เรื่องเด่น วิธีถอดกายทิพย์ที่คุณก็ทำได้

สวัสดีค่ะ ขออนุโมทนาและคารวะในความเพียรนะเจ้าคะ อ่านแล้วมีกำลังใจฮึกเหิมว่าตนเองนั้นยังเกียจคร้านนัก คงต้องปรารภความเพียรให้มากกว่านี้ จะน้อมนำไปปรับให้เข้ากับวิถีชีวิตเยี่ยงฆราวาสเจ้าค่ะ (ที่ยังมีทั้งลูกกวนตัวและสามีกวนใจ)

กราบขอบคุณจากใจที่สละเวลามาไขข้อข้องใจ

 

การถอดกายทิพย์..นั้น..บางที..ท่านตายไปแล้ว...แต่ชาวบ้าน..อาจเข้าใจผิดว่าท่าน..เพียงถอดกายทิพย์..
..
เรื่องนี้..เกิดที่หมู่บ้านไพรรถ...จ.ปราจีนบุรี..
..
เกิดแต่มีชายผู้ชอบปฏิบัติ..ในทางถอดกายทิพย์..ท่านหนึ่ง..ได้บอกภรรยา..
..ว่าภายในสัปดาห์นี้..จะขังตัวเองในห้อง...เพื่อทำวิชา..ถอดกายทิพย์..
..ห้ามมารบกวน..
..ภรรยา..ก็ไม่รบกวนจริงๆ..จนผ่านไปหนึ่งสัปดาห์...
..นั้น..คือเหตุการณ์..
การแจ้งเหตุ...แห่งการถอดกายทิพย์ครั้งแรก...
..
..แต่ครั้งที่ 2 นี้..ฝ่ายสามีมิได้แจ้ง..ว่าตนเอง..จะถอดกายทิพยฺออกท่องเที่ยว....เพียงแต่...ไปงานแต่งลูกสะไภ้...(เขาเล่าแบบนี้)
..
งานแต่งลูกสะไภ้...ทำให้คนฟังงง..(แต่ก็เกรงใจมิกล้าถามเยอะ)
เป็นไปได้อย่างไร...งานแต่งลูกสะไภ้.....
..
..พอกลับจากงานแต่ง...มานอนแล้วไม่ยอมตื่น....
จนผ่านไป 2 วัน..
..ก็ไม่มีการตั้งงานศพ...เพราะภรรยา...เข้าใจผิดคิดว่า..เป็นการถอดกายทิพย์..
เหมือนครั้งแรก..
....
..วันนี้...เกล้าฯจะมาเล่า..วิธีนำ..กายทิพย์...ไปใช้ประโยชน์...
คือถอดกายทิพย์อย่างมีสติ...

