดหน้าทากาย จะเดินไปสารทิศใดคนที่เห็นเราก็จะรู้สึกว่ามีรูปงามตาน่าชม อยากพูดจาพาทีด้วยเสียทั้งนั้น แม้รูปชั่วตัวดำหากใช้แป้งเสกนี้แล้วก็เป็นอันว่ามีเสน่ห์ต้องใจคนทั้งหลายได้ทันที จึงได้ชื่อว่า “วิชาเสกแป้งแปลงหน้า”
    และพระอาจารย์ชมก็ตกลงใจที่จะครอบครูเรียนวิชานี้ เมื่อท่านเรียนจบแล้วก็สามารถเสกแป้งให้ศิษย์วัดไปทดลองใช้ได้ผลเป็นที่น่าอัศจรรย์ จึงทำให้ท่านมีวิชาเด็ดอยู่ในมือแล้ว ๒ วิชา
    พระอาจารย์ชมจำพรรษาอยู่ที่วัดสะแกยาวนานถึง ๑๐ พรรษาเศษ ๆ ท่านก็ถูกคณะสงฆ์แต่งตั้งให้ไปเป็นเจ้าอาวาสวัดบางเดื่อ ต.บางเดื่อ อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา
    ที่วัดบางเดื่อนี้เอง ท่านได้พบคัมภีร์เก่าโบราณอายุราว ๒๐๐ ปี ซึ่งเป็นสมบัติเก่าของวัดประดู่โรงธรรม สำนักตักศิลาใหญ่ทางศาสตร์วิชาต่าง ๆ มากมายเกินพรรณนา โดยเฉพาะวิชาทางไสยเวทย์ถือได้ว่าเป็นหอสมุดขลังซึ่งใหญ่ที่สุดในโลก หากไม่เพราะพม่าเข้ามาเผาทำลายไปจำนวนมาก ลูกหลานไทยคงได้พบเห็นอะไรดี ๆ อีกเยอะ
    ครั้นหลวงพ่อชมได้ครอบครองคัมภีร์สำคัญ ท่านก็เฝ้าศึกษาค้นคว้าอย่างละเอียด พบว่าในตำรานั้นบันทึกวิชาการสร้างและเสก ตะกรุดโทน เบี้ยแก้ เชือกคาด เชือกแขน แหวนพิรอด การทำยาสมุนไพรและผงว่านต่าง ๆ มีทั้งการแก้และกันคุณไสยนานาประการ ยิ่งท่านศึกษาก็รู้สึกว่าตำรานี้มีความลึกซึ้งมาก แยบคายมาก ตอนใดที่อ่านแล้วไม่เข้าใจ ท่านก็จะนำความเข้าไปกราบเรียนถามกับ พระครูศีลกิตติคุณ (อั้น คันธาโร) วัดพระญาติการาม บ้าง ปรึกษากับ หลวงปู่สี พินทสุวัณโณ บ้าง ปรึกษากับ หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ บ้าง ทำให้ท่านมีความก้าวหน้าเป็นอย่างยิ่งในการศึกษาพระคัมภีร์นี้
    วิชาหนึ่งในนั้นที่ท่านให้ความสนใจเป็นพิเศษก็คือ การสร้างตะกรุดโทน ซึ่งเป็นวิชายุ่งยากมากที่สุด มีขั้นตอนในการทำสลับซับซ้อนมากที่สุด ท่านจึงให้ความสนใจมาก และในที่สุดท่านก็ตกลงใจที่จะสร้างขึ้นเป็นครั้งแรกด้วย “ตะกั่วดำ”
    โดยท่านกำหนดวันซึ่งตรงกับ เพ็ญ เดือน ๑๒ ชำระฤกษ์ยามที่เป็นมงคลให้ถูกถ้วนดีแล้ว ก็ตั้งหัวหมู บายศรี ดำน้ำลงไปจารตะกรุดใต้น้ำและม้วนให้เสร็จภายในอึดใจเดียวโดยไม่ขึ้นมาก่อน ทุกดอกต้องได้รับการทำอย่างนี้เหมือนกันหมดตะกรุดชุดแรกมีจำนวนทั้งสิ้นราว ๒๐ ดอก
    เมื่อท่านปลุกเสกจนครบถ้วนตามตำราแล้ว ก็ได้มอบให้ศิษย์บางคนไปใช้คุ้มครองตัว ปรากฏมีศิษย์จอมซนสามคนซึ่งได้ตะกรุดไปคนละดอก ทดลองนำตะกรุดไปผูกกับไก่บ้านจำนวน ๓ ตัว แล้วยิงด้วยปืน .๓๘ ตัวละนัด ตัวละนัด เรียงเรื่อยมาจนครบทุกตัว
    ไม่ดังสักนัด
    ต่อเมื่อกระดกปากกระบอกขึ้นฟ้าแล้วเหนี่ยวไก เสียงปืนก็คำรามก้องทุ่ง เป็นเหตุให้สามหนุ่มหัวใจพองโตเกิดปีติอย่างยิ่งว่าได้ครอบครองของดีอย่างสุดยอดจากครูบาอาจารย์แล้ว จึงก้มกราบขอขมาแล้วอีกไม่นานก็มาเล่าถวายให้ท่านฟัง
    โดนเทศน์ไปหลายกัณฑ์
    เหตุนี้หลวงพ่อชมจึงเลิกทำตะกรุดโทนดอกใหญ่แต่หันมาทำตะกรุดดอกเล็ก ๆ แทน และเรียกว่า
    “ตะกรุดบริวาร”
    ตำราระบุว่าเมื่อจาร-ม้วนแล้วเสร็จ ต้องทำการเสกให้ถึงไตรมาสหนึ่งจึงใช้ได้ แต่เมื่อท่านเสกครบถ้วนตามตำรา ก็ยังมิได้แจกจ่ายออกไปเพราะยังไม่มีเหตุให้ต้องแจก กระทั่งคืนหนึ่งขณะที่ท่านกำลังนั่งภาวนาอยู่ในกุฏิ ท่านก็นิมิตเห็นชายชรารูปร่างสูงใหญ่ ใส่กางเกงจีนสีดำ ไม่สวมเสื้อแต่มีผ้าขาวม้าพาดบ่าเดินตรงเข้ามาหา มาถึงตัวหลวงพ่อแล้วก็ลงนั่งถามขึ้นว่า
    “ตะกรุดที่สร้างนั่นทำถูกต้องแล้ว และก็เสกจนใช้ได้แล้วทำไมยังไม่แจกจ่ายออกไปอีก”
    หลวงพ่อชมตอบว่า
    “อยากจะปลุกเสกต่อไปเรื่อย ๆ ก่อน”
    ชายชราลึกลับนิ่งไปครู่หนึ่ง ก็พูดขึ้นว่า
    “ใช้ได้แล้ว ไม่ต้องปลุกเสกอีกแล้ว วันนี้จะช่วยเสกซ้ำให้”
    จากนั้นชายร่างใหญ่ก็นั่งขัดสมาธิ ลงมือบริกรรมภาวนาพระคาถาที่ใช้เสกตะกรุด ไม่นานนัก หลวงพ่อก็เริ่มรู้สึกว่ากุฏิของท่านมีการสั่นเทือน.....และแรงขึ้น....แรงขึ้นทุกที ความสั่นไหวนั้นเกิดตามคำบริกรรมภาวนาของชายชราร่างใหญ่ ยิ่งร่างนั้นเร่งรัวคำบริกรรมมากขึ้นเท่าใด ความสั่นสะเทือนก็รุนแรงขึ้นเท่านั้น
    ครั้นหลวงพ่อกำหนดจิตดูที่ถาดใส่ตะกรุดตรงหน้าซึ่งคั่นอยู่ระหว่างท่านกับชายลึกลับ ก็เห็นถนัดตาว่าตะกรุดหลายร้อยดอกมีอาการสั่นไหวจนกระโดดเต้นไปมาอยู่ภายในถาดราวกับมีชีวิต เหตุการณ์นี้ทำให้ท่านรู้สึกตื่นเต้นระคนยินดีเป็นอย่างมาก ปรากฏการณ์ประหลาดนี้ดำเนินอยู่เป็นครู่ใหญ่ก็ค่อย ๆ สงบลง เมื่อท่านละความสนใจจากตะกรุดตรงหน้ามากำหนดดูที่ชายชรานิรนาม ก็ปรากฏว่าแกหายไปเสียแล้ว หลวงพ่อจึงค่อย ๆ ถอนจิตออกจากสมาธิ
    ครั้นลืมตาดูถาดตะกรุดตรงหน้าด้วยตาเนื้อ ท่านก็ต้องตกตะลึงเป็นยิ่งนัก เพราะตะกรุดในถาดที่เคยวางรวมกันเป็นหมวดหมู่ บัดนี้มีหลายสิบดอกที่ปาฏิหาริย์หล่นออกมากระจัดกระจายอยู่เต็มพื้นกุฏิ แสดงให้เป็นเด่นชัดว่า “นิมิต” ที่ปรากฏในจิตท่านเมื่อครู่มิใช่นิมิตลวง ชายชร

