เรื่องเด่น แม่นจนน่าขนลุก!!! พุทธทำนาย ยุคกึ่งพุทธกาล จะเกิดภัยพิบัติและสงครามใหญ่ เริ่มปีพ.ศ. 2560 เป็นต้นไป!!

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ษิตา, 26 เมษายน 2017.

  1. ษิตา

    ษิตา ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    10,209
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,230
    ค่าพลัง:
    +34,711
    แม่นจนน่าขนลุก!!! พุทธทำนาย ยุคกึ่งพุทธกาล จะเกิดภัยพิบัติและสงครามใหญ่ เริ่มปีพ.ศ. 2560 เป็นต้นไป!!

    93172873_5736.jpg

    พุทธทำนาย ยุคกึ่งพุทธกาล จะเกิดภัยพิบัติและสงครามใหญ่ (ปีพ.ศ. 2560 เป็นต้นไป)

    ปี พ.ศ. 2560 คือ กึ่งพุทธกาล ครบ 2,500 ปี หลังพระพุทธเจ้าปรินิพพาน

    การใช้ พ.ศ. ของประเทศไทยคลาดเคลื่อน

    1). The Cambridge and Oxford histories of India ยอมรับว่า พระพุทธเจ้าทรงปรินิพพาน 483 ปีก่อน คริสตศักราช

    ปีนี้ 2016 + 483 = ปี 2499

    พระพุทธเจ้าได้ปรินิพพานไปแล้ว 2,499 ปี

    พ.ศ. ของไทย ปัจจุบัน คือ พ.ศ. 2559 เท่ากับว่า พ.ศ.ไทยเรา เร็วไปกว่า 60 ปี

    The Cambridge and Oxford histories of India accept 483 B.C as the date of Buddha’s nirvana.

    He was 80 years old when he died, so this puts his birth year at 563 BCE

    2). ศ.ดร.ประเสริฐ ณ นคร

    บอกว่า การเรียก พ.ศ.ผิดนี้ เริ่มตั้งแต่สมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ตามชินกาลมาลีปกรณ์ ระบุว่า พระเจ้าอโศกเสวยราชย์ ระหว่าง พ.ศ.214-255

    ที่ทราบว่าผิดความจริง ก็เพราะพระองค์ส่งสมณทูตไปตามเมืองต่างๆ (กระทั่งสุวรรณภูมิ) เมืองเหล่านี้มีศักราชจดไว้แน่นอน เทียบศักราชดูแล้ว พบว่า นับ พ.ศ.มากเกินไป 1 รอบ คือ 60 ปี

    44444.jpg

    3). ถ้า พ.ศ. ของไทยคลาดเคลื่อนตามเหตุผลข้างต้น

    ปี พ.ศ. 2559 เท่ากับ 2,499 ปี อีก 1 ปี ก็ครบ 2,500 ปี

    ดังนั้นปี พ.ศ. 2560 ครบ 2,500 ปี ที่พระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพาน เป็นยุคกึ่งพุทธกาลของ 5,000 ปี




    พุทธทำนาย

    จากศิลาจารึกในมหาวิหารเจตมหาเชตวัน ณ สวนมฤคทายวัน ประเทศอินเดีย

    โดยคณะฑูตไทยที่ไปอันเชิญพระบรมสารีริกธาตุเมื่อปี พ.ศ.2485

    อรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้าผู้เป็นพระสัพพัญญูรู้แจ้งโลกทั้งในอดีตและใน อนาคต ทรงมีเมตตากรุณาแก่สัตว์โลกเป็นล้นพ้นเมื่อครั้งพระองค์ดำรงพระชนม์อยู่ ได้ตรัสแก่พระอานนท์ว่า

    อานันทะ ดูก่อนอานนท์ก่อนกึ่งพุทธกาล ๑๕ ปี (ก่อน พ.ศ. 2560)

    จะเกิดการณ์ร้ายแรง จะมีการรบราฆ่าฟันซึ่งกันและกัน

    ฝนเหล็กจะตกจากอากาศ ไฟจะลงมาจากอากาศ

    จะเผาผลาญประชาชนให้พินาศ จะมีการล้มตายซึ่งกันและกันเป็นอันมาก

    ดูก่อนอานนท์ เมื่อศาสนาของของตถาคต ล่วงเลยไปก่อนกึ่งพุทธกาล ๑๕ ปี (ก่อน พ.ศ. 2560)

