กระแส"พญานาค"กับข้อเท็จจริงบางอย่าง(มีคลิป) คนที่ไม่เชื่อควรดูด้วยดุลพินิจ

เรื่องพนายาค
ส่วนตัวมองว่า
ถ้าเราเป็นมิตรท่านก็เป็นมิตรกับเรา
ตรงนี้อาจใช้ระยะเวลาบ้าง

ส่วนจะพึ่งพาอาศัยกัน
ก็แล้วแต่ว่าด้านไหน
ส่วนตัวก็มีพึ่งพาอาศัยกัน
ในบางมุมที่เล่าดังๆไม่เหมาะ


ส่วนน้องหมา ปกติไม่ได้สนใจเลยว่า
จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร
ถามว่ารู้ไหม ก็พอรู้
บอกตามตรงว่าจะตามมันหรือตามคน
ไปในอนาคตอีก ๒๐ ชาติก็ได้
ท่านที่แนะได้เป็นพันชาติ
สาวกได้เป็นแสนชาติ พุทธะได้นับไม่ถ้วน
แต่ไม่รู้จะรู้ไปเพื่อ?
เพราะรู้ไปมันก็ไม่มีประโยชน์
ถ้าไม่เกี่ยวข้องในทางธรรม
และปกติเค้าจะไม่พูดกันเลย

แต่เรื่องว่า น้องหมาตายแล้วจะไปเป็นคน
ไม่จริง เรื่องนี้ฐานน่าจะมา อ. ญ ชื่อย่อ จ
จักว่าจริงหรือเปล่า?. (คนเป็นมาเป็นน้องหมานะ)
องค์ประกอบสำคัญคือ
สภาพแวดล้อมที่มันอยู่อาศัย
และพฤติกรรมของน้องหมาตัวนั้นๆ
ที่แปลกคือ ถ้าตัวไหนชอบตามไปทำบุญ
มักจะไปดีกว่าตัวอื่นๆ

และถ้าไม่มีคนถาม
ยิ่งไม่เคยสนใจเลยด้วยซ้ำ


เรื่องการตามไปสนใจเรื่องแบบนี้. รู้อะไรไหม
พวกนี้เป็นการส่งจิตออกไปรู้
ปกติจะไม่ทำเลย ยกเว้นว่า
มันจะรู้เอง เมื่อรู้ก็ตัดได้ภายในเวลาไม่เกิน ๒ วินาที และไม่สนใจอีกเลย
เรียกว่าไม่เคยคิดเลยก็ว่าได้
ในชีวิตจริง สำหรับเรื่องแนวๆนี้


รู้ไหมการไปรู้ เรื่องแบบนี้อนาคตจะ
เป็นอย่างไร. เด่วก็กลายเป็นกึ่งๆหมอดู
เด่วก็คิดว่าตัวเองมีสัมผัสพิเศษ
แล้วก็จะไม่สนใจเรื่องสติ เรื่องปัญญา
หนักเข้าก็จะคิดว่าตัวเก่งกว่าใคร
เห็นใครดีกว่าไม่ได้ อิจฉาเค้า
นานเข้าก็จะคิดว่าตนเองวิเศษกว่าใคร
ซักพักก็จะเฝื่อ ไม่นานก็จะติดชื่อเสียง
ติดการยอมรับ เด่วก็จะใช้ความสามารถ
กิ๊กก๊อกเพื่อลาภ เพื่อสักการะ
แต่ปากก็จะอ้างว่า
เป็นพุทธศาสนา.
นี่คือธีม เป็นวิบากกรรม
ของการชอบส่งออกไปรู้
เรื่องภายนอกแบบนี้

และเด่วก็จะป่วย รักษาทางแพทย์ไม่หาย
ถ้าข้อนิ้วเท้าหรือนิ้วมือเริ่มโตเมื่อไร
นั่นหละคือใกล้เปลี่ยนภพภูมิ
หรือไม่ก็ดูตรรกะเพี้ยนๆไปเลย
ถ้าไม่เลิกสนใจ


คนมันจะรู้อะไรได้
มันต้องตัดตัวรู้เป็น
มันถึงจะรู้ ไม่ใช่พยายามไปรู้
เพราะมันเป็นตรรกะทางสมมุติ
เราใช้สำหรับการสอบการดำรงชีวิตได้
แต่ใช้ทางนามธรรมไม่ได้
เพราะมันจะตรงข้าม
คนละวิถีกันเลย



อย่างที่บอกว่า ถ้าไม่มีคนถามจะไม่สน
หรือไม่มีคนถามด้วยความเป็นห่วง
ญาติๆก็จะไม่สน.