...แบบ..ไม่มีความเสี่ยง..
..ว่าถอดจิต..ไปแล้ว...
..จิตจะเข้าร่างไหม...
..
การถอดแบบนี้....พึ่งมีพึ่งเป็น..หลังจาก..ไปบวช..ครั้งที่2
ทำวิชาม้างกาย..
อยู่ 3 เดือน..
...การเดินจงกรม..ของเกล้าฯนั้น...
เดินเพื่อ...
ม้างกาย..พิจารณากาย..เป็นหลัก..การที่จะทำสมาธิ..มีน้อยมากๆ...ถ้าสมาธิจะเกิด..ก็เกิดขณะ..เดินจงกรม..นั้นแหละ..
.
.......การถอดจิต..ที่จะเล่านี้..คือการหลับตา...แล้วส่งจิต...ไปที่ใดที่หนึ่ง...
แต่ขณะที่เร่ามีสะติ...ทุกขณะ..
นั้น...เราได้เห็นกายเรา..
ไปปรากฎ...ในที่แห่งหนึ่ง...
...และทำหลาบสิ่งหลายอย่าง...
เหมือนเราดูวิดีโอเกมก์...
...การถอดจิตแบบนี้....เราจะเห็น..กายทิพย์เหล่าอื่น..ว่าเขาต้อนรับเราแบบไหน..
และ..ถ้าในเหตุที่เทวดาไม่ต้อนรับเรา..
เราก็มีวิธีสร้างบารมี...
ที่ให้เขายอมรับเราได้..
........
......ในการเล่าเรื่องลึกลับ....มิควรเล่าออกไปข้างนอก....ถ้าเขามิเห็นตาม..ธรรมจะเสีย....(บบรทัดนี้...เป็นคำกล่าว..ของหลวงปู่พระอาจารย์มั่น ภูริทัตเถระ)
...
..ในความเป็นจริง...เกล้าฯก็อยากถ่ายทอด...แต่เรื่องที่เล่า..มันเกินวิสัย
ของผู้ฟัง..ที่จะรับได้...
..
แต่ขอบอกว่า....การฝึกถอดกายทิพย์....ถ้ากายทิพย์นั้น...สามารถ..ไปที่ใดๆได้แล้ว..
....ให้ยุติ...การถอดกายทิพย์...ทุกอย่าง..เพราะกายทิพย์...ที่ไปนั้น..
ถอดไปอย่างไม่มี..สติ..จะรู้ภายหลัง..
ก็ต่อเมื่อ...
.....ได้ตื่นจากภวังค์....ซึ่งวิธีนี้...เป็นเบสิค.เท่านั้น..
..เมื่อท่าน
สำเร็จ...เบสิค..แล้ว..ให้ทิ้งท่าเบสิคนั้นเสีย...
..
ให้เปลี่ยน...มาเจริญสติปัฏฐานสูตร....อย่างเดียว
..
ให้รู้อยู่ที่กาย..เห็นกายในกายตนเองบ่อยๆ...เห็นอสุภะ..เห็นอสุพัง..
เห็นกายพัง..
จากกายธรรมดา...มีเนื้อหนังหลุดออก..
เริ่มเปลื่อยเน่า..
มองเห็นเอ็นเล็ก..เอ็นน้อย
..
เห็นในตาตัวเอง..หลุดออกจากเบ้าตา...มีนกจิกกิน...
เห็นฝูงหนอน..
หัวดำ..มาตะกุยตะกายไต่ยั่วเยื้ยะ..
ทั่วร่างกาย...
..
เนื้อที่เละอยู่แล้ว...ก็ย่อยเป็นน้ำสีดำ..ตัวนอนก็ละลาย..
..
เหลือแต่โครงกระดูกอันขาวโพลน...
สักพัก..
ได้แปรเปลี่ยนจาก..ขาวเป็นสีน้ำตาลคล่ำคร่า..
แล้วค่อยๆ..
ทรุดลงพื้น...
มีกระดูก...กนะจัดกระจาย...ไปทั่วภาคพื้น....
เป็นสภาพ..
อันน่าสลดสังเวช..
ในภพชาติ...
ว่าร่างกายอันสวยงาม..
ของเรานั้น..
เมื่อพ้นจากวัยหนุ่มสาวแล้ว..
สายตาก็ฝ่าฟาง..
มองเห็นเส้นเอ็นที่ร้อยรัด...
ถุงเน่า...
ที่เต็มไปด้วยนคร..แห่งกระดูก..กองคูด..กองมุต..
..มีอาการ 32
คือ..
เกสา.ผม..ที่ดูงามสง่า..แต่ทว่า.
ถ้าหากตกหล่นไปในอาหาร.สัก2-3 เส้น

เราจะกินลงไหมหนอ.
โลมา..ขน..ก็เช่นกัน..เมื่อวัยที่ล่วงไปย่อม..มีความแปรเปลี่ยน.
ไม่มีอะไรจีรังเที่ยงแท้..
.
เล็บที่เห็นว่าสวย..ก็เหมือนกัน..ย่อมมีความแปรเปลี่ยน..เพราะชราคร่ำครา.
แล้วก็เพ่งลงที่ทันตา
คือฟัน..ที่เห็นว่าสวย..ก็มิมีความเที่ยงแท้อะไร..เพราะมีอนิจจัง..คือความไม่เที่งแท้แตกหัก..ชำรุด..ทรุดโทรม..
..
แล้วก็พิจารณา..ที่ตโจ..หนัง..ที่ห่อหุ่ม...เพียงผิวเผิน...ที่เห็นว่าสวยล้วนแต่..อจีรัง..คือไม่มีความเที่ยงแท้แปรเปลี่ยนทุกขณะ...
..
....ที่กล่าวมา..เป็นพิจารณา.ปัญจกกัมมัฏฐาน...
ที่พระอุปปัชฌา..สอนให้พิจารณา..
ตอนอุปสมบท..
..
แต่ขั่นตอน..เกิดแต่การศึกษา..หลายๆอาจารย์..แล้วนำมาเขย่า..ๆ...
มาดื่มอาบ..
มาเป็นฉบับของตัวเอง..
..
ส่วนในเรื่องการทำสติ...ก้าวยาวก้าวสั้น..คู้เข้าเหยียดออก...ก็ให้มีสติ..ตามดู
ตามรู้...