    เปิดดูไฟล์ 6277558

    …คนเฒ่าคนแก่แถวๆวัดบางเดื่อเล่าปาฏิหาริย์ของหลวงพ่อชมให้ฟัง ผู้เขียนจึงนำมาเล่าต่อ ดังนี้…

    …มีทหารกลุ่มหนึ่งเดินทางมาหาหลวงพ่อชมที่วัดบางเดื่อ(แต่งเครื่องแบบ) แต่ไม่เคยพบหลวงพ่อมาก่อน จึงไม่รู้ว่าท่านเป็นใครอยู่กุฏิไหน

    …ทหารพากันเดินดุ่ยๆเข้าไปในวัด แล้วก็พบเข้ากับพระภิกษุรูปหนึ่งกำลังกวาดลานวัดอยู่ ทหารบอกกับพระรูปนั้นไปว่าจะมาหา“หลวงพ่อชม” พระรูปนั้นตอบว่า“ข้านี่แหละ หลวงพ่อชม” ทหารที่มากัน๔-๕คนจึงยกมือขึ้นไหว้

    …ทหารคนที่ท่าทางเหมือนหัวหน้าพูดกับหลวงพ่อว่า“หลวงพ่อครับ พวกเรามีของมาถวาย” พูดเสร็จก็ส่งของให้หลวงพ่อทันที!…

    …ถึงตอนนี้“หลวงพ่อชม”ท่านรู้แล้วว่า “โดนเจ้าพวกทหารวัยคะนองลองของเข้าให้ เพราะของที่ว่าเป็นลูกระเบิดสังหาร รุ่นM-26”(ทหารเอาระเบิดมาหยอกหลวงพ่อ โดยไม่ได้ดึงสลักออกแต่อย่างใด คือแบบว่าหากเอาลูกระเบิดนี้ปาลงพื้น หรือขว้างใส่กำแพง ก็ไม่สามารถระเบิดได้ นี่เป็นการเล่นแบบพิเรนทร์ๆของพวกทหาร)…

    …กลับมาที่ฝ่ายทหารกันบ้าง พวกทหารอยากจะดูว่า“พระอาจารย์ที่เขาลือกันว่าเก่งนักหนา พอตกอยู่ในสถานการณ์คับขันแบบนี้ ท่านจะทำอย่างไร”(ตั้งใจมาลองของหลวงพ่อ)

    …ทหารบางนายคิดอย่างขำๆเลยเถิดไปว่า“หลวงพ่อคงตกใจจนขวัญหนีดีฟ่อ แล้วโยนระเบิดทิ้งไป ก่อนวิ่งหนีป่าราบ” บ้างก็คิดว่า“หลวงพ่อคงเขวี้ยงระเบิดไปไกลๆด้วยความหวาดกลัว” คือแบบว่าคิดกันไปต่างๆนาๆอย่างสนุกสนาน แต่ทหารกลุ่มนี้คิดผิด!…

    …พอ“หลวงพ่อชม”รับลูกระเบิดมาแล้ว ท่านก็ยิ้มให้แล้วพูดกับทหารกลุ่มนั้นว่า “รับแล้วนะ ทีนี้ข้าจะให้ของพวกเอ็งบ้าง” ว่าเสร็จท่านก็ปา“ระเบิด”ลงพื้นกลางวงทหาร และทั้งๆที่รู้ว่า”ระเบิดยังไม่ได้ถอดสลักออก อย่างไรก็ไม่ระเบิดแน่ๆ แต่ด้วยสัญชาตญาณทำให้ทหารกลุ่มนั้นแตกกระเจิงไปคนละทิศละทาง ทหารบางนายรีบวิ่งแล้วนอนราบเอามือกุมหัว ส่วนบางนายกระโดดพุ่งหลาวไปกับพื้นลูกรังข้างหน้าแล้วนอนทำตัวแบนราบให้ตกเป็นเป้าสะเก็ดระเบิดน้อยที่สุด สรุปว่าทหารทุกนายทำตามยุทธวิธีที่เล่าเรียนมา”(การณ์กลับตาลปัตร ทหารว่าจะมาลองดีกับหลวงพ่อ แต่กลับโดนหลวงพ่อย้อนศรเข้าให้)