เพราะอะไรรู้ไหม. คือบางคนรู้ทั้งรู้
ก็ยังมาถาม ถามมาแล้วหลายคนด้วย
แทนที่จะหาวิธีช่วยเหลือ
(คือบางคนคิดว่าทำบุญให้ครั้งเดียว
แล้วคนใกล้ชิดที่ตาย จะกลายเป็นพรหม เป็นเทพ หรือขึ้นจากอบายภูมิเลยมั่ง
ถ้าตรรกะแบบนี้
มนุษย์ไม่ต้องทำความดีอะไรหรอก
รอให้ตายแล้วค่อยอุทิศส่วนกุศลให้
ดีกว่าไหม ฝากไว้ให้คิดเล่นๆ)


อย่างมนุษย์ เราดู
กมลสันดานตอน
เป็นคนก็รู้แล้ว
ว่าตายแล้วจะเป็นอย่างไร
น้องหมาก็เช่นกัน
พอคะเนได้หมดแระ

ปล กล้วยกลายเป็นพยานาค
สีเริ่มออกฟ้านั่นหละ
ตัวก่อนที่ชอบตามไป
ทำบุญไปดีกว่าเยอะ

ย้ำว่านิทาน.
ทำไมถึงชอบมาถาม
ในสิ่งที่ปกติส่วนตัวไม่คิดจะทำ
และไม่เคยสนใจ

สู้เอาเวลาไปสนใจเรื่องการเจริญสติ
ดีกว่าจะมามัวสนใจเรื่องอะไรแบบนี้
จะมีประโยชน์กว่า


ทั้งที่ส่วนตัวมีแต่แนะคนอื่นๆว่า
อย่าสนใจเรื่องแนวๆนี้
ยกเว้นว่าจะเล่าพอฮาๆขำๆ
นี่ถ้าเป็น ผู้ชาย พูดไม่เรื่องแบบนี้
แล้วมาอยู่ใกล้ๆ
บอกตามตรงว่า
มีตบกระโหลกร้าว

พูดตรงๆนะ เล่าตรงๆ
ส่วนตัวพูดแล้วจบนะ
ไม่มีอะไร

 

..
..
อุต๊ะ! ดีนะหนูไม่สงกะสัยเรื่องน้องหมา
เเค่อยากจิรู้ว่า ชาติที่เเล้วหนูเป็นตัวอะไร
เเล้วหนูเคยรู้จักเฮียมาก่อนหรือป่าว 55555
เเล้วเฮียติดกรรมอะไร ทำไมชาตินี้ถึงต้องมาสงเคราะห์หนู 555
..
อูยยย!! หลบก่อน เก๊ากลัวกระโหลกร้าววว ><'

 

แวะพักที่เกาะแก้วพิสดารหรือขอรับ ท่านเสี่ยวเอ้อพเนจร...

ฝันว่าได้กอดพญานาคสีขาวขนตางอนครับ ไปล่ะครับ อยู่นานไม่ดี เดี๋ยวโดนฉก.....เต็มใจฮ่าๆ

 

Tips & Tricks (วรรคทอง)
หน้า 19 ลำดับที่# 364

เปรตอสูรกายยุคพุทธกาลเอาตาย
ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมหรือพระ
แต่โดนพระป่ายุคก่อนเคลียร์แล้ว
ทหารเก่าก็รอผู้มากบารมีมาโปรด

กรณีที่เป็นข่าวเป็นพวกที่
บ้างเรียกเมืองบังบดหรือซ้อนทับ
แต่ส่วนตัวเรียกว่า คนธรรพ์
(พอมีเพื่อนเป็นพวกนี้บ้าง)
เพราะบางทีใส่อะไรคล้ายฮูด

นิสัยออกเด็กแนวหน่อยๆ
จะว่ากวนบาทาก็พอได้
มีฤทธิ์พอตัว
ที่บังตาเป็นผู้ชายทำ ไม่ใช่เจ้าอะไร
ที่ดังๆนะครับ
บุคคลิกผอมๆสูง แต่ดูไหล่กว้าง
ที่ยืนเท้าสะเอวนั้นหละ
ปกติพวกนี้ ถ้าไม่คิดเอาอะไร
หรือทำอะไรพิเรน มักไม่ค่อยมายุ่งครับ
พวกนี้เค้าสมบัติเยอะพวกคล้ายๆ
อัญมณีนอกจากอื่นๆ
คล้ายๆคนมีเมืองแล้วเราจะไปเอาอะไร
เค้าก็อาจมองคล้ายๆขโมยนั่นหละครับ
ส่วนตัวมองว่าคงเข้าไปไม่ลึกถึงข้างใน
ที่ต้องถึงคลานผ่านเข้าไปหรอก