    สัตว์โลกทั้งหลาย ที่เกิดในยุคนั้น จะพบแต่ความลำบาก ทุกชาติทุกศาสนา

    ตามธรรมชาติอันหมุนเวียนของโลก ที่หมุนไปใกล้ความแตกสลาย

    แผ่นดินแผ่นน้ำจะลุกเป็นไฟ มนุษย์และสัตว์จะได้ รับภัยพิบัติสารพัดทั่วทุกทิศ

    คนในสมัยนั้นจะมีนิสัยโหด ดุจกำเนิดจากสัตว์ป่าอำมหิต

    จะรบราฆ่าฟันกันเอง ถึงเลือดนองแผ่นดินแผ่นน้ำ

    ส่วนเวไนยสัตว์ ผู้ขวนขวายในกุศลตามวจนะของตถาคต ก็จะระงับร้อนไม่รุนแรง

    บ้านเมืองใดมีความเคารพยำเกรงใน พระรัตนตรัยและคุณบิดามารดา

    เหตุร้ายภัยพิบัติจะเบาบาง แต่ก็จะหนีกฎธรรมชาติไม่พ้น

    แต่ว่า ดูก่อนอานนท์ก่อนกึ่งพุทธกาล ๑๕ ปี จะถือว่าเป็นการณ์ร้ายแรงหาได้ไม่

    ทั้งนี้ก็เพราะว่าหลังกึ่งพุทธกาลไปแล้วนั้น

    อานันทะ ดูก่อนอานนท์ หลังกึ่งพุทธกาล (ช่วงหลัง พ.ศ. 2560 เป็นต้นไป)

    จะมีความร้ายแรงมากกว่าก่อนกึ่งพุทธกาลมาก
    ยักษ์นอกพุทธศาสนาจะรบราฆ่าฟันซึ่งกันและกัน ต่างฝ่ายจะล้มตายกันฝ่ายละมาก ๆ
    สมณะ ซี พราหมณ์ จะล้มตาย จะตายไปฝ่ายละครึ่งจึงเลิกรากัน
    สำหรับประเทศที่นับถือพุทธศาสนาจะมีภัยเหมือนกัน แต่ไม่ร้ายแรงนัก

    เริ่มแต่พุทธศาสนาล่วงเลย 2,500 ปี เป็นต้นไป (ช่วงหลัง พ.ศ. 2560 เป็นต้นไป)

    ไฟจะรุกรามมาทางทิศตะวันออก ไหม้วัดวาอาราม สมชีพรามณ์จะอดอยากยากเข็ญ

    images(38).jpg



    ลูกไฟจะตกจากฟ้าเป็นเพลิงผลาญ เหล็กกล้าจะทะยานจากน้ำ มหาสมุทธจะชอกซ้ำ

    สงครามจากทั่วทิศศึกจะติดเมือง ข้าวจะขาดแคลนทั่วแคล้นจะอดอยาก

    ผีโขมดป่าจะเข้าเมือง พระเสื้อเมือง ทรงเมือง จะหนีเข้าไพร

    ผู้เป็นใหญ่มีอำนาจ จะเรียกแมลงผีเสื้อเหล็กนับแสนตัว มาปล่อยไข่เป็นไฟผลาญ

    ยักษ์หินที่ถูกสาบเป็นเวลานาน จะตื่นขึ้นมาอาละวาทโลก

    ดินฟ้าอากาศจะแปรปรวน ตลิ่งจะพัง แผ่นดินจะถล่มเป็นทะเล

    โลกมนุษย์จะดิ่งสู่ความหายนะ นักปราชญ์จะถูกทำร้ายให้สิ้นสูญ

    ในระยะนั้นศาสนาของตถาคตจะเสื่อมลงมาก เพราะพุทธบริษัท ไม่ต้องอยู่ในศีลธรรม

    เชื่อคำคนโกง กล่าวคำเท็จ ไม่เคารพรักธรรมนิยม คนประจบ สอพลอได้รับความเชื่อถือในสังคม