    …“พอลูกระเบิดกระทบพื้น ระเบิดก็ทำงานทันที แต่แทนที่ระเบิดจะส่งเสียงดังสนั่นหวั่นไหว แล้วแตกออกเป็นเสี่ยงๆ(ส่งสะเก็ดระเบิดออกมา) ระเบิดกลับมีเสียงดัง“ฟู้ด” แล้วก็มีฝุ่นขี้เถ้าแตกกระจายกลายเป็นผุยผง ฟุ้งกระจายไปถ้วนทั่ว”(ระเบิดไม่ได้แตก เพียงแต่ดินระเบิดเกิดฟู่ขึ้นมาเฉยๆ) และโดยที่ไม่ต้องพูดอะไรให้มากความ พอทหารเห็นปาฏิหาริย์ของหลวงพ่อชมกันแบบจะจะคาตาเช่นนั้น ต่างก็พากันคลานเข่าเข้ามาหาหลวงพ่อแล้วหมอบกราบแทบเท้าน้ำหูน้ำตาไหล จากนั้นได้กราบขมาลาโทษและเอ่ยปากขอน้อมกายถวายตัวเป็นลูกศิษย์ท่าน หลวงพ่อชมพูดอย่างเมตตาว่า“ไม่เป็นไร พวกเจ้าอยากเห็นก็เลยแสดงให้ดู” นับจากนั้นเป็นต้นมาทหารกลุ่มนี้ได้กลายเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญที่คอยช่วยเหลืองานหลวงพ่ออย่างเต็มกำลังความสามารถ

    …ว่ากันว่า“ทหารเหล่านี้เป็นทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์” เรื่องก็เป็นเช่นนี้แล…

    Cr.น้าเอก.
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มารูปภาพเวปไซท์นิตยสารอย่างสูงครับ
    ลองอ่านประวัติท่านดุก่อนครับ ศิษย์สายวัดพระญาติ วัดสะแก อีกท่าน เหรียญยุคเก่า สวยเดิมๆ จะ50 ปีแล้ว
    เหรียญขวัญถุงโภคทรัพย์หลวงพ่อชม ให้บูชา 150 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)
    IMG_20231227_143943.jpg IMG_20231227_144009.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มกราคม 2024
  10. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,778
    ค่าพลัง:
    +21,343


    รูปถ่ายติดจีวรหลังพระยอดธงหลวงพ่อชำนาญวัดบางกุฎีทอง นำมาเลี่ยมรวมกันพิธีในงานเป่ายันต์พรหมสี่หน้าครั้งที่ 13 ปัจจุบันท่าน ย้ายมาปกครอง วัดชิน
    ให้บูชา 200 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)
    IMG_20231227_145300.jpg IMG_20231227_145325.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 ธันวาคม 2023
  11. shaj

    shaj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    7,979
    ค่าพลัง:
    +6,888
    ขอจองครับ
     
  12. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,778
    ค่าพลัง:
    +21,343
    เหรียญวิญญาณรักดอกประดู่ ข้อมูลของวัตถุมงคลนี้เป็นที่ทราบในหมู่ศิษย์มานานแล้ว เดิมทีเหรียญรุ่นนี้จัดสร้างขึ้นในราวปี พ.ศ. ๒๕๐๔ เพื่อหาแจกเป็นที่ระลึกแก่ผู้ร่วมบริจาคช่วยครอบครัวทหารเรือที่ขาดแคลน เหรียญส่วนหนึ่งแจกแก่ทหารเรือเพื่อสร้างขวัญกำลังใจ ปลุกเสกอธิษฐานโดยพระคณาจารย์ในสมัยนั้น เช่น หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี, หลวงพ่อทองอยู่ วัดใหม่หนองพะอง, หลวงพ่อสุด วัดกาหลง ฯลฯ เหรียญรุ่นนี้สร้างจำนวนมาก เมื่อแจกแล้วยังคงมีเหรียญที่ตกค้างอยู่เป็นจำนวนมาก
    ต่อมาเมื่อมีการสร้างภาพยนต์เรื่อง #วิญญาณรักดอกประดู่ ผู้สร้างจึงมีความคิดเห็นว่าควรนำเหรียญดังกล่าวมาแจกสมนาคุณแก่ผู้เข้าชมภาพยนต์ โดยรายได้ส่วนหนึ่งจากการจำหน่ายตั๋วมอบให้กองทัพเรือ สมัยนั้น
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    เหรียญกรมหลวงชุมพรหลังหลวงปู่ศุข
    สภาพไม่สวยผ่านการแขวนมาแล้ว
    ให้บูชา บาทค่าจ้างส่งด่วน
    30 บาท
    ครับ
    (ปิดรายการ)
    IMG_20231227_164341.jpg IMG_20231227_164312.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มกราคม 2024
  13. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,778
    ค่าพลัง:
    +21,343