แต่ก็อาจเป็นด้วยภูมิทัศน์ทางธรรมชาติ
ที่วิทยาศาสตร์ยังเข้าไม่ถึงก็เป็นได้
อาจจะไม่มีเลยก็ได้ครับ

แต่ถ้าระดับครูบาร์องค์ล่าสุด
ท่านไปเคลียร์ก็อาจจะออกมา
ในทางที่ดีได้ครับ

แต่อย่างที่บอก นิสัยพวกนี้
ด้วยเป็นพวกมีฤทธิ์เป็นทุน
และนิสัยออกแนวๆ
ก็แล้วแต่เค้าว่าจะออกมาแนวไหน

ยังไงท้ายนี้ คนไทยก็เป็นกำลังใจให้
ไม่ว่าจะเหตุจากธรรมชาติที่เรายังเข้าไม่ถึง
หรือเหตุจากเรื่องเหนือวิสัยก็ตาม
สุดก็คงภาวนาให้ปลอดภัยกันทุกคนครับ

แต่ก็ให้เผื่อใจไว้บ้าง
ส่วนตัวเชื่อว่า ที่ดังๆเป็นข่าว
ในประเทศไทย ยังไม่มีใครพอมี
คุณสมบัติมี่จะมีอาวุธทิพย์ที่จะใช้
เปิดทางในกรณีถูกบังตาได้
เหมือนทางครูบาร์มีชื่อครับ

ธรรมชาติควรสมบูรณ์
เรื่องฝนไม่มีอะไร
แม้หน้าร้อน บริเวนนั้นก็ตก
นี้เข้าหน้าฝนจึงไม่แปลก
ที่ครูบาร์หนุ่มอีกรูปท่านว่า
ทำพิธีไล่ฝนให้นะถูกแล้ว
ธรรมชาติเป็นไปตามเหตุที่พอเพียง
อยู่อย่างนั้นจะดีกว่าครับ
พอสมเหตุสมผลพอ
จบนิทาน พอขำๆ

ฟังหูไว้หูเด้อ

 

เอ้า ...แค่ถามว่า ได้ตามดูไหม ? ถ้าอ.นบ ไม่ตาม ก็บอก ไม่ตามจิ ??? (หลบฝ่ามือแป๊ปนึง ) แต่ ขอบคุณมากค่ะ ที่ตอบ ไม่มีอะไรค่ะ เพราะคิดว่า ถ้าเป็นสัตว์เลี้ยงของดิฉัน ดิฉันคงเสียใจ และอยากรู้ว่ามันไปดีไหม

อ้อ เกาะแก้วพิศดาร นางระเวง หรือสถานที่ตามที่สุนทรภู่แต่งขึ้น ล้วนเป็นการแต่งเพื่อเปรียบเปรยการเมือง สังคมในยุคนั้น ส่วนพระเอกในเรื่อง นั่นก็คือ ท่านสุนทรภู่นั่นเอง...

 

Tips & Tricks (วรรคทอง)
หน้า 21 ลำดับที่ # 403

แต่จะเล่าลักษณะวิถีทางจิตให้ฟังขำๆ
จะได้เข้าใจไม่คลาดเคลื่อน

ปกติการหลง การถูกบังตา
การดลใจให้ไปตาม ไม่ว่าทางความคิด
ทางเสียงฯลฯ

ผู้ที่โดนไม่พบเจออะไรอยู่ครับ
เป็นเรื่องปกตินะครับ
ไม่ใช่ถูกผีหลอก
หรือถูกผีมาลักพาตัวนะครับ

เช่น ถ้าส่วนตัวถูกใครบังตา
ตรงนี้รวมทั้งการหลงมิติด้วยครับ
ก็จะเห็นอย่างที่เค้าให้เห็นก่อน
และถ้าเค้าบังตา(กรณีที่เจตนา
ไม่ให้คนนอกเห็น)
เราในฐานนะคนนอก
จะสามารถพอมองเห็นหรือรู้ได้
ว่าใครทำครับ.
แต่ว่าเค้าจะเกรงใจเราหรือไม่
หรือให้เรารู้เห็นแค่ไหน
เป็นอีกเรื่องหนึ่งครับ