    ผู้ที่มีศีลธรรม ประพฤติดี ประพฤติชอบ กลับไม่มีใครเคารพยำเกรง

    พระธรรมจะเริ่มเปล่งรัศมีฉายแสงส่องโลกอีกวาระหนึ่งก็ต่อเมื่อ
    มีธรรมิกราชโพธิญาณบังเกิดขึ้น อยู่ในความอุปถัมภ์ของพระเถระผู้ทรงธรรมฤทธิ์
    ทั้งสองพระองค์สถิตย์ ณ เบื้องต้นตะวันออกของมัชฌิมประเทศ
    จะเสด็จมาเสริมสร้างศาสนาของตถาคต ให้รุ่งเรืองสืบไปถึง 5,000 พระวัสสา

    ดูก่อนอานนท์ เวลานั้นพลโลกเหลือน้อยมาก

    คำทำนายของตถาคตนี้ ย่อมยังเวไนยสัตว์ให้ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท

    ผู้ใดรู้แล้วไม่เชื่อ นับว่าเป็นกรรมของสัตว์ ที่ต้องสิ้นสุดไปตามกรรมชั่วของตน

    ผู้ใดปรารถนารอดพ้นจากภัยพิบัติ ให้รักษาศิล 5 ประการ
    เจริญเมตตาภารนา ประกอบสัมมาอาชีพ มีใจสันโดดรู้จักพอ
    ไม่โป้ปดคตโกง ไม่หลงมัวเมาอำนาจและลาภยศ
    ตั้งใจปฏิบัติตน ตามคำสอนของตถาคตให้มั่นคง
    จึงจะพ้นอันตรายในกึ่งพุทธกาล

    981790.jpg

    ที่มา:พลังจิต


    เรียบเรียงโดย

    อุทัย เลิกสันเทียะ : สำนักข่าวทีนิวส์



    --------------
    http://www.tnews.co.th/contents/313977










     
  2. เทพบุตรลั้ลลาลั้ลลั้ลลาาา

    เทพบุตรลั้ลลาลั้ลลั้ลลาาา เพื่อมวลมนุษย์แลสรรพสัตว์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2014
    โพสต์:
    872
    ค่าพลัง:
    +1,936
    ฟังหูใว้หู ที่มายังคลุมเครือ แต่ไม่ควรประมาท
     
  3. บารมี 10

    บารมี 10 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    442
    ค่าพลัง:
    +1,072
    - ดีเหมือนกันสัตว์โลกจะได้น้อยลงบ้าง ทุกวันนี้มีแต่แก่งแย่งกันในทางโลกธรรม หาความพอไม่ได้

    - โลกนี้มีทรัพยากรเพียงพอสำหรับสัตว์ทุกชีวิตบนโลก แต่ไม่พอเพียงสำหรับสัตว์ที่มีความโลภเพียงตนเดียว มหาตมะ คานธี กล่าวไว้
     
  4. tharaphut

    tharaphut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,721
    ค่าพลัง:
    +5,211
    สาธุ ขออำนาจบารมีพระรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิโปรดช่วยคุ้มครองประเทศชาติและผู้ประพฤติธรรมให้แคล้วคลาดจากภัยพิบัติต่างๆนานาประการ ด้วยเทอญ
     
  5. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    วิเคราะห์ยุทธศาสตร์ จีน-สหรัฐ กับบทบาทไทยในหว่างเขาควาย

    33937f79.jpg

    "อย่าดีใจที่โอบามามาบ้านเรา เพราะคุณจะถูกรุกทางการทหารมากขึ้น" เป็นเสียงเตือนจาก พล.อ.เอกชัย ศรีวิลาศ นักสันติวิธีชื่อดังที่สวมหมวกอีกใบหนึ่งเป็นอาจารย์สอน "ยุทธศาสตร์การทหาร" ในวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) มาอย่างต่อเนื่องยาวนานนับสิบปี

    พล.อ.เอกชัย มองเรื่องนี้ในบริบทของ "ภูมิรัฐศาสตร์" หรือ Geopolitics ซึ่งเป็นสาขาวิชาที่ไม่ค่อยมีการเรียนการสอนในประเทศไทย ทั้งๆ ที่ในอีกซีกโลกหนึ่งทั้งอเมริกาและยุโรปให้ความสำคัญถึงขนาดนำมาจัดทำเป็น "ยุทธศาสตร์ชาติ"