    พระปิดตาผงดำรุ่นนี้ เป็นรุ่นแรกและรุ่นเดียวของหลวงพ่อ สร้างโดยวิธีลบถมผงทางโภคทรัพย์ของตำหรับมอญ ด้านหลังประทับตราดอกจัน ซึ่งทางมอญถือว่าเป็นสัญลักษณ์ด้านโภคทรัพย์ พระปิดตานี้ แม้เป็นพระเล็ก แต่ก็แรงด้านพุทธคุณ เป็นอย่างมาก ไปไหน มาไหนไม่อดอยาก เป็นเมตตา มหานิยม และโชคลาภ ค้าขาย เมื่อก่อน หลวงพ่อแจก หรือให้เช่าที่วัด ไม่มีกล่องและพระมีมาก เวลาท่านให้ใคร ท่านจะบอกว่า เอาไปเถอะ ดี เมื่อมาทำกล่องจึงเรียกว่า พระปิดตารุ่นตั้งตัว และพระปิดตาพญาเศรษฐี ในเวลาต่อมา ปัจจุบันแม้ราคายังไม่แพงมากนัก แต่ก็หาของไม่ได้ง่าย ๆ เหมือนแต่ก่อนแล้ว พระปิดตาลืมตาอ้าปาก หลวงชำนาญ วัดกุฎีทอง ทำด้วยผงที่มีพุทธทางโชคลาภ มากมายหลากหลาย ชนิด มีมากเกินกว่า 108 ชนิด หลวงพ่อได้ตั้งใจทำเป็น พิเศษ ใช้เวลาปลุกเสก 5 ปีเต็มครับ
    พระปิดตาผงดำรุ่นนี้ เป็นรุ่นแรกและรุ่นเดียวของหลวงพ่อ
    สร้างโดยวิธีลบถมผงทางโภคทรัพย์ของตำหรับมอญ
    และผงที่มีพุทธทางโชคลาภ มากกว่า 108 ชนิด
    ด้านหลังประทับตราดอกจัน
    ซึ่งทางมอญถือว่าเป็นสัญลักษณ์ด้านโภคทรัพย์
    หลวงพ่อตั้งใจทำเป็นพิเศษ ใช้เวลาปลุกเสกนานกว่า 5 ปี
    แล้วจึงนำมาแช่น้ำมนต์เสกอีก 108 วัน
    พุทธคุณสุดยอดเมตตา มหานิยม และโชคลาภ ค้าขาย
    ตอนออกจากวัด 500 บาทให้ทำบุญ เคยเล่าหากัน ไปราคาถึง8-900 บาท
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    องค์นี้ สภาพสวยเดิมๆครับ พร้อมกล่อง
    ให้บูชา 320 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)
    # ผม มีอีก 2 องค์นะครับ ถ้ามีท่านใดสนใจ บูชาเพิ่มเติมได้ครับ #
    IMG_20231228_165956.jpg IMG_20231228_170021.jpg IMG_20231228_165918.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ธันวาคม 2023
  14. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,778
    ค่าพลัง:
    +21,343
    images-201-jpg.jpg
    พระครูวิชัยบุญสาร นามเดิม บุญมี (เม็ด) นามสกุล จันทรสุวรรณ์ เกิดวันอังคารที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๔๔๙ ที่บ้านบึงกระจับ หมู่ที่ ๑๐๐ตำบลหนองแหน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา บิดาชื่อ เฉย มารดาชื่อ ชม นามสกุล จันทรสุวรรณ์ มีพี่น้องร่วมบิดามารดา รวม ๔ คนคือ ๑ นางเหลี่ยม ทัพมงคล ๒. นายล้วน จันทรสุวรรณ์ ๓. พระครูวิชัยบุญสาร (บุญมี หรือ เม็ด) ๔ นายหนู จันทรสุวรรณ์ ในวัยเด็กหลวงพ่อได้ศึกษาหาความรู้จนอ่านออกเขียนได้ เมื่ออายุครบเกณฑ์ได้เข้าอุปสมบท ที่วัดบึงกระจับในวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๔๖๙ พระสมุห์ก้อย วัดมหาเจดีย์ อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา เป็นพระอุปัชฌาย์ เมื่อบวชแล้วได้เริ่มการทำวัติปฏิบัติ ฝึกการเจริญสมาธิ ใช้จิตภาวนาและเรียนวิปัสสนากัมมัฎฐานได้ออกธุดงค์วัตรเพื่อเสาะแสวงหาอาจารย์และสถานที่อันสงบวิเวก
    จวบจนกระทั่งปี ๒๔๘๐ ได้รับอาราธนาให้มาเป็นเจ้าอาวาสวัดบึงกระจับ ซึ่งขณะนั้นจัดได้ว่าวัดกำลังอยู่ในช่วงต้องการผู้ดูแล เนื่องจากทรุดโทรมลงเป็นอย่างมาก เมื่อท่านได้เข้ามารับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดแล้ว ได้สร้างผลงานเอาไว้เป็นอันมาก
    เป็นพระดังแบบเงียบๆไม่มีนักเล่นพระมาเชียร์ เพราะวัตถุมงคลของท่านสร้างน้อยมีไม่กี่สิบรุ่น ไม่มีนายทุนที่เป็นพุทธพาณิชย์มาจัดสร้างพระของท่าน หลวงพ่อเม็ด หรือ หลวงพ่อบุญมี ถ้าท่านเป็นพระไม่ดีจริง เชื่อว่า หลวงพ่อจำเนียร วัดถ้ำเสือ หลวงพ่อฟู วัดบางสมัคร คงไม่ฝากตัวเป็นลูกศิษย์ท่านแน่ โดยเฉพาะหลวงพ่อจำเนียร ไปที่วัดนี้บ่อยมากเพื่อขอเรียนวิชา ในสมัยที่ท่านมีชีวิต หลวงพ่อเม็ด ก็มักจะได้รับนิมนต์ให้ไปร่วมปลุกเสกพระเครื่องตามวัดต่างๆโดยเฉพาะในเขตตะวันออก เช่น พิธีปลุกเสกพระกริ่งพุทธวิชิตมาก ของวัดท่าเกวียน ปี ๒๕๑๔ พิธีปลุกเสกเหรียญนวมหาราชปี๒๕๓๐ เป็นต้น

    สำหรับวิชาลูกอมนี้ นอกจากจะมีพุทธคุณทางคงกระพันแคล้วคลาดกันเขี้ยวงาแล้ว อาถรรพ์ในป่าลึกหรือสถานที่มีวิญญาณมาก ยัง กันพรายน้ำ และ กันสิ่งแปลกปลอมอาถรรพ์ที่ปะปนมากับสายน้ำด้วยการทำวิชาทำคุณไม่ได้ทำกันมาตามอากาศทางเดียว ใครที่ว่าแน่ๆเสร็จทางน้ำกับพวกพรายและวิชาที่ทำมาทางน้ำทั้งนั้น เพราะเมื่อหมดสติก็จมน้ำ ขาดอากาศหายใจน้ำแค่คืบก็ตาย



    เรื่องพรายน้ำหลวงพ่อเม็ดดังมาก มีหนังสือพระรายเดือนหลายปีก่อนเขียนประวัติท่านไว้ด้วย ว่าท่านสามารถจับ พรายน้ำ ขึ้นมาได้ โดยนำสายสิญจน์มีดินเหนียวเป็นลูกตุ้มหย่อนลงน้ำ ท่านอยู่บนแพแล้วลากแพไปเรื่อยๆ จนกระทั่งสายสิญจน์ มีอาการเหมือนปลาติดเบ็ด เมื่อดึงขึ้นมาปรากฏ มีสิ่งมีชีวิตตัวใสเหมือนแมงกะพรุน หน้าตาเหมือนเด็กเหี่ยวๆมีฟันแหลม ดิ้นไปมาปรากฏพ่อเด็กที่ถูกพรายน้ำตัวนั้นเล่นงานตรงเข้ามากระทืบเละคาเท้าเลย อาการเมื่อโดนพรายน้ำทำร้ายคือ ขาจะชาไม่มีแรงจมน้ำเข้าใจว่าพรายน้ำพวกนี้จะดูดเลือดเป็นอาหาร เพราะใครจมน้ำเสียชีวิตถ้าไม่นานตัวจะไม่ซีดมาก แต่ถ้าโดนพรายน้ำเล่นงานว่ากันว่าเลือดไม่รู้ไปไหนหมดไม่มีเอาเสียเลย ตัวจะซีดและเขียวมากทั้งที่จมน้ำไปไม่เกิน ช.ม. (ใช้วิจารณญาณในการอ่าน) สาเหตุที่ท่านเชี่ยวชาญวิชานี้เป็นพิเศษ เพราะหลังวัดท่านเป็นบึงชื่อ บึงกระจับ

    วันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๓๕ ตรงกับวันขึ้น ๗ ค่ำเวลา ๒๒.๒๐ น. ท่านได้มรณะภาพลง สิริอายุรวมได้ ๘๗ ปี พรรษานับได้ ๖๗
    ที่มา : ศรัทธา หลวงพ่อเม็ด (บุญมี) วัดบึงกระจับ / g-pra.com
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    พระสมเด็จหลวงพ่อเม็ดวัดบึงกระจับรุ่นแรก ให้บูชา
    300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20231228_174449.jpg IMG_20231228_174511.jpg IMG_20231228_174410.jpg
     