ถ้าคนที่มีความสามารถใช้งานทางจิต
ได้ปกติจริงๆ จะรู้ๆกันและไม่ไปยุง
เราเรียกว่า. มารยาททางด้านวิถีญาน
หรือมารยาททางด้านญานวิถี นี่หละครับ
คือมันเป็นมารยาทสากลทั่วไป
ที่ดวงจิตที่ใช้งานได้จริงๆจะเข้าใจดีครับ

หรือเราเองถ้าหลงเข้าไป
และออกมาได้แล้ว
เราก็ถึงจะย้อนรู้ได้ว่าใครทำ
เพราะในขณะที่ถูกกระทำไปแล้ว
แม้ว่าเราพอมีความสามารถ
เราจะไม่มีทางรู้เลยครับ
นอกจากเราจะออกมาแล้ว
ที่เล่าคือเรื่องปกติทั่วไปครับ
ย้ำว่าปกติทั่วไปครับ

หลักสังเกตในการที่คนภายนอกจะมาเจอ
ถ้าเค้าเลิกบัง และถ้าเป็นพวก
ไม่มีสัญญา เรื่องการบังตามาก่อน
ก็ยิ่งจะเจอง่ายกว่า
คนที่มีสัญญาเรื่องบังตา
มิติลี้ลับ อะไรทำนองนี้ครับ

คนที่จะมาเห็นเรา
ถ้าเค้าเลิกบังตาแล้ว
ก็มักจะเห็นเราแบบบังเอิญๆ
หรือคาดไม่ถึงว่าจะเจอเช่นกันครับ
และไม่จำเป็นจะต้องเจอเราที่
สถานที่แรกที่เค้าเริ่มบังตาเราด้วยครับ
ตรงนี้ไม่ใช่เรื่องประหลาด อัศจรรย์
แต่อย่างใด เป็นเรื่องที่รู้ๆกันปกติครับ

พวกนี้มันเป็นเรื่องความสามารถ
ปกติมากของพวกภูมิเด็กแนว
หรือแม้ภูมิตามต้นไม้ ป่าเขา
ที่คนมาไหว้มาทำบุญให้บ่อยๆ
ที่เค้าทำได้ปกติครับ

ย้ำว่านิทาน ซึ่งมันไม่ใช่สากลครับ
ก็แล้วแต่ว่า เค้าจะเกรงใจใครหละครับ
ถ้าเค้าเกรงใจใคร ปกติจะไม่กล้า
แม้จะเอ่ยถึงโดยไม่จำเป็น
ยกมือไหว้อย่างเดียวพอจบ
เกรงว่า กลัวจะกระทบกับ
การพัฒนาทางจิตตนเองได้ครับ

 

Tips & Tricks (วรรคทอง)
หน้า 21 ลำดับที่ # 405

ที่ฝึกสมาธิแล้วมีครูบาร์อาจารย์
ทางภพภูมิมาคอยแนะคอยช่วยเหลือด้วยนะครับ
สมมุติถ้าเราถูกดึงไปบริเวณที่ท่านอยู่
ยังไงเราก็มองไม่เห็นตัวท่านครับ
เราอาจจะแค่รู้ว่าเป็นท่านไหน...
แต่เรามองไม่เห็นหรอกมันเป็นเรื่องธรรมดา

กรณีทำสมาธิอยู่แล้วจิตสงบในระดับหนึ่ง
แล้วเห็นท่านโน้นท่านนี้มาหา
แล้วมาแนะมาสอน ตรงนี้ต้องระวังให้ดี
เพราะมักจะมาในรูปแบบที่ใจเราศรัทธาอยู่แล้ว
หากเราน้อมรับเข้ามา
ก็จะกลายเป็นการสะกดจิตตัวเองได้...
ก็จะไม่ต่างอะไรกับร่างทรงต่างๆ
ในเคสที่เค้าเต็มใจเป็นด้วยตัวเองครับ....