    แม้หลายคนจะมองว่าการวิเคราะห์ด้วยทฤษฎีนี้อาจล้าสมัยไปแล้ว เพราะสิ้นสุดยุคสงครามเย็น แต่ พล.อ.เอกชัย กลับเห็นว่าแม้สงครามตามแบบจะค่อยๆ เลือนหายไปและเปลี่ยนวิธีการไปเรื่อยๆ ทว่าเป้าหมายของสงครามกลับยังคงเดิม นั่นคือการแย่งชิงความได้เปรียบทางเศรษฐกิจ ทรัพยากร และการทหาร

    ฉะนั้น "ทฤษฎีใจโลก" หรือ Heartland Theory กับ "ทฤษฎีขอบโลก" หรือ Rimland Theory ที่กำหนดให้ดินแดน "ยูเรเซีย" หรือเกือบทั้งหมดของยุโรปกับเอเชียตอนบนเป็นพื้นที่ "ใจโลก" อันอุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ โดยมีดินแดนโดยรอบรวมทั้งไทยเป็น "พื้นที่ขอบโลก" และเป็น "ทางผ่าน" สู่ใจโลก จึงยังคงอธิบายการขยับตัวของมหาอำนาจได้เสมอ โดยเฉพาะการมาไทยพร้อมๆ กันของ "สองพี่เบิ้ม" อย่างสหรัฐและจีนใน ค.ศ.2012

    "ในแง่ภูมิรัฐศาสตร์ พื้นที่แถบรัสเซีย จีน มองโกเลีย อินเดีย และยุโรปตะวันออก ถือเป็นดินแดน Heartland หรือใจโลก เพราะเป็นแผ่นดินผืนใหญ่ที่สุดของโลก และมีทรัพยากรธรรมชาติมากที่สุด จึงเป็นพื้นที่ที่ใครก็ต้องการครอบครอง แต่การจะเข้าไปสู่ใจโลกนั้นต้องผ่านพื้นที่ขอบโลก ซึ่งเป็นพื้นที่ที่อยู่ถัดลงมา เช่น เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตะวันออกกลาง ทำให้พื้นที่เหล่านี้เป็นพื้นที่สู้รบและตกอยู่ในแวดวงสงครามมาตลอด ไม่มีวันยุติได้ เพราะเป็นทางผ่านสู่ใจโลก" พล.อ.เอกชัย กล่าว

    สำหรับในภูมิภาคเอเชียตะวันออก ไทยถือว่าเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่ดีที่สุดในการรุกเข้าสู่ "ใจโลก" และในทางกลับกันก็เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญสำหรับประเทศที่อยู่ใน "ใจโลก" ที่ต้องหาช่องทางออกสู่น่านน้ำเพื่อประโยชน์ทางการค้าและการทหารด้วย

    "ประเทศไทยเป็นพื้นที่ขอบโลก เมื่อมหาอำนาจต้องการสู้รบเพื่อยึดใจโลก ก็ต้องใช้พื้นที่ขอบโลกเป็นทางผ่าน และนี่คือคำตอบว่าทำไมอเมริกาถึงต้องมาที่ประเทศไทย เขาจะใช้ไทยเป็นทางผ่านเข้าไป และขณะเดียวกันก็ใช้เป็นพื้นที่สกัดประเทศในใจโลกซึ่งในทีนี้คือจีนไม่ให้ออกไปไหนได้ ขณะที่จีนก็เข้าใจยุทธศาสตร์ตรงนี้ดี จึงต้องมาที่ไทยเหมือนกัน เพื่อใช้ไทยในการสกัดกั้นยุทธศาสตร์ปิดล้อมจีนของสหรัฐ" พล.อ.เอกชัย ระบุ

    ในทัศนะของนักยุทธศาสตร์ทางทหาร เขาเห็นว่ายุทธศาสตร์ที่สองชาติมหาอำนาจกำลัง "เบ่งกล้าม-วัดพลัง" กันอยู่นี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นปรากฏการณ์สืบเนื่องมา เพียงแต่ปรับเปลี่ยน "ยุทธวิธี" ในการต่อสู้เท่านั้นเอง