เมื่อทำเช่นเกล้าฯ..วันละ.5-6 ชั่วโมง 3 เดือน..
มิว่างเว้น..
ท่าน
ก็จะสามารถถอดจิต..ในระดับขั้นกว่า..
..คือมีสติกำกับ..ตามดูตามรู้..ทุกขณะ
สามารถกำหนดระยะเวลาไปกลับ...ได้
..ขอรับ

 

หายไปนานเลยคับอาจารย์ไม่เห็นมาอัพเดทเลยคับเป็นไงบ้างครับการสร้างบารมีก้าวหน้าดีไหมคับผมตอนนี้งานกำลังเข้าครับอ่วมเลย

 

ที่ไม่อับเดท....
...เพราะต้องใช้เวลาตรวจสอบ..ว่าจริง..หรือลวง...ตลอดไม่ทราบว่า...ตนเองมีความสามารถ...ทำได้..
เพราะเผยแพร่..ในสิ่งที่ตนไม่มีอยู่จริง...ก็จะเดือดร้อนใจ
ภายหลังครับ...
..ท่านอ่วม..เรื่องใดครับ?

 

อ่วมเรื่องสู้กับพลังงานความมืดและคุณไสยนี่ละครับโดนหนักยาวมาจนถึงตอนนี้ทำอะไรไม่ค่อยได้เลยคับสู้กันหนักมาก

 

อธิบายเพิ่มคำว่า..หลับตาก็..ถอดจิต..ไปนั้นเป็นการทำสมาธิ...ระดับหนึ่ง..นะขอรับ...
..ไม่ใช่แค่หลับตา..ก็เป็นไป...
...
แต่ถ้าหาก...ถอดกายทิพย์เพื่อไปเที่ยว..ไปสำรวจ
พระพุทธรูปที่ฝังไว้
หรือสถานที่ต่างๆ...
ในการเก็บรายละเอียดของภาพ... สถานที่
ก็ยังชื่นชอบการถอดกายทิพย์ไนแบบไม่มีสติมากกว่า....ขอรับ
......
ในสองแบบนี้...มีความตื่นเต้นแตกต่างกัน....ขอรับ

 

อยากเล่าประสบการณ์ตัวเองจังเลย+ แต่ไม่มีอะไรจะเล่าออกมา เพราะยังห่างไกลอีกนาน

 

บอกเล่าได้เลย...เพราะ.เกล้าฯเอง..ก็เริ่มเล่า..ด้วยความไม่รู้จริง...แต่ด้วยความอยากเผยแพร่...จึงเล่าไป..แบบกระท่อนกระแท่น..เหมือนคนเริ่มหัดดีดกีต้าร์...ย่อมไม่ไพเราะ..และรื่นไหลแต่อย่างใด...
....ถ้าจะกล่าว..ตามจริง..โพสน์แรกของเกล้าฯ...มันเป็นผลพลอยได้..จากการทำจิตจดจ่อ..หรือทำสมาธิ...จนเป็นเหตุ...ได้เห็น..การถอดกายทิพย์ของ..ตัวเองจึงจะควรกล่าว..มากกว่า..มาตั้งชื่อว่า....วิธีถอดกายทิพย์...
...แต่...
จากจุดเล็กๆนี้เอง...ตนเอง.จึงเกิดความเชื่อว่า..มนุษย์สามารถถอดจิต..ไปทุกหนทุกแห่งได้..ตามใจปรารถนา....

มีอยู่วันหนึ่ง...มีวันหนึ่ง..พ่อมืด ที่เกล้าฯ..รู้จัก..มาบอกว่า..มีวัดแห่งหนึ่ง..มีพระพุทธรูปถูกฝังใว้มานับแต่โบราณ.....อยู่ในเขตจังหวัดบึงกาฬนี้แหละ...พรุ่งนี้จะพาไปดูสถานที่.....เกล้ากระปมก็เลยตอบว่า...ไม่ต้องเดินทางไปดูหรอก...เดียวคืนนี้...ผมจะเข้าทางในไปดูเอง....
....การตอบของเกล้าฯ...พิจารณาแล้ว...ก็เป็นการคุยโวโอ้อวด...ไปยังงั้นแหละ....พอจะไปจริงๆ...
ก็งง...กับตัวเองเหมือนกัน...ค่อนข้างจะไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าตนเองจะทำได้...แต่ในเมื่อ...เคยมีหลักในทางจิตศาสตร์และหลักความน่าจะเป็น...
...ก็เลยทำดู...
..เริ่มพิธี...
สวดบูชาพระรัตนตรัย...
เป่าสัคเค..
..ให้สะเทือนทั้ง3 โลกธาตุ.....
...สวดงำงัม..สะเทือนเลือนลั่นไปทั้งบ้าน...
..สวดธรรมธาตุ....หรือธรรมจักรฯ...ที่เรียกว่าธรรมธาตุ...เพราะบทนี้..มีธาตุแห่งธรรมเจือปน...ที่จะทำให้คนหรือเทวดา..สำรอกกิเลสได้...
..แผ่เมตตาให้สถานที่...
..
แล้วตั้งจิตว่า..จะไปในสถานที่...ที่พ่อลุงมืดเล่า....
ว่าแล้ว...
ก็ทำจิตให้เป็นอุเบกขา....พอจิตวางเฉย..จิตก็เข้าสู่สมาธิ...โดยง่าย....
พอสำรวจสถานที่เสร็จสรรพ..
..
ก็มาเล่าให้พ่อมืดฟัง...ตอนเช้า..
ตลอดรูปลักษณ์ของพระพุทธรูปที่ฝังดิน...