  15. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,778
    ค่าพลัง:
    +21,343
    1703761992222.jpg
    หลวงปู่โง่น โสรโย วัดพระพุทธบาทเขารวก อำเภอตะพานหิน จังหวัดพิจิตร นับได้ว่าเป็นพระที่ทรงอภิญญารูปหนึ่งและเป็นพระนักพัฒนาที่ทำคุณประโยชน์แก่พุทธศาสนามากมาย ท่านสามารถสื่อจิตวิญญาณติดต่อกับภพภูมิอื่นๆได้ และที่ประหลาดใจแม้ว่าหลวงปู่โง่น จะมีอายุสังขารกว่า 90ปี แต่สภาพร่างกายของท่านยังดูแข็งแรงและดูเหมือนคนอายุไม่เกิน 60 ปี พวกชาวบ้านบางคนเห็นหลวงปุ่โง่น ตั้งแต่ตัวเองยังเป็นเด็กจนกระทั่งเข้าวัยชรา บางคนบอกว่าหน้าตาหลวงปู่โง่น ไม่เคยเปลี่ยนจากเดิม นอกจากนี้หลวงปู่โง่น ยังมีความสามารถพิเศษอีกอย่างหนึ่งคือสามารถพูดได้ถึง 7 ภาษาเช่นอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน เป็นต้น หลวงปู่โง่น เกิดเมื่อวันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ.2447 ที่บนแพกลางลำน้ำปิง บิดาเป็นหัวหน้าล่องแพไม้ซุง มารดาเป็นชาวลำพูน เมื่ออายุได้ประมาณ 10 ปี ซาโต้โมมอง เลขานุการข้าหลวงใหญ่ชาวฝรั่งเศสประจำอินโดจีน รับตัวเป็นบุตรบุญธรรม และได้ศึกษาที่ต่างประเทศจนจบปริญญาเอก ณ มหาวิทยาลัยในเยอรมัน สามารถพูดได้ถึง 7 ภาษา เดิมนับถือศาสนาคริสต์ น่าจะเป็นเพราะบุญกุศลในอดีตจึงดลบันดาลให้ท่านเกิดความเลื่อมใสในพุทธศาสนา ได้อุปสมบทเมื่อ พ.ศ.2482 ณ วัดศรีเทพประดิษฐาราม จังหวัดนครพนม โดยมีท่านเจ้าคุณสารภาณมุนี เจ้าคณะจังหวัดนครพนมเป็นพระอุปัชฌาย์ มี พระมหาพรหมมา เป็นพระกรรมวาจาจารย์ หลวงปู่โง่น ท่านเป็นผู้มีสติปัญญาดีและใฝ่เรียนรู้ ได้ศึกษาทั้งทางปริยัติและปฏิบัติ ท่านสอบได้นักธรรมเอกในปี 2487 และได้ธุดงค์เพื่อฝึกฝนด้านจิตใจอยู่ตามป่าเขาทั่วประเทศเป็นเวลาหลายปี เช่น ถ้ำเชียงดาว อำเภอเชียงดาว ถ้ำตับเต่า อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ แล้วล่องใต้ไปอยู่ถ้ำจัง อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง ถ้ำขวัญเมือง อำเภอสวี จังหวัดชุมพร แล้วมาถ้ำมะเกลือ เหมืองปิล็อก จังหวัดกาญจนบุรี จากนั้นขึ้นถ้ำฤๅษี (ถ้ำมหาสมบัติ) ถ้ำเรไร จังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นต้น ต่อมาท่านเจ้าคุณวิมลญาณเวที วัดมงคลทับคล้อ ซึ่งเป็นเครือญาติ ได้ขอให้มาสร้างฌาปนสถานและบูรณะศาลาการเปรียญวัด มงคลทับคล้อ พอเสร็จเรียบร้อยท่านร้องขอให้มาช่วยเหลือ ประจำอยู่วัดพระพุทธบาทเขารวก เมื่อปี พ.ศ. 2507 ท่านอยู่ที่วัดนี้ตราบจนกระทั่งมรณภาพ วันอาทิตย์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2542 สิริอายุรวม 95 ปี รวม 64 พรรษา สำหรับสหธรรมิกของหลวงปู่โง่น เท่าที่ทราบมีหลวงปู่ดู่ วัดสะแก หลวงปู่บุดดา วัดกลางชูศรี และหลวงพ่อคง วัดเขาสมโภชน์ เป็นต้น ส่วนศิษย์เอกหลวงปู่โง่น ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดตอนนี้น่าจะเป็นครูบาบุญชุ่ม
    ท้าวเวสสุวรรณ พระพุทธเอกนพรัตน์ 12นักษัตร
    หลวงปู่โง่น โสรโย วัดพระพุทธบาทเขารวก
    ปลุกเสกเป็นรุ่นสุดท้าย ปี๒๕๓๘
    ออกวัดป่าสิริวัฒนวิสุทธิ์ จ.นครสวรรค์
    พระพุทธเอกนพรัตน์ ประดิษฐานอยู่ ณ บริเวณหัวเรือราชญาณฑีฆายุมงคล ซึ่งสร้างขึ้นในมหามงคลสมัยที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี เป็นปีกาญจนาภิเษก พระเทพโมลี ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มสร้างวัดป่าสิริวัฒนวิสุทธิ์ ได้คิดรวบควมพระพุทธจริยาปางต่างๆ ที่ประจำวันของเทพนพเคราะห์ทั้ง9พระองค์ มี อาทิตยเทพ จันทรเทพ เป็นต้น...
    พระ12นักษัตรที่รายรอบ พระพุทธเเละท้าวเวสสุวรรณ เปรียบเสมือนการฝากดวงชะตาไว้ที่พระ
    ทำเนียบท้าวเวสสุวรรณ หลวงปู่โง่น โสรโย
    ท้าวเวสสุวรรณ หลวงปู่โง่น จัดสร้างตามปีดังนี้...
    1.) ท้าวเวสสุวรรณปี14 ออกที่วัดมิ่งเมือง /ศาลหลักเมืองน่าน เสกพร้อมหลวงพ่อวัดดอนตัน ครูบาก๋ง. เเละเกจิสมัยนั้น ติดอันดับท้าวเวสเมืองเหนือยอดนิยมมาหลายสิบปี
    2.) ท้าวเวสสุวรรณเนื้อดิน วัดโมฬี(หลวงพ่อโม้) จ.กำเเพงเพชร ปี2525
    3.) ท้าวเวสสุวรรณปี2535 วัดพระพุทธบาทเขารวก จ.พิจิตร ปีนั้นสวดภาณยักษ์ที่วัดเขารวกอย่างยิ่งใหญ่ บางคนหลงว่าเป็นปี14 มี2พิมย์
    3.1 )พิมย์ใหญ่หน้ายักษ์
    3.2 )พิมย์เล็กหน้าเทวดา
    4.) ท้าวเวสสุวรรณเนื้อผง วัดป่าสิริวัฒนวิสุทธิ์ จ.นครสวรรค์ ปี2538 สร้างเป็นท้าวเวสด้านนึงอีกด้านเป็นพระพุทธเอกนพรัตน์ หรือเป็นอย่างใดอย่างนึงทั้งสองด้าน
    5.) ท่านท้าวเวสสุวรรณ เนื้อดินผสมผง วัดพระพุทธบาทเขารวก ปี2541-2542 ลักษณะเป็นการนำท่านท้าวเวสสุวรรณปี2535พิมย์เล็ก พิมย์ใหญ่มารวมกัน คือขนาดเท่าพิมย์ใหญ่ เเต่ด้านหน้าคล้ายพิมย์เล็กหน้าเทวดา่
    ราชาเเห่งทรัพย์จ้าวเเห่งภูติผีนายเเห่งยักษ์ทั้งปวง
    ยักษ์ผู้มีเมตตา
    1703761981612.jpg 1703761988840.jpg
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระพุทธรูปพระประจำวัน หลัง ท้าวเวสสุวรรณ หลวงปู่โง่นปลุกเสกอธิษฐานจิตให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20231228_184114.jpg IMG_20231228_184052.jpg IMG_20231228_184137.jpg
     