    เขาอธิบายว่า ในยุคแรกการแย่งชิงพื้นที่ใจโลกใช้ "กำลังทหาร" เป็นหลัก ซึ่งฝ่ายสัมพันธมิตรดูจะเป็นฝ่ายชนะในยุคนั้น แต่ก็ไม่ถือว่าเด็ดขาด

    ต่อมาได้มีการปรับยุทธวิธีใช้ "การเมือง" เป็นเครื่องมือ คือใช้ระบอบประชาธิปไตยต่อสู้กับสังคมนิยม จะสังเกตได้ว่าพื้นที่ "ใจโลก" ส่วนใหญ่ปกครองด้วยระบอบสังคมนิยม ช่วงนี้เป็น "ยุคสงครามเย็น" สหรัฐใช้ยุทธศาสตร์ "ป่าล้อมเมือง" ด้วยการทำให้ประเทศต่างๆ ที่อยู่ "ขอบโลก" เป็นประชาธิปไตยให้มากที่สุด เพื่อกดดันให้พื้นที่ "ใจโลก" เป็นประชาธิปไตยด้วย แต่สุดท้ายก็ไม่สำเร็จทั้งหมด คือทำให้สหภาพโซเวียตล่มสลายได้ แต่ไม่สามารถทำอะไรจีนได้

    หลังจากต่อสู้ด้วยระบบการเมืองไม่สำเร็จ สหรัฐก็เปลี่ยนมาต่อสู้ด้วยระบบเศรษฐกิจ คือแผ่ขยายเศรษฐกิจแบบทุนนิยมเข้าไป มีมาตรการกดดันทางการค้าต่างๆ นานา แต่จีนสู้ด้วยเศรษฐกิจแบบ "1 ประเทศ 2 ระบบ" ไม่ยอมใช้ทุนนิยมเสรี และการต่อสู้แบบนี้กลับทำให้จีนแข็งแกร่งขึ้น ขณะที่สหรัฐกับยุโรปกำลังล่มสลายเสียเอง ถึงวันนี้นักวิชาการหลายสำนักฟันธงตรงกันว่า ไม่เกินปี ค.ศ.2025 เศรษฐกิจของจีนจะขึ้นเป็นอันดับ 1 ของโลก อินเดียเป็นอันดับ 2

    "ขณะนี้ก็เริ่มมองเห็นเค้าลางแล้ว และสหรัฐซึ่งเคยเป็นเจ้าแห่งการทหาร เจ้าแห่งเศรษฐกิจ กำลังถูกลบล้างโดยจีน ระบบทุนนิยมเสรีล้มระเนระนาด แต่ระบบเศรษฐกิจ 2 ขาแบบจีนกำลังเป็นระบบที่ดีที่สุด เวียดนามและพม่ากำลังทำตาม แต่ไทยกลับยังคงยึดติดกับแนวทางของอเมริกาทั้งๆ ที่ใกล้ล่มสลายเต็มที"

    พล.อ.เอกชัย กล่าวต่ออีกว่า ระยะหลังการต่อสู้เข้าสู่ยุค "สงครามจิตวิทยา" ใช้สื่อ หรือ "มีเดีย พาวเวอร์" เป็นเครื่องมือ ใครคุมสื่อได้ก็จะสามารถครองโลกได้ แล้วก็บูรณาการทั้งเศรษฐกิจ สังคม การเมือง เพื่อสร้างสังคมโลกที่เป็นแบบเดียว เช่น "อเมริกันไนเซชั่น" ทำให้คนต้องดูหนังอเมริกัน เรียนหนังสือต้องใช้ตำราอเมริกัน คิดต้องคิดแบบอเมริกัน สิ่งเหล่านี้ประเทศไทยบริโภคเกือบหมดแล้ว จนแทบไม่สามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของตัวเองได้ นี่คืออันตราย