ถึงมีคำสอนว่า ในระหว่างทางของการฝึก
ไม่ว่าเราจะพบจะเห็นอะไร ท่านถึงบอกไม่ให้ยึด
ไม่ว่าจะเจอระดับไหนก็ตามครับ
เพราะว่า หากกำลังสติเราไม่พอจริงๆ
ที่จะรักษาอารมย์ให้นานพอที่จะเห็น
การเปลี่ยนแปลงของสิ่งที่ปรากฏในครั้งแรกได้
(ทั่วไปเห็นที่ดี เพียงไม่กี่วินาที ก็มักจะยึดเลย
เพราะใจมีศรัทธาเดิมเป็นทุน พวกที่เค้าสร้าง
ให้เราเห็นเป็นภาพที่เรามีศรัทธาเป็นทุนได้
เค้าจะดูออกจากสัญญาในจิตเราเองนั่นหละครับ)
และถ้าเรามีใจยึดในเรื่องพิเศษต่างๆด้วยแล้ว
เราจะเข้าสู่เรื่องการสะกดจิตตัวเองแบบนี้
ได้อย่างที่คาดไม่ถึง

ปัจจุบันเราจึงได้พบเห็นผู้ที่อ้างตนเป็นผู้วิเศษมากมาย
หรืออ้างตนเป็นร่างทรงระดับสูงๆมากมาย
บางรายก็อ้างตนเป็นระดับพระพุทธฯเลยก็มี

ที่เล่ามาไม่ใช่ทั้งหมดนะครับ
ที่ดีๆ ที่กำลังอยู่ในช่วงสร้างบารมีก็มี
ดังนั้น ต้องพิจารณาเป็นกรณีๆไปครับ

 

..
..
เจ้นาคี555
เฮียเราก็น่าฮักแบบนี้หล่ะ
ดุก่อนเเต่ก็ตอบหมด
กลัวเราไม่ได้ดีไง คริคริ
ยอมให้เฮียแกทุบกระโหลกเขกโป้กๆ สักที สองที
น้องว่าก็เป็นการเจิมไปในตัว 5555
เป็นสิริมงคลแก่กระหม่อม อิอิ
..
ไปก่อนล๊าวววว หลบดีฝ่าาาา 5555

 

อ.นบ 1 ต้องยอมลงให้จริงๆค่ะ (คนจริง เก่งจริง) ... โดนมาหลายโป๊กแล้ว แต่ไม่ค่อยเข็ด นิสัยอยากรู้อยากเห็นแบบเด็กๆ ไม่ยอมหายซักที ToT แต่คิดว่า นานๆไปจะชินจนไม่อยากรู้อะไรไปเอง มันคงจะเป็นไปตามสภาพ ตามวัย อะนะ
คุณแอม ก็มาแซว เรียกเจ้นาคี เดี๋ยวใครไม่รู้ไม่เข้าใจ (ว่าแซวเล่น) จะแอบเม้าส์ให้เราจามเล่นๆนะคะ เรียกพี่ เรียกเจ้ ธรรมดาก็ได้ค่ะ ส่วนนาคีนั้น คงต้องไปรอดู หนังเค้าเข้าฉาย 18 นี้ ( อุ้ยโฆษณาแทนเขาเปล่าเนี่ย ) 5555+×

 

ประมาณวันจันทร์เน้อ แอมมี่
ขออำภัยส่งช้าเพราะกำลังยุ่งๆ จ้า
ตลาดสามชุกถ้ามีโอกาสผ่านไป
คงได้แวะเที่ยว ของน่ากินแยะเชียว

นอกจากองค์ล่างซ้ายแล้ว
ใช้สิทธิ์นิมนต์มาได้เลยนาจ๊ะ

 

..
..
ขอบคุณมากมายนะฮาฟเจ้ธารทองสุดสวย
น้องรออาราธนาขึ้นคอด้วยความปลื้มปิติ
กราบ 3 ที เจ้าค่ะ

ปล.
เฮียนพ รบกวนช่วยหนูโตยย 555
หนูควรนิมนต์องค์ไหนดีเจ้าคะ
ถึงจะเหมาะกับหนูอ้ะค่ะ ^_^
ยกเว้นองค์ล่างซ้ายนะฮ่ะ
เจ้ธารทองนิมนต์แล้ว สาธุๆๆ

ปล2
น้องดูพระไม่เป็น เลือกก็ไม่เป็น
บูชาเป็นอย่างเดียว 555

 

นาคี ๒ มีตัวอย่างมาแล้วในโรง
ณ เดช กับใครไม่รู้เล่นนำ


เป็น ญ แขวนที่ไม่ใช่รูปร่างสี่เหลี่ยม
เวลาห้อยจะดูสวยกว่า
ก็ล่างขวานั้นหละ. ^_^

แอบมองไว้แล้ว
มาแกล้งถามกัน บ๊ออออ

 