  16. พื้นทราย

    พื้นทราย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2015
    โพสต์:
    763
    ค่าพลัง:
    +640
    ขอจองครับ
     
  17. ทองทวี

    ทองทวี “นะโม วิมุตตานัง นะโม วิมุตติยา" สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    615
    ค่าพลัง:
    +1,774
    จอง
     
  18. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,778
    ค่าพลัง:
    +21,343
    รับทราบครับ ขอบคุณครับ

    รับทราบครับ ขอบคุณครับ
     
  19. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,778
    ค่าพลัง:
    +21,343


    พระปิดตาผงดำรุ่นนี้ เป็นรุ่นแรกและรุ่นเดียวของหลวงพ่อ สร้างโดยวิธีลบถมผงทางโภคทรัพย์ของตำหรับมอญ ด้านหลังประทับตราดอกจัน ซึ่งทางมอญถือว่าเป็นสัญลักษณ์ด้านโภคทรัพย์ พระปิดตานี้ แม้เป็นพระเล็ก แต่ก็แรงด้านพุทธคุณ เป็นอย่างมาก ไปไหน มาไหนไม่อดอยาก เป็นเมตตา มหานิยม และโชคลาภ ค้าขาย เมื่อก่อน หลวงพ่อแจก หรือให้เช่าที่วัด ไม่มีกล่องและพระมีมาก เวลาท่านให้ใคร ท่านจะบอกว่า เอาไปเถอะ ดี เมื่อมาทำกล่องจึงเรียกว่า พระปิดตารุ่นตั้งตัว และพระปิดตาพญาเศรษฐี ในเวลาต่อมา ปัจจุบันแม้ราคายังไม่แพงมากนัก แต่ก็หาของไม่ได้ง่าย ๆ เหมือนแต่ก่อนแล้ว พระปิดตาลืมตาอ้าปาก หลวงชำนาญ วัดกุฎีทอง ทำด้วยผงที่มีพุทธทางโชคลาภ มากมายหลากหลาย ชนิด มีมากเกินกว่า 108 ชนิด หลวงพ่อได้ตั้งใจทำเป็น พิเศษ ใช้เวลาปลุกเสก 5 ปีเต็มครับ
    พระปิดตาผงดำรุ่นนี้ เป็นรุ่นแรกและรุ่นเดียวของหลวงพ่อ
    สร้างโดยวิธีลบถมผงทางโภคทรัพย์ของตำหรับมอญ
    และผงที่มีพุทธทางโชคลาภ มากกว่า 108 ชนิด
    ด้านหลังประทับตราดอกจัน
    ซึ่งทางมอญถือว่าเป็นสัญลักษณ์ด้านโภคทรัพย์
    หลวงพ่อตั้งใจทำเป็นพิเศษ ใช้เวลาปลุกเสกนานกว่า 5 ปี
    แล้วจึงนำมาแช่น้ำมนต์เสกอีก 108 วัน
    พุทธคุณสุดยอดเมตตา มหานิยม และโชคลาภ ค้าขาย
    ตอนออกจากวัด 500 บาทให้ทำบุญ เคยเล่าหากัน ไปราคาถึง8-900 บาท

    อขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    องค์นี้ สภาพสวยเดิมๆครับ พร้อมกล่อง
    ให้บูชา 320 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)
    องค์ที่ ๒
    IMG_20231229_055014.jpg IMG_20231229_055036.jpg IMG_20231229_054936.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 ธันวาคม 2023
  20. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,778
    ค่าพลัง:
    +21,343
    6209d.jpg
    พิธีจักรพรรดิ์ 20 มกราคม พ.ศ.2515 จัดขึ้น ณ วิหารพระพุทธชินราช วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ วรมหาวิหาร (วัดใหญ่) จังหวัดพิษณุโลก (pra.kruchamp.com)
    เจ้าพิธี พระอาจารย์ผ่อง จินดา วัดจักรวรรดิราชาวาส กรุงเทพมหานคร และ อาจารย์เทพย์ สาริกบุตร
    ประธานฝ่ายสงฆ์ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (พิมพ์ ธมฺมธโร) ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (ปุ่น ปุณฺณสิริมหาเถร) เป็นประธานจุดเทียนชัย
    ประธานฝ่ายฆราวาส ศาสตราจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ นายกพุทธสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นประธานในพิธีจุดเทียนบูชาพระรัตนตรัย
    ประธานฝ่ายสงฆ์ดับเทียนชัย พระพิษณุบุราจารย์ เจ้าอาวาสวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ วรมหาวิหาร พิษณุโลก
    ประธานบริกรรมปลุกเสก พระครูศรีพรหมโสภิต (หลวงพ่อแพ) วัดพิกุลทอง จ.สิงห์บุรี
    6209a.jpg