    "แต่ความเป็นอเมริกันกำลังถูกท้าทาย หากไม่ยับยั้งการเติบโตแบบก้าวกระโดดของจีน สหรัฐอาจถึงกาลล่มสลาย นี่คือเหตุผลสำคัญที่สหรัฐต้องมุ่งมาที่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะประเทศไทยที่เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญที่สุด มีชัยภูมิเหมาะกับการเป็นศูนย์กลางการบิน การคมนาคม ทั้งยังเป็นพื้นที่เชื่อมต่อของ 2 ทะเลอีกด้วย"

    "สหรัฐต้องเดินแผนปิดล้อมจีน โดยใช้ไทยเป็นจุดยุทธศาสตร์ แล้วก็เข้าไปรื้อฟื้นความสัมพันธ์กับเวียดนาม อินเดีย หรือแม้แต่ปากีสถาน ทั้งที่ก่อนหน้านี้เคยทะเลาะกัน ขณะที่จีนก็พยายามหาทางออก ด้านหนึ่งก็ไปเชื่อมกับไต้หวัน อีกด้านหนึ่งก็วางท่อแก๊ส ตัดถนนเข้าพม่าไปถึงท่าเรือน้ำลึกทวาย และพยายามลงมาที่ท่าเรือแหลมฉบังของไทย เพื่อหาทางออกทะเลให้ได้ ให้สามารถขนถ่ายสินค้าได้สะดวกรวดเร็วที่สุด นี่คือยุทธศาสตร์ของจีน"

    สำหรับจังหวะก้าวของสหรัฐ พล.อ.เอกชัย คาดการณ์ต่อไปว่า หลังจากนี้่จะมุ่งไปที่ "กลุ่มประเทศซีไอเอส" หรือกลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช ที่แตกตัวออกมาจากสหภาพโซเวียต เช่น คาซัคสถาน คีร์กิสถาน เติร์กเมนิสถาน อุซเบกิสถาน ทาจิกิสถาน ยูเครน เป็นต้น เพราะกลุ่มประเทศเหล่านี้มีทรัพยากรมาก และเป็นเส้นทางเข้าสู่โจโลกเช่นกัน ส่วนอีกจุดหนึ่งที่สหรัฐต้องรีบเปิดเกมรุกเพื่อชิงเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ให้สำเร็จคือ "อิหร่าน" เพราะเป็นสะพานเชื่อมระหว่างอิรักกับอัฟกานิสถาน และต่อเข้าไปยังดินแดนใจโลก

    เมื่อมอง "หมากกระดานโลก" ทั้งกระดานแล้ว จะเห็นว่าประเทศไทยเป็น "ตัวเล่น" หนึ่งที่มหาอำนาจระดับ "ขุน" ต้องการ "เก็บกิน" หรือ "ดึงเป็นพวก" ปัญหาก็คือรัฐบาลและองคาพยพต่างๆ ของเราพร้อมหรือยังกับสถานะที่กำลังเป็นอยู่ โดยเฉพาะการเตรียมวางแผนและกำหนดท่าทีเพื่อแสวงประโยชน์จากการเป็น "จุดยุทธศาสตร์" ให้มากที่สุด แทนที่จะปล่อยให้ถูกกินง่ายๆ แบบ "เบี้ย"

    "ประเทศไทยขณะนี้อยู่หว่างเขาควาย จะขยับไปทางไหนก็ไม่ได้ คำถามที่ว่าเราจะเดินไปอย่างไรจึงเป็นเรื่องที่ผู้นำประเทศจะต้องใช้สติปัญญาเป็นอย่างมาก จะทำเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้ เราจะต้องไม่เอียงไปทางฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เหมือนกับที่ผ่านมาเราเอียงข้างสหรัฐมากเกินไป การที่เราไม่เทคไซด์ จะทำให้เราไม่เสียหาย และจะเป็นฝ่ายได้ตลอด ได้จากทั้งสองฝั่ง อาจจะเรียกว่านโยบายเหยียบเรือสองแคมก็ได้ ซึ่งเราถนัดและเคยใช้จนประสบความสำเร็จมาแล้วในอดีต"