..
..
เฮียนพ!! ใช้เจโตอ่านจิตหนูใช่มะ?
ตอบ!! 555
..
เจ้ธารทองสุดสวยจ๋าาา
ล่างขวาที่น้องเล็งไว้ ^_^
พร้อมกับเฮียนพมาคอนเฟิร์ม
ตามนั้นเรยนะฮาฟฟ
กราบบบ สาธุ เจ้าค่ะ

 

เพิ่งนึกออกล่ะครับ สมัยที่ยังไม่ค่อยแขวนวัตถุมงคล มีหลวงพ่อแถวบ้านเตือนว่าให้หาวัตถุมงคล เน้นแนวป้อง ประเภทศาสตร์มืด ซึ่งตอนนั้นก็ไม่ค่อยใส่ใจอะไร แต่มันผิดสังเกตว่าไปบางที่แล้ว มันเหมือนมีคลื่นวิทยุจะมาแทรกสมองเรา บางทีจะทำให้เหมือนเป็นคนล่ะคน เลย แต่คุมตัวเองได้ แค่พอรู้ว่ามีบางอย่างมาจากภายนอก จนนึกถึงคำพูกของหลวงพ่อองค์นั้น เสาะหาวัตถุมงคลมาหลายแต่ไม่ถูกใจ จนมาเจอของ พระ ห.ม. ค.ข หลวงพ่อชื่อดัง วัดในจ.อุทัยธานี ทดลองเอามาแขวนพบว่า ตัวเองเบาสบายกว่า เดิม แถว ปัญหาคลื่นวิทยุแทรกก็จางหายไป แต่พอลองถอดแล้วมันก็ค่อยๆกลับมา จนทุกวันนี้แทบไม่ถอดเลยครับ และจากที่พี่นพแนะนำมาเมื่อไม่นานนี้ ก็เอาตรระกะมายำๆ รวมกัน พบว่า นี่เป็นเรื่องซีเรียส เป็นไปได้ว่ามีพวก อีแอบ ไอ้โม่ง พวกฉวยโอกาส พยายามเล่นงานยามเผลออยู่

 

เพียงแค่องค์ละบาท แต่ศักดิ์สิทธิ์มาก
"หลวงปู่ทวด"ทหารพรานโดนยิงพรุน แต่ไม่เข้า
Publish 2018-08-09 13:06:46

FacebookTwitterGoogle+LineShare

เรื่องราวของความศักดิ์สิทธิ์ที่จะนำมาเล่านี้เป็นประสบการณ์ตรงของผู้เขียนนามปากกว่า “หงสา ราชวดี” ในคอลัมน์อาถรรพ์ ปาฏิหาริย์ตอน “ปาฏิหาริย์หลวงปู่ทวดวัดช้างไห้" ในนิตยสาร “ชีวิตต้องสู้”
uggess News


โดยผู้เขียนได้เล่าว่า เขามีประสบการณ์ความศักดิ์สิทธิ์ของ “หลวงปู่ทวด วัดช้างไห้ โดยเรื่องนี้เป็นเรื่องของเพื่อนของผู้เขียนเอง เขาเป็นทหารพรานชื่อว่า “น้อย” เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณปี พ.ศ. ๒๕๒๖ เขาประจำอยู่ที่สมรภูมิห้วยโกร๋นจังหวัดน่านในขณะนั้นก็เป็นอีกพื้นที่หนึ่งที่มีการสู้รบกันอย่างหนัก ซึ่งเป็นธรรมดาที่ผู้ได้ไปปฏิบัติหน้าที่ตรงนั้นทุกคนจำเป็นที่จะต้องมีเครื่องรางของขลังติดตัวเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ ทหารพรานน้อยก็เช่นเดียวกัน เขามีพระ “หลวงปู่ทวด” ห้อยคอติดตัวอยู่เพียงองค์เดียว ซึ่งเป็นพระที่เขาเช่ามาในราคาเพียงองค์ละ ๑ บาท! จากแผงพระริมรั้ววัดมหาธาตุก่อนที่เขาจะถูกส่งตัวเข้าสู่สมรภูมิเดือด





หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด

วันหนึ่งขณะที่เขากำลังออกลาดตระเวนในป่าลึก เขาถูกซุ่มโจมตีอย่างหนักจากผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ เสียงปืนดังก้องกังวานสนั่นป่าถี่ยิบ สลับกับเสียงระเบิดเป็นระยะๆ ทหารพรานน้อยถูกคมกระสุนปืน เอ็ม.๑๖ กระหน่ำยิงเข้าใส่เต็มแผ่นหลังหลายสิบนัด เขารู้สึกได้ถึงความรุนแรงของหัวกระสุนปืนที่กระทบร่างของเขาจนเสื้อชุดทหารพรานขาดกระจุย ร่างของทหารพรานน้อยกระเด็นล้มลงกับพื้นดิน เขารู้สึกเจ็บและเสียววาบไปทั่วแผ่นหลัง ในขณะที่เหตุการณ์กำลังชุลมุนอยู่นั้นสิ่งที่เขานึกถึงเป็นอันดับแรกก็คือ “หลวงปู่ทวด” ที่เขาห้อยคอติดตัวอยู่เป็นประจำ

ทหารพราน “น้อย” กำเหรียญหลวงปู่ทวดไว้แน่นอยู่ในมือ พร้อมอาราธนาให้หลวงปู่ทวดช่วยคุ้มครอง และท่องบทสวดมนต์อยู่ในใจ พอฝ่ายผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ล่าถอยไป เพื่อนทหารต่างพากันกรูเข้ามาช่วยเหลือเขาทันที ภาพที่เห็นกับตาตอนแรกของการยิงต่อสู้กันนั้น ทุกคนคิดว่าเขาต้องเสียชีวิตอย่างแน่นอน แต่ทุกคนก็ต้องประหลาดใจเป็นอย่างมากที่คมกระสุนไม่สามารถระคายผิวของทหารพรานหนุ่มคนนี้แม้แต่น้อย

ซึ่งตัวเขาเองได้กล่าวอย่างมั่นใจว่าเป็นเพราะพุทธานุภาพอันศักดิ์สิทธิ์ของหลวงปู่ทวด ที่มาปกป้องคุ้มครองจึงทำให้เขารอดชีวิตมาได้อย่างน่าทึ่งนี่ก็เป็นปาฏิหาริย์อีกเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นจริงกับทหารพรานน้อยเมื่อ ๒๕ ปีที่ผ่านมา ถึงแม้พระหลวงปู่ทวดที่เขาห้อยคออยู่นั้นจะไม่ได้ผ่านพิธีปลุกเสกมาก่อน และเช่ามาเพียงแค่องค์ละ ๑ บาท จากแผงพระริมรั้ววัดมหาธาตุ แต่เมื่อเรามีความเคารพและศรัทธาอย่างแรงกล้าในองค์ท่านแล้ว พุทธานุภาพของท่านก็ย่อมที่จะช่วยปกปักรักษาให้เรารอดพ้นจากภยันตรายทั้งปวง..!

คาถาหลวงปู่ทวด
(นะโม ๓ จบ)
“นะโมโพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภะคะวา”
(สวด ๓ จบ)


ขอขอบพระคุณท่านเจ้าของภาพ เจ้าของบทความและที่มาเนื้อหาข้อมูลมา ณ ที่นี้

ในคอลัมน์อาถรรพ์ โดยคุณหงสา ราชวดี (นามปากกา)

แอพเกจิ – AppGeji

เพื่อเผยแผ่กิตติคุณเป็นสังฆบูชา และเทิดทูนเกียรติคุณครูบาอาจารย์

ขอบคุณที่มา www.tnews.co.th

 

ใช้คำว่าฉวยโอกาสจะเหมาะกว่า
เหมือนเราเดินไป เจอทองแท่ง
ตกอยู่ ก็ต้องมีมองบ้าง
อาจจะเข้าไปจับดูบ้าง ประมานนี้
เพราะว่ามันเป็นไปตามสภาพร่างกาย
ของเราเอง ที่ภายนอกที่เป็นนามธรรม
ต่างๆเหล่านั้นเค้าต้องการ
ร่างกายแบบนี้ สภาพแบบนี้พอดี
เพราะว่ามันสร้างประโยชน์ให้
ดวงจิตเค้าได้

ไม่ใช่ว่า มีคนหรือใคร
มาซุ่ม มาจ้องจะ
มาทำร้ายเรานะ
เด่วจะเข้าใจผิด
ว่าสายพลังงานบางกลุ่ม
จะมาทำร้ายเรา
พวกนั้นทำอะไรเราไม่ได้หรอก
มันคนละกำลังสนับสนุนด้าน
ครูบาร์อาจารย์กัน
และเค้าไม่ได้มีกำลังจิตมากพอ
ที่จะทำได้เหมือนที่พูดคุยหรอก