    พิธีจักรพรรดิ์ ปี 2515
    พระคณาจารย์นั่งปรกปลุกเสก 109 รูป ดังรายนามด้านล่างนี้
    พระครูวิริยะโสภิต (หลวงพ่อทอง) วัดพระปรางค์ จ.สิงห์บุรี
    พระราชธรรมมาภรณ์ (หลวงพ่อเงิน) วัดดอนยายหอม จ.นครปฐม
    พระครูจันทรโสภณ (หลวงพ่อนาค) วัดทัศนารุณสุนทริการาม กรุงเทพ
    พระครูญาณวิลาศ (หลวงพ่อแดง) วัดเขาบันไดอิฐ จ.เพชรบุรี
    พระครูภาวนาณุโยค (หลวงพ่อหอม) วัดชากหมาก จ.ระยอง
    หลวงพ่อสุข วัดโพธิ์ทรายทอง จ.บุรีรัมย์
    พระครูวิจิตนชัยการ (หลวงพ่อสด) วัดหางน้ำสาคร จ.ชัยนาท
    พระครูนนทกิจวิมล (หลวงพ่อชื่น) วัดตำหนักเหนือ จ.นนทบุรี
    พระครูประดิษฐ์นวการ (หลวงพ่อบุญ) วัดวังมะนาว จ.ราชบุรี
    พระครูสุตาธิการี (หลวงพ่ออยู่) วัดใหม่หนองพะองค์ จ.สมุทรสาคร
    พระครูธรรมสาคร (หลวงพ่อกรับ) วัดโกรกกราก จ.สมุทรสาคร
    พระครูปัญญาโชติ (หลวงพ่อเจริญ) วัดทองนพคุณ จ.เพชรบุรี
    พระครูประสาทวรคุณ (หลวงพ่อพริ้ง) วัดโบสถ์โก่งธนู จ.ลพบุรี
    หลวงพ่อชื่น วัดคุ้งท่าเลา จ.ลพบุรี
    พระครูสนิทวิทยการ วัดท่าโขลง จ.ลพบุรี
    พระครูปิยธรรมภูสิต (หลวงพ่อคำ) วัดบำรุงธรรม จ.สระบุรี
    พระครูกิตพิจารณ์ (หลวงพ่อผัน) วัดราษฎร์เจริญ จ.สระบุรี
    พระครูพุทธฉายาภิบาล วัดพระพุทธฉาย จ.สระบุรี
    พระครูสุวรรณวุฒาจารย์ (หลวงพ่อมุ่ย) วัดดอนไร่ จ.สุพรรณบุรี
    พระวินัยรักขิตาวันมุนี (หลวงพ่อถิร) วัดป่าเลไลย์ จ.สุพรรณบุรี
    พระวิบูลเมธาจารย์ (หลวงพ่อเก็บ) วัดดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี
    พระครูอภัยภาดาทร (หลวงพ่อขอม) วัดไผ่โรงวัว จ.สุพรรณบุรี
    พระครูกิตตินนทคุณ (หลวงพ่อกี๋) วัดหูช้าง จ.นนทบุรี
    พระอาจารย์สมภพ เตชปุญโญ วัดสาลีโข จ.นนทบุรี
    พระครูประกาศสมาธิคุณ (หลวงพ่อสังเวียน) วัดมหาธาตุฯ กรุงเทพ
    พระเทพเจติยาจารย์ (อาจารย์วิริยัง) วัดธรรมมงคล กรุงเทพ
    พระเทพโสภณ (สมเด็จพระมหาธีราจารย์) (นิยม) วัดชนะสงคราม กรุงเทพ
    หลวงพ่อเต๋ คงทอง วัดสามง่าม จ.นครปฐม
    พระครูสาธุกิจวิมล (หลวงพ่อเล็ก) วัดหนองดินแดง จ.นครปฐม
    พระวิสุทธิรังษี (หลวงพ่อเปลี่ยน) วัดชัยชุมพลฯ (วัดใต้) จ.กาญจนบุรี
    พระครูอุดมสิทธาจารย์ (หลวงพ่ออุตตมะ) วัดวังก์วิเวการาม จ.กาญจนบุรี
    พระครูจันทสโรภาส (หลวงพ่อเที่ยง) วัดม่วงชุม จ.กาญจนบุรี
    พระครูโกวิทสมุทรคุณ (หลวงพ่อเนื่อง) วัดจุฬามณี จ.สมุทรสงคราม
    พระครูศรีพรหมโสภิต (หลวงพ่อแพ) วัดพิกุลทอง จ.สิงห์บุรี
    พระอาจารย์ผ่อง (จินดา) วัดจักรวรรดิราชาวาส กรุงเทพ
    พระครูศรีปริยัตยานุรักษ์ (ครูบาใฝ) วัดพันอ้น จ.เชียงใหม่
    พระครูวิรุฬห์ธรรมโกวิทย์ (ครูบาสิงห์คำ) วัดเจดีย์สถาน จ.เชียงใหม่
    พระครูมงคลคุณาธร วัดหม้อคำตวง จ.เชียงใหม่
    หลวงพ่อบุญมี วัดท่าสต๋อย จ.เชียงใหม่
    หลวงพ่อแสน วัดท่าแหน จ.ลำปาง
    หลวงพ่อเมือง วัดท่าแหน จ.ลำปาง
    พระครูสุเวทกิตติคุณ (หลวงพ่อบุญชุบ) วัดเกาะวาลุการาม จ.ลำปาง
    หลวงพ่อเกษม สุสานไตรลักษณ์ จ.ลำปาง
    หลวงพ่อบุญสม วัดหัวข่วง จ.ลำปาง
    พระวิบูลวชิรธรรม (เจริญ) วัดท่าพุทรา (วัดคฤหบดีสงฆ์) จ.กำแพงเพชร
    หลวงพ่อจ้อย วัดศรีอุทุมพร จ.นครสวรรค์
    หลวงพ่อพรหม ถาวโร วัดช่องแค จ.นครสวรรค์
    พระครูนิสัยจริยคุณ (หลวงพ่อโอด) วัดจันเสน จ.นครสวรรค์
    พระครูไพโรจน์อรัญญคุณ (หลวงพ่อคัด) วัดท่าโบสถ์ จ.ชัยนาท
    หลวงพ่อกวย ชุตินฺธโร วัดโฆษิตาราม จ.ชัยนาท
    พระครูสุจิตตานุรักษ์ (หลวงพ่อจวน) วัดหนองสุ่ม จ.สิงห์บุรี
    พระครูสุวรรณสุตาคม (หลวงพ่อดวง) วัดทอง จ.สิงห์บุรี
    พระครูอาทรสิกขการ (หลวงพ่อโต๊ะ) วัดสระเกศไชโย จ.อ่างทอง
    พระครูสันทัศธรรมคุณ (หลวงพ่อออด) วัดบ้านช้าง จ.อยุธยา
    พระครูประภาสธรรมคุณ (หลวงพ่อแจ่ม) วัดวังแดงเหนือ จ.อยุธยา
    พระครูประสาทวิทยาคม (หลวงพ่อนอ) วัดกลางท่าเรือ จ.อยุธยา
    พระครูพิพิธวิหารการ (หลวงพ่อเทียม) วัดกษัตราธิราช จ.อยุธยา
    พระครูสาธรพัฒนกิจ (หลวงพ่อลมูล) วัดเสด็จ จ.ปทุมธานี
    พระครูวิเศษมงคลกิจ (หลวงพ่อมิ่ง) วัดกก กรุงเทพ