    พล.อ.เอกชัย กล่าวทิ้งท้ายว่า ถึงเวลาที่รัฐบาลต้องกลับไปทบทวนประวัติศาสตร์ว่าประเทศไทยอยู่รอดมาได้เพราะอะไร พระพุทธเจ้าหลวงรัชกาลที่ 5 ทรงดำเนินยุทธศาสตร์ด้านการต่างประเทศเอาไว้อย่างไร จนทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศเดียวในย่านนี้ที่ไม่ตกเป็นเมืองขึ้น เราไม่จำเป็นต้องเลือกข้าง แต่ให้ความสำคัญกับทุกประเทศอย่างเท่าเทียมกัน และควรหันมองพันธมิตรใกล้ตัว เช่น มาเลเซีย กับมิตรประเทศในอดีตอย่างรัสเซียบ้าง เพื่อใช้โอกาสตรงนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

    "โอกาสมาถึงแล้ว หากเราวางยุทธศาสตร์ให้ดีจะเป็นประโยชน์มาก แต่ถ้าเรายังขัดแย้งกันเองภายใน อาจเป็นจุดจบของประเทศไทยได้เหมือนกัน"


    ที่มา http://oknation.nationtv.tv/blog/kobkab/2012/11/14/entry-1
     
  6. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    "คำทำนาย นางสงกรานต์ ปี 2560 ดุ! น้ำมาก-หวั่นไม่สงบ"

    qus8t17340.jpg

    "กระทรวงวัฒนธรรม ได้มีประกาศ "สงกรานต์ปีพุทธศักราช 2560" โดยเปิดเผยว่า ในปี 2560 นี้ วันที่ 14 เม.ย. เป็นวันมหาสงกรานต์ ทางจันทรคติตรงกับ วันพฤหัสบดี แรม 2 ค่ำ เดือน 5 ปีระกา วันเถลิงศก ตรงกับวันอาทิตย์ที่ 16 เม.ย. เวลา 06.46 น."

    "โดยนางสงกรานต์ประจำปี 2560 ทรงมีนามว่า "นางกาฬกิณีเทวี" หรือ นางกิริณีเทวี ทรงพาหุรัด ทัดดอกมณฑา อาภรณ์แก้วมรกต ภักษาหารถั่วงา หัตถ์ขวาทรงขอช้าง หัตถ์ซ้ายทรงปืน เสด็จไสยาสน์หลับเนตร(นอนหลับตา) มาเหนือหลังกุญชร(ช้าง) เป็นพาหนะ

    โดยมีคำทำนายในทางโหราศาสตร์จากสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ ระบุไว้ว่า เกณฑ์พิรุณศาสตร์ ปีนี้ อังคาร เป็นอธิบดีฝน บันดาลให้ฝนตก 300 ห่า ตกในเขาจักรวาล 120 ห่า ตกในป่าหิมพานต์ 90 ห่า ตกในมหาสมุทร 60 ห่า ตกในโลกมนุษย์ 30 ห่า

    เกณฑ์ธาราธิคุณ ชื่อ "อาโป"(ธาตุน้ำ) น้ำมาก น้ำท่วม เกณฑ์นาคราชให้น้ำ ปีระกา นาคราชให้น้ำ 4 ตัว ขอทำนายว่า ฝนต้นปีน้อย กลางปีงาม แต่ปลายปีมากแล ฯ

    ส่วนเกณฑ์ธัญญาหาร ชื่อ "วิบัติ" ข้าวกล้าในไร่นา จะเกิดกิมิชาติ คือ มีด้วงมีแมลงรบกวน ข้าวกล้า จะได้ผล 1 ส่วน เสีย 5 ส่วน

    บ้านเมืองจะเกิดยุทธสงคราม จะฆ่าฟันกัน จะนิราชจากกัน จะฉิบหายเป็นอันมากแล ฯ"


    ที่มา http://www.nationtv.tv/main/content/social/378540635/
     
  7. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,207
    ข้อปฏิบัติดังกล่าวนี้ เรามักจะได้ยินจากคำเตือนคำบอกกล่าวจากพระพุทธเจ้า พ่อแม่ครูบาอาจารย์ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบหลายๆองค์และเทวดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ว่าให้หมั่นรักษาศีล เจริญภาวนาปฏิบัติธรรมจะได้อยู่รอดในยุคกึ่งพุทธกาล