ซึ่งเคสนี้เป็นเฉพาะกรณี
และเป็น เฉพาะบางคนเท่านั้น

ปล รู้วิธีป้องกันแล้ว
ถือว่าไม่มีอะไรหรอกเปรียบ
เหมือนเราใส่เสื้อการ์ดไว้ตลอด
ถ้ามีเหตุให้เราเดินล้ม
มันเจ็บอยู่แล้วหละ
แต่มันจะไม่หนัก เป็นน้อย
อาจเเค่เสื้อเป็นรอย ผิวถลอกบ้าง
ยังไง ก็ไม่ เท่าคนไม่ใส่
เสื้อการ์ดที่ล้ม
ที่เป็นคล้ายกรณีเดียวกัน. ^_^

ค่อยๆฟื้นฟูสภาพร่างกายไป
ให้เวลากับมันหน่อย
เด่วจะดีขึ้นเองได้ตามลำดับนั่นหละ

การเริ่มระลึกเรื่องในอดีต
สำหรับเคสนี้ได้ถือว่า
เป็นการส่งสัญญานที่ดีแล้ว. ^_^

 

บ่ มีหรอก เจโตฯ
มีแต่พุงโต ที่ตอนนี้เวลาเดิน
ต้องเขม่ว เพราะมันเริ่ม
เป็น พุงโตอวบอั๋นสญาน
มีแน่นอน ^_^

 

เกี่ยวกะมะนาวต่างดุ๊ดป้ะคะ
มีคลื่นวิทยุแทรกไรแบบนี้อ้ะ

 

กระทบ..กระเทือน....

 

ที่แทรกหมายถึงการเข้ามา
ควบคุมตัวจิต จะเจาะเข้ามาที่ท้ายท้อย
ผ่านต่อมไพเนียลแกน
แล้วค่อยลงมาที่จิต
จะมีแต่ภูมิวิญานมีฤิทธิ์ หรือ พอมีกำลัง
ที่ต้องการอาศัยร่างสร้างบารมี
หรือกรณีมีวิบากร่วมกันมา
กับภูมิที่บำเพ็ญสายอสูรกาย
ที่มักอ้างพุทธศาสนา แต่พฤติกรรม
ตรงข้าม กับแนวทางพุทธศาสนา
ที่สอนไม่ให้ยึด สายนี้แรกๆจะดี
แต่สุดท้ายจะสร้างให้มี
เช่น เป็นโน้นนี่นั้นที่เท่ห์ๆ
มีความสามารถแบบนั้นนี่ได้
แต่ไม่รู้ว่าทำได้อย่างไร
เลยสอนใครไม่ได้ หรือบอกว่าทำแล้ว
สาวๆหนุ่มๆจะกรี๊ดสลบ

ถ้ามะนาวต่างตุ๊ดส่งคลื่นมา
คลื่นความถี่เค้าจะหนาแน่นมาก
เอาว่ามากกว่า คลื่นกสิณหลายสิบเท่า
เป็นแท่งตรงๆ และจะขนาน
กับใบหูของเราเลย
และแตกต่างกับคลื่นดวงจิต
ที่พยายามสื่อสารกับเรา
ที่เป็นเสียงมาทางหู
ซึ่งความหนาแน่นต่างกันมาก
จนสัมผัสไม่ได้ว่าเป็นแท่ง

และสภาพแวดล้อมรอบตัวเรา
มันจะกลายเป็นศูนย์อากาศ
ไร้กาลไร้เวลาชั่วคราว
ร่างกายเราทั่วไป
จะขยับแทบไม่ได้เลย

ที่พูดทั้งหมดคือแบบลืมตาสัมผัสนะ
ถ้าหลับตา แล้วสัมผัส
ยิ่งไม่น่าเชื่อเลย
เอาพอฮาๆได้อยู่

เล่าให้ฟังพอขำๆ
ที่โดนวิญญาณมีฤทธิ์แปลง
เป็นระดับสูงๆมาหลอก
เพราะไม่เข้าใจเรื่องคลื่นความถี่
เนื่องจากขาดกำลังสติในการพิจารณา
อีกอย่างด้วยมีจิตศรัทธาแต่ยึดมั่น
เป็นทุน เลยขาดการแยกแยะ
พวกนั้นเลยอ่านข้อมูลในจิต
แล้วแสดงให้เห็นตามสัญญาใน
จิตบุคคลนั้นๆ นั่นแล. จบ

ปล นี่คือข้อแตกต่าง
และคนอวบธาตุดินเยอะ
กับคน กำลังอ้วนมีพุง
แยกดีๆ อย่าปนกันเด้อ ๕๕๕