    พระครูอนุกูลวิทยา (หลวงพ่อเส็ง) วัดน้อยนางหงส์ กรุงเทพ
    พระครูพิริยกิจติ (หลวงปู่โต๊ะ) วัดประดู่ฉิมพลี กรุงเทพ
    พระครูภาวณาภิรมย์ วัดปากน้ำภาษีเจริญ กรุงเทพ
    พระครูโสภณกัลป์ยานุวัฒน์ (หลวงพ่อเส่ง) วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร กรุงเทพ
    พระครูพินิจสมาจารย์ (หลวงพ่อโด่) วัดนามะตูม จ.ชลบุรี
    พระครูภาวนาภิรัต (หลวงปู่ทิม อิสริโก) วัดละหารไร่ จ.ระยอง
    พระครูวชิรรังสี วัดมฤคทายวัน จ.ประจวบคีรีขันธ์
    พระครูวชิรคุณาญาณ วัดในกลาง จ.ประจวบคีรีขันธ์
    พระครูสุทธาจารคุณ (หลวงพ่ออ่ำ อินฺทโชโต) วัดเกาะหลัก จ.ประจวบคีรีขันธ์
    พระครูอุดมศีลจารย์ (พ่อท่านเย็น) วัดโคกสะท้อน จ.พัทลุง
    พระครูพิศาลพัฒนกิจ (พ่อท่านพระครูปลัดบุญรอด) วัดประดู่พัฒนาราม จ.นครศรีธรรมราช
    พระอาจารย์นำ แก้วจันทร์ วัดดอนศาลา จ.พัทลุง
    พระครูพิพัฒน์สิริธร (หลวงพ่อคง สิริมโต) วัดบ้านสวน จ.พัทลุง
    หลวงพ่อสงฆ์ วัดเจ้าฟ้าศาลาลอย จ.ชุมพร
    หลวงพ่อผาง วัดอุดมคงคาคีรีเขต จ.ขอนแก่น
    หลวงปู่จันทร์ วัดสำราญ จ.อุบลราชธานี
    หลวงพ่ออ่อน วัดประชานิยม จ.กาฬสินธุ์
    หลวงพ่อครูบาวัง พรหมเสโน วัดบ้านเด่น จ.ตาก
    พระครูนันทิยคุณ (ครูบาตัน นนฺทิโย) วัดเชียงทอง จ.ตาก
    หลวงพ่อเกตุ สุวรรโณ วัดศรีเมือง จ.สุโขทัย
    พระครูสุวิชานวรวุฒิ (หลวงพ่อปี้) วัดบ้านด่านลานหอย จ.สุโขทัย
    พระครูคีรีมาสธรรมคุณ วัดวาลุการาม จ.สุโขทัย
    พระครูพิลาศธรรมคุณ (หลวงปู่โถม) วัดธรรมปัญญาราม จ.สุโขทัย
    พระครูไกรลาศสมานคุณ (หลวงพ่อย่น) วัดกงไกรลาศ จ.สุโขทัย
    พระอาจารย์พวง วัดสว่างอารมณ์วรวิหาร จ.สุโขทัย
    พระอาจารย์ฉลอง วัดสว่างอารมณ์วรวิหาร จ.สุโขทัย
    พระครูพินิจธรรมภาณ (สมจิตร) วัดวังแดง จ.พิจิตร
    พระครูพิมลธรรมานุศิษฐ์ (หลวงพ่อขวัญ) วัดบ้านไร่ จ.พิจิตร
    พระอาจารย์ชัย วัดกลาง จ.อุตรดิตถ์
    หลวงพ่อบุญ อุตตโม วัดน้ำใส จ.อุตรดิตถ์
    พระครูนวการโฆษิต (หลวงพ่อจันทร์) วัดหาดสองแคว จ.อุตรดิตถ์
    พระพิษณุบุราจารย์ (แพ พากุโล) วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.พิษณุโลก
    พระสมุห์ละมัย (พระวรญาณมุนี วัดอรัญญิก) หลวงตาละมัย วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.พิษณุโลก
    พระครูศีลสารสัมบัน (สำรวย สมฺปนฺโน) วัดสระแก้วปทุมทอง จ.พิษณุโลก
    พระครูอภัยจริยาภิรมณ์ วัดใหม่อภัยยาราม จ.พิษณุโลก
    พระครูวินัยธรสุเทพ วัดแสงดาว จ.พิษณุโลก
    พระอาจารย์ถนอม วัดนางพญา จ.พิษณุโลก
    พระครูประภาสธรรมมาภรณ์ (หลวงปู่แขก) วัดสุนทรประดิษฐ์ จ.พิษณุโลก
    พระครูศรีรัตนาภรณ์ (หลวงพ่อไช่) วัดศรีรัตนาราม จ.พิษณุโลก
    หลวงพ่อเปรื่อง วัดคูหาสวรรค์ จ.พิษณุโลก
    พระอาจารย์พิมพ์ วัดคูหาสวรรค์ จ.พิษณุโลก
    หลวงพ่อเฉลิม วัดโพธิญาณ จ.พิษณุโลก
    หลวงพ่อเปรื้อง วัดโพธิญาณ จ.พิษณุโลก
    พระอาจารย์ชุ่ม วัดกรมธรรม์ จ.พิษณุโลก
    พระอาจารย์โต วัดสมอแข จ.พิษณุโลก
    พระครูประพันธ์ (หลวงพ่อพัน) วัดบางสะพาน จ.พิษณุโลก
    พระครูวิจารณ์ศุภกิจ (อาจารย์ทองม้วน) วัดวังทอง จ.พิษณุโลก
    พระอาจารย์นวล วัดนิมิตธรรมาราม จ.พิษณุโลก
    พระอาจารย์ธงชัย วัดวชิรธรรมราชา จ.พิษณุโลก
    พระราชมุนี (โฮม) วัดสระปทุม กรุงเทพ
    พิธีจักรพรรดิ์ ปี 2515
    6209c.jpg 6209b.jpg

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มารูปภาพอย่างสูงครับ

    หลวงพ่อกวยเสกพิธียิ่งใหญ่เป็นทางการ อีกพิธี
    พระนางพญาพิธีจักรพรรดิ์พิษณุโลกแบบนี้นำมาแจกข้าราชการทำบุญในยุคหลังมีการแก้ไขวันที่ในกระดาษ ที่อยู่ในซอง ซึ่ง ปีที่แก้ไขไม่ทีการทำพิธีพุทธาภิเษก เสกพระในปีนั้น แบบนี้ซองพลาสติกใสติดโบว์เจ้าของเก่า อดีต ข้าราชการกรมทาง
    ให้บูชา
    800 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)
    IMG_20231229_055659.jpg IMG_20231229_055715.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 มกราคม 2024

แชร์หน้านี้

Loading...