    เพื่อเป็นการระบุรายละเอียดลงไปว่าทำอย่างไร? จึงเป็นผลและเกิดเป็นรูปธรรมชัดเจนยิ่งขึ้น และสิ่งนี้ก็เป็นคำบอกกล่าวเตือนมาจากเบื้องบน ดินฟ้าอากาศผู้ให้สัจธรรมในยุคกึ่งพุทธกาลด้วย

    และขณะที่ตนเองกำลังตัดสินใจและพิมพ์ข้อความนี้ได้เกิดลมพัดอย่างแรงหนึ่งวูบและหยุดไป จึงมั่นใจดินฟ้าอากาศรับรู้.....

    ตนเองเคยได้รับคำบอกกล่าวในสมาธิว่า

    ...หากเราไม่ทิ้งท่าน ท่านจะไม่มีวันทิ้งเรา...

    ก็คือ การกระทำของเราทั้งหมด ดินฟ้าอากาศรับรู้และเป็นพยาน ฟ้ามีตา คุณงามความดีของเราจะเป็นผู้คอยช่วยเหลือและคอยปกปักรักษาเราเอง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย จะคอยช่วยเราอยู่เสมอหากเราไม่ทิ้งท่าน อันเป็นสัจธรรมความดี สัจธรรมความดีอันเป็นสัจจะความจริงก็จะไม่มีวันทิ้งเรา

    จึงตรงกับว่า "ธรรมย่อมรักษาผูัประพฤติธรรม"
    อันเป็นความจริงที่แน่แท้....


    ข้อปฏิบัติคือ.....

    1.ปฏิบัติสมาธิให้จิตนิ่ง เพื่อหยุดยั้งอารมณ์ และการนึกคิดที่ขาดสติของตนเองให้ได้

    2.ปฏิบัติสมาธิเพื่อการหยั่งรู้แจ้ง

    3.การรักษาศีลเพื่อเพาะบ่มจิตใจให้สงบงันเป็นสุขอยู่เสมอ

    4.การค้นพบปิติสุขในใจของตนเองให้มีขึ้นในจิตใจอยู่เสมอ

    5.การแผ่เมตตาให้ออกมาจากจิตสำนึกของตนเองอย่างแท้จริง

    6.ทำให้เกิดสติในการหยั่งรู้ในการกระทำที่ไม่ถูกต้องของตนเอง พร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงแก้ไขทัศนคติใหม่ให้ถูกตัองและดีงาม

    7.การนำความดีงามในจิตใจของตนเองออกมาสู่การกระทำต่อคนอื่นให้ได้

    8.ยินดีกับการทำความดีของตนเองต่อคนอื่น

    ที่มา จิตจักรวาล อ.ปริญญา
     
  8. มีบัญชีอยู่แล้ว

    มีบัญชีอยู่แล้ว สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2017
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +2
    ศิลาจารึกที่คณะทูตไปคัดลอกมาจากมหาวิหารเจตมหาเชตวันไม่มีหรอกครับ เป็นศิลาจารึกที่ไม่มีใครเคยเห็น รูปถ่ายสักใบก็ไม่เคยมี จารึกเป็นภาษาอะไรก็ไม่รู้ ในสมัยก่อนก็ไม่เคยมีใครพูดถึง อาจพูดได้ว่าเป็นศิลาจารึกที่มาพร้อมกับอินเตอร์เน็ต
     
  9. สุวิทย์ มหา

    สุวิทย์ มหา สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 เมษายน 2017
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +37
    ข้อเท็จจริงที่สุดคือ. สิ่งมีชีวิตในโลกนี้กำลังจะตาย ท่าน เเละผมกำลังจะตายกันครับ เเละหลีกเลี่ยงไม่ได้ด้วย ตายหมดทุกคน สัตว์โลกมีความเคลื่อนตลอดเวลา
     
  10. itsame

    itsame เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2014
    โพสต์:
    240
    ค่าพลัง:
    +287
    ถ้าเป็นปี 2011 นี่คลั่งกันไปแล้ว 555
     
  11. ทอนเงิน

    ทอนเงิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    549
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +707
    สงสัยจะไช่ครับอิอิ
     

แชร์หน้านี้

Loading...