พ่อมืดรับรอง...ว่าแน่ได้ไปวัดนั้นจริง....
ตัวเกล้าฯก็เลย..ขี้เกียจ..ไปสำรวจ..สถานที่จริง..

ทั้งที่ตำบลดังกล่าว..ห่าง..ไปทางทิศตะวันออกเฉียงไหน...คือเกล้าฯก็ไม่รู้อยู่ทิศไหนของตำบล...รู้แค่ว่าห่าง..บ้านเกล้าฯ..สัก..8 กิโล..หรือ4กิโล..เท่านั้น.

เมื่อล่วงปีผ่าน...พ่อมืดจึงพาสำรวจ...วัดดานโบราณ...หรือวัดดานอะไรก็กลัวคนใจบาปไปขุดพระ...ขอรับ..
ฝึกและบอกเล่าเลยท่าน..ขอเป็นหนึ่ง..กำลังใจขอรับ

 

.......สาธุๆๆ..ขอบุญกุศลอันใดที่เกล้าฯเคยสร้างมา..จงมาเป็นจตุรพรชัย..ทั้ง 4 ประการ...ให้ท่าน ทอนเงิน ..หายจากภยันตราย..ทั้งหลายทั้งปวงด้วยเทอญ...

...เรื่องคุณไสย์...มนต์ดำมนต์ขาว..ซึ่งมันขัดกับยุคสมัย..ยุค4G5G...เกล้าฯก็มิกล้าฯเอ่ย...ว่าคนที่ถูกคุณไสย์จะต้องแสดงอากัปกริยาเช่นใด....และลมพัดลมเพ..หละ..ตามจริง..เกล้าฯไม่ได้สนใจสิ่งเหล่านี้ยิ่งกว่าสนใจ..งานวิจัยและงานวิทยาศาสตร์หรือระบบนิเวศวิทยา..หรือโหราศาสตร์....แม้แต่งานทางด้านกฎหมาย..ก็ยังไม่ได้รับความทุ่มเทใส่ใจ..เท่างานของฤาษีดาบส...
แต่ก็เคยอ่านผ่านตา....เมื่อครั้งอดีต....มีโยมผู้หญิง...มาขอความช่วยเหลือจาก...หลวงพ่อปาน โสนันโท วัดบางนมโค อ.เสนา อยุธยา ด้วยเหตุ..เธอปวดตามเนื้อปวดตามตัวจะตายเอา...ต้องมาให้หลวงพ่อปาน รดน้ำมนต์...จนปรากฎเป็นมีดอีโต้...ด้ามเขื่อง...โผล่มาจากร่างของเธอ...(ตามหนังสือประวัติหลวงพ่อปาน)
หรือเมื่อครั้งเกล้ากระผม...บวชและไปปฏิบัติธรรมอยู่วัดดานลานหินแตก.(วัดดานลานธรรมวิสุทธิมงคล).....มีตอนพลบค่ำวันหนึ่ง...ขณะสวดมนต์..ได้..ปรากฎเทพบุตรผู้รูปงามสีแดงเพลิง....มาปรากฎที่ประตูกุฎี....อันธรรมดา...กำลังสาธยายมนต์...และนั่งหันหลังให้...กับอาคันตุกะ..ที่ไม่ได้รับเชิญ...แต่เนื่องจากสถานที่วิเวก...พลอยทำให้จิตวิเวก...พอจิต..วิเวก..ก็เกิดภาพ..หรือตาใน..ตาเทียม..ตาแปลกๆ....คือเห็นแบบแปลก...ไม่มองก็เห็น...น่าจะเรียกว่าตาหลัง....
.......ท่านเทวดา...ไม่เอ่ยถามพระหนุ่มแต่อย่างใด...พอมาถึง..ก็นั่งคุกเข่าท่าเทพพนม...คือพนมโดยเทพ..และร่ายคาถา...แต่..ในการมาของท่านเทพผู้นี้..มิได้ประสงค์ดี...หรืออาจจะประสงค์ดีก็ยังสงสัยอยู่....
คือพอเขาร่ายมนต์...ตัวของเกล้าฯเกิดร้อนรุ่ม...หายใจอึดอัด...กระวนกระวาย...
เห็นท่าไม่ดี...จึงรีบเปิด..คาถาพาหุง...สวดต้าน..อยู่ 2- 3 วรรค...ก็ยังร้อนอย่างไม่รู้จะถ่ายถอน....จึงเปลี่ยนคาถาใหม่..เปิดชินบัญชร...สวดต้าน กระแส..อบอ้าวเร่าร้อน...ก็ยังคงความร้อน...จนไม่รู้จะเอาความร้อนไปวางไว้ตรงไหน...
พระปภัสสโรภิกษุ(..ก็เกล้าฯนั้นแหละขอรับ)...เมื่อครั้งนั้น..จึงคิดว่าคาถาชินปัญชระคาถา..คงจะต้านไม่ไหวหรอก..ว่าแล้ว...จึงเปิดไชยน้อยคาถา...ที่มาจากจัมปาสักเมืองลาว.ที่ชาวลาว.หรือโบราณอีสาน...หรือพระสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต สวดเป็นประจำ...มาเอ่ย
พอเริ่ม นะโมเม พุทธเต.....ไปไม่กี่ประโยค...รู้สึกเหมือนใครเอาสายอ๊อคเจ๊นมาจ่อที่จมูก...คือหายใจโล่งขึ้น...ความอบอ้าวเร่าร้อนต่างๆได้อันตรธาน..ไปกับชายเทพยดา...ตัวสีแดง...ท่านเป็นพญามารไหม?.ยังคือคำถาม..ที่ค้างคาใจของเกล้าฯมาจนทุกวันนี้.....
เมื่อเห็นว่า...ตัวเองปลอดภัยดี..จากคาถาบทนี้...จึงมาฝึกท่อง..หลังสึก..จนจำได้และท่องจนคล่องแค่ลว
เนื่องจากคาถานี้..ค่อนข้างยาว....มีเพื่อนร่วมงานคนหนึ่ง..ภูตผีชอบมาทักทาย(รังควญ)...เกล้าฯ..จึงให้หัวใจ..คาถาไชยน้อยไปท่อง...คือ..
ให้ท่องแค่...."นะโมเม เมโมนะ"
เธอก็เชื่อและนำไปท่อง..ไม่กี่วันฝันว่า..พวกผีที่ห้องจะมาทำความเดือดร้อนให้...เธอก็เลย...ท่อง..มนต์ที่เกล้าฯผูก..ขึ้น
...ปรากฎว่า..ได้เกิดแสงพุ่งไปถูกร่างของพวกผีจึงอันตรธาน..หายเกลี้ยง...
..ทุกๆ..คาถาย่อมมีความศักดิ์สิทธิ์ในตัวเอง...
..ที่คาถาพาหุง.หรือชินบัญชร...ไม่แสดงผล...ก็แต่เหตุ...คนท่องอาจมีศรัทธา..หรือความเชื่อมั่น...น้อย..คาถาจึงไม่แสดงผล...

คือเชื่อมั่นแต่..คาถาไชยน้อย..เพราะเคยท่องมาแต่เมื่อครั้งเป็นสามเณร....พอไม่เชื่อมั่น...จิตเลยไม่เป็นสมาธิ....พอจิตไม่เป็นสมาธิ..จึงไม่มีพลังใดๆ..ที่จะต่อสู้ได้...ทั้งๆที่คาถาที่ตัวเองท่องนั้นเป็นคาถาศักดิ์สิทธิ์...ที่คนทั้งแผ่นดินยอมรับ

อาทิ...เคยสดับมาว่า...มีผู้หญิงคนหนึ่งถูกผีเข้า..ชายหนุ่ม...จึงถือขันน้ำสวดมนต์พึมพำ..จนผีออกร่าง...พระที่เกล้าฯคุ้นเคย.ไปซักถามจึงทราบความ..สวดคาถา
ชินนะบัญชร...

...หรือตัวของเกล้าฯ..เอง..ไปกินของผิดครู..มีอาการลมเพลมพัด...ท่องคาถาอื่นก็ไม่มั่นใจ..พอท่องคาถาพาหุง...ก็จะเรอโอคอ้าค...อันเป็นอาการว่า..ของออกแล้ว.....
ที่เขียน..เป็นปกิณกะธรรม...เรื่องบางเรื่องบางท่านอาจคิดว่า...เป็นเรื่องไม่น่าเป็นไปได้....สำหรับเรื่องไสย์เวท...

....ขอรับ

 

/ เหตุบังเอิญในโลกนี้...ไม่มี
/ ของฟรี..ไม่มีในโลก...

แรงมา แรงกลับ ผลลัพธ์ที่ได้คืออะไร..?
แรงมา อ่อนกลับ ผลลัพธ์ที่ได้คืออะไร..?
อะไรคือความพอดีของสายกลาง...?
เลือกเอาเองนะว่า จะต่อกรรม หรือ จะหยุดกรรมนะ..?
สาธุ..

(อย่าพึ่งเชื่อนะครับ)

 

สาธุ สาธุ สาธุ ครับ

 

มานั่งๆอ่านดูกระทู้นี้ มีอะไรคล้ายๆผมเยอะเลยแหะ ถอดกายละเอียดในท่านอนเหมือนกัน ได้ความรู้เยอะเลย เดี๋ยวผมจะลองเอาไปใช้บ้าง ถ้าออกไปได้ แต่ช่วงนี้ผมออกไม่ได้เลย มีวิญญาณเอามือมากดไว้บริเวณเหนือสะดือนิดหน่อย พอผมยิ่งดิ้น เขาก็ยิ่งกดแรงขึ้น แล้วบางครั้งก็เหมือนดุ ได้ยินเสียงดังมากๆ เสียงเหมือนมีอำนาจนิดๆ จนตอนนี้ผมเองยังไม่รู้เลยว่าจะออกไปอีกยังไง แล้วก็มีวิญญาณมากระซิบข้างหูขวา บางครั้งได้ยินเต็ม 2 หูด้วย มาแต่ละครั้งไม่ซ้ำกัน เหมือนพูดอะไรบางอย่าง ไม่เข้าใจเหมือนกัน

 

ต้องแก่ไขยังไงครับ ขอคำแนะนำด้วยครับ

 

ผมเองก็ยังแก้ไม่ได้ครับ แต่ที่แน่ๆคือต้องพยายามสื่อสารกับเขาก่อน เดี๋ยวรอคนที่มีประสบการณ์มากกว่ามาแนะนำครับ

 

ดูเหมือนท่านนี้บอกแล้วนะครับ

 

วิญญาณมาก่อกวน..แก้ได้ด้วย ศีล 5

อาทิ..ครั้งหนึ่งนานมาแล้วผม.ไปอยู่ บ้านอิสลาม อาพาร์ทเม้น...ผีอิสลาม.ท่านอาจไม่ชอบชาวพุทธ..หรือเหตุใดก็ไม่แน่ใจ...นอนอยู่ดีๆ..เขามานั่งคล่อมทับหน้าอก...เอามือบีบคอ..เราเกือบตาย...
...วันต่อมา..ก่อนจะหลับจะนอน.ก็สมาทานศีล5 สวดมนต์ไหว้พระ.เป็นประจำ..เขาก็มาอีกแล้ว..ผีสุหนื่.หรือซีอะนิกายกันแน่..นุ่งผ้าดำตลอดคลุมทั้งหัว..ได้มานั่งทับจะบีบคออีก..
พลัน!!!ท่านกระเด็น.เต้นเร่าๆเผ่นหนีด้วยความร้อนแห่งศีล...
อันนี้ผี....
แต่มีอีกกลุ่มหนึ่ง..วิทยาธรและภูมิเทวา...อันนี้มีอยู่ทุกที่...เขาจะมีอำนาจเหนือเราตลอด...เว้นแต่เราได้บอกกล่าว.เขา...
วิธีแก้วิทยาธรและภูมิมะเทวดาแทรก.....สำหรับเกล้ากระผม..
ทำดังนี้..
1.ไปอฐิษฐานขอเป็นลูกพระประธานอันศักดิ์สิทธิ์..แห่งบ้านท่าไคร้ พระคู่บ้านคู่เมือง ของ จังหวัดบึงกาฬ
2.ตอนอยู่หน้าโบสถ์..มองผ่านไปจะเห็นใบหน้าและส่วนเศียรท่านชัดเจน...ครั้งแรกที่ไปยืนมอง...เหมือนมีรัศมีสีทองของท่านวูบมาตรงหน้า..ก็เลยจดจำลักษณะใบหน้าท่านใว้...แม้จำไม่ชัดก็พยายาม..หาภาพท่าน..มานึกมาตรึกบ่อยๆ
3.ไปนั่งจดจำส่วนคางของหลวงพ่อพระใหญ่...คือมีวันหนึ่ง..ท่านจะทำปาฏิหาริย์หรือไรมิทราบได้..หลังจากกราบเสร็จ..ได้เงยหน้ามอง..ส่วนคางของท่าน...มีรอยแตก...เหมือนแผลตกสะเก็ด.น่ากลัว..จึงจดจำภาพน่ากลัวนั้น..ไว้
เพราะที่ว่าท่านองค์พระใหญ่ท่านทำนี้ก็...เพราะท่านมีปาฏิหาริย์มาก..อาทิ..มีพระธาตุเสด็จจากองค์พระ(ประวัติองค์พระ)..หรือมีเรื่องเล่า..องค์พระท่านลงเล่นน้ำ..ตอนเช้าเจ้าอาวาสพบจอกแหน่.ที่เศียรพระ (น้าจำเนียรเล่าให้ฟัง)

4.จดจำเหรียญ..หลวงพ่อพระใหญ่ที่ห้อยคอ...จนติดตา...

ธรรมดา..การสื่อจิต..ส่วนใหญ่จะถูกวิทยาธรกับภูมิเทวดาลวง....ของจริงก็มี...แต่ต้องเป็นเสียงกล่าว..ของพระประธานวัดใดวัดหนึ่งกล่าว..จึงจะตกลงใจเชื่อว่าของจริง
อาทิ....ครั้งหนึ่งเกล้ากระผม..ไปเช่าพระม่าโดยไปอฐิษฐาน..ขอต่อศาลพระภูมิ..พันธ์ทิพย์บางกะปิ.ใต้ต้นโพธิ์..บริเวนสนามพระ..ข้างห้างพันธ์ทิพย์...โดยเอาน้ำแดง 1 ขวด..ไปบรวงสรวง..ให้ท่านดลใจ..เลือกพระให้ 1 องค์ พอท่านจะให้องค์ไหนเราก็จะรู้เอง
ทีนี้มาห้อง...ได้ยินเสียงตนเองนี้แหละ..พูดดวงพิชัยสงครามอยู่..คนเดียว..วางดวงแบบโหราศาสตร์ไทย...แต่วาง ดาว 2 4 ใว้ภพลาภะ
พอกล่าวเสร็จ...เสียงที่บอก..
ประกาศเสียงดังว่า หลวงพ่อพระพุทธโสธร เป็นผู้กล่าว...
เราก็นึก...24 นี้คือเลขโค๊ดหลงพระที่พึ่งบูชามา..
และวันนี้เป็นวันหวยออก...
องค์พระที่ทำงาน..ที่เราเคยทำอุคหนิมิต..ชอบจดจำใบหน้าท่าน...สงสัยให้โชค...

จึงนำตัวเลขนั้นไป...ทดลอง้สี่ยงโชค...
สรุป...เลขล่าง..วัยนั้น ออก 24
เกล้ากระผม..ได้เงินเกือบ 1 หมื่น บาท
แต่ไม่บอกหรอกขอรับ..เสี่ยงแบบไหน..
...นั้นแหละขอรับ..จึงเชื่อว่า..ตัวเราก็มีจิตอื่นมาแทรก..มากล่าวดี..กล่าวไม่ดี
ตอนไปบวช..ก็คิดว่าตนเองจิตวิปลาส...แต่ตรวจสอบภายหลังแล้ว..

ถ้าเราปฏิบัติมากๆ..จิตเราก็จะไปอยู่ในคลิ่นจิตอื่น..นี้แหละ..หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต..ท่านจึงกำซับ..แม้เราจะปฏิบัติเก่งขนาดไหน..ก็อย่าละ ^^พุทโธ***ให้เป็นที่พัก..หรือที่อาศัย..ของจิต...

ทุกวันนี้เกล้ากระผม**จะเขียน หรือจะกล่าวอะไร.ที่มันเกี่ยวกับภพภูมิ..ก็ต้อง
1,สมาทานศีล5
2,กล่าว บอกวิทยาธร และภูมิมะเทวดา..ว่าเราคือลูกชาย ของหลวงพ่อพระใหญ่
3.กล่าวคำบูช่าหลวงพ่อพระใหญ่

4.ทำสมาธิ..ส่งจิตไประลึก ส่วนใบหน้า ส่วนคาง ของหลวงพ่อพระใหญ่ระลึกจนรู้สึกว่าตัวของเราเกิดอุคหนิมิต ภาพติดตา..

ว่าตัวเรามีสีทองเหลืออร่าม...เราก็นึกถึงองค์พระเครื่องประจำคัว ที่เราห้อยคอ...
ทั้งด้านหน้า และด้านหลัง..

จนสมาธิเกิดเป็นภาพ..องค์พระลอยเข้ามาคุ้มครอง..สนิทองศา
เต็มร่างของเรานั้นแหบะ.
เราจะทำพิธีกรรมอะไร

จึงจะสำเร็จ..
ตลอดปราบผี..ก็ใช้วิธีนี้..

หรือถอดจิต...ก็เพียงบริกรรม..คำบูชาท่านก็สามารถ..จดจำรายละเอียด..แห่งสถานที่ได้ทุกๆอย่าง...ขอรับ

 

1.ก่อนที่ จิตจะเเยกจากร่าง หูไม่ได้ยินเสียง จริงหรือไม่? เป็นจริง ครับ ไม่รับรู้อารมณ์ภายนอกใดๆ

2.ตอนจิตออก เคยบังคับออกเหมือนกันครับ...แต่ยิ่งทำแบบนี้..ยิ่งไม่เป็นไป..และไม่ได้อะไร..เลย เหนื่อย..ภายหลัง..ก็ท้อใจ..พอวางเฉย..จะเป็นก็เป็น ไม่เป็น..ก็ไม่ใส่ใจ...กลับ...สำเร็จ..

ที่เป็นเช่นนั้น อารมณ์ของ จตุถฌาน คือละอุเบกขา เหลือเพียงเอกัคคตา ขอรับ

 

เรื่องการถอดกายทิพย์...เป็นเรื่องสาธารณะของผู้ทำสมาธิ..แต่ผู้ยังไม่รู้ก็ย่อมสงสัย..
..
แต่เท่าที่เคยฝึกมาได้ค้นพบ..วิธีใหม่..คือ.
เพียงแต่ภาวนา..บทกราบพระใหญ่พระคู่บ้านคู่เมืองจังหวัดบึงกาฬ..
...
กายทิพย์ก็ออกจากร่างแล้ว..
และที่สำคัญ
กายทิพย์ที่ออกไปนั้น..จะต้องมีเหตุสำคัญ..ถ้าไปเที่ยวหรือไปทำเรื่องไร้สาระ...จะไม่ออกจากร่างเลย..
..
..อาทิ..กายทิพย์ออกไป..ส่งหลานสามเณร.ของเกล้าฯซึ่งตายด้วยอุบัติเหตุคือ..วิ่งหกล้มแล้ว..มรณะภาพ...จะเห็นเหตุการณ์ทุกขั้นตอน...ตั้งแต่ป่าข้ามสะพานจนถึงเมืองทิพย์...

หรือล่าสุด..นั่งภาวนาอยู่ที่ห้อง..จนทำจิตให้เป็นเอกกัคตาจิต..
..
แล้วนอนภาวนา(แบบหลวงพ่อฤาษีลิงดำ)

มันดับพรึบไป....ปรากฎที่ห้องของเพื่อนผู้หญิงซึ่งเธออาศัยอยู่คนเดียว...
แต่ในห้องนั้น..พลันมีชายร่างกำยำสองนาย..ไม่ใส่เสื้อผิวดำเกรียม..
อาศัยร่วมชายคา..

เกล้าฯเองก็ใส่ชุดขาว..ไปปรากฎในห้อง..ครั้นเห็นเธอมีคนร่วมห้องก็ได้แต่สงสัย..
จึงเดินลงจากอาคารหลังนั้น
..
ตอนเช้า..จึงไปแจ้งเหตุ..เธอก็ตกใจขนลุกทั่วสรรพางค์กาย...

จากเหตุทั้ง 2 เกิดประโยชน์คือ..ได้แก้จิตของแม่สามเณร..ให้คลายความเศร้าโศก...

ส่วนเพื่อนหญิง..ได้ไปทำพิธีต่อชะตาแบบโบราณ..อีสานให้เธอ...
...
หลังทำพิธีเสร็จ..ผ่านไปไม่กี่วัน..เธอก็ป่วยหนักนำส่งโรงพยาบาล..ผลคือ.ติดโควิท19..เกล้ากระผม..ก็ได้รับโปโมชั่น...
มีอาการเหมือนติดเชื้อด้วย...เนื่องจากเธอมีความพิการติดตัว..เดินไม่ได้ปกติเหมือนคนทั่วไป..ต้องพยุงเธอขึ้นรถ..

...
แต่เกล้าฯเองรักษา..กินฟ้าทะลายโจร อบไอน้ำ...กินสมุนไทยกระทราย
หายภายใน 5 วัน ตรวจไม่พบเชื้อ...
แต่เธอผู้นั้นติดเชื้อเดลต้า..

อนึ่ง..ก่อนเกล้าฯไปทำพิธีให้เธอผู้นั้น..ได้สวดรัตนสูตร อยู่ 3 วัน
ขอรับ

 

หายไปนานเลยค่ะ ครบปีพอดี คงมีเรื่องมาเล่าอีก สาธุ